ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนธาตุผลิน )
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ ไทยการพิมพ์
ปีที่พิมพ์ 2514
จำนวนหน้า 90 หน้า
รายละเอียด หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพพระณิชยสารวิเทศ (ผาด มนธาตุผลิน ) เนื้อหาสาระประกอบด้วยประวัติผู้เสียชีวิต คำไว้อาลัย พิธีของทุกคนของ ม.ว หญิง พูนพิศมัย ดิศกุล ประกอบด้วยพิธีต่างๆ ดังนี้ทำขวัญ ๓ วัน ทำขวัญเดือน โกนจุก บวชเณร บวชพระและตาย งาน ๗-๕๐-๑๐๐ วัน รวมทั้งเผาศพ เรื่องคู่มือปฎิบัติพิธีต่างๆโดยกองวัฒนธรรม สนง.ปลัดกระทรวงศึกษาธิการและ ด.ศ.ร ( การเดินทางเพื่อการศึกษาระหว่างปิดภาคเรียนฤดูร้อน ) ๒๕๐๑ ชมภูมิประเทศ ประเทศไทยฝั่งมหาสมุทรอินเดียโดยพระพณิชยสารวิเทศ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (พระสังคิณี-พระมหาปัฏฐาน) (อท.บ. 1/1)
อท.บ. 1/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 46 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 55 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดศรีมหาโพธิ ต.โรงช้าง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
ชื่อเรื่อง สพ.ส.10 คำขอขมาและคำอธิษฐานเข้าพรรษาประเภทวัสดุ/มีเดีย สมุดไทยดำISBN/ISSN -หมวดหมู่ ธรรมคดีลักษณะวัสดุ 38; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง เวชศาสตร์ ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก ประวัติวัดลาวทอง ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ วันที่ 15 ส.ค.2538
สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร และ เครือข่ายพิพิธภัณฑ์ ขอเชิญชวนผู้ชอบเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์ เข้าร่วมกิจกรรมการประกวดภาพถ่ายเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย 2565 (Thai Museum Day 2022) กับกิจกรรม Museum Photo Contest ภายใต้แนวคิด The Power of Thai Museums "พลังพิพิธภัณฑ์ไทยที่มีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคม ผ่านมุมมองทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความยั่งยืน การสร้างสรรค์สื่อดิจิทัล และการสร้างชุมชนผ่านการศึกษา" ลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 50,000 บาท
กติกาการประกวด
- ต้องเป็นภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานพิพิธภัณฑ์ไทย
- สามารถใช้กล้องดิจิทัล กล้องฟิล์ม หรือสมาร์ทโฟน
- ศึกษากติกาการประกวดผ่านทาง Scan QR Code บนโปสเตอร์
*โปรดอ่านกติกาการประกวดภาพถ่ายอย่างละเอียด
รางวัลการประกวด
หัวข้อ 1. The Power of Achieving Sustainability : พลังพิพิธภัณฑ์ในการบรรลุความยั่งยืน
- ชนะเลิศ เงินรางวัล 10,000 บาท 1 รางวัล
- รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 5,000 บาท 1 รางวัล
- รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 3,000 บาท 1 รางวัล
หัวข้อ 2. The Power of Innovating on Digitalisation and Accessibility : พลังพิพิธภัณฑ์แห่งการสร้างสรรค์ด้านดิจิทัล
- ชนะเลิศ เงินรางวัล 10,000 บาท 1 รางวัล
- รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 5,000 บาท 1 รางวัล
- รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 3,000 บาท 1 รางวัล
หัวข้อ 3. The Power of Community Building Through Education : พลังพิพิธภัณฑ์ของการสร้างชุมชนผ่านการศึกษา
- ชนะเลิศ เงินรางวัล 10,000 บาท 1 รางวัล
- รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 5,000 บาท 1 รางวัล
- รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 3,000 บาท 1 รางวัล
กำหนดการกิจกรรม
- เปิดรับผลงานภาพถ่าย วันที่ 1 – 10 กันยายน 2565
- ส่งผลงานผ่านทางอีเมล nationalmuseumthailand@gmail.com
- หมดเขตส่งภาพถ่ายในวันที่ 10 กันยายน 2565 เวลา 18.00 น.‼️
- ประกาศและมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลต่างๆ ในงาน Museum Talk ในวันที่ 19 กันยายน 2565
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2164 2511 หรือทางเพจ Facebook : Thai Museum Day 2022
พิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี ขอนำเสนอชุดความรู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ วัตถุพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดี ผ่านชุดความรู้ #พิพิธ(สาระ)ภัณฑ์ โดยตอนแรกนำเสนอเรื่อง #พระบรมสารีริกธาตุเก่าที่สุดในวัฒนธรรมทวารวดี พระบรมสารีริกธาตุ คือ พระบรมอัฐิขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายหลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ นับเป็นปูชนียวัตถุแทนพระพุทธองค์ที่พุทธศาสนิกชนนับถือบูชาแต่แรกปรินิพพานสืบมาจนถึงปัจจุบัน ในมหาปรินิพพานสูตรกล่าวถึงพระบรมสารีริกธาตุว่า หลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว โทณพราหมณ์ได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๘ ส่วน เพื่อให้กษัตริย์และพราหมณ์อัญเชิญกลับไปยังดินแดนของตน ๘ เมือง ได้แก่ เมืองราชคฤห์ เมืองเวสาลี เมืองกบิลพัสดุ์ เมืองอัลปัปปะ เมืองรามคาม เมืองเวฏฐทีปกะ เมืองปาวา และเมืองกุสินารา กษัตริย์เมืองต่าง ๆ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานในสถูป นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการบูชาพระบรมสารีริกธาตุในเวลาต่อมา ในดินแดนไทยเมื่อมีการรับพุทธศาสนาจากชมพูทวีป วัฒนธรรมแรกที่รับพุทธศาสนาจึงเกิดขึ้นภายใต้ชื่อว่า “ทวารวดี” ที่มีช่วงอายุอยู่ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ -๑๖ จากการขุดค้นทางโบราณคดีพบว่ามีการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ใต้ฐานของเจดีย์หมายเลข ๑ เมืองโบราณคูบัว ซึ่งถือเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในวัฒนธรรมทวารวดี โดยการขุดค้นทางโบราณคดีพบการก่ออิฐเรียงเป็นหลุมบริเวณกลางเจดีย์ในระดับพื้นดิน ลักษณะตารางเว้นช่องว่างที่มุมทั้ง ๔ และช่องตรงกลาง คือ ตำแหน่งของการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอยู่ในผอบครอบ ๓ ชั้น ซึ่งลักษณะการก่ออิฐเป็นช่องตารางนี้คล้ายคลึงกับแผ่นหินที่สลักแผ่นหินหรือก่ออิฐเป็นช่อง ๕ ช่อง หรือ ๙ ช่อง และบรรจุสิ่งของมงคลต่าง ๆ ลงไป แบบเดียวกับประเพณีวางศิลาฤกษ์ของอินเดีย ลังกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผอบทั้ง ๓ ชั้นนั้น ชั้นแรกเป็นผอบสำริดฝาลายดอกบัว ชั้นที่ ๒ ผอบเงินฝาตกแต่งลายกลีบบัว ชั้นล่างสุดเป็นผอบทองคำเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๕ เซนติเมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๕ องค์ ลูกปัดแก้วสีน้ำเงินสมัยทวารวดี ชิ้นส่วนทองคำที่ยังไม่ได้แปรสภาพ และวัตถุสีแดงคล้ายก้อนดินบรรจุรวมอยู่ด้วย ช่องสำหรับบรรจุผอบถูกปิดด้วยแผ่นหิน สลักภาพพระพุทธรูปนูนต่ำขนาบข้างด้วยสถูปทรงหม้อปูรณฆฏะ (หม้อน้ำ) และธรรมจักรที่ตั้งอยู่บนเสา ซึ่งเป็นการปิดห้องกรุให้มิดชิดตามคัมภีร์ในพุทธศาสนา การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในสถูปเจดีย์นั้นเป็นแนวคิดมาจากสถานที่ฝังศพ โดยพระบรมสารีริกธาตุเปรียบเสมือนกระดูกของคนตาย ห้องกรุใต้สถูปเปรียบได้กับหลุมฝังศพ องค์เจดีย์ที่ก่อทับพระบรมสารีริกธาตุก็พัฒนามาจากเนินดินฝังศพพระบรมสารีริกธาตุที่ค้นพบจากเจดีย์หมายเลข ๑ ซึ่งได้รับการขุดค้น ขุดแต่งอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการโดยนักโบราณคดีนี้ ถือได้ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับการประดิษฐานในดินแดนประเทศไทยเป็นองค์แรกๆ++ปัจจุบันพระบรมสารีริธาตุที่เก่าแก่ที่สุดนี้ ประดิษฐานอยู่ที่ห้องวัฒนธรรมทวารวดี อาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี
เรียบเรียง นางสาวทิพย์สุดา อาจดี เจ้าพนักงานห้องสมุดปฏิบัติงาน
ช่วงฤดูหนาวในประเทศไทย ประชาชนจะนิยมท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือ บริเวณแถบที่สูงและภูเขา เช่น ชมทิวทัศน์บนดอยต่าง ๆ เดินป่า เที่ยวถ้ำ หรือสัมผัสทะเลหมอกท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ถือเป็นการพักผ่อน และเป็นการชาร์จแบตให้ร่างกายได้สัมผัสธรรมชาติอีกด้วย อุทยานก็นับเป็นจุดที่ประชาชนให้ความสนใจนิยมไปท่องเที่ยว ทั้งนี้ รายชื่ออุทยานที่รวบรวมนำมาเสนอเป็นเพียงการยกตัวอย่างอุทยานที่มีอากาศหนาวเย็นในภาคเหนือ และประชาชนนิยมไปท่องเที่ยวบางส่วนเท่านั้น
วัดโบสถ์การ้อง ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าช้าง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก มีแม่น้ำนครนายกไหลผ่านทางด้านทิศเหนือของวัด ข้อมูลจากหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรกล่าวว่าวัดตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๓ อาคารเสนาสนะภายในวัดได้แก่ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ และมณฑปเก่า
มณฑปเก่าวัดโบสถ์การ้องเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยม มณฑปหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีทางเข้าออก ๓ ทาง ยกเว้นด้านทิศใต้ โครงสร้างหลังคาเป็นไม้ ทรงจั่ว หลังคามุงด้วยสังกะสี ผนังด้านทิศเหนือของมณฑปเจาะช่องประตูประดับบานประตูไม้ กรอบประตูยังมีโครงสร้างไม้ให้เห็นอยู่ และมีแผ่นไม้เหนือกรอบประตูตกแต่งด้วยการฉลุไม้เป็นลายก้านขดในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผนังด้านทิศใต้เป็นผนังทึบ ส่วนผนังด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเจาะช่องประตูแต่ไม่มีบานประตู สันนิษฐานว่าคงเสื่อมสภาพและนำออกไปแล้ว ภายในมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิ และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพเรื่องวิถีชีวิตของผู้คนอยู่ที่ผนังด้านทิศใต้และทิศตะวันออก
-----------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง : ข้อมูลวัดในจังหวัดนครนายก จังหวัดสระบุรี และจังหวัดสิงห์บุรี ที่พบหลักฐานทางโบราณคดี โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ โดย สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา
------------------------------------------------
เรียบเรียงข้อมูลโดย : นางสาวอลิสา ขาวพลับ นักโบราณคดีปฏิบัติการ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา
------------------------------------------------
*เผยแพร่ข้อมูลทางเว็บไซต์ โดยกลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร
ชื่อผู้แต่ง พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ
ชื่อเรื่อง คู่มือวิปัสสนายานิกโยคี
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๒
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ มงคลการพิมพ์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๐
จำนวนหน้า ๕๓ หน้า
รายละเอียด
เป็นหนังสือคู่มือของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่อยากปฏิบัติธรรม เนื้อหาในหนังสือ บอกถึงความหมายของ คำว่า วิปัสสนา การเจริญวิปัสสนาคืออะไร กิจเบื้องต้นก่อนที่จะลงมือปฏิบัติธรรม ระยะเวลาในการปฏิบัติ การกำหนดเวลาสอบอารมณ์ เป็นต้น รายได้จากการจำหน่ายหนังสือ ผู้จัดทำ คือนายแพทย์เกิด ธนชาติและบุญปลูก ภริยา มีศรัทธาจะมอบให้แก่ สำนักอภิธรรมมหาวิทยาลัยสืบไป
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 145/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 177/3จเอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง งานวันเมตตา
ชื่อผู้แต่ง มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของศาลคดีเด็กและเยาวชน
พิมพ์ครั้งที่ -
สถานที่พิมพ์ ม.ป.พ
สำนักพิมพ์ ม.ป.ท
ปีที่พิมพ์ 2520
จำนวนหน้า 119 หน้า
รายละเอียด
เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับปัญหาการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนรวมถึงสาเหตุที่เด็กและเยาวชนกระทำผิด และรายนามคณะกรรมการ “งานวันเมตตา” เนื่องในวันสถาปนาครบรอบ 25 ปี และการจัดนิทรรศการของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง 28 – 29 - 30 มกราคม 2520