ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,757 รายการ
ชื่อเรื่อง สพ.ส.86 ตำรายาแผนโบราณประเภทวัสดุ/มีเดีย สมุดไทยขาวISBN/ISSN -หมวดหมู่ เวชศาสตร์ลักษณะวัสดุ 62; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง เวชศาสตร์ ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก ประวัติ นายบุญส่ง อุ่มสุข มอบให้หอสมุดฯ
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ขอเผยแพร่ องค์ความรู้ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ เรื่อง "ตามรอยรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ เมืองศรีสัชนาลัย” ตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการครองราชย์ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระวิริยอุตสาหะ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกพื้นที่ที่ทุรกันดารและทุกพื้นที่ที่ห่างไกล ในอดีตเมืองศรีสัชนาลัยถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ห่างไกลและเดินทางยากลำบาก แต่ความยากลำบากเหล่านี้มิได้เป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรของพระองค์ ทั้งนี้จึงได้รวบรวมพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงเสด็จฯ เมืองศรีสัชนาลัย ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๕ เพื่อน้อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการในการอนุรักษ์ ส่งเสริม สืบทอด และพัฒนามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร เสด็จพระราชดำเนินครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๐๑ วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จประพาสภาคเหนือทรงเยี่ยมประชาชนจังหวัดต่างๆ รวมทั้งจังหวัดสุโขทัย เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังเมืองศรีสัชนาลัยในเวลาบ่ายและได้เสด็จพระราชดำเนินโดยพระบาท เสด็จเข้าทอดพระเนตรวัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง เสด็จพระราชดำเนินครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๐๙ วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ถึงเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. หลังประกอบพระราชพิธีแล้ว ได้เสด็จไปยังบ้านรับรองหน่วยศิลปากรที่ ๓ เมืองศรีสัชนาลัย ทอดพระเนตรรูปจำลองเมืองศรีสัชนาลัย และเสวยพระกระยาหารกลางวัน แล้วจึงได้เสด็จทอดพระเนตรโบราณสถาน วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดสวนแก้วอุทยานใหญ่ วัดนางพญา หลักเมือง พระราชวัง และวัดสวนแก้วอุทยานน้อย โดยมีนายมะลิ โคกสันเทียะ หัวหน้าหน่วยศิลปากรที่ ๓ กราบบังคมทูลถวายคำบรรยายสรุปการปรับปรุงขุดแต่งและบูรณะที่เมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งในครั้งนั้นได้มีพระราชกระแสรับสั่งกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรว่า “โบราณสถานเมืองศรีสัชนาลัยนี้ เมื่อได้บูรณะเสร็จแล้วให้จัดการดูแลรักษาไว้ให้เป็นอย่างดี อย่าให้กลับชำรุดทรุดโทรมลงอีก โดยเฉพาะบริเวณพระราชวังที่ได้ขุดพบรากฐานนั้น ควรจะได้ขุดดูให้ทั่วถึง เพราะอาจพบจารึกหรือหลักฐานอันจะเป็นประโยชน์แก่ประวัติศาสตร์” กระแสพระดำรัสนี้ได้เป็นการพระราชทานแนวทางการบริหารจัดการโบราณสถานและแนวทางการศึกษาทางวิชาการโบราณคดี ซึ่งกรมศิลปากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้น้อมนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานจวบจนประทั่งปัจจุบัน เสด็จพระราชดำเนินครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๑๕ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๑๐) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ทอดพระเนตรเมืองโบราณศรีสัชนาลัย ได้เสด็จทอดพระเนตรเขาพนมเพลิง เขาสุวรรณคีรี วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว (ทอดพระเนตรภาพเขียนในสถูป) วัดนางพญา (ทอดพระเนตรวิหารและลวดลายปูนปั้น) วัดสวนแก้วอุทยานน้อย และวัดเจดีย์เจ็ดยอด (วัดเจดีย์เก้ายอด) เอกสารอ้างอิงกรมศิลปากร. จดหมายเหตุการอนุรักษ์เมืองโบราณศรีสัชนาลัย. กรุงเทพฯ: กองโบราณคดี กรมศิลปากร, ๒๕๓๓.สมาคมนักโบราณคดี. ๑๑๑ ปี โบราณคดีสโมสร. กรุงเทพฯ: สมาคมนักโบราณคดี, ๒๕๖๑.สำนักงานจังหวัดสุโขทัย. สุโขทัยใต้ร่มพระบารมี. (ม.ป.ท., ๒๕๔๕.).
รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดงานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ ท้องสนามหลวง มีกิจกรรมประกอบด้วย พิธีบวงสรวงเทพยดา วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ ท้องสนามหลวง พิธีเปิดงานวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ มีการเดินริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติฯ ประกอบด้วย ริ้วขบวนต่าง ๆ ๒๖ ขบวน เส้นทางริ้วขบวนเริ่มจากสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลางไปยังท้องสนามหลวง และแสดงอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เฉลิมพระเกียรติ ชุด “รวมใจภักดิ์ ถวายพระพร”
ตลอดช่วง ๕ วันของการจัดงานมหรสพสมโภช เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกิจกรรม ได้แก่ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ทศมินทรราชา ๗๒ พรรษา มหาวชิราลงกรณ” เผยแพร่พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ การจัดแสดงสวนแสงเฉลิมพระเกียรติ “มหาทศมินทรราชา” การแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ เช่น การแสดงมหาดุริยางค์ไทยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ การแสดงโนราศิลปินแดนทักษิณเฉลิมพระเกียรติ การแสดงโขน "สมเด็จพระรามาครองเมือง" การแสดงพื้นบ้าน "เรืองรองสุขเกษมทั่วถิ่นไทย" การแสดง "มหานาฏกรรมรามายณะนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ" การแสดงดนตรี "มหาดุริยางค์ ๔ เหล่า" การแสดงดนตรี "สดับคีตศิลป์ทศชาติชาดก" การแสดงละครเพลง "เทิดไท้ทศมินทรราชา" การแสดงดนตรี" แผ่นดินธรรมแผ่นดินไทยใต้ร่มพระบารมี" โดย ๕ สถาบันการศึกษา ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรและมหาวิทยาลัยรังสิต การแสดงนาฏศิลป์โขนสดใต้ร่มพระบารมี เป็นต้น
ชื่อเรื่อง : The Working Monarchผู้แต่ง : Foreign News Divisionปีที่พิมพ์ : ๑๙๒๙สถานที่พิมพ์ : Bangkok สำนักพิมพ์ : The government public relations Departmentจำนวนหน้า : ๓๖ หน้าเนื้อหา : หนังสือ The Working Monarch เป็นหนังสือรวบรวมเกี่ยวกับพระบรมฉายาลักษณ์และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และพระบรมวงศานุวงศ์ ประกอบไปด้วยเนื้อหาดังนี้ บทนำ / พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและพระบรมวงศานุวงศ์ / โครงการในพระราชดำริ เช่น โครงการหลวง / พระบรมฉายาลักษณ์และพระราชกรณียกิจต่างๆ ในประเทศไทยเลขทะเบียนหนังสือหายาก : ๔๓๒เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : E-book_๒๕๖๗_๐๐๐๔หมายเหตุ : โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายนเรียบเรียง : นางสาวอัญชลี จินดามณี บรรณารักษ์ปฏิบัติการ
ข้อมูล : กรมศิลปากร
ภาพประกอบ : ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์, สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ชื่อเรื่อง : การเสียดินแดนของชนเชื้อชาติไทย
หัวเรื่อง : ห้อย อยู่เย็น 2438-2516
หนังสืออนุสรณ์งานศพ
ไทย -- เขตแดน
เกษตรกรรม
คำค้น : -
รายละเอียด : จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ นายห้อย อยู่เย็น ณ วัดประยูรวงศาวาส วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2517
ผู้แต่ง : พ.อ.ถวิล อยู่เย็น , ผู้รวบรวม
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมยุทธศึกษาทหารบก
ปีที่พิมพ์ : 2516
วันที่เผยแพร่ : 5 กุมภาพันธ์ 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสืออนุสรณ์งานศพ
ตัวบ่งชี้ : -
รายละเอียดเนื้อหา : หนังสือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชนชาติไทย และการเสียดินแดนของชนชาติไทย และเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรเป็นที่น่าวิตกในอนาคต รวบรวมโดย ถวิล อยู่เย็น
เลขทะเบียน : -
เลขหมู่ : 327.593
ถ471กห
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง พระมโหสถ เล่ม ๒
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ -
สำนักพิมพ์ -
ปีที่พิมพ์ -
จำนวนหน้า ๑๙๘ หน้า
ทะเบียนเอกสารโบราณ สข.บข.๐๐๕ (เล่ม ๒)
หมายเหตุ หนังสือสมุดไทยขาว อักษรไทย ภาษาไทย เส้นหมึก
เนื้อเรื่องกล่าวถึงพระราชาพระนามว่าวิเทหะ เสวยราชสมบัติในกรุงมิถิลามีบัณฑิต ๔นายคือเสนกะ ปุกกุสะ กามินทะ และเทวินทะต่อมาพระโพธิสัตว์ถือ กำเนิดขึ้นในบ้านปาจีนยวมัชฌคามเวลาเกิดมีแท่งยา แท่งหนึ่งวางอยู่ในมือด้วยต่อมาก็รักษาบิดาที่เป็นโรคปวดศีรษะให้หายได้ กาลต่อมาก็สามารถใช้ยารักษาคนทั่วไปให้หายจากโรคต่างๆและปรากฏกิตติศัพท์ในความเป็นผู้เฉลียวฉลาด
หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี ชวนผู้อ่านไปค้นพบหลากหลายเรื่องราวความรู้ที่น่าสนใจจากหนังสือกรมศิลปากร วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง “ศาลหลักเมืองจังหวัดจันทบุรี”
เมืองจันทบุรี มีอายุมากกว่าพันปี (ย้อนเฉพาะยุคประวัติศาสตร์) มีพัฒนาการย้ายถิ่นฐานถึง 5 สมัย จากการย้ายเมืองครั้งที่ 3 คือ สมัยบ้านลุ่ม (ครั้งที่ 1) ได้มีการสร้างศาลหลักเมืองจันทบุรีขึ้นเป็นครั้งแรกบริเวณหน้าค่ายตากสินในปัจจุบัน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 เกิดการพิพาทกับญวน และเพื่อรักษาความมั่นคงของเมือง จึงได้ย้ายเมืองไปที่ค่ายเนินวง ซึ่งเป็นชัยภูมิที่สูงมองเห็นทะเลรอบทิศ และได้สร้างศาลหลักเมืองขึ้นเป็นแห่งที่ 2 ซึ่งต่อมาเมื่อย้ายกลับมาเมืองบ้านลุ่ม (ครั้งที่ 2) ในสมัยรัชกาลที่ 5 ศาลหลักเมืองแห่งนี้ได้มีการนำรูปปั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาตั้งไว้ในศาลแห่งนี้ และเรียกชื่อศาลนี้ว่า “ศาลพระเจ้าตาก”
ศาลหลักเมืองแห่งที่ 3 คือ ศาลหลักเมืองขลุง ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อราว พ.ศ. 2449 - 2450 ได้ยกฐานะเป็นเมืองจัตวาขึ้นกับเมืองจันทบุรี ดังนั้นในอดีตเมืองจันทบุรีจึงมีศาลหลักเมืองด้วยกันถึง 3 ศาล ส่วนศาลหลักเมืองจันทบุรีในปัจจุบันนั้น ตั้งอยู่บริเวณศาลหลักเมืองแห่งแรกบริเวณหน้าค่ายตากสิน อำเภอเมือง โดยกรมศิลปากร มอบให้นายบุญเพ็ง
โสณโชติ เป็นผู้ออกแบบ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยจตุรมุข มีความงดงามตามแบบศิลปกรรมไทย ส่วนภายในศาลนั้นได้มีการผสมผสานศิลปกรรมของจีนด้วย ศาลหลักเมืองแห่งนี้ มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินเปิดศาลหลักเมืองนี้ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2527
ผู้อ่านที่สนใจเรื่องราวความเป็นมาของศาลหลักเมืองจันทบุรี สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ “สรรสาระศิลปากร เล่มที่ 2 ภาษา เอกสาร และหนังสือ” ณ ห้องศิลปากรและหนังสือหายาก หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
ข้อมูลอ้างอิง
สรรสาระศิลปากร พ.ศ. 2563 เล่ม 2 : ภาษา เอกสาร และหนังสือ. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2565.
ที่ระลึกศาลหลักเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชัยสยามพริ้นติ้ง กรุ๊ป (1993), 2536.
ที่ระลึกศาลหลักเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี. จันทบุรี: โรงพิมพ์ข่าวภาพ, 2527.
ภาพประกอบ
ภาพศาลหลักเมืองขลุง จากเพจเทศบาลเมืองขลุง https://www.khlungcity.go.th/public/list/data/detail/id/52/menu/1545/page/1
ภาพศาลหลักเมืองเก่าจันทบุรี จาก Campground Club
https://phadet.wixsite.com/mysite/single-post/2017/11/26/-e0-b8-a8-e0-b8-b2-e0-b8-a5-e0-b8-ab-e0-b8-a5-e0-b8-b1-e0-b8-81-e0-b9-80-e0-b8-a1-e0-b8-b