ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ
ชื่อผู้แต่ง โลกนิติ
ชื่อเรื่อง โคลงโลกนิติ
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เกษมสุวรรณ
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๒
จำนวนหน้า ก-ฉ , ๘๘ หน้า , ภาพประกอบ
ISBN -
เลขเรียกหนังสือ ๙๒๐.๗๒ อ ๒๓๑ อจ
เลขทะเบียนหนังสือ ๐๒๒๖๐๘
หมายเหตุ พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระนนทปัญญา (โต มกรานนท์) ณ เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๒
หนังสือโคลงโลกนิติ นี้ เป็นสุภาษิตเก่าแก่ แต่งมาแต่โบราณครั้งกรุงเก่า เดิมนักปราชญ์ผู้แต่งเลือกหาคาถา สุภาษิต ภาษาบาลี และสันสกฤต อันมีอยู่ในคัมภีร์ต่าง ๆ คือ คัมภีร์โลกนิติบ้าง คัมภีร์โลกนัยบ้าง คัมภีร์พระรรามก็มี ครั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ทรงรวบรวมโคลงโลกนิติของเก่ามาชำระแก้ไขใหม่ให้เรียบร้อยประณีต และไพเราะ โปรดเกล้าฯ ให้จารึกไว้ในวัดพระเชตุพนฯ โคลงโลกนิติจึงแพร่หลายแต่นั้นมา
องค์ความรู้ เรื่อง งู
ผู้เรียบเรียง : นางสาวพัณณ์วรัทย์ ผิวเผือก นักศึกษาฝึกงาน
ได้มาจากวัดราษฎร์ประชุมชนาราม ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2533
สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา แจ้งแนวทางการขออนุญาตใช้พื้นที่ในเขตโบราณสถานและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเพื่อจัดกิจกรรมระยะเวลาในการยื่นคำขออนุญาตผู้ขออนุญาต ต้องยื่นหนังสือขออนุญาตและเอกสารประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ณ หน่วยงานกรมศิลปากรในพื้นที่ ระยะเวลาก่อนจัดกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 30 วันทำการ
หนังสือเสภาขุนช้างขุนแผน นี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กวีในรัชสมัยของพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้นเป็นวรรณคดีที่มีคุณค่าทั้งในด้านความไพเราะและลีลาในการแต่งตลอดจนเค้าโครงเรื่อง ได้รับการยกย่องตามพระราชบัญญัติวรรณคดีสโมสรในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเป็นยอดของหนังสือประเภทกลอนเสภาและได้รับประทับราชลัญจกรรูปพระคเณศร์ไว้เป็นเครื่องหมายของการยกย่องนั้นด้วย อีกทั้งยังเป็นวรรณคดีที่ให้ความรู้ในด้านความเป็นอยู่ของผู้คนและบ้านเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์เป็นอย่างดี โดยหนังสือเล่มนี้จะเริ่มด้วยตอนที่ ๑ กำเนิดขุนช้างขุนแผน จนถึงตอนที่ ๔๓จระเข้เถรขวาด
บรรณานุกรมพุทธเลิศหล้านภาลัย, พระบาทสมเด็จพระ. เสภา เรื่อง ขุนช้าง – ขุนแผน. พระนคร: บรรณาคาร, ๒๕๑๔.
เลขทะเบียน : นพ.บ.611/12 ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 36 หน้า ; 4 x 56 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม่มีไม้ประกับ ชื่อชุด : มัดที่ 198 (19-32) ผูก 12 (2568)หัวเรื่อง : สัตตัปปกรณาภิธรรม--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อแบบฉบับ : ตำนานวัดพระแก้วดอนเต้า (ผูก 1ข)
ชื่อเรื่อง : ตำนานดอนเต้า (ผูก 1ข)
เลขทะเบียน : ชม.บ.423/1ข
ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ ผู้สร้าง : ไม่ปรากฏ ปีที่สร้าง : ไม่ปรากฏ
จำนวน : 1 คัมภีร์ 4 ผูก (หอสมุดแห่งชาติฯ เชียงใหม่ มีผูก1, 1ก-1ค)
จำนวนบรรทัด : 4 บรรทัด จำนวนหน้า : 18 หน้า
อักษร : ธรรมล้านนา ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา เส้น : จาร
ฉบับ : ชาดทึบ-รักทึบ ไม้ประกับ : ทองทึบ ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน
ประวัติ : ได้มาจากวัดทุ่งมอก ต.มาง อ.เชียงม่วน จ.พะเยา เมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2531
โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568
ชื่อแบบฉบับ : โฆสกเสฏฺริวตฺถุ (ผูก 3)
ชื่อเรื่อง : โฆสกเสฏฐี (ผูก 3)
เลขทะเบียน : ชม.บ.764/3
ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ ผู้สร้าง : มหาวิริกฺขิตฺตภิกฺขุ ปีที่สร้าง : จ.ศ.1065 (พ.ศ. 2246)
จำนวน : 1 คัมภีร์ 1 ผูก จำนวนบรรทัด : 5 บรรทัด จำนวนหน้า : 38 หน้า
อักษร : ธรรมล้านนา ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา เส้น : จาร
ฉบับ : ล่องชาด ไม้ประกับ : กระแหนะรักประดับกระจก (มีข้างเดียว) ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน
ประวัติ : มหาวิริกฺขิตฺตภิกฺขุ สร้าง จ.ศ.1065 (พ.ศ.2246) ได้มาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2531
โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568
สาระอีสาน นำเสนอและเผยแพร่เกร็ดความรู้ต่าง ๆ จากข้อมูลท้องถิ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและหนังสือสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน และหนังสืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีให้บริการอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ต้อนรับสู่เดือนแห่งเทศกาลฮาโลวีน ขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับผีตนหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นผีที่ชาวอีสานต่างให้ความสำคัญโดยเฉพาะก่อนถึงฤดูทำนาโดยจะต้องมีการจัดพิธีเซ่นไหว้ด้วย นั่นก็คือ "ผีตาแฮก" เรื่องราวของผีตนนี้จะเป็นอย่างไร มาอ่านกันเลยนะคะ เรียบเรียงโดย นางสาวกุลริศา รัชตะวุฒิ นักภาษาโบราณ เนื้อหามีดังนี้
ตาแฮก หรือ ผีตาแฮก คือ ผีประจำไร่นา มีหน้าที่ดูแลนาข้าวไม่ให้เสียหาย คอยให้ผลผลิตในนาให้มีความอุดมสมบูรณ์ ชาวนาในภาคอีสานจึงให้ความสำคัญกับนาตาแฮกเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะทำนาชาวอีสานจะทำพิธีไหว้ผีตาแฮก ซึ่งเหมือนกับพิธีแรกนาขวัญของภาคกลาง
นิทานความเป็นมาของตาแฮกนั้นมีหลายที่มา บ้างก็เล่าว่าเป็นหญิงที่เวียนว่ายตายเกิดเพราะแรงอาฆาตผูกพยาบาทจนในชาติสุดท้ายเกิดเป็นนางยักษ์และได้เลื่อมใสในพุทธศาสนาจึงเลิกจองเวรและได้ไปอาศัยอยู่ตามไร่นา และบ้างก็เล่าว่าเป็นพ่อลูกที่กระทำผิดอย่างมากจึงถูกสาปให้มาเป็นผีเฝ้าไร่นา
ชาวอีสานจะทำพิธีไหว้ผีตาแฮกสองครั้ง ครั้งแรกก่อนถึงฤดูทำนา และครั้งที่สองในงานบุญข้าวสากหรืองานบุญเดือนสิบโดยนำอาหารไปไหว้ที่ไร่นา ซึ่งถือเป็นประเพณีที่สำคัญและสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้
บรรณานุกรม
มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม 4. กรุงเทพฯ: มูลนิธิ, 2542.
ตาแฮก. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 9 ตุลาคม 2567, จาก: https://library.stou.ac.th/.../exhibition.../index.html
ผีตาแฮก. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 9 ตุลาคม 2567, จาก: https://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/esaninfo/?p=6624
แมวไทยเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่สะท้อนภูมิปัญญา ความเชื่อ และความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แมวไทยถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณหลายฉบับ ทั้งรูปลักษณ์ สีสัน ความหมายเชิงมงคล มีบทบาทในวัฒนธรรม ความเชื่อ และมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตคนไทยมาทุกยุคสมัย อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง ทั้งรูปลักษณ์และลักษณะนิสัยที่มีความโดดเด่น มีความแตกต่างจากแมวสายพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน ทำให้แมวไทยมีคุณค่าไม่เพียงในฐานะของสัตว์เลี้ยง แต่ยังมีคุณค่าในเชิงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และเผยแพร่ ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ (กอช.) จึงได้เสนอให้ “แมวไทย” เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์เลี้ยง โดยคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ (กอช.) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568
หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี จะพาไปรู้จัก 5 สายพันธุ์แมวไทย ที่ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแมวไทย ได้แก่ แมววิเชียรมาศ แมวศุภลักษณ์ แมวโคราช แมวโกญจา หรือโกนจา และแมวขาวมณี
แมววิเชียรมาศ ราชินีแมวไทยระดับโลก
แมววิเชียรมาศเป็นแมวไทยโบราณสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของไทย เป็นแมวไทยชนิดแรกที่ฝรั่งรู้จักและตั้งชื่อว่า Siamese Cat ปัจจุบันเราเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า “แมวเก้าแต้ม” แต่เป็นคนละชนิดกับแมวเก้าแต้มในสมุดข่อยโบราณ ฝรั่งเรียกว่า Seal Point (แมวแต้มสีครั่ง) ด้วยเหตุที่มีแต้มสีน้ำตาลไหม้อยู่ 9 แห่ง คือ ที่ปลายหูทั้งสอง ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหางหนึ่ง ปลายจมูกหนึ่ง และที่อวัยวะเพศหนึ่ง (ทั้งเพศผู้และเพศเมีย) โดยเฉพาะที่ปลายหูจะมีสีเข้มจัดเป็นระเบียบ มีนัยน์ตาสีฟ้าประกายสดใสคล้ายอัญมณี ตามตำราโบราณกล่าวว่า “มีคุณยิ่งล้ำหนักหนา จักนำโภคาพิพัฒน์สมบัติเพิ่มพูน”
แมวศุภลักษณ์ แมวสีทองแดงแห่งความมั่งคั่ง
แมวศุภลักษณ์เป็นแมวที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ ด้วยขนสีน้ำตาลแดงเข้มเงางาม ดวงตาคมสีเหลืองอำพันที่เปี่ยมเสน่ห์และทรงพลัง ผสานกับนิสัยที่เฉลียวฉลาด เป็นมิตร และเข้ากับคนง่าย ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้รักแมวทั่วโลก อีกทั้งยังถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ บารมี และความเจริญรุ่งเรือง ด้วยคุณลักษณะอันโดดเด่นเหล่านี้ ในปี 2024 สหพันธ์แมวโลก (WCF) จึงประกาศรับรองให้ แมวศุภลักษณ์เป็นสายพันธุ์ไทยแท้อย่างเป็นทางการ
แมวโคราช แมวแห่งโชคลาภและความสุขสวัสดิ์มงคล
แมวไทยโคราช หรือแมวสีสวาทมีถิ่นเดิมอยู่ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โบราณเรียกว่า แมวสีดอกเลา หรือแมวมาเลศ เพราะมีสีคล้ายสีดอกเลา ศีรษะจะออกเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบนมีคางและกรามที่แข็งแรง หูตั้ง หูใหญ่เด่นอยู่บนศีรษะ เป็นแมวที่แสดงออกถึงการเตรียมพร้อมอยู่เสมอเป็นแมวขนาดกลาง ขนสั้นสีดอกเลา มีตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย ขณะที่ยังเป็นลูกแมวอยู่ตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีเหลืองอำพัน ด้วยลักษณะของแมวนี้ ตามตำราโบราณเชื่อกันว่าเป็นแมวแห่งโชคลาภ และมักใช้ประกอบพิธีในการแห่นางแมวขอฝน เนื่องจากเชื่อกันว่าสีขนคล้ายสีของเมฆอันเป็นที่มาของฝน สร้างความอุดมสมบูรณ์แก่ชาวไร่ชาวนา ตาที่เป็นสีเขียวหรือสีเหลืองอำพันนั้นเปรียบเสมือนความเขียวขจีของกล้าข้าวในนา
แมวโกญจา (โกนจา) แมวดำมงคลของไทย
“แมวโกญจา” ในตำราพรหมชาติมีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี - สันสกฤต แปลว่า นกกระเรียน หรือเสียงร้องที่ดังกึกก้อง แมวโกญจาเป็นแมวที่มีสีดำสนิททั้งตัว ขนมันเงา ตาสีเหลืองอำพันเด่นชัด ในความเชื่อไทยโบราณถือว่าเป็นแมวที่นำโชคดีและช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ผู้ใดเลี้ยงไว้จะเพิ่มพูนเงินทอง เหมาะกับผู้ที่ทำการค้าขายเป็นหลัก มีนิสัยค่อนข้างสงบ สุภาพ และรักเจ้าของ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพื่อนเงียบ ๆ แต่มีเสน่ห์ลึกลับเป็นเอกลักษณ์
แมวขาวมณี แมวตาอัญมณี ตัวแทนแห่งความบริสุทธิ์และโชคลาภ
แมวขาวมณีไม่ปรากฏว่ามีบันทึกอยู่ในตำราแมวมงคล 17 ชนิดสมัยอยุธยา แต่ถูกค้นพบเพิ่มเติมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชื่อเดิมของแมวขาวมณีในตำราสมุดข่อยวัดอรุณฯ คือ “แมวขาวปลอด” ระบุว่า เป็นแมวแก้วหาค่ามิได้ เขียนด้วยภาษาไทยโบราณคล้ายอักษรสมัยอยุธยา ไม่ทราบผู้แต่งและไม่มีคำกลอนเฉพาะเจาะจงแบบแมวมงคล 17 ชนิด เพียงแต่บอกว่า “ให้นรชนผู้มีปัญญาหาเลี้ยงไว้เถิด” แมวขาวมณีเป็นแมวที่มีขนสีขาวล้วนทั้งตัว ตาสีเหลือง 2 ข้าง หรือตาสีฟ้าทั้ง 2 ข้างก็ได้ เมื่อนำทั้ง 2 ชนิดมาผสมกันจะได้แมวตา 2 สี ทำให้ได้รับฉายาว่า “แมวแห่งเพชรพลอย” เชื่อว่าเป็นแมวที่นำความสุขและความเจริญมาสู่เจ้าของ นิสัยอ่อนโยน ขี้เล่น และเชื่อฟัง เหมาะกับการเป็นเพื่อนคู่ใจในบ้าน เป็นสายพันธุ์ไทยที่กำลังโด่งดังในต่างประเทศอย่างมากในปัจจุบัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ
5 แมวไทยโบราณ มรดกที่มีลมหายใจ. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2568, จาก https://pets.baanlaesuan.com/176955/did-you-know/5-thai-cats
ครม.เห็นชอบ “แมวไทย” 5 สายพันธุ์ เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์เลี้ยง. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2568, จาก https://www.thaipbs.or.th/news/content/358640
รู้จัก แมวไทย 5 สายพันธุ์ เอกลักษณ์ประจำชาติ กับความเชื่อและวิถีชีวิต. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ19 พฤศจิกายน 2568, จาก https://www.amarintv.com/news/quality-of-life/530542
วิฬาร์ฤดี. แมวมงคล. กรุงเทพฯ: ไพลิน, 2546.
สมิต สวามิภักดิ์. แมวไทย. กรุงเทพฯ: บีบีบุ๊คส์, 2543.
เหมพันธ์ เหมวรนันท์. แมว. พิมพ์ครั้งที่ 4. นนทบุรี: ฐานเกษตรกรรม, 2545.
เรียบเรียงโดย นางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี กรมศิลปากร
***รายการบรรณานุกรม***
หนังสือหายาก
กรมศิลปากร. ละคอนนอก เรื่อง สุวรรณหงส์ ตอน กุมภณฑ์ถวายม้า. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์, ๒๕๐๒.