ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 40,643 รายการ



กิจกรรมนิทรรศการเคลื่อนที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ณ บริเวณ หนองศรีเจริญ ตำบลบ้านธาตุ อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี






ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0321/2549   ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักลายประแจจีนในกรอบลายสี่เหลี่ยม เน้นลวดลายด้วยสีเหลืองและสีขาว ไม่มีเอวขัน ส่วนเชิงขันทำเป็นกระบะทรงตรง เว้าเป็นกรอบโค้ง 2 ช่องในแต่ละด้าน แกะสลักลายเส้นโค้ง ทารักสีดำเป็นพื้น ขับลายด้วยสีเหลือง ตัวขันหมากแบ่งช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่อง ทาสีเหลืองแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้  เลขทะเบียน :: 43/0320/2549 ลักษณะ :: ทรงปากผายออก เอวคอด ตัวขันแกะสลักลายเรขาคณิตในกรอบลายฟันปลา ทารักสีดำและสีแดงทั้งด้านนอกและด้านใน เอวขันทำเป็นคิ้วไม้ขนาดเล็กทารักสีแดง ส่วนเชิงขันทำเป็นกระบะผายออกแกะสลักลายสามเหลี่ยม ลายสี่เหลี่ยมและลายกากบาท ล้อมรอบด้วยลายฟันปลา เน้นสีดำ สีแดง และสีขาว ส่วนตัวขันไม่มีการแบ่งช่องเล็ก แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0319/2549 ลักษณะ :: ทรงปากผายออก เอวคอด ตัวขันแกะสลักลายเรขาคณิตในกรอบลายฟันปลา เอวขันทำเป็นคิ้วไม้ขนาดเล็ก ส่วนเชิงขันทำเป็นกระบะผายออกแกะสลักลายสามเหลี่ยม ลายสี่เหลี่ยมและลายกากบาท ล้อมรอบด้วยลายฟันปลา ส่วนตัวขันไม่มีการแบ่งช่องเล็ก ทารักสีดำ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0659/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักลายประแจจีนและข้าวหลามตัด ล้อมรอบด้วยฟันปลา เชิงขันแกะสลักสามสี่เหลี่ยมกากบาท และลายบัวหงายล้อมรอบด้วยลายฟันปลา ด้านบนแบ่งช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ ทารักและทาสีแดง เหลือง ขาว แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก แหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0658/2548 ลักษณะ :: ตัวขันเขียนลายข้าวหลามตัดล้อมรอบ ด้วยสามเหลี่ยมฟันปลา เชิงขันแกะสลักลายดอกดาวกระจาย ลายสี่เหลี่ยมเรขาคณิต ลายกากบาท และลายกลีบบัว ด้านบนแบ่งช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ ช่องใหญ่ 1 ช่อง มีร่องรอยการทารักและทาสีเหลือง สีขาว ทั้งใบ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก แหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0657/2548 ลักษณะ :: แกะสลักเป็นลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เชิงขันแกะสลักเป็นลายดอกไม้ 4 กลีบ และลายฟันปลา ทารักทั้งใบ มีร่องรอยการเขียนสีแดงที่ร่องลาย ด้านบนที่ตัวขันแบ่งช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่อง แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก แหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0656/2548     ลักษณะ :: ตัวขันและเชิงขันเขียนลายสีแดงแล้วทารัก ทับด้านหนึ่ง ส่วนด้านอื่นๆ ไม่มีลวดลายแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0655/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักลายสี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยม ล้อมรอบด้วยลายดาว เชิงขันแกะสลักเป็นรูปนกยูงและต้นไม้ ทารักและทาสีขาวตรงร่องลายทั้งใบ ตัวขันแบ่งช่องสำหรับใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่1 ช่อง แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก แหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0654/2548    ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักลายข้าวหลามตัด เชิงขันแกะสลักลายกลีบบัว และฟันปลา ตัวขันแบ่งเป็นช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง ช่องเล็ก2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่อง มีร่องรอยการทารักและเขียนสีขาวทั้งใบแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0653/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักลายประแจจีน ล้อมรอบด้วยลายกลีบบัว เชิงขันแกะสลักเป็นลายเมฆ ทำช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง มีร่องรอยการทารักและทาสีแดงทั้งใบ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้ เลขทะเบียน :: 43/0652/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักเป็นลายประแจจีน ล้อมรอบด้วยลายฟันปลา เชิงขันทำปลายขาบานออกมา แกะสลักเป็นลายซุ้มประตูล้อมรอบด้วยลายฟันปลา ทารักทั้งใบตัวขันทำช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง 2 ช่องเล็ก และ 1 ช่องใหญ่ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก แหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0651/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักเป็นลายประแจจีน ล้อมรอบด้วยลายฟันปลา เชิงขันทำปลายขาบานออกมา แกะสลักเป็นลายซุ้มประตูล้อมรอบด้วยลายฟันปลา ทารักทั้งใบตัวขันทำช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง 2 ช่องเล็ก และ 1 ช่องใหญ่ มีงาช้างฝานเป็นแผ่นบางตอกอยู่บนสันของช่องใส่เครื่องเชี่ยน เพื่อเสริมความสวยงามและความแข็งแรงแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0649/2548   ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักเป็นลวดลายประแจจีนล้อมรอบด้วยลายฟันปลา เชิงขันแกะสลักลายบัวหงายล้อมรอบด้วยลายจักรทารักและทาสีขาวตามร่องลายทั้งใบ ตัวขันทำช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง 2 ช่องเล็กและ 1 ช่องใหญ่แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0648/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักเป็นลายประแจจีน ล้อมรอบด้วยลายบัวหงาย เชิงขันแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ และลายฟันปลาทารักและทาสีแดง,สีเหลืองที่ดอกไม้ ตัวขันทาสีเขียวสีแดง พร้อมทำช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่อง แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก แหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0647/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักเป็นลายประแจจีน เชิงขันทำเป็นขา 4 ขา แกะสลักเป็นลายฟันปลา ตัวขันทำเป็นช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่องแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร    ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0646/2548 ลักษณะ :: ตัวขันทำเป็นช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่องมีร่องรอยการทารักทั้งใบ แต่ไม่มีการแกะสลักลายแหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0645/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักเป็นลายสี่เหลี่ยมรองรับด้วยลายบัวหงายประตูสลับฟันปลา เชิงขันแกะสลักเป็นลายก้างปลา ทารักทั้งใบ ตัวขันทำช่อง 3 ช่อง เพื่อใส่เครื่องเชี่ยนหมากช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่อง แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0644/2548 ลักษณะ :: ตัวขันหมากแกะสลักเป็นลายประแจจีน ล้อมรอบด้วยลายฟันปลาที่เอวขันทำเป็นคิ้วนูนออกมาเชื่อมต่อกับเชิงที่ทำขา ออก 4 ขาแกะสลักเป็นลายข้าวหลามตัดต่อกัน มีร่องรอยการทารักและทาสีขาวทั้งใบ ตัวขันทำเป็นช่อง 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่องช่องใหญ่ 1 ช่อง แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0643/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักเป็นลวดลายประแจจีนล้อมรอบด้วยลายฟันปลา เชิงขันทำเป็นขา 4 ขา แกะสลักเป็นลายขูดขีด ตัวขันทำเป็นช่องใส่เครื่องเชี่ยน 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่อง มีร่องรอยการทารักและทาสีขาวทั้งใบที่เชิงขันตรงขาแกะสลักเป็นลายช่อดอกไม้ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษก แหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร   ชื่อวัตถุ :: ขันหมากไม้เลขทะเบียน :: 43/0642/2548 ลักษณะ :: ตัวขันแกะสลักเป็นลวดลายประแจจีนล้อมรอบด้วยลายฟันปลา เชิงขันทำเป็นขา 4 ขา แกะสลักเป็นลายขูดขีด ตัวขันทำเป็นช่องใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 3 ช่อง ช่องเล็ก 2 ช่อง ช่องใหญ่ 1 ช่อง มีร่องรอยการทารักและทาสีขาวทั้งใบที่เชิงขันตรงขาแกะสลักเป็นลายช่อดอกไม้ แหล่งที่มาข้อมูล :: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนภิเษกแหล่งที่มาวัตถุ :: แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร



รายงานบัญชีงบทดลองและเอกสารประกอบงบทดลอง สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา (เดือนมกราคม ๒๕๖๒)


          การเสด็จฯ เมืองเพชรบุรีของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ในเดือนอ้าย พุทธศักราช ๒๔๐๑ พระองค์ได้ทอดพระเนตรภูมิสถานของเมืองเพชรบุรีโดยตลอด จึงได้มีพระราชดำริที่จะสร้างพระราชวังขึ้น สำหรับประทับแรมในเวลาเสด็จฯ เมืองเพชรบุรีบนเขาสมณ            หลังจากโปรดเกล้าฯ ให้พระพรหมบริรักษ์ออกมาสำรวจพื้นที่กับเจ้าเมืองเพชรบุรีแล้ว ในพุทธศักราช ๒๔๐๑ จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีก่อพระฤกษ์ก่อสร้างพระที่นั่งของพระราชวังใหม่ซึ่งสร้างขึ้นบนเขาสมณ ได้พระราชทานนามพระที่นั่งองค์นั้นว่า พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ ในหมายรับสั่งครั้งรัชกาลที่ ๔ ได้ระบุวันเวลาในการก่อฤกษ์พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ไว้ว่า ครั้ง ณ วันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ปี เอกศก จุลศักราช ๑๒๒๑ เป็นปีที่ ๘ แห่งรัชกาล (ตรงกับวันที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๐๒)           การก่อสร้างพระราชวังแห่งใหม่ที่เมืองเพชรบุรีในครานั้น ในพระราชพงศาวดาร ปรากฏนามบุคคลสำคัญ ๒ ท่าน ผู้มีส่วนในการก่อสร้าง ท่านแรกคือ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหม ดูแลหัวเมืองฝ่ายใต้ เป็นแม่กองในการก่อสร้าง พระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ (ท้วม บุนนาค) ปลัดเมืองเพชรบุรี บุคคลทั้งสองนี้ ในเวลาต่อมาจะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์สูงขึ้น กล่าวคือ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ในสมัยต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ก่อนจะได้รับบรรดาศักดิ์สูงสุดเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และพระเพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ (ท้วม บุนนาค) ต่อมาได้รับราชการในพระนคร และได้เป็นเสนาบดีว่าการต่างประเทศ บรรดาศักด์สุดท้ายคือ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี   ภาพถ่ายเก่าพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท ข้อมูล/ภาพ : นายณัฐพล ชัยมั่น ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี


ห้องที่ 11 : ประวัติศาสตร์โบราณคดีภาคใต้ตอนล่าง จัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุตามสาระสำคัญ คือ ชุมชนเกิดขึ้นหลายแห่งบริเวณลุ่มน้ำปัตตานี หนึ่งในนั้น คือ เมืองโบราณที่อำเภอยะรัง หรือเมืองลังกาสุกะ โดยมีความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ฮินดู และพุทธศาสนา ซึ่งสะท้อนอยู่ในหลักฐานทางสถาปัตยกรรมและประติมากรรม เช่น ศิวลึงค์ เศียรของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และพระพิมพ์ดินเผา





          นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร ตรวจความคืบหน้าในการเตรียมการจัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๓ เรื่อง "ศิลปวิทยาการจากสาส์นสมเด็จ" ณ พระที่นั่ง ศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร           พุทธศักราช ๒๕๐๕ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องพระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย คือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก นับเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับเกียรติ ปีถัดมานายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นคนไทยคนที่สองที่ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกประจำปี ๒๕๐๖ นักปราชญ์ทั้งสองพระองค์ ทรงมีคุณูปการในการวางรากฐานการศึกษา อนุรักษ์ และสืบทอดมรดกศิลปวัฒนธรรม ในยุคแรกเริ่มของการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปกรรมของสยามหรือประเทศไทย ครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา          ในช่วงบั้นปลายพระชนม์ชีพ ทั้งสองพระองค์ได้มีจดหมายแลกเปลี่ยนพระดำรัส ตอบข้อวินิจฉัยในสรรพวิทยาระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยจดหมายซึ่งเขียนด้วยลายพระหัตถ์นี้ ประกอบด้วย พระวิจารณ์และถ้อยอรรถาธิบายในเรื่องต่างๆ เป็นหลักฐานหนักแน่น เป็นเสมือนคัมภีร์บันทึกองค์ความรู้ในศาสตร์และศิลป์หลายแขนงสำหรับผู้ศึกษาด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปกรรมในประเทศไทย พุทธศักราช ๒๕๐๐ เป็นต้นมา จึงมีการรวบรวมจดหมายโต้ตอบดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสารศิลปากร และเรียบเรียง จัดพิมพ์เป็นหนังสือ “สาสน์สมเด็จ” ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และด้วยสาระความรู้ในหนังสือ ครอบคลุมเนื้อหางานอันเป็นภารกิจของกรมศิลปากรทุกแขนง กรมศิลปากรจึงพิจารณาเลือกสาระความรู้จากพระวินิจฉัยทั้งสองพระองค์ในหนังสือสาสน์สมเด็จ มานำเสนอประกอบโบราณวัตถุที่พบร่วมสมัย ผนวกเข้ากับผลการทำงานสาขาต่างๆ ของ กรมศิลปากร ที่ได้สืบทอดองค์ความรู้ ศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อมาจนได้พบหลักฐาน ขยายความองค์ความรู้จากพระวินิจฉัยให้กว้างขวางและชัดเจนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน นำเสนอเป็นนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี ๒๕๖๓ ภายใต้หัวข้อ “ศิลปวิทยาการจากสาสน์สมเด็จ” ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร           นิทรรศการพิเศษศิลปวิทยาการจากสาสน์สมเด็จนี้ ประกอบด้วยโบราณวัตถุจัดแสดงจำนวน กว่า ๓๐๐ รายการ และสื่อมัลติมีเดีย ภายใต้หัวเรื่องย่อยที่ลำดับเรื่องจากปฐมบทสองสมเด็จ ไปสู่สรรพวิทยา ความรู้แขนงต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับภารกิจของกรมศิลปากร ได้แก่ พิพิธภัณฑวิทยา นาฏศิลป์ดนตรี ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษา หนังสือ และศิลปกรรม ในพื้นที่ ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ของพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมหลังจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดนิทรรศการแล้ว


Messenger