ค้นหา


รายการที่พบทั้งหมด 38,992 รายการ


องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง "มารยาทในการไปงานศพ" วันที่สำคัญในชีวิตของคนเราทุกคนอีกหนึ่งวันก็คือวันตาย ประเพณีงานศพของไทยในสมัยโบราณ จะมีวิธีการที่สลับซับซ้อน งานศพของแต่ละภาคในประเทศไทย แต่ละแห่งจะมีความแตกต่างกันไปจะมากบ้างหรือน้อยบ้าง ตามแต่ละท้องที่ท้องถิ่น บางแห่ง เจ้าภาพเน้นเรื่องการรับรอง เลี้ยงดูแขกผู้มาร่วมงาน อย่างชนบททางภาคใต้ เมื่อมีญาติถึงแก่ความตาย ประเพณีที่ยึดถือกันมาคือต้องตั้งศพไว้ในบ้าน ( ศพที่จะตั้งอยู่ที่วัดนั้นจะเป็นศพผีตายโหงหรือศพไร้ญาติ ) ซึ่งเจ้าภาพต้องจัดงานศพอย่างสมเกียรติ ใครไม่มีเงินก็ต้องกู้หนี้ยืมสินเขามาจัดงาน วิธีการเช่นนี้เรียกว่า คนตายขายคนเป็น ลักษณะของสังคมเกษตรกรรมในชนบท เมื่อมีงานเขาต้องช่วยเหลือกัน เริ่มตั้งแต่หาไม้ทำโลง ทำสถานที่ กางเต็นท์ เมื่อชาวบ้านทุกบ้านร่วมแรงร่วมใจมาช่วยกันเสร็จแล้ว ก็ต้องหุงหาอาหารรับประทาน เป็นหน้าที่ของเจ้าภาพที่ต้องแสวงหาอาหารเลี้ยงคนอย่างดี ให้พอเพียง บางงานอาจล้มวัวล้มควาย ฆ่าหมู ไก่ เป็นจำนวนมาก เลี้ยงสุรา และอาจเล่นการพนัน แต่ในปัจจุบันได้ช่วยรณรงค์ให้ละเว้นการปฏิบัติ การประพฤติแบบนี้ไปแล้วในบางแห่ง ซึ่งในปัจจุบันเพื่อความสะดวกสบาย ได้ตั้งศพไว้ที่วัดในทุกกรณีของการตาย และจะอยู่ที่เจ้าภาพว่าจะตั้งศพไว้ที่ไหนตามแต่สะดวกของเจ้าภาพ มารยาทที่เจ้าภาพควรปฏิบัติ 1. บัตรเชิญควรเขียนด้วยปากกาสีดำ เขียนชื่อแขกให้ถูกต้อง 2.เจ้าภาพต้องแต่งกายชุดดำให้เรียบร้อย 3. ต้องคอยต้อนรับแขกด้วยอาการสำรวม ในงานศพนั้นคนไทยถือว่าแม้เจ้าภาพไม่บอกกล่าวก็ไปร่วมแสดงความเสียใจและทำบุญได้ ดังนั้นแขกที่มาในงานจึงมีทั้งที่เป็นเพื่อนคนตายและญาติ เจ้าภาพอาจรู้จักหรือไม่รู้จักก็ได้ เจ้าภาพจึงต้องระมัดระวังเรื่องการรับรองต้อนรับแขก 4. ในชนบทคนเดินทางกันมาไกล จะมาถึงเวลาใดก็ต้องเลี้ยงอาหาร ผิดกับในเมืองที่ศพตั้งอยู่ที่วัด การเลี้ยงอาหารจะทำกันครั้งเดียวคือหลังสวดพระอภิธรรมจบที่สามเท่านั้น เจ้าภาพต้องเตรียมอาหารให้เหมาะกับสถานที่ บางวัดห้ามนำอาหารมาเลี้ยง อนุญาตเฉพาะน้ำดื่มเท่านั้น เจ้าภาพจึงควรปฏิบัติให้ถูกต้อง 5. ต้องเตรียมของที่จำเป็นในแต่ละขั้นตอน แจกจ่ายงานให้ญาติแต่ละคนช่วยกันดูแลรับผิดชอบ 6. ดูแลการกินอยู่ของผู้ทำงานให้เรียบร้อยทั่วถึงทุกเวลา 7. ควรให้รางวัลแก่ผู้ทำงานเมื่อเสร็จงานแล้วทุกคน อาจให้เป็นเงินหรือให้เป็นของใช้ เช่น ผ้าขาวม้า ผ้าตัดเสื้อ ผ้าโสร่ง หรือสิ่งอื่นที่เหมาะสมกับวัยและบุคคล 8. เตรียมของชำร่วยที่จะแจกแขกให้พอเพียงกับจำนวนคน บางรายติดธุระมาไม่ได้ แต่ได้ฝากเงินทำบุญใส่ซองมากับมิตรสหาย เป็นหน้าที่ของเจ้าภาพที่จะต้องเตรียมของชำร่วยฝากกลับคืนไปให้ หรือเตรียมมอบด้วยตนเอง หลังวันงานก็ได้ หรืออย่างน้อยต้องมีรายชื่อไว้เพื่อแสดงความขอบคุณเมื่อมีโอกาส 9. เจ้าภาพต้องไหว้ขอบคุณทุกคนที่มาในงาน และแสดงความขอบคุณผู้ร่วมทำบุญด้วยไม่ว่าจะได้มาร่วมงานหรือไม่ 10. หากเจ้าภาพพิมพ์หนังสือแจกวันเผาศพ และระยะเวลาการเผาห่างจากวัดสวดพระอภิธรรมพอสมควร เจ้าภาพควรนำรายชื่อผู้ส่งดอกไม้และพวงหรีดพิมพ์ลงในหนังสือด้วย 11. การนิมนต์พระมาสวดในงานศพให้ใช้คำว่า นิมนต์มาสวดพระอภิธรรม มารยาทของผู้ไปรดน้ำศพ 1. การแสดงความเคารพในการรดน้ำศพนิยมทำกันเฉพาะผู้ที่มีอายุสูงกว่าตนหรืออายุรุ่นราวคราวเดียวกันเท่านั้น ไม่นิยมรดน้ำขอขมาผู้ที่มีอายุน้อยกว่าตน โบราณเรียกว่าอาบน้ำศพ ไม่เรียกรดน้ำเพราะมีธรรมเนียมให้ลูกหลานอาบน้ำชำระศพ แล้วแต่งตัวให้สะอาด 2. ก่อนจะรดน้ำศพ ควรแสดงคารวะศพด้วยการไหว้หรือการโค้งคำนับ แล้วแต่ความเหมาะสม เช่น ทหาร ตำรวจ ในเครื่องแบบ ใช้การโค้งคำนับ พลเรือนใช้วิธีไหว้ 3. ขณะทำความเคารพ ควรอโหสิกรรมในใจว่า กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ อโหสิกมฺมํ โหตุ (อ่านว่า กายะกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง อโหสิกัมมัง โหตุ แปลว่า หากข้าพเจ้าล่วงเกินท่านด้วยทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ ขอท่านโปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด) 4. แล้วค่อยๆรินน้ำอบหรือน้ำหอมลงบนมือขวาของศพ พร้อมกับนึกในใจว่า อิทํ มตกสรีรํ อาสญฺจิ โตทกํ วิย อโหสิ กมํ (อ่านว่า อิทัง มะตะกะสรีรัง อาสัญจิดตทะกัง วิยะ อโหสิกัมมัง แปลว่า ร่างกายที่ตายแล้วนี้ ย่อมเป็นอโหสิกรรม ไม่มีโทษเหมือนน้ำที่รดแล้วฉันนั้น) 5. เมื่อรดน้ำเสร็จแล้วให้ทำความเคารพอีกครั้ง พร้อมกับแผ่กุศลในใจว่า ขอจงไปสู่สุคติๆ เถิด ในการรดน้ำศพพระภิกษุ ให้ปฏิบัติดังนี้ 1. กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง 2. ถือภาชนะรดน้ำศพด้วยมือทั้งสอง 3. รดลงบนฝ่ามือขวาของศพ พร้อมนึกขออโหสิและอุทิศกุศลให้ 4. รดน้ำเสร็จแล้วกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง การไปฟังสวดพระอภิธรรม 1. แต่งกายไว้ทุกข์ 2. นำดอกไม้ พวงมาลัย หรือพวงหรีดไปเคารพศพ ถ้าไม่นำดอกไม้ไป ควรนำซองใส่เงินมอบให้เจ้าภาพเพื่อใช้จ่ายเกี่ยวกับงานศพ เพราะงานศพเป็นงานที่ต้องใช้จ่ายมาก ถ้าเปลี่ยนค่านิยมจากพวงหรีดเป็นเงินช่วยเจ้าภาพได้จะดีกว่า ในชนบทเจ้าภาพจะเตรียมขันใส่พานรองวางไว้ มีปากกาสมุดวางไว้ให้คนลงชื่อและซองใส่เงิน บางรายเจ้าภาพประกาศงดพวงหรีดเพราะต้องการเงินไปตั้งทุนหรือสมทบทุนให้ผู้ตายต่อไป 3. ควรไปคารวะทักทายแสดงความเสียใจต่อเจ้าภาพ 4. ไปกราบพระพุทธรูป 3 ครั้ง แบบเบญจางคประดิษฐ์ 5. จุดธูป 1 ดอก ปักลงในกระถาง นั่งพับเพียบกราบศพ 1 ครั้งไม่แบมือ ถ้าศพในพระบรมราชานุเคราะห์ไม่ต้องจุดธูป 6. หาที่นั่งที่เหมาะสม ให้สังเกตที่นั่ง บางงานจัดที่ด้านหน้าไว้สำหรับประธานของเจ้าภาพ งานสวดพระอภิธรรม ถ้าท่านเป็นแขกธรรมดาไม่ควรนั่งในที่ซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษนั้น 7. นั่งประนมมือฟังพระสวดด้วยอาการสงบ 8. ไม่ควรคุยส่งเสียงดังขณะพระสวดเพราะจะไปทำลายรบกวนสมาธิผู้อื่น 9. ถ้าแขกเป็นเจ้าภาพต้องจุดธูปเทียนบูชาพระ(จุดเทียนงานศพให้จุดเทียนทางซ้ายมือก่อน งานมงคลจุดทางขวามือก่อน) อาราธนาศีลเมื่อจบการสวดต้องเป็นผู้ถวายเครื่องปัจจัยไทยทานทอดผ้าบังสุกุลก่อนจบการสวดต้องกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย ขณะที่กรวดน้ำควรอุทิศส่วนกุศลผลบุญแด่ผู้ตาย ขอให้ผู้ตายรับส่วนกุศล มีความสุขในสัมปรายภพ 10. ควรอยู่ฟังสวดให้ครบทั้ง 4 จบ เมื่อจะกลับควรลาเจ้าภาพด้วย หากแขกผู้ใดไม่สามารถอยู่ครบทั้ง 4 จบ ควรบอกเจ้าภาพในตอนที่มาถึงให้ทราบเสียก่อน ด้วยการขออภัยเจ้าภาพ การแจ้งล่วงหน้าเป็นการป้องกันไม่ให้เจ้าภาพสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นแขกหายไปไหน ถ้าท่านเป็นประธานในการสวดพระอภิธรรม ต้องปฏิบัติดังนี้ 1. จุดธูป เทียน บูชาพระพุทธ แล้วกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง ทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี 2. จุดเครื่องทองน้อยคือ ธูป เทียน บูชาพระอภิธรรมและกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้งทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี 3. จุดธูปเคารพศพ 1 ดอก พร้อมกับแสดงความเคารพการหมอบกราบด้วยการกระพุ่มมือ ไหว้ไม่แบมือ 1 ครั้ง สำหรับศพของผู้อาวุโสกว่าตน ถ้าเป็นผู้มีอายุที่น้อย อ่อนอาวุโสเพียงแต่น้อมตัวไหว้ งานฌาปนกิจหรือพระราชทานเพลิงศพ 1. ควรแต่งชุดดำสุภาพ ถ้าเป็นงานพระราชทานเพลิงศพ สตรีควรสวมถุงน่อง บุรุษใส่ชุดพระราชทานหรือสวมเสื้อเชิ้ตขาวผูกเนคไท 2. ไปถึงงานควรแสดงความเคารพเจ้าภาพก่อน และหาที่นั่งที่เหมาะสม 3. ถ้ามีการเป่าแตรนอนเป็นเกียรติแก่ศพ ทุกคนต้องยืนตรงเพื่อแสดงความเคารพและให้เกียรติแก่ผู้ตาย 4. ควรเรียงแถวทยอยกันขึ้นวางดอกไม้จันทน์จุดเพลิงศพตามลำดับ ให้ขึ้นสองแถวและลงสองแถวตามที่จัดไว้ 5. แสดงความเคารพศพด้วยการคำนับหรือไหว้ ก่อนวางดอกไม้จันทน์ อ้างอิง : รัศมี-สุทธิ ภิบาล. มารยาทในวัฒนธรรมไทย. กรุงเทพฯ: ไทพัน อินเตอร์ แอคท์, 2537. ผู้เรียบเรียง : นางกรองแก้ว เปเหล่าดา บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี


สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพการสัมมนาวิชาการ SARBICA International Symposium 2023 หัวข้อ “Archives in Digital Era: Changes, Adaptations, Achievements” ระหว่างวันที่ 21 - 22 พฤศจิกายน 2566 รายละเอียดเพิ่มเติม https://sarbica2023.nat.go.th/


อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ประกาศรับสมัครนักโบราณคดี 1 ตำแหน่ง  - คุณสมบัติ : ไม่จำกัดเพศ - วุฒิการศึกษา ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาโบราณคดี - อัตราค่าจ้าง : 15,000 บาท/เดือน - เวลาทำงาน 08.00 น. – 17.00 น.  - วันทำงาน จันทร์ - ศุกร์  หน้าที่รับผิดชอบ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ 1. ปฏิบัติงานเป็นผู้ช่วยนักโบราณคดีเกี่ยวกับการศึกษา ค้นคว้า รวบรวมข้อมูลทาง วิชาการ ด้านประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดีหรือแหล่งวัฒนธรรม 2.  ปฏิบัติงานเป็นผู้ช่วยนักโบราณคดีในการร่วมสํารวจ ขุดค้นแหล่งโบราณคดี หรือ แหล่งวัฒนธรรมสมัยต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการอนุรักษ์ บูรณะและปกป้องคุ้มครองมรดกทางศิลปวัฒนธรรม 3. จัดทําเอกสารรายงาน บันทึกข้อมูลโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จากแหล่ง โบราณคดี และโบราณสถาน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการศึกษาทางโบราณคดี 4.  เป็นวิทยากรเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการของหน่วยงาน และให้บริการทางการศึกษา แก่นักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไป 5.  ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและตามที่ได้รับมอบหมาย ผู้สนใจสามารถส่งใบสมัครเข้ามาที่เฟสบุ๊คเพจ อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  โทร. 0 3755 0454 


         ตาลปัตร ภาพอักษรข้อความพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก  พุทธศักราช ๒๕๖๒           เทคนิค : สีฝุ่นบนตาลปัตร          ศิลปิน : นายเจริญ  มาบุตร           ตำแหน่ง : จิตรกรชำนาญการ          กลุ่มงาน : กลุ่มจิตรกรรม  สำนักช่างสิบหมู่  กรมศิลปากร          พ.ศ.๒๕๖๔          ผลงานศิลปกรรมออกแบบและจัดสร้างโดย  กลุ่มจิตรกรรม  สำนักช่างสิบหมู่  กรมศิลปากร  จัดแสดงในนิทรรศการพิเศษ “เถลิงรัชช์หัตถศิลป์” ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร  ระหว่างวันที่ ๙ มิถุนายน – ๑๗ กันยายน ๒๕๖๖  เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. วันพุธ – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร)          การพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ นับเป็นขั้นตอนสำคัญภายหลังจากการถวายเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์และเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศที่มีพัฒนาการของถ้อยพระวาจาสัมพันธ์อยู่กับสภาพการเมืองการปกครอง สังคมและวัฒนธรรมในแต่ละช่วงเวลา ดังเช่น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”  ส่วนในรัชกาลปัจจุบันมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”            ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมสื่อวีดิทัศน์ : ขั้นตอนการเขียนสีฝุ่นบนตาลปัตร  ได้จากระบบศูนย์ข้อมูลงานศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ ทางลิ้งค์ด้านล่าง ------------------------------------- https://datasipmu.finearts.go.th/knowledge/26 -------------------------------------


           สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมโครงการจัดการแสดงนาฏศิลป์และดนตรี “เสาร์สนุก” ในวันเสาร์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙  ภายในบริเวณหอสมุดแห่งชาติ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พบกับรายการแสดง ดังนี้            การบรรเลงวง STRING CHAMBER โดยทศพร โพธิ์ทอง และไพโรจน์ พึ่งเทียน            - cello Double concerto Antonio Vivaldi RV 531            - Cinema Paradiso 1988            - BeethOven’5 SecretS - One Republic FROM THE PIANO GUYS            การบรรเลงดนตรีไทย            - ขับเสภาส่งเครื่อง เรื่องกากี โดยปกรณ์ หนูยี่ และคณะ             - การบรรเลงเดี่ยวระนาดเอก เพลงลาวแพน โดยกิตติศักดิ์ อยู่สุข            - การบรรเลงเดี่ยวฆ้องวงเล็ก เพลงนกขมิ้น โดยถาวร ภาสดา            การแสดงนาฏศิลป์ไทย             - รำกริชสุหรานากง โดยกษมา ทองอร่าม            - การแสดงชุดวายุบุตรชมอุทยาน โดยเอกภชิต วงศ์สิปปกร            - รำฉุยฉายนางมณี โดยไอศูรย์ ทิพย์ประชาบาล            - การแสดงชุดเทวดาเบญจพรรณ โดยสุรเดช เดชอุดม ,สุทธิ สุทธิรักษ์ และเกริกชัย ใหญ่ยิ่ง ชมฟรี !!! ไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ ๐ ๒๒๒๑ ๐๑๗๑



           วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖  เวลา ๑๗.๐๐ น. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการ Chinese Xieyi เสี่ยอี้ สุนทรียศิลป์แห่งจีนประเพณี : ผลงานศิลปะร่วมสมัยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีน โดยมีนางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม นายอู๋ จื้อ อุปทูตสถานเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายจาง ไป่เฉิง  รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีน นายจูเว็งซียู ดือ จือซุซ มาร์ติงซ์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทย ผู้แทนศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ ศิลปินชาวจีน แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ อาคารนิทรรศการถาวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ             ทั้งนี้ นิทรรศการ Chinese Xieyi เสี่ยอี้ สุนทรียศิลป์แห่งจีนประเพณี : ผลงานศิลปะร่วมสมัยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีน เป็นความร่วมมือทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมระหว่างหน่วยงานของรัฐบาลไทยและจีน เป็นการจัดกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สําหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป กรมศิลปากร และพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีน เป็นผู้ดำเนินการจัดนิทรรศการครั้งนี้ขึ้นระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗  ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ             สำหรับนิทรรศการ Chinese Xieyi เสี่ยอี้ สุนทรียศิลป์แห่งจีนประเพณี : ผลงานศิลปะร่วมสมัยจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติจีน นำเสนอจิตวิญญาณและการแสดงแบบจีนร่วมสมัยผ่านผลงานจิตรกรรมและประติมากรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะและวัฒนธรรมแบบจีนโบราณ โดยหยิบยก "เสี่ยอี้" มาเป็นหัวข้อหลักของนิทรรศการ และใช้จิตรกรรมจีนร่วมสมัย จิตรกรรมสีน้ำมัน จิตรกรรมสีน้ำและประติมากรรม มาสร้างสรรค์เป็นเนื้อหาสำคัญเพื่อแสดงถึงจิตวิญญาณและรูปแบบเฉพาะของเสี่ยอี้ ทั้งยังสะท้อนถึงรูปแบบการสร้างสรรค์ และวิวัฒนาการร่วมสมัยของจิตวิญญาณเสี่ยอี้ โดยนิทรรศการในครั้งนี้คัดเลือกผลงานที่สร้างสรรค์อย่างยอดเยี่ยมทั้งสิ้น ๖๓ รายการ ทั้งจิตรกรรมและประติมากรรมจากศิลปินที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน ๔๒ คน              โดยนิทรรศการนี้ถือเป็นการเริ่มต้นต้อนรับการเฉลิมฉลอง เนื่องในวาระครบรอบ ๕๐ ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทยที่กำลังจะมาถึงในอีก ๒ ปีข้างหน้าคือ ในวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘


ชื่อเรื่อง                     สาส์นสมเด็จ ลายพระหัตถ์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ และ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ภาค 2)ผู้แต่ง                       สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   วรรณกรรมเลขหมู่                      895.916 น254ส                    สถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 คลังวิทยาปีที่พิมพ์                    ม.ป.ป.ลักษณะวัสดุ               750 หน้า หัวเรื่อง                     จดหมาย                              รวมเรื่องภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก          หนังสือเรื่องสาส์นสมเด็จ ภาค 2 ลายพระหัตถ์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ และ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ  


ชื่อเรื่อง                    สพ.ส.58 คำให้การประเภทวัสดุ/มีเดีย       สมุดไทยดำISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                  จดหมายเหตุลักษณะวัสดุ              21; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง                    คำให้การ                    ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก                   ประวัติวัดพยัคฆาราม ต.ศรีประจันต์  อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ วันที่ 15 ส.ค..2538


          นารายณ์ทรงสุบรรณ มีความหมายเดียวกันกับ พระวิษณุทรงครุฑ เนื่องจาก นารายณะ (ไทยเรียก นารายณ์) เป็นพระนามหนึ่งของพระวิษณุ ส่วนสุบรรณ ก็เป็นชื่อเรียก ครุฑ หรือ พญาครุฑ พาหนะของพระวิษณุ ส่วนที่เติมสร้อยว่า รัชกาลที่ 9 เพื่อสื่อให้ประจักษ์ว่าเรือลำนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9           นารายณ์ทรงสุบรรณ มีความหมายเดียวกันกับ พระวิษณุทรงครุฑ เนื่องจาก นารายณะ (ไทยเรียก นารายณ์) เป็นพระนามหนึ่งของพระวิษณุ ส่วนสุบรรณ ก็เป็นชื่อเรียก ครุฑ หรือ พญาครุฑ พาหนะของพระวิษณุ ส่วนที่เติมสร้อยว่า รัชกาลที่ ๙ เพื่อสื่อให้ประจักษ์ว่าเรือลำนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เนื่องจากชื่อเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณมีมาแล้วแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 3 (พุทธศักราช 2367 - 2394)           หัวเรือพระที่นั่งจำหลักรูปพระวิษณุประทับยืนบนครุฑ บ่งบอกอิทธิพลศาสนาฮินดูตามคัมภีร์ปุราณะจากอินเดียที่มีต่อประเพณีนิยมและศิลปกรรมไทย พระวิษณุเป็นหนึ่งในเทพเจ้าสำคัญที่สุด 3 องค์ อีก 2 องค์ คือพระพรหมและพระศิวะ พระวิษณุเป็นเทพเจ้าแห่งการพิทักษ์รักษา พระองค์ถือกำเนิดบนโลกมนุษย์ในรูปร่างต่างๆ เรียกว่า อวตาร เชื่อกันว่าทรงแบ่งภาคลงมากำเนิดเป็นพระราชาได้ในทุกสถานที่และทุกกาลเวลา ในพุทธศตวรรษที่ 19 ราชสำนักไทยได้รับเอาแนวคิดเช่นนี้มาสร้างให้เกิดความเชื่อในหมู่ประชาชนซึ่งเกื้อหนุนสถานภาพของพระมหากษัตริย์ให้สูงส่งประหนึ่งเทพ อย่างไรก็ดี โขนเรือพระที่นั่งลำนี้มิได้แสดงรูปพระรามซึ่งเป็นอวตารของพระวิษณุ ซึ่งพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์มีสมมติพระนามโดยเรียกตามนามของพระราม แต่ได้แสดงรูปพระวิษณุและลักษณะอันโดดเด่นของพระองค์ เช่น พระวรกายคล้ำ ในพระกรทั้ง 4 ทรงถือจักร สังข์ คทา และตรีศูล ประทับบนครุฑยุดนาค หรือครุฑที่จับนาค 2 ตัวชูขึ้น ตามคัมภีร์ปุราณะ ครุฑกับนาคเป็นศัตรูกัน แต่ทั้งสองก็รับใช้พระวิษณุ ครุฑเจ้าแห่งนกทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของท้องฟ้า นาคเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังของน้ำ เมื่อพระวิษณุอยู่เหนือครุฑและนาค ย่อมแสดงว่าพระองค์ทรงมีพลังในการพิทักษ์ปกป้องโลกทั้งมวล           เรือนารายณ์ทรงสุบรรณสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก เมื่อพุทธศักราช 2539 ดำเนินการโดยกองทัพเรือร่วมกับกรมศิลปากร           โขนเรือและตัวเรือจำหลักลงรักปิดทองประดับกระจก ที่หัวเรือเบื้องใต้ครุฑเป็นช่องสำหรับปืนใหญ่ กลางลำเรือทอดบัลลังก์กัญญาและมีแท่นประทับ เรือมีความยาว 44.30 เมตร กว้าง 3.20 เมตร ลึกถึงท้องเรือ 1.10 เมตร กินน้ำลึก 40 เซนติเมตร น้ำหนัก 20 ตัน ใช้กำลังพลประกอบด้วย ฝีพาย 50 คน นายเรือ 2 คน นายท้าย 2 คน คนถือธงท้าย 1 คน พลสัญญาณ 1 คน คนถือฉัตร 7 คน และคนเห่เรือ 1 คน   ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/royalbarges



          กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “ไมโครฟิล์ม กับการอนุรักษ์และสงวนรักษาต้นฉบับทรัพยากรสารสนเทศ” วิทยากร นางสาวเนาวรัตน์ ปัญญางาม ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ และนางสาวงามเพ็ญ ยาวงษ์ บรรณารักษ์ชำนาญการ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ผู้ดำเนินรายการ นางกมลชนก พรภาสกร นักวิชาการโสตทัศนศึกษา กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๑๑.๐๐ - ๑๑.๔๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร            รายการ “ไขความรู้จากครูกรมศิลป์” มีรูปแบบเนื้อหาของรายการเกี่ยวกับประวัติความเป็นไทย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวันสำคัญ ประเพณี วัฒนธรรม วีถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ผ่านการบอกเล่า ถ่ายทอดความรู้ แนวความคิด เนื้อหาวิชาการ จากประสบการณ์ของผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร กำหนดถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ (facebook live) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๑.๐๐ น. ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ - กันยายน ๒๕๖๗


            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี เชิญชมนิทรรศการหมุนเวียน "Object of the Month" วัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี ประจำเดือน "พฤษภาคม" เชิญพบกับ "ตะข้องเป็ด" หัตถกรรมพื้นบ้านภูมิปัญญาโบราณ เรียนรู้เรื่องเครื่องจักสานที่เป็นภูมิปัญญาของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน             โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ ได้แก่ "ตะข้องเป็ด" ขนาดความสูง ๓๖ เซนติเมตร ปากกว้าง ๑๕.๕ เซนติเมตร วัสดุทำจากไม้ สมัยรัตนโกสินทร์ ย้ายมาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ มีลักษณะเป็นภาชนะจักสานจากตอกไม้ไผ่สำหรับใส่สัตว์น้ำ ปากกลมแคบ คอคอด ตัวตะข้องรูปร่างคล้ายตัวเป็ด ก้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีฝาใช้ไม้ไผ่สานเป็นรูปกรวย ปากกรวยแหลมปล่อยเป็นซี่ไม้ไผ่ไว้เรียกว่า งาแซง นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับประเภทของข้อง การใช้งานของข้อง การสานข้องเป็ด ความเป็นมาของเครื่องจักสาน การประดิษฐ์เครื่องจักสานของแต่ละภูมิภาค รูปแบบเครื่องจักสานภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้             ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ กับ "ตะข้องเป็ด" หัตถกรรมพื้นบ้านภูมิปัญญาโบราณได้ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗ เปิดวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร  ณ ห้องโถงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๓๕๕๓ ๕๓๓๐ หรือเฟสบุ๊ก: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี


ชื่อเรื่อง                     อานิสงส์สงกรานต์ (อานิสงส์สงกลาน) สพ.บ.                       465/1หมวดหมู่                   พุทธศาสนาภาษา                       บาลี-ไทยอีสานหัวเรื่อง                     พุทธศาสนา     ประเภทวัสดุ/มีเดีย        คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ                20 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับชาดทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดด่านช้าง ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี


Messenger