ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ

ชื่อเรื่อง                     มหานิปาตวณฺณนา (เวสฺสนฺตรชาตก) ชาตกกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (หิมพานต์-ฉกษัตริย์)สพ.บ.                       417/10ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               30 หน้า : กว้าง 5.2 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง                     พุทธศาสนา                              ชาดกบทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทย-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ลองชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี          


ปฐมสมฺโพธิ (ปถมสมฺโพธิ)  ชบ.บ.89/1-8  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.230/8ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  42 หน้า ; 4 x 54 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 112 (170-179) ผูก 8 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา(ธรรมบท) --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.362/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 5 x 55.5 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 140  (420-433) ผูก 2 (2565)หัวเรื่อง : เจตนาเภท--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม



    - เทพาคือ ชื่อเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองจะนะ ในเอกสารต่างๆบันทึกชื่อเมืองแห่งนี้ไว้หลายรูปแบบเช่น เมืองเทพา เมืองเทภา เป็นต้น ส่วนในภาษาต่างประเทศได้แก่ Tepa Thepha เป็นต้น และในภาษามลายูท้องถิ่นออกเสียงชื่อเมืองนี้ว่า ตีบอ แต่สำหรับความหมายของคำว่าเทพานั้น รองศาสตราจารย์ประพนธ์ เรืองณรงค์ เห็นว่าเป็นคำมลายูคือ Tipar หมายถึง ไร่ข้าว ทั้งนี้อาณาเขตของเมืองเทพาในอดีตนั้นครอบคลุมพื้นที่ซึ่งเป็นอำเภอเทพาและอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลาในปัจจุบัน       - เทพายุคก่อนประวัติศาสตร์  พื้นที่ด้านตะวันตกและด้านใต้ของเมืองเทพา ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย พบร่องรอยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้แก่  เพิงผาทวดตาทวดยาย ในเขาถ้ำตลอด ตำบลเขาแดง อำเภอสะบ้าย้อย พบโครงกระดูกมนุษย์ผู้ใหญ่ ๑ โครง สภาพไม่สมบูรณ์ มีอุทิศที่ฝังร่วมกับศพได้แก่ ลูกปัดเปลือกหอยและลูกปัดแก้ว เปลือกหอยแครงเจาะรู ๑ ชิ้น ชิ้นส่วนเครื่องมือเหล็กและชิ้นส่วนโลหะสำริด(ต่างหู?) จากการเก็บตัวอย่างถ่านจากชั้นดินต่างๆ เพื่อกำหนดอายุด้วยวิธีคาร์บอน-๑๔ พบว่า ปรากฏช่วงการใช้พื้นที่ทำกิจกรรมอย่างหนาแน่นเมื่อราว ๑๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว  ถ้ำเพิงในเขาคลองโกน ตำบลคูหา อำเภอสะบ้าย้อย พบโครงกระดูกมนุษย์เพศชาย อายุเมื่อเสียชีวิตประมาณ ๓๐ ปี จำนวน ๑ โครง เครื่องมือหิน เศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบสีเทาดำ ส้ม นวล และน้ำตาล ตกแต่งด้วยการขัดมัน กดประทับ และรวมควัน ลูกปัดแก้ว กระดูกสัตว์ และเปลือกหอยน้ำจืด จากการเก็บตัวอย่างถ่านจากชั้นดินต่างๆไปกำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์ ปรากฏว่าการกำหนดอายุด้วยวิธีคาร์บอน๑๔ มีค่าอายุราว ๙,๖๐๐ ปีมาแล้ว       - เทพาสมัยต้นยุคประวัติศาสตร์ ในช่วงเวลาหลังจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงพุทธศตวรรษที่ ๒๐ นั้น ร่องรอยหลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดีของเมืองเทพาในช่วงต้นยุคประวัติศาสตร์ได้ขาดหายไป       - เทพาสมัยอยุธยา (พุทธศตวรรษที่ ๒๐–๒๔)  ปรากฏเรื่องราวของเมืองเทพา ในตำนานเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งระบุว่าพระพนมวังและนางเสดียงทองได้แต่งตั้งเจระวังสาเป็นราชาระวังเจลาบู ให้ครองเมืองจะนะเทพา แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าตั้งเมืองอยู่ ณ สถานที่แห่งใด จนกระทั่งสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา มีหลักฐานปรากฏในพงศาวดารเมืองพัทลุงว่าเมืองเทพา มีฐานะเป็นเมืองขึ้นของเมืองพัทลุง        - เทพาสมัยธนบุรี (ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๔)  ปรากฏชื่อเมืองเทพาในพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) ในเหตุการณ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองนครศรีธรรมราชแตกในพ.ศ.๒๓๑๒ ว่า “...ฝ่ายเจ้าพระยาจักรีแม่ทัพเรือ เจ้าพระยาพิชัยราชาแม่ทัพบก ยกทัพติดตามเจ้าเมืองนครไปเถิงเมืองเทพา จับจีนจับแขกมาไถ่ถามได้เนื้อความว่าเจ้าเมืองนครหนีไปเมืองตานี...” และปรากฏเรื่องราวเหตุการณ์เดียวกันนี้ในพงษาวดารเมืองสงขลา ฉบับเจ้าพระยาวิเชียรคิรี บุญสังข์ด้วย      - เทพาสมัยรัตนโกสินทร์ เทพาในฐานะเมืองขึ้นของสงขลา (พ.ศ.๒๓๒๕-๒๔๓๙) ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ เมืองเทพามีฐานะเป็นเมืองขึ้นของเมืองสงขลาภายใต้สังกัดของกรมพระกลาโหม โดยไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มของเมืองมลายูประเทศราช เจ้าเมืองมีอำนาจบังคับบัญชาเหมือนกับเมืองจะนะ  เทพาภายใต้มณฑลนครศรีธรรมราช (พ.ศ.๒๔๓๙-๒๔๗๕) ในพ.ศ.๒๔๓๙ มีการจัดตั้งมณฑลนครศรีธรรมราช เมืองเทพาจึงเปลี่ยนฐานะจากเมืองขึ้นของเมืองสงขลามาเป็นอำเภอในสังกัดเมืองสงขลา โดยรวมที่จะแหนซึ่งเคยขึ้นกับเมืองสงขลามาสมทบเรียกว่า “อำเภอเมืองเทภา” โดยแต่งตั้งหลวงต่างใจเป็นนายอำเภอ ส่วนพระดำรงเทวฤทธิ์(เรือง) ผู้ว่าราชการเมืองท่านเดิมให้เลื่อนขึ้นเป็นเหมือนจางวางคือที่ปรึกษา      - เทพาที่บ้านพระสามองค์ สำหรับที่ตั้งเมืองเทพาในช่วงต้นกรุงนั้นไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงปรากฏหลักฐานว่าบ้านเจ้าเมืองเทพาในพ.ศ.๒๔๓๒ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทพาตรงกันกับเกาะใหญ่กลางน้ำ (บริเวณบ้านพระสามองค์)      - บ้านเจ้าเมืองเทพา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรเมืองเทพาที่บ้านพระสามองค์ในพ.ศ.๒๔๓๒ ทรงบันทึกเรื่องราวของบ้านเจ้าเมืองเทพาไว้ตอนหนึ่งว่า “...ดูนกเข้าไซแล้วจึงได้ข้ามฟากไปที่พลับพลาหน้าหมู่บ้านที่เป็นเมืองเทพานั้น มีเรือนเจ้าเมืองและราษฎรประมาณสัก ๓๐ หลัง ปลายแหลมวัดที่เกาะสีชังอยู่ข้างแน่นหนากว่ามาก...”  บ้านเจ้าเมืองเทพาบ้านพระสามองค์ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้มีการรื้อถอนไปเมื่อใด แต่ในท้องถิ่นยังคงเหลือหลักฐานคือต้นประดู่ใหญ่สองต้น ซึ่งกล่าวกันว่าเดิมมีศาลาตั้งอยู่หนังหนึ่ง ผู้ใดจะเข้าพบเจ้าเมืองเทพาจะต้องพักคอยในบริเวณนี้ก่อน โดยต้นประดู่ทั้งสองนี้อยู่ห่างจากวัดพระสามองค์ไปทางทิศใต้ประมาณ ๙๐๐ เมตร       - วัดเทพาไพโรจน์  เล่ากันว่าในอดีตนั้นมีพระภิกษุชื่อนวล ธุดงค์มาถึงสถานที่แห่งนี้เมื่อพระนวลฉัน “จังหัน” คือภัตตาหารเช้าซึ่งผู้คนนำมาถวายจำนวนมากแล้ว ปรากฏว่ามีข้าวเหลืออยู่ ท่านจึงเอาข้าวที่เหลือนั้นปั้นเป็นพระพุทธรูปแล้วห่อด้วยดินเหนียวขึ้นได้ชื่อว่า ”พระจังหัน” ต่อมาเมื่อสำเร็จเป็นพระพุทธรูปแล้วก็เก็บดอกไม้มาบูชา และได้นำดอกไม้บูชาที่แห้งเหี่ยวนั้นนำมาปั้นเป็นพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งได้ชื่อว่า "พระเกสร” และในช่วงนั้นธูปเทียนหายากจึงเอาแก่นจันทน์ซึ่งเป็นไม้หอมมาจุดเป็นธูปบูชา และได้เก็บเอาเศษไม้หรือขี้เถ้าจากไม้แก่นจันทร์มาปั้นเป็นพระพุทธรูปอีกองค์ได้ชื่อว่า "พระแก่นจันทน์” รวมเป็นสามองค์  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงบันทึกเรื่องราวของวัดเทพาไพโรจน์ในพ.ศ.๒๔๓๒ไว้ตอนหนึ่งว่า “...มีวัดอยู่วัดหนึ่งเป็นของเก่า แต่พระเทพาเรืองคนนี้มาปฏิสังขรณ์ขอที่วิสุงคามสิมา ได้ให้ใบอนุญาตและเติมท้ายชื่อเดิมซึ่งชื่อว่าวัดเทพา ให้มีเรืองอีกคำหนึ่งชื่อวัดเทพาไพโรจน์ ได้ออกเงินช่วยในการวัดสองชั่ง...”         - เทพาที่บ้านพระพุทธ  พ.ศ.๒๔๔๓ ได้ย้ายเมืองเทพามาตั้งที่บ้านพระพุทธ โดยยังปรากฏหลักฐานคือตีนเสาก่อด้วยปูนของที่ว่าการอำเภอเก่า เรียกชื่อในท้องถิ่นว่า “เสาหลักอำเภอเทพา” ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนบ้านพระพุทธ กล่าวกันว่าเมื่อมีการย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งที่บ้านท่าพรุแล้ว อาคารที่ว่าการได้ปรับเปลี่ยนเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนบ้านพระพุทธ (ปัจจุบันรื้อถอนไปแล้ว)       - เทพาที่บ้านท่าพรุ พ.ศ.๒๔๗๕ ทางราชการได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปตั้งที่บ้านท่าพรุใกล้สถานีรถไฟท่าม่วง และต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟท่าม่วงเป็นสถานีรถไฟเทพาตามชื่ออำเภอ        - ผู้ว่าราชการเมืองเทพา  สำหรับรายชื่อผู้ว่าราชการเมืองเทพาเท่าที่ปรากฏพบว่าในพ.ศ.๒๔๐๑ (สมัยรัชกาลที่ ๔) นายกล่อมเป็นผู้ว่าราชการเมืองเทพา และในพ.ศ.๒๔๒๘ (สมัยรัชกาลที่ ๕) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ “...ให้นายเรืองมหาดเล็กเวรศักดิ เปนพระดำรงเทวฤทธิ ผู้ว่าราชการเมืองเทพา ขึ้นเมืองสงขลา ถือศักดินา ๑๖๐๐ ตั้งแต่           ณ วันอังคาร เดือนสิบสอง ขึ้นสิบเอจค่ำ ปีรกาสัปตศก ศักราช ๑๒๔๗... และนับเป็นผู้ว่าราชการเมืองเทพาในระบบเจ้าเมืองคนสุดท้ายด้วย -------------------------------------- เรียบเรียงข้อมูลโดย นายสารัท ชลอสันติสกุล นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา







          หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร สำนักหอสมุดแห่งชาติ จัดนิทรรศการ “แผ่นเสียงในสยาม” เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประวัติและพัฒนาการของแผ่นเสียง ให้ความรู้เกี่ยวกับแผ่นเสียงประเภทต่างๆ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การบันทึกเสียงของไทย เนื้อหานิทรรศการประกอบด้วย ๔ ส่วน ดังนี้           ส่วนที่ ๑ แรกมีแผ่นเสียงในสยาม กล่าวถึง ประวัติความเป็นมาของการกำเนิดแผ่นเสียง และการบันทึกเสียงยุคแรกในสยาม แผ่นเสียงครั่ง ตราแผ่นเสียงที่ผลิตขึ้นโดยคนไทยในยุคแรก “หม่อมส้มจีน” นักร้องสตรีไทยคนแรกที่บันทึกเสียงลงแผ่นเสียง และแผ่นเสียงปาเต๊ะเพลงไทย          ส่วนที่ ๒ จากแผ่นเสียงครั่งสู่แผ่นเสียงไวนิล กล่าวถึง พัฒนาการการบันทึกเสียงจากแผ่นเสียงครั่ง สู่แผ่นเสียงไวนิล และแผ่นเสียงไวนิลประเภทต่างๆ            ส่วนที่ ๓ แผ่นเสียงสำคัญในสยาม กล่าวถึง แผ่นเสียงเพลงสำคัญของชาติ แผ่นเสียงเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๙ แผ่นเสียงเพลงไทยของกรมศิลปากร แผ่นเสียงเพื่อการศึกษา และรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน           ส่วนที่ ๔ การกลับมาของแผ่นเสียง คุณค่าทางใจและความสุนทรีย์ที่จับต้องได้ กล่าวถึงการกลับมาได้รับความนิยมของแผ่นเสียงอีกครั้งในยุคปัจจุบัน           ภายในนิทรรศการจัดแสดงกระบอกเสียงและแผ่นเสียงหายาก เช่น กระบอกเสียงของเอดิสันแผ่นเสียงครั่งในสมัยรัชกาลที่ ๕ แผ่นเสียงครั่งร่องกลับทางของปาเต๊ะ ซึ่งเป็นแผ่นเสียงชนิดพิเศษและหายาก แผ่นเสียงไวนิลแบบต่างๆ ที่จัดทำขึ้นพิเศษ แผ่นเสียงเพลงพระราชนิพนธ์ที่บันทึกครั้งแรก แผ่นเสียงเพลงชาติในยุคแรกหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง และแผ่นเสียงเพลงไทยของกรมศิลปากร ฯลฯ นอกจากนี้ยังจัดแสดงปกแผ่นเสียงไวนิลสวยงามของศิลปินที่มีชื่อเสียง และเครื่องเล่นแผ่นเสียงในยุคต่างๆ ทั้งนี้ผู้เข้าชมนิทรรศการสามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงจากแผ่นเสียงเก่า ถ่ายภาพกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงโบราณ และร่วมกิจกรรม Sleeveface จากปกแผ่นเสียง            ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการ “แผ่นเสียงในสยาม” ณ ห้องจัดแสดง ชั้น ๑ อาคารห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร สำนักหอสมุดแห่งชาติ เปิดให้ชมวันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.            นอกจากนิทรรศการแผ่นเสียงในสยาม หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านดนตรี เป็นศูนย์ข้อมูลวิชาการดนตรีสำหรับศึกษาค้นคว้า วิจัย รวบรวมและอนุรักษ์ต้นฉบับเพลงไทย และเพลงพระราชนิพนธ์ทุกรูปแบบ ทั้งสื่อโสตทัศนวัสดุ หนังสือ เอกสาร และโน้ตเพลง จัดแสดงเปียโนสองหน้าโบราณหลังเดียวของไทย และผลงานของครูเพลงที่สำคัญของไทย เช่น ท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ และพระเจนดุริยางค์ เป็นต้น



       จัดทำโดยกรมศิลปากร         เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู รักษา สร้างสรรค์ ส่งเสริม สืบทอด และพัฒนามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุข


ชื่อเรื่อง                               เวสาทิอฏฐมงคล(คัมภีร์เวสาทิอัฏฐมวรรค) สพ.บ.                                 อย.บ.14/8ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           54 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           บทสวด                                           พระวินัย                                            คำสอน บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           44/1ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              46 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.