ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ

ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           27/5 ประเภทวัสดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                34 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 54.4 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


          ประติมากรรมนาค ๗ เศียร           สมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔           เดิมอยู่ที่วัดราชโอรสาราม เขตจอมทอง กรุงเทพฯ           ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ ทางเข้าหน้าอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร           ประติมากรรมนาค ๗ เศียร สลักจากศิลาแบ่งออกเป็นสองส่วนตั้งซ้อนกัน ท่อนบนสลักรูปนาค ๗ เศียร มองตรงมาข้างหน้า จมูกนาคยื่นออกมาเป็นสามเหลี่ยม เศียรนาคตรงกลางแสดงเคราใต้คาง พังพานนาครูปทรงคล้ายใบโพธิ์ ขอบพังพานสลักลายกระหนกซ้อนกันสองชั้น คอนาคด้านหน้าสลักรูปดอกไม้แปดกลีบประดับอยู่กึ่งกลาง ส่วนล่างสลักรูปดอกบัวบาน  หินท่อนล่างสลักหินเป็นลำตัวนาคที่มีเกล็ดรูปทรงโค้งมน บริเวณส่วนต้นของลำตัวที่ติดกับพังพานสลักลายเกลียวกระหนก*   ประติมากรรมนาค ๗ เศียร นี้มีสองชิ้นตั้งคู่กัน           ในหนังสือ “อธิบายว่าด้วยหอพระสมุดวชิรญาณ แล พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร” (พ.ศ. ๒๔๗๐) ระบุว่าเดิมประติมากรรมศิลานาค ๗ เศียร คู่นี้ ตั้งอยู่ด้านหน้าพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ดังข้อความว่า “...ที่เฉลียงหน้ามีศีร์ษะนาคราชคู่ ๑ ฝีมือช่างครั้งสมัยสุโขทัย ได้มาจากวัดราชโอรส สันนิษฐานว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงได้มาจากเมืองสุโขทัย แต่เมื่อยังทรงผนวชแล้วถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว...” แต่อย่างไรก็ดีจากวิธีการสลักและบากลายกระหนกรวมถึงวัสดุที่ใช้แกะสลักมีรูปแบบที่ต่างไปจากฝีมือช่างสมัยสุโขทัย จึงน่าจะสลักขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นั่นเอง           ประติมากรรมนาคนิยมใช้ประดับศาสนสถาน  โดยมีคติที่เกี่ยวข้องกับการเป็น “ทวารบาล” หรือผู้ปกปักรักษาศาสนสถาน หลายพื้นที่ในประเทศไทยมีตำนานว่านาคเป็นเจ้าของผู้ครอบครองดินแดนนั้นมาแต่เดิมก่อนการเข้ามาของพระพุทธศาสนา  ดังตัวอย่างในนิทานอุรังคธาตุ เนื้อหากล่าวถึงพระพุทธเจ้าประทับอยู่ภูกูเวียน ระหว่างนั้นมีบรรดานาคเข้ามาจะทำร้ายพระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าจึงแสดงปาฏิหาริย์ปราบนาค พร้อมทั้งแสดงธรรมจนนาคยอมอยู่ภายใต้พุทธศาสนา จากนั้นพระพุทธองค์ทรงประทับรอยพระพุทธบาทให้แก่เหล่านาคไว้สักการะบูชาแทนพระองค์ เช่น ประดิษฐานไว้บนแผ่นหินภูกูเวียนใกล้ปากถ้ำที่สุวรรณนาคอาศัยอยู่ และที่หนองบัวบานสำหรับพุทโธธปาปนาค เป็นต้น จากนั้นพระองค์ได้กำชับเหล่านาคไม่ให้ไปทำร้ายผู้ใดและตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์**            นอกจากนี้พุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทยังมีความเชื่อว่านาคเป็นบริวารของท้าววิรูฬปักษ์ โลกบาลผู้รักษาทิศตะวันตก ดังปรากฏคตินี้ใน สมบัติอมรินทร์คำกลอน ของเจ้าพระยาคลัง (หน) ความตอนหนึ่งกล่าวว่า   “นั่นองค์วิรุฬปักษ์เทเวศ อยู่ประเทศปราจิมทิศา เป็นปิ่นมงกุฎแห่งนาคา ทรงศักดาฤทธิราญรอน”             และในวรรณกรรมทางพุทธศาสนา เช่น ไตรภูมิโลกวินิจฉัย ฉบับที่แต่งขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ยังระบุด้วยว่า นาคเป็นสัตว์ที่อยู่รักษาด่านแรกของทางขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นต้น     *ลายเกลียวกระหนก หมายถึง ลายที่ผูกลายกระหนกเรียงกันคล้ายเชือกฟั่นเป็นเกลียว **ไตรสรณคมน์ หมายถึง การยึดถือพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกโดยการน้อมนำเอาพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มาเป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติ     อ้างอิง ราชบัณฑิตยสภา. อธิบายว่าด้วยหอพระสมุดวชิรญาณ แลพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร. พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๐. ศานติ ภักดีคำ. นาค. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๕๖. สุจิตต์ วงษ์เทศ. นาคมาจากไหน ?. พิมพ์ครั้งที่ ๔. กรุงเทพฯ: นาตาแฮก, ๒๕๖๕. สมชาย ณ นครพนม และคณะ. ทวารบาล ผู้รักษาศาสนสถาน. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๔๖. (หนังสือประกอบนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๔๖).  สำนักงานราชบัณฑิตสภา. พจนานุกรมศัพท์ลายไทย ฉบับราชบัณฑิตยสภา. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, ๒๕๖๑.


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           36/3ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              30 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 54 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 131/3เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 167/2เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


#องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านเรื่อง "พระสุพรรณบัฏ" สถาปนาเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เป็นพระเจ้าน่านการผลิตสื่อเพื่อสื่อความหมายทางวัฒนธรรมจัดทำโดย นายกชกร เรืองทับนิสิตฝึกสหกิจ คณะสังคมศาสตร์ สาขาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           20/5ประเภทวัดุ/มีเดีย                          คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                44 หน้า : กว้าง 5.2 ซม. ยาว 56.5 ซม.หัวเรื่อง                                       พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


องค์ความรู้ เรื่อง “ตาเถรกินแกงหอยจุ๊บแจง” นิทานชวนหัวที่ซ้อนอยู่ในบทละครเรื่องไกรทอง พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒ โดย นายพิรชัช สถิตยุทธการ นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ #องค์ความรู้ #สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ #กลุ่มภาษาและวรรณกรรม #กรมศิลปากร #วรรณคดี #วรรณกรรม #ไกรทอง #กลอน #บทละคร #ละครนอก #พระราชนิพนธ์ #รัชกาลที่๒ #พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย


ชื่อเรื่อง : วรรณคดีไทย เรื่อง พระอภัยมณี ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2505 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : ศึกษาภัรฑ์พาณิชย์ จำนวนหน้า : 1,328 หน้า สาระสังเขป : เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ เริ่มต้นด้วยประวัติสุนทรภู่ ตั้งแต่ก่อนรับราชการ ตอนรับราชการ ตอนออกบวช ตอนตกยาก ตอนสิ้นเคราะห์ ว่าด้วยหนังสือที่สุนทรภู่แต่ง ว่าด้วยเกียรติคุณของสุนทรภู่ บันทึกเรื่องผู้แต่ง นิราศพระแท่นดงรัง อธิบายว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ ทั้งหมด 64 ตอน มีนิทานเรื่องพระอภัยมณีต่อจากคำกลอน


ชื่อผู้แต่ง           วิเชียร  วงศ์วิเศษ ชื่อเรื่อง             ไทยพวน ครั้งที่พิมพ์         - สถานที่พิมพ์      - สำนักพิมพ์         - ปีที่พิมพ์            ๒๕๒๕ จำนวนหน้า       ๑๖๔ หน้า   หนังสือเล่มนี้ รวบรวมประวัติบรรพบุรุษและความเป็นมาของคนไทยเชื้อชาติพวน หรือเรียกอย่างง่ายว่า “ไทยพวน” คุณอาวิเชียรฯ ได้วิริยะอุตสาหะรวบรวมขึ้น ว่ากันว่าก่อนนี้ก็มีกลุ่มชนอาศัยอยู่ในประเทศของเรานี้ พยานเรื่องนี้ คือ จากวัตถุโบราณที่เราขุดพบที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดอุดรธานี และที่อื่น ๆ แสดงว่ามีชนกลุ่มหนึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ครั้นต่อมาเมื่อชนชาติไทยที่อาศัยอยู่ตอนใต้ของประเทศจีนได้อพยพลงมาและแยกเป็น 2 สาย คือ สายไทยน้อยลงมาตามลุ่มแม่น้ำโขง อีกสายหนึ่งเรียกว่าไทยใหญ่ ลงมาตามลุ่มแม่น้ำสาละวิน ถ้อยคำสำนวนไทยพวกนี้เป็นของผู้ไทยไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะคำผู้ไทยจะมีสัญลักษณ์ต่างกับภาษาไทยเผ่าอื่น ๆ คือในภาษาผู้ไทย สระอัวเปลี่ยนเป็นสระเออ เช่น เสือ เสื้อ เกลือ มะเขือ เป็น เสอ เซ้อ เก๋อ มะเขอ เป็นต้น


เลขทะเบียน : นพ.บ.452/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 58 หน้า ; 4 x 50 ซ.ม. : ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 159  (163-173) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : ลำชมพูบัตติ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


การเสวนาทางวิชาการ  เรื่อง วัฒนธรรมเสมาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 3 เมษายน 2566 วิทยากร 1.นายนภสินธุ์  บุญล้อม       นักโบราณคดีชำนาญการ      หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท สศก.ที่  8 ขอนแก่น 2.นายสมเดช  ลีลามโนธรรม      นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ      ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี สศก.ที่  9 อุบลราชธานี 3.นายกิตติพงษ์  สนเล็ก    นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ    ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี สศก.ที่  ๑๐ นครราชสีมา ผู้ดำเนินรายการ นายวรรณพงษ์  ปาละกวงษ์  นักโบราณคดีปฏิบัติการ สศก.ที่  ๑๐ นครราชสีมา ผู้สนใจสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=e_UZEcAbu60


         ภาพเขียนกระเบื้องดินเผาที่แสดงถึงอารยธรรมและวัฒนธรรมการค้าขายของทั้งสองชาติ การเชื่อมโยงสายสัมพันธ์กันเป็นเวลากว่า 600 ปีระหว่างไทยและญี่ปุ่น ภาพกระเบื้องชุดนี้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของแต่ละชาติในการทำเครื่องปั้นดินเผาในทุกกระบวนการ  ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ  การกรองดิน  การนวดดิน  การขึ้นรูปภาชนะ  การเขียนลาย  การเคลือบ  การบรรจุภาชนะเข้าเตา  และการเผา  ในรูปแบบการผลิตเครื่องปั้นดินเผาของทั้งสองชาติ  ลวดลายกระเบื้องที่ออกแบบได้รับการวาดอย่างประณีตบรรจงด้วยสี  ครามหลากหลายเฉดลงบนแผ่นกระเบื้องพอร์ชเลนสีขาว  และเคลือบใสเผาที่อุณหภูมิ 1,200 องศาเซลเซียส  กระเบื้องทั้ง 48 แผ่น  แต่ละแผ่นมีขนาด 28 x 28 เซนติเมตร  และมีความหนา 12 มิลลิเมตร         ที่มา: https://datasipmu.finearts.go.th/academic/82



         พระแก้วน้ำค้าง          ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔          สมบัติเดิมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร          ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้อง ธนบุรี-รัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร          พระพุทธรูปสลักจากแก้วหินผลึกใส พระเกศาทำจากทองคำครอบพระเศียรไว้ พระพักตร์รูปไข่ ครองจีวรห่มเฉียง ชายผ้าสังฆาฏิยาวจรดพระนาภี ประทับขัดสมาธิราบ แสดงปางมารวิชัย บนฐานทองคำลงยาราชาวดี          หินผลึกใส หรือที่เรียกกันว่า “แก้วน้ำค้าง” มีที่มาจากลักษณะของเนื้อหินที่มีความสะอาด ใสเหมือนแก้ว ไม่มีสิ่งเจือปนดุจน้ำค้างยามรุ่งอรุณ เป็นหินกึ่งมีค่า หรืออัญมณี* เชื่อกันว่าแก้วน้ำค้างจะนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข นำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ผู้ครอบครองและมีคุณวิเศษด้านปกป้องเภทภัยต่าง ๆ สำหรับหินชนิดนี้อยู่ในประเภทแก้วขาวน้ำบุษย์ ส่วนการลงยาราชวดีที่ส่วนฐานพระพุทธรูปนั้นคือการลงสี ประกอบไปด้วยสีแดง สีเขียว และสีฟ้า ซึ่งเป็นสารประกอบโลหะผสมกับน้ำยาเคลือบใสและน้ำ แล้วจึงอบด้วยความร้อนให้สีติดที่ผิวโลหะ เทคนิคการทำลงยาราชาวดีมีตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาและสืบเนื่องมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์          การนำหินมีค่ามาสร้างเป็นพระพุทธรูปนั้นสัมพันธ์กับคติความเชื่อเกี่ยวกับอานิสงค์ของการสร้างพระพุทธรูป ซึ่งจะแตกต่างไปตามวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้าง โดยเฉพาะในวัฒนธรรมล้านนาพบว่ามีการสร้างพระพุทธรูปด้วยหินผลึกใสหรือมีสีที่เป็นของหายาก บรรจุลงในกรุเจดีย์อยู่หลายองค์            ในสมัยรัตนโกสินทร์ “หินผลึก” ทั้งแบบใสและแบบมีสี ยังคงเป็นสิ่งของที่มีค่า นำมาใช้ในการสร้างพระพุทธรูปหลายองค์ อีกทั้งพระพุทธรูปองค์สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ คือ พระแก้วมรกต (แม้ว่าองค์พระพุทธรูปจะสร้างขึ้นด้วยแก้วหินสีเขียว) นอกจากนี้ชื่อเต็มของกรุงเทพฯ** ปรากฏคำว่า “ภพนพรัตน์” หมายถึง พื้นดินที่ฝังอัญมณี ทั้งเก้าเอาไว้ ความเชื่อเกี่ยวกับ “นพรัตน์” หรืออัญมณีทั้งเก้า ประกอบไปด้วย เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ ยังปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง “ลิลิตตำรานพรัตน” เป็นวรรณกรรมที่แต่งขึ้นในช่วงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โดย หลวงนรินทราภรณ์ กับหมื่นรักษา     *ไม่ใช่แก้วที่เกิดจากการหลอมทรายอย่างที่คนโบราณเรียกว่า “แก้วประสาน” **ชื่อเต็มของกรุงเทพฯ คือ กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์   อ้างอิง กรมศิลปากร. พระพุทธรูป ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน นพปฏิมารัตนมารวิชัย. กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์, ๒๕๖๒. นรินทราภรณ์, หลวง. ลิลิตตำรานพรัตน. พิมพ์ครั้งที่ ๔ พระนคร: กรมศิลปากร, ๒๕๑๒ (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางรักษ์ราชหิรัญ (ชิญ หังสสูต) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒) ยุทธนาวรากร แสงอร่าม. โลหศิลป์ ณ พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๖๐.  


black ribbon.