ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 41,340 รายการ

สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.29/1-3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)



ต้ร่มพระบารมี ๒๓๘ ปี กรุงรัตนโกสินทร์         เนื่องในโอกาสสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๓๘ ปี  หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารฯ  พะเยา ขอร่วมฉลองวาระพิเศษนี้ ด้วยการนำเสนอตัวอย่างเอกสารจดหมายเหตุที่แสดงความจงรักภักดีต่อบุรพกษัตริย์และอาณาประชาราษฎร์สุขสโมสร  " รำลึกในพระมหากรุณา ปวงประชาได้ประโยชน์ "  ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนพะเยา ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมาอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมหนึ่งที่จัดขึ้นทุกปีคือ พิธีถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เนื่องในวันปิยมหาราช ดังในพุทธศักราช ๒๕๒๐ ซึ่งเป็นปีแรกที่อำเภอพะเยา จังหวัดเชียงราย ได้รับการยกสถานะขึ้นเป็นจังหวัดพะเยา ความพิเศษจึงมีการจัดงานฉลองรับขวัญการจัดตั้งจังหวัด แล้วปล่อยพันธุ์ปลานับแสนตัวลงสู่กว๊านเพื่อเทิดพระเกียรติ ยังผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้ใช้บริโภคสืบไป ผู้เขียน : ธานินทร์  ทิพยางค์ (นักจดหมายเหตุ) เอกสารอ้างอิง :  หจช.พย. (2) กษ 1.1.1.1 / 8 เอกสารสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดพะเยา กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การปล่อยปลาลงสู่กว๊านพะเยา (27 มี.ค. 2515 - 13 ต.ค. 2521)


องค์ความรู้เรื่อง "กันป่วย คู่มือรักษาสุขภาพในรัชกาลที่ ๖"เรียงเรียงโดย นายไอยคุปต์ ธนบัตร นักอักษรศาสตร์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มประวัติศาสตร์ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์


พระธาตุแช่แห้ง หลักฐานความสัมพันธ์กับสุโขทัย แต่ทำไมรูปแบบศิลปะเป็นแบบล้านนา? . พระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่เวียงภูเพียงแช่แห้ง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ห่างจากตัวเมืองน่านปัจจุบันไปทางทิศตะวันออกราว ๓ กิโลเมตร . หลักฐานเอกสารพื้นเมืองน่าน ฉบับวัดพระเกิดกล่าวว่า พระธาตุแช่แห้งสร้างขึ้นราว พ.ศ. ๑๘๙๖ เพื่อบรรจุพระธาตุจำนวน ๗ องค์ และพระพิมพ์เงิน พระพิมพ์ทอง อย่างละ ๒๐ องค์ ซึ่งพระยาการเมือง เจ้าผู้ครองเมืองพลัว/ปัว (เชื่อว่าเป็นศูนย์กลางมาก่อนเมืองน่านปัจจุบัน) ได้รับจากพระยาลิไท กษัตริย์สุโขทัย จากการไปช่วยสร้างวัดหลวงอภัย . โดยรูปแบบของพระธาตุแช่แห้งเมื่อแรกสร้างนั้นไม่ชัดเจน ทราบเพียงว่าสูงจากพื้นดินราว ๑ วา . แต่ด้วยช่วงเวลาดังกล่าวเมืองน่านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสุโขทัย อีกทั้งงานศิลปกรรมอื่นๆ ทั้งประติมากรรมและสถาปัตยกรรมที่มีอายุใกล้เคียง/หลังพระธาตุแช่แห้งลงมาเล็กน้อย ล้วนสะท้อนอิทธิพลศิลปะสุโขทัยทั้งสิ้น ดังนั้นจึงมีการสันนิษฐานว่ารูปแบบของพระธาตุแช่แห้งเมื่อแรกสร้างอาจได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะสุโขทัยเช่นกัน โดยอาจมีรูปแบบเป็นเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์(?) หรืออาจมีรูปแบบคล้ายเจดีย์ช้างล้อม(?)ได้หรือไม่ . ภายหลังเมืองน่านถูกผนวกเข้ากับล้านนาราว พ.ศ. ๑๙๙๓ - ๒๑๐๑ ก่อนจะอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า และขึ้นกับรัตนโกสินทร์ตามลำดับ . ซึ่งระยะตั้งแต่เมืองน่านถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของล้านนาเป็นต้นมานี้เองก็ได้พบว่ามีการซ่อมสร้างองค์พระธาตุครั้งใหญ่ ตลอดจนปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมรูปแบบองค์เจดีย์หลายครั้งจนถึงปัจจุบัน . ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าพระธาตุแช่แห้งสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่น่านกับสุโขทัยมีความสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่น รวมถึงระยะแรกอาจมีรูปแบบเช่นเดียวกับเจดีย์ในศิลปะสุโขทัยก็เป็นได้ . แต่ด้วยความที่พระธาตุแห่งนี้เป็นพระธาตุสำคัญจึงมีการปฏิสังขรณ์เรื่อยมา โดยที่การสร้างครอบทับหลายครั้งเกิดขึ้นในช่วงที่น่านอยู่ภายใต้การปกครองของล้านนา จึงทำให้รูปแบบของเจดีย์ในปัจจุบันเป็นเจดีย์แบบล้านนานั่นเอง



พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระยาประสาทวิริยกิจ (เซย ชัยประภา) ณ เมรุวัดธาตุทอง พระโขนง วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๘ 



          ...แหล่งภาพเขียนสีในพื้นที่อ่าวพังงา โดยมากเป็นภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งพบทั้งภาพบุคคล สัตว์บก สัตว์น้ำ และรูปเรขาคณิต แต่มีเพียงไม่กี่แหล่งที่ปรากฏภาพคล้ายเรือ ซึ่งใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไปมาระหว่างแผ่นดินใหญ่กับท้องทะเลของมนุษย์ในอดีต ภาพเขียนสีที่ “แหล่งภาพเขียนสีเกาะเขาเต่า” นี้เป็นอีกหนึ่งแหล่งที่ปรากฏภาพคล้ายเรือที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นแหล่งที่มีการค้นพบใหม่โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓ ที่ผ่านมา…          แหล่งภาพเขียนสีเกาะเขาเต่า ตั้งอยู่ที่ ตำบลกระโสม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา อยู่บนเกาะซึ่งไม่ปรากฏชื่อในแผนที่ทหาร เป็นเขาหินปูนขนาดเล็ก ระหว่างคลองกะไหลและคลองกระโสม ด้านทิศใต้ของเกาะสองพี่น้องซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งภาพเขียนสีถ้ำนาค ห่างกันประมาณ ๒ กิโลเมตร เกาะเขาเต่ามีรูปร่างวงรีวางตัวตามแนวแกนทิศเหนือ – ใต้ ขนาดยาวประมาณ ๒๕๐ เมตร กว้าง ๑๒๐ เมตร           การเข้าถึงแหล่ง จากอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เดินทางโดยเรือระยะทางประมาณ ๑๓.๕ กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ ๑๕ – ๒๐ นาที โดยผ่านคลองเกาะปันหยี เกาะปันหยี และมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันตก ใช้เส้นทางตัดผ่านเกาะทะลุนอก เพื่อเข้าสู่บริเวณปากคลองกระโสม ใช้เส้นทางลัดเลาะเข้าไปตามคลองขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลน           เมื่อถึงบริเวณเพิงผาและถ้ำขนาดเล็กด้านทิศตะวันออกของเกาะ ต้องปีนขึ้นไปบริเวณเพิงผาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๓- ๕ เมตร ที่ผนังถ้ำและเพิงผาปรากฏภาพเขียนสีแดง เป็นภาพบุคคล ภาพลายเส้นหยักคล้ายคลื่น ภาพเรือ และมีภาพเขียนสีดำ เป็นภาพสัตว์สี่เท้า ซึ่งเขียนทับบางส่วนของภาพสีแดง นอกจากนี้ยังมีร่องรอยภาพที่ลบเลือนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง          บริเวณที่ปรากฏภาพเขียนสีมีลักษณะเป็นเพิงผาเว้าเข้าไปเป็นคูหาลักษณะคล้ายถ้ำขนาดเล็ก ขนาดกว้าง ๑๐ เมตร สูง ๖ เมตร ลึก ๕ – ๘ เมตร เพิงผาหันไปทางทิศตะวันออก พื้นเป็นหิน ภายในมีความชื้นสูง ผนังถ้ำมีตะไคร่น้ำจับอยู่ทั่วไป มีร่องรอยภาพเขียนสีแดงและดำแบบเงาทึบและแบบภาพลายเส้นโครงร่าง เป็นภาพลายคลื่น ภาพเรือ ภาพบุคคล ภาพสัตว์สี่เท้า และภาพเรขาคณิต กระจายอยู่บริเวณผนังด้านในและด้านข้าง          ภาพที่เด่นชัดอยู่ส่วนกลางของผนังเพิงผา เป็นกลุ่มภาพเรือและลายเส้นหยักคล้ายคลื่น กลุ่มภาพนี้มีขนาดความกว้างและยาวด้านละประมาณ ๘๐ – ๑๐๐ เซนติเมตร โดยภาพเรือเป็นภาพในมุมมองด้านหน้าตรง เขียนลายเส้นสีแดงเป็นแกนหรือโครงสร้างเรือ และระบายสีทึบด้วยสีดำหรือสีที่เข้มกว่าสีแดงบริเวณตัวเรือและหัวเรือ ซึ่งมีลักษณะคล้ายเรือหัวโทง ที่ยังนิยมใช้กันอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน           ด้านข้างของภาพเรือเป็นลายเส้นหยักคล้ายคลื่น ซ้อนกันในแนวนอน ๕ เส้น ที่อาจสื่อถึงการใช้เรือเดินทางในทะเล ใกล้กันห่างออกไปทางขวาประมาณ ๑๐๐ เซนติเมตร ตำแหน่งภาพสูงจากพื้น ๘๐ เซนติเมตร มีภาพสัตว์สี่เท้าคล้ายช้างเขียนด้วยลายเส้นสีดำทับร่องรอยภาพสีแดง ขนาดกว้าง ๑๘ เซนติเมตร สูง ๑๑ เซนติเมตร ถัดไปทางขวาเล็กน้อยมีภาพโครงร่างแบบคร่าวๆ เขียนด้วยสีแดงคล้ายบุคคลและเรขาคณิต ///ผนังอีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือ มีกลุ่มภาพเขียนสีดำเป็นภาพบุคคลแสดงท่าทางต่างๆ เช่น ยืนกางแขน แสดงท่าทางเคลื่อนไหว และกลุ่มภาพคล้ายสัตว์อยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นภาพบุคคลหรือลิงชูแขนลักษณะห้อยโหนอยู่ด้านล่างของภาพสัตว์สี่เท้าคล้ายช้าง ซึ่งกลุ่มภาพสีดำนี้เขียนทับไปบนภาพส่วนใหญ่ของภาพร่องรอยบุคคลสีแดงแบบเงาทึบขนาดใหญ่ โดยบุคคลทางซ้ายอยู่ในลักษณะยืนตรง มีเส้นผมที่ศีรษะ ส่วนบุคคลทางขวายืนหรือนั่งหันข้างมองออกไปทางด้านขวาหรือด้านหน้าของเพิงผา กลุ่มภาพนี้มีขนาดความกว้างและยาวด้านละประมาณ ๑๐๐ – ๑๒๐ เซนติเมตร   นอกจากนี้ยังมีร่องรอยภาพสีแดงที่ค่อนข้างลบเลือน เป็นภาพลายเส้นและภาพเรขาคณิต กระจายตัวอยู่ทั่วไปบนผนังอีกหลายจุด          แหล่งภาพเขียนสีเกาะเขาเต่า มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่บริเวณปากคลองสองสายคือคลองกระโสมและคลองกะไหล ที่ไหลมาบรรจบกันเพื่อใช้เป็นเส้นทางออกสู่ทะเลได้ สภาพพื้นที่เป็นเพิงผาและถ้ำขนาดเล็ก มนุษย์ในอดีตจึงสามารถใช้เพิงผาและถ้ำเป็นแหล่งพักพิงชั่วคราว สามารถประกอบกิจกรรม หรือพิธีกรรมซึ่งอาจมีการขีดเขียนวาดภาพบนผนังเพิงผาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งสันนิษฐานว่าอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ ๕,๐๐๐ – ๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว           กลุ่มภาพสีแดงและสีดำที่ปรากฏบนผนังเพิงผาและถ้ำ สันนิษฐานว่าเป็นกลุ่มภาพเล่าเรื่องแสดงเหตุการณ์หรือบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต โดยมีภาพที่สำคัญเป็นภาพเรือและลายเส้นคลื่นที่สามารถสื่อได้อย่างชัดเจนในเรื่องการเดินทางในท้องทะเลที่อาจมีคลื่นลมแรง จนผู้เขียนอาจต้องแวะเข้ามาเพื่อหลบคลื่นลมและแวะพักก่อนเดินทางต่อไป และยังมีภาพบุคคลสีแดงขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณผนังอีกด้านหนึ่ง แสดงท่าทางยืนและตรงและหันข้าง ที่อาจสื่อถึงบุคคลที่ร่วมเดินทางมากำลังรอคอยเพื่อจะเดินทางต่อไป          ส่วนกลุ่มภาพลายเส้นสีดำที่ปรากฏส่วนใหญ่เขียนทับบนกลุ่มภาพสีแดง ในระดับความสูงที่ต่ำกว่าหรือมีระดับใกล้เคียงกลุ่มภาพสีแดง ภาพลายเส้นสีดำเขียนแบบง่ายๆ อาจสื่อถึงเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นบริเวณอื่นหรือบนแผ่นดินใหญ่ ผู้เขียนจึงเขียนถ่ายเรื่องราวที่พบเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์การระหว่างสัตว์สี่เท้ากับบุคคล โดยกลุ่มภาพบุคคลมีการแสดงท่าทางต่างๆ ทั้งยืนตรง กางแขน ชูแขน และกำลังเคลื่อนไหวอยู่ แสดงกิจกรรมบางอย่างที่ร่วมกันระหว่างบุคคลและสัตว์ ซึ่งอาจสื่อถึงการเลี้ยงสัตว์หรือกำลังต้อนสัตว์เหล่านั้นอยู่ กลุ่มภาพเขียนสีดำนี้เขียนขึ้นภายหลังกลุ่มภาพสีแดง ซึ่งอาจเขียนขึ้นในสมัยหลังหรืออาจเขียนขึ้นในสมัยปัจจุบันที่มีการเขียนเลียนแบบภาพสีแดงโดยบุคคลที่แวะเวียนมาใช้เพิงผาและถ้ำที่เกาะเขาเต่าก็เป็นได้           ...หมู่เกาะน้อยใหญ่ในพื้นที่อ่าวพังงา นอกจากมีความสวยงามตามธรรมชาติที่มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานแล้ว ยังมีเกาะอยู่อีกจำนวนมากที่อาจมีการค้นพบแหล่งภาพเขียนสีแหล่งใหม่ๆ ซึ่งจะสะท้อนให้เราเห็นภาพวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตที่เข้ามาใช้พื้นที่บริเวณนี้ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย... ----------------------------------------------------------------------สำรวจ/เรียบเรียง/กราฟิก : ธวัชชัย ชั้นไพศาลศิลป์ นักโบราณคดีชำนาญการ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช----------------------------------------------------------------------


เนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย 2564 สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้เปิดเวทีเสวนาระหว่างเครือข่ายพิพิธภัณฑ์(Museum Streaming) ภายใต้แนวคิด Creating for all ระหว่างวันที่ 19 - 21 กันยายน 2564 ในรูปแบบออนไลน์ Museum Streaming วันที่ 20 กันยายน 2564 เสวนาในหัวข้อ "Digital Tools in Museums" วิทยากรร่วมเสวนา -   นางสาวนิตยา กนกมงคล (ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ)     หัวข้อ "Museum Delivery : พิพิธภัณฑ์พร้อมเสริฟ" -   นางกาญจนา ศรีปัดถา (ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว)     หัวข้อ "Museum Event on Digital Platform" -   Mr. Toby Lu (Sales and Exhibition Manager, River City Bangkok)     หัวข้อ "Museum Marketing" ดำเนินรายการ โดย     นายดิษพงศ์ เนตรล้อมวงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัย สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ   #MuseumStreaming #เสวนาเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ #ThailandMuseumExpo2021 #มหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทย2564#สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ #กรมศิลปากร #วันพิพิธภัณฑ์ไทย2564 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ติดตามข่าวสารและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่กิจกรรมมหกรรมวันพิพิธภัณฑ์ไทย 2564 : Thailand Museum Expo 2021Facebook Page : Office of National Museums, ThailandYouTube : Office of National Museums, Thailand




ชื่อเรื่อง                                นิพฺพานสุตฺต (นิพพานสูตร)  สพ.บ.                                  370/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           36 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 58.5 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           เทศน์มหาชาติ                                           คาถาพัน                                           ชาดก บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ล่องชาด  ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี



องค์ความรู้ประจำเดือนตุลาคม เรื่อง "หน้าบุคคลทั้ง ๔ บนซุ้มปราสาทเฟื้อง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง"          ซุ้มปราสาทเฟื้อง เป็นชื่อเรียกของปราสาทขนาดเล็ก ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น ตั้งอยู่บนซุ้มประตูทางเข้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง กำหนดอายุจากรูปแบบศิลปะ อยู่ในช่วงครึ่งแรกพุทธศตวรรษที่ ๑๙ โดยคำว่า “เฟื้อง” มีความหมายว่า ขนาดเล็ก มีที่มาจากหน่วยนับเงิน ซึ่งมีค่าน้อยกว่าสตางค์         หน้าบุคคลทั้ง ๔  มีเค้าโครงของใบหน้าสี่เหลี่ยมและดวงตามองตรง ลักษณะการแสดงออกทางใบหน้าคล้ายคลึงกับประติมากรรมรูปใบหน้าบุคคล ๔ หน้า ที่ปรากฏในศิลปะเขมร สมัยบายน ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘  ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ความเชื่อเกี่ยวกับการสร้างซุ้มปราสาทเฟื้องนี้ มีข้อสันนิษฐาน ๒ แนวคิด คือ แนวคิดที่ ๑ สันนิษฐานว่า เป็นใบหน้าของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสมันตมุข ผู้คอยดูแลทุกข์สุขของคนโดยทั่วไป คำว่า สมันตมุข แปลว่า มีพระพักตร์รอบทิศหรือเห็นได้โดยรอบ มีความหมายสอดคล้องกับข้อความที่ปรากฏในคัมภีร์สัทธรรมปุณฑรีกสูตรที่กล่าวว่า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงดูแลสรรพสัตว์ ทุกภพทุกภูมิทุกทิศ ช่วยเหลือให้พ้นจากมหันตภัยนานัปการ  ส่วนแนวคิดที่ ๒ เชื่อว่าน่าจะหมายถึง ท้าวจตุโลกบาล หรือท้าวจาตุมหาราช หัวหน้าเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช มีหน้าที่รักษาโลกในทิศทั้ง ๔  ซึ่งความหมายหลังนี้น่าจะมีความเป็นได้มากกว่าเพราะซุ้มปราสาทเฟื้องนี้อยู่ที่ประตูทางเข้าบรรณานุกรม ธีรนาฎ มีนุ่น, พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเอกาทศมุข ปางสมันตมุข [ออนไลน์], สืบค้นเมื่อ ๒๐  กันยายน ๒๕๖๔. แหล่งที่มา https://finearts.go.th/promotion/view/๑๖๘๑๔-พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเอกาทศมุข-ปางสมันตมุขศักดิชัย สายสิงห์. ศิลปกรรมโบราณในอาณาจักรสุโขทัย. นนทบุรี : มิวเซียมเพลส,๒๕๖๑. สงวน รอดบุญ. พุทธศิลป์สุโขทัย. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์, ๒๕๓๓. สันติ เล็กสุขุม. ศิลปะสุโขทัย. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๕๕. สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์, ม.ร.ว. ศิลปะร่วมแบบเขมรในประเทศไทย ภูมิหลังทางปัญญา-รูปแบบทาง ศิลปกรรม. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน,๒๕๓๗.


Messenger