ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ
เลขทะเบียน: กจ.บ.9/1-7:1ก-7ก ชื่อเรื่อง: พระอภิธมฺมสงฺคิณีปกรณ พระสมนฺตมหาปฏฺฐานปริจฺเฉท ข้อมูลลักษณะ: อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับล่องชาดประวัติ : ได้มาจากวัดห้วยสะพาน ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2533 จำนวน 1คัมภีร์ 14 ผูก จำนวนหน้า: 386 หน้า
เมื่อครั้งที่แล้วเราได้คุยกันถึงเรื่องทองแดงที่เราพบจากแหล่งเรือจมบางกะไชย 2 เบื้องต้นกันแล้วนะครับ สำหรับวันนี้ เราจะมาเล่าให้ฟังว่าเหตุใดทำไมเราจึงอยากรู้จักทองแดงเหล่านี้ให้ลึกลงไปอีกขั้นนึงครับ
อย่างแรกเลยเราอยากรู้ว่าเนื้อทองแดงที่เป็นสินค้าเหล้านี้มีลักษณะพิเศษไหม? มีส่วนประกอบอะไรบ้าง? ทองแดงเป็นทองแดงที่บริสุทธิ์แค่ไหน?
โดยหลังจากการวิเคราะห์ทางกายภาพด้วยการวัดขนาด จัดจำแนกทองแดงเหล่านี้ด้วยรูปร่างลักษณะของทองแดงแล้ว เราได้เลือกใช้การวิเคราะห์เชิงลึกและนำมาทดลองประยุกต์ใช้กับทองแดงของเราเพื่อแยกประเภท เนื้อทองแดงเบื้องต้น(ที่ตาไม่สามารถแยกได้) อีกครั้งหนึ่ง
วิธีที่ว่านั้นคือการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของทองแดงด้วยเครื่องเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนส์แบบเคลื่อนที่ได้ (Portable X-Ray Fluorescence , PXRF, HHXRF) ซึ่งเครื่องวิเราะห์องค์ประกอบนี้เป็นเครื่องที่กองโบราณคดีใต้น้ำมีไว้ใช้เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของโบราณวัตถุ
โดยหลักการทำงานเบื้องต้นของเครื่องนี้คือ เครื่องจะทำการส่งรังสี X-Ray ไปที่วัตถุจนอะตอมเกิดการแตกตัว จะเกิดปรากฏการเรื่องแสง ซึ่งเรียกว่า Fluorescence โดยอาศัยหลักการที่อิเล็กตรอนในวงโคจรของอะตอมของธาตุแต่ละธาตุถูกกระตุ้น โดยรังสี x-ray เมื่ออะตอมถูกกระตุ้น อะตอมจะมีการเปลี่ยนระดับชั้นที่มีพลังงานสูงไปยังชั้นที่มีพลังงานต่ำกว่า ในระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงระดับชั้น จะมีการคายพลังงานออกมา โดยพลังงานที่คายออกจะมีลักษณะจำเพาะ ของแต่ละธาตุ เครื่องจะทำการวัดความยาวคลื่นดังกล่าวแล้วแปลผลออกมาเป็นธาตุให้เราได้รับรู้ว่ามีธาตุแต่ละชนิดในปริมาณเท่าไหร่? โดยนักโบราณคดีได้นำวิธีนี้มาใช้ในการศึกษาโบราณวัตถุต่างๆอย่างกว้างขวาง
โดยจากการวิเคราะห์ทองแดงของกองโบราณคดีใต้น้ำ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นดังนี้
1.ทองแดงจากแหล่งเรือจมบางกะไชยนั้นในทุกรูปแบบ มีทองแดงเป็นองค์ประกอบหลักปริมาณไม่น้อยกว่า 93% ซึ่งถือว่ามีทองแดงในปริมาณที่มาก
2.ผู้ผลิตนั้นตั้งใจเติมตะกั่วเข้าไปในเนื้องทองแดงเพื่อให้ทองแดงนั้นไหลง่ายเวลาหล่อขึ้นรูปทองแดง
3.ต่อเนื่องจากการเติมตะกั่ว ทองแดงรูปแบบทรงชามซ้อนชั้นกับแบบแผ่นนั้นพบว่ามีปริมาณตะกั่วมากกว่าแบบอื่นซึ่งสันนิษฐานว่าผู้ผลิตต้องการให้ทองแดงนั้นเหลวมากกว่าปกติเพื่อง่ายต่อการขึ้นรูปในแบบที่ต้องการ เนื่องจากการหล่อทองแดงรูปแบบการซ้อนชั้นนั้นต้องอาศัยการกดเพื่อให้น้ำทองแดงนั้นไหลไปเรียงตัวเป็นชั้นๆได้ (ประเด็นนี้จะมาเล่าให้ฟังต่อไปในตอนหน้าครับ)
4.พบธาตุ ซัลเฟอร์(S) และ เหล็ก(Fe) ผมอยู่ในเนื้องทองแดงทุกก้อน สันนิษฐานว่าเป็นมลทินที่ติดมาจากก้อนแร่ที่ใช้ในการถลุง ซึ่งแสดงถึงการที่ทองแดงที่ไม่ค่อยบริสุทธิ์ รวมถึงการถลุงที่ค่อนข้างหยาบ(การถลุงโบราณไม่สามารถดึงเอามลทินออกจากแร่ได้ทั้งหมด)
5.พบธาตุ ซิลิกา(Si) และ ฟอสฟอรัส((P) ปะปนอยู่ในเนื้องทองแดงบางส่วน ซึ่งน่าจะปะปนเป็นมลทินที่ติดมาจากก้อนแร่เช่นกัน ซึ่งแสดงถึงและเป็นเครื่องยืนยันถึงการที่ทองแดงที่ไม่ค่อยบริสุทธิ์ รวมถึงการถลุงที่ค่อนข้างหยาบ(การถลุงโบราณไม่สามารถดึงเอามลทินออกจากแร่ได้ทั้งหมด)
6.พบธาตุ ดีบุก(Sn) สังกะสี(Zn) และเงิน(Ag) อยู่ในปริมาณไม่มาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ 2 กรณี คืออาจเป็นมลทินที่ติดมาจากก้อนแร่ หรือ อาจเกิดจากการนำเอาโลหะเก่ามาผลิตซ้ำเป็นก้อนทองแดง
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร งดการแสดงรายการ “เหมันต์บันเทิง รื่นเริงสังคีต” โครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๕ วันเสาร์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๕ และวันอาทิตย์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๕ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ ๐ ๒๒๒๑ ๐๑๗๑
เลขทะเบียน : นพ.บ.177/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 100 (74-79) ผูก 3 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมจกฺกฎีกา(ฎีกาธัมมจักร)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ปฐมสมฺโพธิ (ปถมสมฺโพธิ)
ชบ.บ.89/1-17ก
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.234/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 20 หน้า ; 5 x 58 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 113 (180-193) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : หัวใจนิรพาน--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.369/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 26 หน้า ; 5 x 58 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 140 (420-433) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : จีรธารกถา (แทนน้ำนมแม่)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง พร รัตนสุวรรณ
ชื่อเรื่อง แว่วเสียงสวรรค์
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์วิญญาณ
ปีที่พิมพ์ 2517
จำนวนหน้า 231 หน้า
รายละเอียด
เป็นหนังสือที่นำเนื้อเรื่องมาจากหนังสือวิญญาณในปี 2509 ซึ่งจะเป็นตอน ๆ นำมารวบรวมจัดพิมพ์ขึ้นเป็นหนังสือเล่มนี้ ชื่อ “แว่วเสียงสวรรค์” เพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้ที่อ่าน ได้อ่านติดต่อกันเป็นลำดับ ผู้เขียนหวังว่าหนังสือเล่มนี้ จะให้ความสว่างแก่ผู้อ่านมากทีเดียว กับคนที่สงสัยเกี่ยวกับชีวิตในโลกหน้าหรือโลกโอปปาติกะ
กกุธภัณฑ์หรือเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ตามรูปศัพท์แปลว่า เครื่องใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ แต่มีความสำคัญยิ่งเพราะเป็นเครื่องหมายแห่ง ความเป็นพระราชาธิบดี จึงเป็นสิ่งที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เครื่องราชกกุธภัณฑ์ประกอบด้วย ฉัตรมงกุฎ พระแสงขรรค์ ธารพระกร วาลวิชนีและฉลองพระบาท การถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นประเพณี สืบเนื่องมาจากลัทธิพราหมณ์ ที่มีพราหมณ์ (พระมหาราชครู) เป็นผู้กล่าว คำถวายตามคติความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นสมมุติเทพ เครื่องราชกกุธภัณฑ์จึงล้วนเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพทั้งสิ้น ดังที่กล่าวใว้ใน ปัญจราชาภิเษกความว่า - เศวตฉัตร 6 ชั้น หมายถึง สวรรค์ 6 ชั้น - พระมหามงกุฎ หมายถึง ยอดวิมานของพระอินทร์ - พระขรรค์ หมายถึง พระปัญญาอันจะตัดมลทินถ้อยความไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน - เครื่องประดับผ้ารัดกัมพล หมายถึง เขาคันธมาทน์ ประดับเขาพระสุเมรุราช (ต่อมาใช้วาลวิชนีแทน) - เกือกแก้ว (ฉลองพระบาท) หมายถึงแผ่นดินอันเป็นที่รองรับเขาพระสุเมรุ ราชและเป็นที่อาศัยแก่อาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายทั่วแว่นแคว้นขอบ ขัณฑสีมา ไทยรับคติความเชื่อนี้มาจากเขมรซึ่งรับทอดมาจากอินเดียอีกต่อหนึ่ง ประเพณีการถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของไทย มีปรากฏมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย เครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่พระมหาราชครูถวายใน พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมัยรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย พระมหาเศวตฉัตร พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกร วาลวิชนี และฉลอง พระบาทเชิงงอน ซึ่งมีประวัติความเป็นมาดังนี้ พระมหาเศวตฉัตรหรือพระนพปฏล มหาเศวตฉัตร เป็นฉัตร 9 ชั้น เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ที่สำคัญยิ่งกว่าราชกกุธภัณฑ์อื่นๆ แต่เดิมในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ของไทยบางรัชกาลมิได้กล่าวรวมพระมหาเศวตฉัตรเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ด้วย เพราะฉัตรเป็นของใหญ่โตมีปักอยู่แล้วเหนือ พระที่นั่งภัทรบิฐ จึงถวายธารพระกรแทน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาพิชัยมงกุฎ เป็นราชศิราภรณ์ที่สำคัญในบรรดาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ พระมหากษัตริย์จะทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฎในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระแสงขรรค์ชัยศรี เป็นพระแสงราชศัสตราประจำพระองค์พระ มหากษัตริย์ พระแสงขรรค์ชัยศรีเป็นพระแสงราชศัสตราที่สำคัญที่สุดใน พระราชพิธีสำคัญหลายพิธี เช่นพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธี ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ธารพระกร ของเดิมทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ปิดทอง ครั้นถึงสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างธารพระกรขึ้นใหม่องค์หนึ่งทำด้วยทองคำ ครั้นต่อมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กลับเอาธารพระกรไม้ชัยพฤกษ์ออกมาใช้อีก จึงคงใช้ธารพระกรชัยพฤกษ์อยู่ต่อมา วาลวิชนี (พัดและแส้) พัดวาลวิชนีทำด้วยใบตาลแต่ปิดทองทั้ง 2 ด้าน ด้ามและเครื่องประกอบทำด้วยทองลงยาส่วนพระแส้ทำด้วยขนจามรีด้ามเป็นแก้ว “วาลวิชนี” เป็นภาษาบาลีแปลว่าเครื่องโบก ฉลองพระบาทเชิงงอน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ตามแบบอินเดียโบราณ----------------------------------------------------เรียบเรียงโดย นายเศรษฐเนตร มั่นใจจริง นักวิชาการวัฒนธรรม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
จดหมายเหตุ : เล่าอดีต
ประกาศ...ตามหาเจ้าของเรือมาด ปี ๒๔๖๘
เรือขุด เป็นเรือที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เชื่อกันว่าเป็นการพัฒนามาจากการต่อซุงให้เป็นแพ การสร้างเรือขุดจะใช้วิธีขุดถากจากท่อนซุงทั้งต้น ต้นไม้ที่จะนำมาขุดต้องเป็นไม้เนื้อแข็ง ไม่มีตา โพรง รอยแตกร้าวหรือเนื้อไม้ที่ยังแห้งไม่สนิท การใช้ขวานถากซุงให้เป็นรูปเรืออย่างหยาบๆ เช่น มีหัวและท้ายเล็กแหลมกว่าส่วนกลาง การกระทำเช่นนี้เรียกว่า “มาด”
เรือมาด เป็นเรือขุดลักษณะท้องกลม หัวและท้ายเรือแบนกว้าง บางลำมีแอกยื่นออกจากหัวและท้ายเรือ ขุดจากไม้ซุง มักเป็นไม้ตะเคียน เพราะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ซึ่งในสมัยก่อนหาได้ไม่ยาก มีหลายขนาด คือ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เรือมาดนับเป็นเรือเก่าแก่ชนิดหนึ่งของไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีประโยชน์ใช้สอยมากมาย นับเป็นต้นแบบของเรือขุดที่มีการดัดแปลงไปใช้ประโยชน์ได้หลายแบบ เช่น เรือมาดประทุน และเรือมาดเก๋ง
จากเอกสารจดหมายเหตุ พ.ศ. ๒๔๖๘-๒๔๗๐ ได้ระบุว่านายสิบตำรวจโทโก๋ ม้าแก้ว เก็บเรือมาดลอยน้ำได้ โดยพบเรือมาดลอยอยู่ในทะเลไม่มีเจ้าของ จึงนำส่งให้ทางการ โดยนายอำเภอแหลมสิงห์ได้จัดทำบัญชีตำหนิรูปพรรณเรือของกลางรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเพื่อประกาศโฆษณาหาเจ้าของในอำเภอต่างๆ ดังนี้
--------- รายชื่อของกลาง ---------
เรือกราบ ๑ ลำ
---------- ตำหนิรูปพรรณ ---------
มาดไม้ตะเคียนขึ้นกราบข้างละ ๑ แผ่น
ยาว ๓ วา ๕ นิ้ว กว้าง ๒ ศอก ๒๒ นิ้ว
ที่มาดตอนหัวเรือมีรอยหัก ๑ แห่ง
ที่กราบซ้ายมีรอยหัก ๑ แห่ง แหว่ง ๑ แห่ง
หากไม่มีผู้ใดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของภายใน ๙๐ วัน ทางการจะนำเรือดังกล่าวขายทอดตลาดต่อไป ซึ่งท้ายที่สุดเรือลำนี้ได้ถูกประกาศขายทอดตลาดในราคา ๑๑ บาท
.
ผู้เขียน
นางสาวสุจิณา พานิชกุล นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี
------------------------------
เอกสารอ้างอิง :
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี. เอกสารกระทรวงมหาดไทย ชุดมณฑลจันทบุรี (๑๓) มท ๒.๓.๕/๒๐ เรื่องนายสิบตำรวจโท โก๋ ม้าแก้ว เก็บเรือมาดลอยน้ำได้ (๒๖ ก.ย. ๒๔๖๘ – ๓๐ มิ.ย. ๒๔๗๐).
อิงตะวัน แพลูกอินทร์ และนิรันดร์ เรือนอินทร์. ๒๕๔๗. เรือ : ภาพสะท้อนวิถีชีวิตของชาวบ้านในลุ่มน้ำ (รายงานการวิจัย). สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ.
อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม ขอเชิญชม ทับหลังปราสาทเขาโล้น และนิทรรศการพิเศษ "ทับหลังเขาโล้นคืนสู่มาตุภูมิ" จัดแสดง ณ ศูนย์บริการข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว เปิดทุกวัน เวลา 8.30 น. - 16.30 น. ศูนย์บริการข้อมูล เปิดทุกวัน เวลา 9.00 น. - 16.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: โทร 0 3755 0454 หรือทางเฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/Sadokkokthom.hp
ส่งเสริมการอ่านผ่าน Facebook กับหอสมุดแห่งชาติชลบุรี
เรื่อง กัญชายาวิเศษ
สมยศ ศุภกิจไพบูลย์. กัญชายาวิเศษ. กรุงเทพฯ: ปัญญาชน, 2562.
ห้องหนังสือทั่วไป 1 เลขเรียกหนังสือ 615.7827 ส274ก
ประเทศไทยปลดล็อกกัญชา กัญชง ออกจากบัญชียาเสพติดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทุกส่วนของกัญชาและกัญชงไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดจากกัญชง กัญชาที่มีปริมาณ THC เกิน 0.2% เท่านั้นที่ยังถือเป็นยาเสพติด ประชาชนสามารถปลูกเพื่อประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ ใช้ในครัวเรือน หรือการพานิชย์ได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่ต้องจดแจ้งการปลูกตามข้อกำหนดของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
กัญชายาวิเศษ เล่มนี้ ผู้เขียนพาเราไปพบกับ กัญชาสมุนไพรไทยประจำบ้านที่มีจุดกำเนิดสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในประเทศไทย โลกในปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองต่อกัญชาในมิติใหม่จากยาเสพติดเลวร้ายกลายเป็นยารักษาโรค เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าและรายได้อย่างมหาศาล พืชตระกูลกัญชาแบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Ruderalis Sativa หรือกัญชง และ Indica หรือกัญชา ซึ่ง 2 สายพันธุ์หลังได้รับความนิยมอย่างมากและหลายคนยังเข้าใจผิดว่าต้นกัญชงคือกัญชา ซึ่งแท้จริงแล้วมีแค่ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เท่านั้นที่คล้ายคลึงกัน กัญชงนิยมนำมาแปรรูปทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการถักทอ ในขณะที่กัญชานิยมนำส่วนต่างๆ อาทิ กิ่ง ก้าน ใบ และยอดช่อดอก มาเสพเพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับ และนิยมนำมาผสมในอาหารเพื่อให้มีรสชาติอร่อยมากขึ้น พบในลักษณะกัญชาสดและแห้งที่อัดเป็นแท่งหรือก้อน และปัจจุบันพบในรูปแบบของน้ำมันกัญชา ลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลเข้มหรือดำ กัญชามีสรรพคุณรักษาโรคได้มากกว่า 50 โรค อาทิ โรคหัวใจ ช่วยรักษาอาการเบื่ออาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ รักษาโรคไขมันอุดตันของหลอดเลือดจากการสูบบุหรี่ และที่กล่าวถึงกันอย่างมากคือสรรพคุณในการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากกัญชาเริ่มได้รับความสนใจประกอบกับหลายประเทศทั่วโลกนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ ผลการวิจัยจากหลายสถาบันในอเมริกาและยุโรปพิสูจน์แล้วว่ากัญชาสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายของมะเร็งไม่ให้ลุกลามและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ กัญชาต่างจากสารเสพติดอื่นๆ เพราะไม่มีสารเคมีใดๆ ที่กระตุ้นให้อยากกัญชาหรือมีอาการลงแดงหากไม่ได้เสพ แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นจะส่งผลเสียต่อร่างกาย เกิดความคิดเลื่อนลอย ควบคุมตัวเองไม่ได้ ความจำเสื่อม หัวใจเต้นเร็ว และหูแว่ว จึงควรใช้กัญชาในทางที่ถูกต้องและปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติชลบุรี (วันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 09.00 - 17.00 น.)