ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
ชื่อเรื่อง พลสังขยา (พลสังขยา) สพ.บ. 464/1ก หมวดหมู่ พุทธศาสนา ภาษา บาลี-ไทยอีสาน หัวเรื่อง พุทธศาสนา ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลาน ลักษณะวัสดุ 40 หน้า : กว้าง 4.6 ซม. ยาว 56.5 ซม. บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับชาดทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดด่านช้าง ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
“วันสุนทรภู่ 26 มิถุนายน”
วันสุนทรภู่ หมายถึง วันคล้ายวันเกิดของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระราชวัง ซึ่งมีผลงานด้านบทกลอนที่มีคุณค่าแก่แผ่นดินเป็นจำนวนมาก
สุนทรภู่ เกิดวันจันทร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2329 ณ บริเวณด้านเหนือของพระราช วังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาเป็นชาวบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ส่วนมารดาไม่ทราบแน่ชัดว่า เป็นคนจังหวัดใด สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง เมื่อท่านเกิดได้ไม่ถึงหนึ่งขวบ บิดามารดาได้หย่าร้างกัน บิดากลับไปบวชที่วัดป่า อำเภอแกลง ส่วนมารดาได้ถวายตัวเป็นแม่นมของพระธิดาในกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข
สุนทรภู่อยู่กับมารดา เข้าเรียนที่สำนักวัดชีปะขาวหรือวัดศรีสุดาราม มีความรู้จนได้เป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ด้วยความไม่ชอบงานเสมียน ทำได้ไม่นานก็ลาออก สุนทรภู่อยู่ในวังกับมารดา จนอายุได้ 20 ปี ได้ลอบรักใคร่กับสาวชาววัง ชื่อ จัน จนถูกลงโทษจองจำและถูกโบย เมื่อพ้นโทษ ได้กลับไปหาบิดาที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง และแต่งงานกับจัน แต่อยู่กันไม่นานก็เกิดระหองระแหง คงเป็นเพราะสุนทรภู่เมาสุราอยู่เป็นนิตย์ จึงได้เลิกหย่าร้างกัน
ในสมัยรัชกาลที่ 2 สุนทรภู่ ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนได้รับแต่งตั้งเป็นขุนสุนทรโวหาร เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด ในสมัยรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่ถูกกล่าวหา ด้วยเรื่องเสพสุรา และเรื่องอื่นๆ จึงถูกถอดออกจากตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร
ต่อมาสุนทรภู่ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) และเดินทางไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ บวชใหม่ถึง 2 ครั้ง แล้วลาสิกขาบทถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ) ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สุนทรภู่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระบวรราชวัง ในปี พ.ศ. 2394 รับราชการอยู่ 4 ปีก็ถึงแก่กรรม ในปี พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 69 ปี
ผลงานของสุนทรภู่มีนิราศ 9 เรื่อง นิทาน 5 เรื่อง สุภาษิต 3 เรื่อง บทละคร 1 เรื่อง บทเสภา 2 เรื่อง และบทเห่กล่อม 4 เรื่อง
ในปี พ.ศ. 2529 ในโอกาสครบรอบ 200 ปี สุนทรภู่ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นกวีเอกของโลก เพื่อรำลึกถึงสุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้วันที่ 26 มิถุนายน เป็นวันที่รำลึกถึงสุนทรภู่ มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ไว้ที่ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปี 2567 “150 ปี พิพิธภัณฑ์ไทย สยามซิวิไลซ์ A Passage to Wisdom” และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “มองอนาคตของพิพิธภัณฑ์ในทศวรรษหน้า” ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จัดกิจกรรมเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปี 2567 ในวาระครบรอบ 150 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง มิวเซียม ณ หอคองคอเดีย และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2417 “พิพิธภัณฑ์ไทย” จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติ ที่สะท้อนภาพชาวสยามในการศึกษาหาความรู้ในกิจการต่าง ๆ และร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองสู่ความ “ซิวิไลซ์” ทัดเทียมนานาอารยประเทศ จึงเป็นโอกาสพิเศษที่คนพิพิธภัณฑ์ และผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ จะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์สร้างสรรค์จากพิพิธภัณฑ์ผ่านมุมมองที่หลากหลาย เพื่อให้พิพิธภัณฑ์เป็นสถาบันแห่งองค์ความรู้สำหรับประชาชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืน
กิจกรรม “150 ปี พิพิธภัณฑ์ไทย สยามซิวิไลซ์ A Passage to Wisdom” กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 21 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ไปจนถึง 20.00 น. ประกอบด้วย
1. การเสวนาและการบรรยายจากผู้บริหารองค์กรด้านพิพิธภัณฑ์ของไทย รวมถึงผู้ปฏิบัติงานพิพิธภัณฑ์ที่จะมาร่วมกันบอกเล่าเรื่องราวความรู้ต่าง ๆ สู่สาธารณชน อาทิ การเสวนาเรื่อง “150 ปี พิพิธภัณฑ์ไทย สยามซิวิไลซ์: A Passage to Wisdom” การบรรยายเรื่อง “พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช” การบรรยายเรื่อง “20 ปี พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย” สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครหรือรับชมผ่าน LIVE ทาง Facebook และ Youtube : Office of National Museums, Thailand
2. การจัดแสดงนิทรรศการพิเศษกับวัตถุสะสมชิ้นพิเศษจากพิพิธภัณฑ์เครือข่าย 24 แห่ง อาทิ พิพิธภัณฑ์กรมที่ดิน พิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน พิพิธบางลำพู กรมธนารักษ์ พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด
3. การออกร้านกิจกรรมพิเศษและการจำหน่ายของที่ระลึกจากพิพิธภัณฑ์เครือข่ายอีก 20 แห่ง
อาทิ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย
4. ตลาดสินค้าสร้างสรรค์ประเภทอาร์ตทอย
นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 18 - 22 กันยายน 2567 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยังจัดให้มีกิจกรรม Museum Talk ยามค่ำ และเที่ยวพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ Night Museum พร้อมทั้งนำชมพิพิธภัณฑ์ในหัวข้อ "เปิดกรุพิศวง : ปริศนาที่มาโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ Cabinets of Curiosities" ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ ณ จุดลงทะเบียนศาลาลงสรง ตั้งแต่เวลา 17.00 น. (ไม่รับลงทะเบียนล่วงหน้า)
ติดตามรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทาง Facebook : Thai Museum Day https://www.facebook.com/thaimuseumday และ Facebook : Education.National Museum Bangkok เที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร https://www.facebook.com/eduNMB
วัดตะพงใน
วัดตะพงใน ตั้งอยู่ที่ตําบลตะพง อําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ตามประวัติกล่าวว่าวัดนี้ตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. ๒๓๐๐ มีเรื่องเล่าว่าขณะเตรียมดินสร้างอุโบสถ มีรอยเท้าช้างปรากฏอยู่ จึงได้ขนานนามวัดว่า “วัดสุวรรณอินทร์คชรินทร์ธาราม” ต่อมา จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น“วัดตะพงใน” จากรูปแบบศิลปกรรมสถาปัตยกรรมและหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานว่าอุโบสถสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ช่วงรัชกาลที่ ๓
หน้า-หลัง เรียงกัน ๒ ตับ มุงด้วยกระเบื้องดินเผา ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับเครื่องถ้วย ฐานอุโบสถเป็นฐานบัวลูกแก้วอกไก่รองรับตัวอาคาร ด้านหน้ามีชายคาพาไล ทำช่องทางเข้าออก ๒ ข้าง ตัวอาคารมีประตูทางเข้าออกด้านหน้า ๑ ประตู หน้าต่างด้านละ ๓ ช่อง เหนือประตูหน้าต่างประดับเครื่องถ้วย บานประตู-หน้าต่างมีร่องรอยการแกะสลักลายดอกไม้ลงรักถมสี เจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอุโบสถ เป็นเจดีย์ทรงระฆังก่ออิฐฉาบปูนตั้งอยู่บนฐานเขียง กรมศิลปากรได้ดําเนินการบูรณะโบราณสถานอุโบสถหลังเก่าเมื่อพ.ศ. ๒๕๕๘
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๘ ตอนพิเศษ ๑๒๔ง ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๔ มีพื้นที่โบราณสถาน ๓ ไร่ ๒๔ ตารางวา
Wat Taphong Nai
Wat Taphong Nai is a temple located in Taphong Subdistrict, Mueang District, Rayong Province. The temple was established in 1757, according to the history. There was also a story that an elephant's footprint was discovered while the ground was being prepared for the construction of the temple's ordination hall. The temple was therefore known as Wat Suwanin Khotcharintharam, although it was eventually renamed Wat Taphong Nai.
The significant ancient monuments in the temple are the old ordination hall and the Chedi. The ordination hall was built in brick and faces eastward. The hall is covered with three layers of double-gabled roof, with clay tiles. The roof is ornamented with a gable apex, rows of decorative ridges, and decorative gable end protrusions, while the tympanum is decorated by pottery. The front of the hall is a veranda with two entrances. At the front of the hall there is only one entrance. Each of the hall's side walls has three windows. The areas above the windows and the entrances are decorated with pottery. On the door panels are traces of lacquered and painted carving in a flower pattern. The Chedi is southeast of the ordination hall; it is on a square base, built in brick, painted in gold, and resembles a bell in shape.
According to the art and architecture style of the old ordination hall, as well as archaeological evidences excavated in 2015, the hall is assumed to be built in the 19th century, approximately during the reign of Rama III in the early Rattanakosin period. In 2015, the Fine Arts Department has restored the old ordination hall of Wat Taphong Nai.
The Fine Arts Department announced the registration of Wat Taphong Nai as an ancient monument in the Royal Gazette, Volume 118, Special Part 124, dated 17th December 2001. The total area of the monument is 4,896 square meters.
ชื่อเรื่อง : ระบอบการเทศบาลในประเทศฝรั่งเศสแลอังกฤษกับคำอธิบายพระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. 2476
หัวเรื่อง : เทศบาล -- ฝรั่งเศส
เทศบาล -- อังกฤษ
ฝรั่งเศส -- การเมืองและการปกครอง
อังกฤษ -- การเมืองและการปกครอง
การเมืองและการปกครอง -- ไทย
คำค้น : พระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล
เทศบาล
รายละเอียด : -
ผู้แต่ง : ประพันธ์ไพรัชชพากย์, หลวง
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์นิติสาส์น
ปีที่พิมพ์ : 2477
วันที่เผยแพร่ : 30 มกราคม 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก
ตัวบ่งชี้ : -
รายละเอียดเนื้อหา : หนังสือว่าด้วยเรื่องระบอบการเทศบาลในประเทศฝรั่งเศส ระบอบการเทศบาลในประเทศอังกฤษ และคำอธิบายพระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. 2476 ของไทย
เลขทะเบียน : น. 31 บ. 11975
เลขหมู่ : 352.04
ป322ร
ชื่อผู้แต่ง ศิลปากร, กรม..
ชื่อหนังสือ ประวัติผู้ทรงคุณวุฒิทางศิลปะ เล่ม๓
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ ป สัมพันธ์พาณิชย์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๓๒
จำนวนหน้า ๑๓๘ หน้า : ภาพประกอบ,
ISBN ๙๗๔ – ๗๙๓๖ – ๘๔ - ๔
เลขเรียกหนังสือ ๙๒๗. ศ ๕๒๘ ป
เลขทะเบียนหนังสือ ๐๖๐๙๒๔
หมายเหตุ -
ในอดีตที่ผ่านมาบรรพชนไทยได้สร้างสรรค์ผลงานทางด้านศิลปวิทยาอันทรงคุณค่าแขนงต่างๆ ไว้ให้กับสังคมเป็นจำนวนมากสมควรที่ได้รับการบันทึกเป็นเกียรติคุณ หนังสือเล่มนี้ก็เหมือนกันเป็นประวัติผู้ทรงคุณวุฒิทางศิลปะ เล่ม ๓ เพื่อเผยแพร่เกียรติประวัติทางศิลปะให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้น
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมโครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๘ “เหมันต์สุขสันต์ หฤหรรษ์สังคีต” วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๗.๓๐ น. ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร รายการแสดงวันปิดฯ มีดังนี้ ๑. การบรรเลง-ขับร้องดนตรีสากล ๒. ฟ้อนลาวคำหอม ออกฟ้อนแพน เป็นการแสดงที่มีความสวยงามน่าชมชุดหนึ่ง โดยในครั้งนี้จัดแสดงตามบทประพันธ์ของจ่าเผ่นผยองยิ่ง (โคม) และต่อด้วยฟ้อนแพน อันเป็นศิลปะการฟ้อนแบบไทยพื้นเมืองภาคเหนือ ผู้แสดงฟ้อนรำตามท่วงทำนองเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีจะเข้ในเพลงลาวแพน ๓. ละคร เรื่องพระลอ ตอนตามไก่ เป็นการแสดงตอนหนึ่งในละครเรื่องพระลอ บทพระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กล่าวถึง ปู่เจ้าสมิงพรายได้ใช้ผีลงสิงไก่แก้ว เพื่อให้ไปล่อพระลอ กษัตริย์แห่งเมืองแมนสรวงให้เดินทางไปพบพระเพื่อนพระแพง สองพระธิดาผู้เลอโฉมของเมืองสรอง โดยการแสดงชุดนี้ แสดงให้เห็นลีลาการเยื้องย่างกรีดกราย หลบ หนีไล่ ของไก่แก้วกับพระลอด้วยท่วงทีงดงามตามแบบฉบับของนาฏศิลป์ไทย ๔. ละคร เรื่องสุวรรณหงส์ ตอนกุมภณฑ์ถวายม้า บทพระนิพนธ์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โดยกรมศิลปากรนำมาปรับปรุงเป็นละครนอกแบบหลวง การแสดงตอนนี้มีเนื้อหาที่สนุกสนาน ท่ารำมีความอ่อนช้อยงดงามได้อรรถรสของการชมละครอย่างครบถ้วน
นำแสดงโดยศิลปินสำนักการสังคีต, กำกับการแสดงโดย ปกรณ์ พรพิสุทธิ์, อำนวยการแสดงโดย ศิริพงษ์ ทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต บัตรราคา ๒๐ บาท (จำหน่ายบัตรก่อนการแสดง ๑ ชั่วโมง) ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ โทร. ๐ ๒๒๒๑ ๖๕๓๓
สุดาวรรณ” เผยบอร์ดอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ไฟเขียว เสนอ “พระปรางค์ วัดอรุณฯ” สู่บัญชีชั่วคราว เตรียมดันขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ส่งต่อบอร์ดมรดกโลกไทย - ครม. เห็นชอบ ระบุเอกสารฉบับสมบูรณ์ “วัดพระมหาธาตุฯ” ส่งถึงศูนย์มรดกโลกเรียบร้อย
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้ทรงคุณวุฒิและอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ศูนย์ประชุม ชั้น 8 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม และผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 1/2568 ที่ประชุมได้พิจารณาในวาระต่างๆ ดังนี้ การนำเสนอพระปรางค์ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อขอบรรจุเข้าสู่บัญชีชั่วคราว (Tentative List) ในชื่อ "พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin)" ซึ่งเป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนาประเภทพระปรางค์ที่มีความโดดเด่นที่สุด เป็นอัตลักษณ์หนึ่งเดียวของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย คุณสมบัติที่เลือกนำเสนอตรงตามเกณฑ์มรดกโลกข้อที่ 1 และข้อที่ 2 คือ เป็นผลงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชิ้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระปรางค์ในศิลปะอยุธยา และพัฒนามาเป็นลักษณะเฉพาะของพระปรางค์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในสมัยรัตนโกสินทร์
“ขั้นตอนการนำเสนอแหล่งมรดกเพื่อขอบรรจุรายชื่อในบัญชีชั่วคราว หลังจากนี้ต้องเสนอให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบก่อนนำเสนอเอกสารไปยังศูนย์มรดกโลกเพื่อให้รับรองบรรจุรายชื่อในบัญชีเบื้องต้น ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ช่วงเดือนมิถุนายน 2568 นี้” รมว.วธ. กล่าว
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้พิจารณากำหนดกรอบเวลาการนำส่งเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฉบับสมบูรณ์ (Nomination Dossier) ของแหล่งมรดกวัฒนธรรมในบัญชีชั่วคราว เนื่องจากการส่งเอกสารฯ (Nomination Dossier) รอบวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 จะเป็นปีสุดท้าย ก่อนปรับเปลี่ยนเป็นระบบใหม่ที่ต้องมีการประเมินขั้นต้น (Preliminary Assessment) ประกอบกับข้อกำหนดที่ให้รัฐภาคีสามารถนำเสนอแหล่งเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกได้เพียงปีละ 1 แหล่ง และจำกัดจำนวนแหล่งที่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเพื่อพิจารณาการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกปีละไม่เกิน 33 แหล่ง คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางวัฒนธรรม จึงพิจารณากำหนดกรอบเวลาในการนำส่งเอกสารฯ ของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่จะเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาภายในประเทศอย่างเป็นธรรม ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งมรดกวัฒนธรรมในบัญชีชั่วคราว 4 แหล่ง ได้แก่ 1. กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด 2. อนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา 3. พระธาตุพนม กลุ่มสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ที่เกี่ยวข้อง และ 4. สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา
รมว.วธ. กล่าวว่า นอกจากนี้ ฝ่ายเลขาฯ ได้รายงานต่อที่ประชุมให้รับทราบ 2 เรื่อง ดังนี้ 1. การส่งเอกสารขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกฉบับสมบูรณ์ของแหล่งวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปยังศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส รอบวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าปัจจุบันศูนย์มรดกโลกได้ส่งสำเนาเอกสารฯ ดังกล่าวไปยัง สภาการโบราณสถานสากล (ICOMOS) องค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งเป็นขั้นตอนกระบวนการตรวจประเมินแหล่งที่ขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยศูนย์มรดกโลกแจ้งให้ประเทศไทยเตรียมความพร้อมสำหรับลงพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจประเมินศักยภาพและการบริหารจัดการแหล่งและอาจมีการขอข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2569
2. ภารกิจการลงพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแนะนำกรณีการประเมินผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาจากโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงสถานีอยุธยา เมื่อเดือนมกราคม 2568 โดยได้ประชุมรับฟังข้อมูลร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งข้อแนะนำเบื้องต้นของผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ปรับปรุงรูปแบบโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ปรับลดขนาดและความสูงสถานีรถไฟความเร็วสูงและสันรางลง พร้อมทั้งเลื่อนตำแหน่งที่ตั้งอาคารสถานีรถไฟความเร็วสูงให้มีระยะห่างจากสถานีรถไฟอยุธยาที่เป็นโบราณสถานมากขึ้น นอกจากนี้ผลักดันแผนปฏิบัติการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่ถูกจัดเป็นแผนระดับ 3 ให้เป็นที่รับรู้ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน ซึ่งกรมศิลปากร จะประสานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อนำเสนอต่อ ครม. และกรมศิลปากรยังได้ประชุมหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อปรับปรุงผังเมืองรวมพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะพื้นที่ด้านทิศตะวันออกของเกาะเมืองหรืออโยธยา ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงสถานีอยุธยาให้เป็นพื้นที่การอนุรักษ์โบราณสถานและปกป้องรักษาคุณค่าโดดเด่นระดับสากล (OUV) แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ. 103/4ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 46 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 57.4 ซม.หัวเรื่อง พระไตรปิฎก พระอภิธรรมบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ธรรมอีสาน ฉบับล่องชาด มีไม้ประกับ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน)อย.บ. 141/4ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 22 หน้า กว้าง 4.7 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง พระอภิธรรมปิฎก พระปุคคลบัญญัติบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา