ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,611 รายการ

รายละเอียด  ข้อพึงระวังและข้อควรรู้ สำหรับหน่วยงานในสังกัด



วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา เข้าร่วมกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ "สุขสันต์ถ้วนหน้า เบิกฟ้าปีหนูทอง" พุทธศักราช ๒๕๖๓ ในการนี้สำนักฯได้จัดซุ้มอาหารเพื่อบริการให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม ณ โรงละครแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร


อยากทราบว่ารับนักศึกษาฝึกงานหรือเปล่าครับ ผมเรียน วัฒนธรรม สาขา ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณดคี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ครับ 


พบเครื่องถ้วยชามลายน้ำทอง มีพระบรมฉายาลักษณ์ ร.5 ที่กาน้ำ และจาน ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่เคยเห็นในหนังสือ รวมทั้งภาพใน Internet ขอทราบรายละเอียดด้วยครับ


แบบฟอร์มบัญชีส่งมอบเอกสารประกอบด้วย ๑. บัญชีส่งมอบหนังสือราชการอายุครบ ๒๐ ปี ๒. บัญชีหนังสือขอลำลาย หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานสามารถดาวน์โหลดเพื่อนำไปใช้งานได้ หากมีข้อสงสัย ติดต่อได้ที่โทร. 045285522


วัสดุ สำริด แบบศิลปะ ศิลปะเขมรในประเทศไทย อายุสมัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 สถานที่พบ ขุดพบที่บ้านมะอึ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด คุณวิชา ตระกูลการ มอบให้ ประทับยืน พระพักตร์เหลี่ยม พระนลาฏกว้าง พระขนงต่อเป็นปีกกา พระเนตรมองตรง พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์แย้มเป็นเส้นตรง สวมกระบังหน้าตกแต่งเป็นลวดลายกลีบขนาดเล็ก สวมมงกุฎทรงกรวยยอดมนไม่มีลวดลาย พระเศียรด้านหลังเป็นลายเส้นตรงคล้ายเส้นผม สวมกุณฑล กรองศอ พาหุรัด ทองกร ไม่สวมเสื้อ พระหัตถ์ทั้งสองถือดอกบัวยื่นออกมาด้านหน้าขนานกัน นุ่งผ้าเป็นริ้วยาวประมาณพระชงฆ์ คาดเข็มขัด ขอบผ้านุ่งเว้าลงบริเวณพระนาภี สันนิษฐานว่าเป็นนางปรัชญาปารมิตา


เครื่องหมายหยิน-หยาง                            สัญลักษณ์ประจำลัทธิเต๋า อันหมายถึง อำนาจที่มีบทบาทต่อกันของจักรวาลนักปราชญ์           ชาวจีนเชื่อว่า หยิน-หยาง เป็นตัวแทนของพลังแห่งจักรวาล ๒ ด้าน กล่าวกันว่า เครื่องหมายหยิน           และหยางนี้พัฒนามาจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติของจักรวาล                          สีดำคือ หยิน หมายถึง ดวงจันทร์ เป็นตัวแทนของการเต็มใจ รับหรือยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำ           เป็นพลังแห่งสตรีเพศ ความเยือกเย็น การหยุดนิ่ง การเคลื่อนลงต่ำ การเก็บรักษา การยับยั้ง                          ส่วนสีขาวคือ หยาง หมายถึง ดวงอาทิตย์ อันเป็นสัญลักษณ์ของพลังแห่งบุรุษเพศ           การเคลื่อนไหว ความกระตือรือร้น การเคลื่อนขึ้นไปด้านบน การเจริญเติบโต เจริญรุ่งเรือง ความร้อนแรง                          ดังนั้น สัญลักษณ์หยิน-หยาง จึงแทนความสมดุลของพลังในจักรวาล                              เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติของอำนาจหยินและหยาง ไม่มีวันที่จะเหมือนกันได้ แต่เมื่อ             ทั้งสองรวมกันแล้วก็จะเกิดความสมดุล ความพอดี หากมีพลังหยินมากเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่าง             จะสงบนิ่งมากเกินไปจนดูกลายเป็นความเฉื่อยชา และถ้ามีพลังด้านหยางมากเกินไป              ทุกสรรพสิ่งก็จะเปลี่ยนมาเป็นความก้าวร้าว ความรุนแรง ซึ่งจะทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นได้                           หยาง นั้นเปรียบได้กับ ผู้ชาย ส่วนหยินนั้นเป็น หญิง หยางไม่อาจเติบโตขึ้นได้หาก             ปราศจากหยิน และหยินเองก็ไม่อาจให้กำเนิดชีวิตใหม่ได้หากปราศจากหยาง                       โดยทั่วไปแล้วสัญลักษณ์หยิน-หยาง เป็นตัวแทนของปรากฏการณ์สวรรค์ตามความเชื่อ             ของชาวจีนโบราณ ซึ่งประกอบไปด้วยการโคจรของดวงอาทิตย์ ฤดูกาลทั้ง ๔ และปฏิทินจีน                          ข้อมูลจาก       หนังสือนัยแห่งสัญลักษณ์                                    http://www.oknation.net/blog/miharu/2008/01/22/entry-13              ภาพประกอบ                                    http://wowboom.blogspot.com/2011/03/yin-and-yang.html                                            http://www.khalong.com/amulet/index.php/pshop/viewshop/37                                    http://www.photonovice.com/    



กล่าวถึงการเสด็จประพาสหัวเมืองต่าง ๆ ในแหลมมลายู อาทิ เกาะพงัน เมืองสงขลา เมืองกลันตัน ตรังภานู สายบุรี นครศรีธรรมราช เป็นต้น เป็นการเสด็จประพาส 3 ครั้ง คือ เมื่อรัตนโกสินทรศก 117, 118 และ 119




        ชื่อเรื่อง : วิวัฒน์หนังสือไทย      ผู้เขียน : สำนักหอสมุดแห่งชาติ      สำนักพิมพ์ : กรมศิลปากร      ปีพิมพ์ : ๒๕๖๒      เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ :    ๙๗๘-๖๑๖-๒๘๓-๔๓๗-๐      เลขเรียกหนังสือ : ๐๗๐.๕๐๙๕๙๓ ศ๕๒๘ว      ประเภทหนังสือ : หนังสือกรมศิลปากร      ห้องบริการ : ห้องหนังสือทั่วไป ๑สาระสังเขป : อักษรเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้บันทึกภาษาพูดของมนุษย์ สำหรับชาติไทยเราก็มีภาษาและอักษรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะชาติที่เรียกว่า อักษรไทย ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ประดิษฐ์ "ลายสือไทย" ขึ้นเมื่อมหาศักราช ๑๒๐๕ อาจพัฒนามาจากอักษรปัลลวะของอินเดียตอนใต้ ลายสือไทยจึงนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการบันทึกเรื่องราวต่างๆ นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันออกมาในรูปแบบของสื่อประเภทต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ หนังสือไทย โดยหอสมุดแห่งชาติถือว่าเป็นคลังหนังสือของชาติ จึงได้จัดทำและพิมพ์เผยแพร่สูจิบัตรนิทรรศการเรื่อง "วิวัฒน์หนังสือไทย" ขึ้น มีเนื้อหาแบ่งเป็น ๒ ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ นิทรรศการวิวัฒน์หนังสือไทย มีการนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของหนังสือ เริ่มต้นตั้งแต่กำเนิดอักษรไทย กำเนิดตัวพิมพ์และการพิมพ์ไทย โรงพิมพ์ไทย หนังสือสำคัญ หนังสือต้องห้าม หนังสือพิมพ์ในอดีต รวมทั้งจัดแสดงวรรณกรรมที่นำมาเผยแพร่ผ่านสื่อบันเทิง ประวัติความเป็นมาของหอสมุดแห่งชาติในอดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์สำคัญทางประวติศาสตร์ผ่านการพิมพ์ในยุคสมัยต่างๆ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โบราณราชประเพณีแห่งราชอาณาจักรไทย และ ส่วนที่ ๒ บรรณนิทัศน์หนังสือที่นำมาจัดแสดงนิทรรศการวิวัฒน์หนังสือไทย ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสาระสำคัญ พร้อมภาพประกอบของหนังสือแต่ละรายการ เช่น กระบวนพยุหยาตราสถลมารคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จำลองจากต้นฉบับหนังสือสมุดไทยของหอสมุดแห่งชาติ คู่กรรม ตำราคิดเลข ประมวลภาพเหตุการณ์ปฏิบัติการถ้าหลวง : บันทึกวาระแห่งชาติ วรรณคดีสาร หนังสือจดหมายเหตุ Bangkok Recoeder เป็นต้น เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของหนังสือไทยอันทรงคุณค่าของชาติ


หมวดหมู่                        พุทธศาสนาภาษา                            บาลีหัวเรื่อง                          พุทธศาสนา                                    บทสวดมนต์ประเภทวัสดุ/มีเดีย            คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ                   18 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว  57.5 ซม.บทคัดย่อ                     เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากพระอธิการเด่น ปญฺญาทีโป วัดคิรีรัตนาราม ต.ดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ดำเนินการอนุรักษ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2534 


          ถ้ำเบื้องแบบ เป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นชุมชนก่อนประวัติศาสตร์รุ่นแรก ๆ ที่ได้รับการศึกษาค้นคว้าทางโบราณคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการขุดค้นครั้งสำคัญในปี ๒๕๒๕ – ๒๕๒๖ ทำให้พบหลักฐานทางโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นจำนวนมาก เช่น โครงกระดูกมนุษย์ กระดูกสัตว์ เปลือกหอย ภาชนะดินเผา ลูกปัดหอย ขวานหินขัด รวมทั้งเครื่องมือหินกะเทาะและเครื่องมือสะเก็ดหินกว่า ๑,๐๐๐ ชิ้น           แหล่งโบราณคดีถ้ำเบื้องแบบ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัด สุราษฎร์ธานี ลักษณะเป็นถ้ำตั้งอยู่บนเขาหินปูนขนาดเล็ก มีระดับความสูงระหว่าง ๓๐ - ๗๒ เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ในปี ๒๕๒๕ – ๒๕๒๖ กองโบราณคดี กรมศิลปากร ดำเนินการสำรวจและขุดค้นแหล่งโบราณคดีถ้ำเบื้องแบบ ในโครงการโบราณคดีเชี่ยวหลาน ตามแผนงานแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน ผลการขุดค้นพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ในโพรงถ้ำและเพิงผา ๓ ตำแหน่ง ได้แก่           (๑) ถ้ำใหญ่ (ถ้ำสูง) หรือถ้ำเบื้องแบบ ๑ เป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่สุด จากหลังคาถ้ำมีช่องแสงสูงจากระดับพื้นดินล่าง ๑๒ เมตร มีห้องโถงใหญ่ทับถมด้วยดิน มีช่องแสงขนาดใหญ่ตอนบน ซอกชั้นใกล้เพดานถ้ำทะลุออกสู่ช่องแสงอีกด้านหนึ่งของภูเขาและยอดเขา หลักฐานทางโบราณคดีที่พบ ได้แก่ กระดูกมนุษย์ ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีร่องรอยการขัดฝนบริเวณฟันหน้า นอกจากนั้นยังพบกระดูกและฟันสัตว์ เช่น หมูป่า อ้น กวาง เต่า ตะพาบ นก และปูนาพันธุ์, เปลือกหอย เช่น หอยบก หอยทะเล หอยน้ำจืด และหอยน้ำกร่อย, เมล็ดพืช ,ชิ้นส่วนภาชนะดินเผา รูปทรงที่พบ เช่น ภาชนะก้นกลม หม้อมีสัน ชามมีสัน ภาชนะทรงจอกปากผาย ภาชนะทรงพาน หม้อสามขา แท่นรองหม้อ แท่นพิงรูปเขาสัตว์ กระสุนดินเผา เครื่องมือหิน เครื่องมือสะเก็ดหิน ลูกปัดหอย และกำไลหินหรือจักรหิน           (๒) ถ้ำล่าง (ถ้ำพระ) หรือถ้ำเบื้องแบบ ๒ เป็นเพิงผากึ่งโพรงถ้ำ สูงจากระดับพื้นดินล่าง ๑.๘๐ เมตร หลักฐานทางโบราณคดีที่พบ ได้แก่ กระดูกและฟันสัตว์ เปลือกหอย ได้แก่ หอยบก หอยน้ำจืด หอยทะเล เมล็ดพืชป่า ชิ้นส่วนภาชนะดินเผา เช่น หม้อสามขา หม้อมีสัน แท่นรองหม้อ แท่นพิงรูปเขาสัตว์ นอกจากนี้ยังพบเครื่องมือหินลักษณะพิเศษ คือ หินทุบผ้าเปลือกไม้ ซึ่งเครื่องมือลักษณะนี้ใช้สำหรับทุบเปลือกไม้ ใยไม้ เพื่อเอามาทำเป็นผ้า           (๓) ถ้ำหลังเขา (ถ้ำผี) หรือถ้ำเบื้องแบบ ๓ เป็นเพิงผาเพดานต่ำ มีลักษณะเป็นช่องโพรงถ้ำเปิด ปากทางเข้าถ้ำเป็นเพิงผา มีเพดานต่ำก่อนเข้าถึงโพรงถ้ำ สูงจากระดับพื้นดินล่าง ๑๕ เมตร หลักฐานทางโบราณคดีที่พบ ได้แก่ กระดูกสัตว์ เปลือกหอย เครื่องมือหินกะเทาะ เครื่องมือสะเก็ดหิน แผ่นหินลับ ขวานหินขัด และเศษภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ           จากหลักฐานที่พบแสดงให้เห็นว่าในอดีต ถ้ำเบื้องแบบเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีวิถีการดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ เก็บของป่ามาเป็นอาหาร มีวัฒนธรรมการทำและใช้เครื่องมือหินกะเทาะและเครื่องมือหินขัดร่วมกัน มีการทำภาชนะดินเผา รู้จักการทำเครื่องประดับจากหินและเปลือกหอย เช่น กำไลหินหรือจักรหิน ลูกปัดหอย การทำผ้าด้วยเปลือกไม้ นอกจากนั้นยังพบหลักฐานที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้ไฟในการหุงต้มอาหาร เนื่องพบร่องรอยของคราบอาหารไหม้ติดอยู่บนภาชนะดินเผา และพบร่องรอยของกระดูกสัตว์ที่นำมาเป็นอาหารถูกทำให้สุกด้วยการเผาไฟ ผลการหาค่าอายุของแหล่งโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จากการนำตัวอย่างถ่าน กระดูกสัตว์ และกระดูกมนุษย์ ด้วยวิธีเรดิโอคาร์บอน (C-14) สามารถกำหนดอายุสมัยของแหล่งโบราณคดีถ้ำเบื้องแบบได้ประมาณ ๖,๕๐๐ – ๔,๒๐๐ ปีมาแล้ว ที่มาของข้อมูล : สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช https://www.facebook.com/nakonsrifad14/posts/608790486387203?__tn__=K-R


black ribbon.