ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 42,870 รายการ


ชื่อเรื่อง: คารมโต้วาทีของกรมศิลปากร เรื่อง ร้อนดีกว่าเย็น ผู้แต่ง: -ปีที่พิมพ์: พ.ศ. ๒๔๗๗ สถานที่พิมพ์: พระนครสำนักพิมพ์: โรงพิมพ์เดลิเมล์จำนวนหน้า: ๔๐ หน้า เนื้อหา:  คารมโต้วาทีของกรมศิลปากร เรื่อง ร้อนดีกว่าเย็น พระยาโอวาทวรกิจ (ผู้เสนอ) รองอำมาตย์โท วิเชียร ฉายจรรยา (ฝ่ายค้าน) ที่หอประชุมกรมศิลปากร วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๘  ราคาเล่มละ ๕ สตางค์ ด้วยพระราชกฤษฎีกาแบ่งกองแผนกในกรมศิลปากร ให้มีแผนกวาทีขึ้น ทางรัฐมนตรีว่าด้วยกระทรวงธรรมการ ได้อนุมัติให้กรมศิลปากรจัดแข่งขันโต้วาที เพื่อทำหน้าที่บำรุงศิลปทางวาทีสุนทรพจน์ โดยกำหนดกฏเกณฑ์ในการแข่งขัน ดังนี้ บุคคลทุกคนมีสิทธิเข้าร่วมแข่งขัน ผู้สมัครเข้าแข่งขันต้องแสดงความจำนงเป็นหนังสือ การแข่งขันจัดเป็น ๓ รอบ การวินิจฉัยแพ้ชะนะ จะถือเอามติข้างมากของผู้เขาฟัง ซึ่งผลของการแข่งขันคารมโต้วาทีของกรมศิลปากร เรื่อง ร้อนดีกว่าเย็น ฝ่ายเสนอเป็นผู้ชนะทั้งสามทาง คือ ได้คะแนนจากผู้ฟัง กรรมการกลาง และคณะหนังสือพิมพ์ การโต้วาทีนับว่าเป็นศิลปะการพูดที่ถือว่าน่าสนใจและมีคุณค่าอย่างยิ่ง   เลขทะเบียนหนังสือหายาก: ๙๒๒เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์: E-book ๒๕๖๖_๐๐๑๙หมายเหตุ: โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖



           กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “ท่องเที่ยวล่องใต้ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา” วิทยากร นายกิตติ  ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา ผู้ดำเนินรายการ นายสิทธิพร  บุปผา นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น.              ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร


ชื่อเรื่อง                     ท้องถิ่นเมืองโบราณอู่ทอง รายวิชาประวัติศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผู้แต่ง                       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 2ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                  ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์เลขหมู่                     959.373 ส691ทสถานที่พิมพ์               สุพรรณบุรีสำนักพิมพ์                 ม.ป.พ.ปีที่พิมพ์                    2551ลักษณะวัสดุ               68 หน้า : ภาพประกอบ ; 29 ซม.หัวเรื่อง                     สุพรรณบุรี – ประวัติศาสตร์                              แบบเรียน                              อู่ทอง(สุพรรณบุรี) -- ประวัติศาสตร์ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก           จัดทำโครงการ “พัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นเมืองโบราณอู่ทอง” มีเป้าหมายจัดทำหลักสูตรระดับท้องถิ่น  กำหนดเป็นระยะๆ ตามแนวการพัฒนาหลักสูตร กำหนดกรอบแนวการพัฒนา จัดทำลักษณะหน่วยการเรียนรู้สอดแทรกไว้ในรายวิชา ประวัติศาสตร์ ในระดับชันประถมศึกษาปีที่ 1 - 6      


          จารึกที่คนสับสนกับจารึกเมืองศรีเทพ....           จารึกบ้านหนองไม้สอ เป็นเสากลมรูปสัณฐานคล้ายดอกบัวตูม มีเส้นลวดบัวรอบ ฐานมีเดือยยาวเป็นรูปหมุดหรือตะปู ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็น “หลักเมืองศรีเทพ” สับสนกับจารึกเมืองศรีเทพ ตามพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ “ ...ศิลาจารึกพบที่เมืองศรีเทพครั้งนี้แปลกมาก สัณฐานคล้ายตะปูหัวเห็ด ข้างปลายที่เสี้ยมแหลมเป็นแต่ถากโกลน สำหรับฝังดินขัดเกลี้ยง...”  ตามประวัติระบุว่าได้มาจากเมืองศรีเทพ อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ คณะกรมการจังหวัดเพชรบูรณ์ส่งมาให้เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๔๘๑ นำเก็บรักษาไว้ที่คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี เมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๗           อยู่ห่างจากจุดที่พบจารึกบ้านวังไผ่ไปทางทิศตะวันออก ๓ กิโลเมตร กำหนดเลขบัญชีวัตถุเป็นจารึก K.๙๗๙ ตาม Inscriptions du Cambodge โดยศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ ให้ความเห็นว่าเป็นอักษรขอมสมัยเมืองพระนคร ภาษาขอม ๓ บรรทัด มีร่องรอยถูกอุด มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๖ กล่าวถึง เสตญ และบริวารหญิง (ไต) ๓ คน           ภายหลังผู้ช่วยศาสตราจารย์กังวล คัชชิมา ได้ศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบตัวอักษร “ร” ในจารึกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีศักราชกำกับไว้ว่า มีลักษณะอักษรเส้นเดียวยาว ในบริเวณภาคกลางของประเทศไทย มักจะเขียนไม่เป็นระเบียบ และตัวหนังสือแตกต่างจากฟูนัน-เจนละ  อีกทั้งอักษรขอมสมัยเมืองพระนคร ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๕ มีพัฒนามาจากอักษรหลังปัลลวะ ทำให้ถอดเนื้อความได้ใกล้เคียงกัน อาจเปรียบเทียบได้กับคาถาเยธมฺมาอักษรปัลลวะและหลังปัลลวะที่มีความแตกต่างกันสังเกตจากพัฒนาการตัวอักษร           จึงนับว่าจารึกหนองไม้สอเป็นอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต ระยะแรก กำหนดอายุได้ราว พ.ศ. ๙๐๐-๑๐๐๐ กล่าวถึง ...ไวษฺณว ราม และลักษมณ... เนื้อความส่วนใหญ่ชำรุดเสียหาย แต่ยังคงแสดงให้เห็นความเชื่อและความรับรู้เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ของเมืองโบราณศรีเทพได้อย่างชัดเจน     อ้างอิงจาก : กรมศิลปากร. “จารึกในประเทศไทย เล่ม ๑ อักษรปัลลวะ หลังปัลลวะ พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๔”. กรุงเทพฯ : สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๕๙. กรมศิลปากร. “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ”. กรุงเทพฯ : สำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี กรมศิลปากร, ๒๕๕๐ กังวล คัชชิมา. “จารึกพระเจ้ามเหนทรวรมัน”. โครงการวิจัยจากกองทุนสนันสนุนการวิจัย นวัตกรรมและการสร้างสรรค์ของคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. ๒๕๖๒ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. “เรื่องเที่ยวที่ต่าง ภาค ๓ เล่าเรื่องเที่ยวมณฑล เพชรบูรณ์และเรื่องความไข้ เมืองเพชรบูรณ์”. กรุงเทพฯ: วิศัลย์การพิมพ์, ๒๕๑๙. George Cœdès, “Nouvelles inscriptions de Si T’ep (K. 978, K. 979),” in Inscriptions du Cambodge vol. VII .Hanoi : Imprimerie d'Extrême-Orient, 1964, แปลโดย ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล


ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราว เงินนอกงบประมาณ (กองทุนโบราณคดี) ครั้งที่ ๒




           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี ขอเชิญชวนไปชมต้นแก้วเจ้าจอม ที่สวยสง่าให้ร่มเงา อยู่ภายในบริเวณกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี ซึ่งขณะนี้ต้นดอกแก้วได้ออกดอกม่วงสวยสะพรั่ง สร้างความตื่นตาและประทับใจให้นักท่องเที่ยวผู้ไปเยือนได้ชื่นชมความสวยงามแล้ว            ต้นไม้ต้นนี้ คือ ต้นแก้วเจ้าจอม ต้นไม้ที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกไว้เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเปิด พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2534  ปัจจุบันต้นแก้วเจ้าจอมต้นนี้มีอายุกว่า 30 ปีแล้ว             สำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะเข้ามาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี ทางพิพิธภัณฑ์ขอเชิญท่านร่วมถ่ายภาพกับต้นไม้ต้นประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ได้ในวันพุธ - อาทิตย์  เวลา 09.00 - 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ - อังคาร และวันนักขัตฤกษ์) อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม องค์ความรู้เรื่อง แก้วเจ้าจอมทรงปลูก ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/ratchaburi.national.museum/posts/pfbid0226yqtSoD6zUknwtAUqv2yZeACNYC4vtHmsbHDsZoQ7K3uCgXTYfor1MEyFpCUdBzl  


         ต้นไม้แห่งชีวิต (Tree Of Life)          ศิลปิน : อนิก สมบูรณ์ (Anix Somboon)          ปีพุทธศักราช :  ปี พ.ศ.2494 (1951)          เทคนิค: สำริด (Bronze)          ขนาด : สูง 74 เซนติเมตร ( H. 74 cm.)          ประวัติ : อนิก สมบูรณ์ เกิดปี พ.ศ.2475 ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เริ่มศึกษาศิลปะที่ โรงเรียนเพาะช่าง และในปี พ.ศ.2495 ศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร เริ่มรับราชการเป็นครูตรีที่โรงเรียนศิลปศึกษา จากนั้นมาเป็นอาจารย์สอนที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร            แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/silpabhirasri/zoom/08.html   ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/silpabhirasri


ชื่อเรื่อง                     ประชุมพงศาวดารภาคที่ 61ผู้แต่ง                       กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ประวัติศาสตร์ทวีปเอเชียเลขหมู่                      959.3 ป247รสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์ชวนพิมพ์ปีที่พิมพ์                    2516ลักษณะวัสดุ               250 หน้า หัวเรื่อง                     ไทย – ประวัติศาสตร์ – สมัยแรกเริ่มก่อน พ.ศ.1800ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกหนังสือประชุมพงศาวดารภาคที่ 61 เป็นเรื่องราวของชาติไทยสมัยก่อนที่ยกลงมาเป็นใหญ่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วนเรื่อง 2 เรื่อง คือ พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน และตำนานสิงหนวติกุมาร




โครงการปลูกต้นไม้ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๑ จัดขึ้นในวันจันทร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๗ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ๓ มิถุนายน โดยมี นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี ณ บริเวณโบราณสถานเมืองเสมา ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้การปลูกต้นไม้เป็นการร่วมมือร่วมใจของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา หน่วยงานราชการต่าง ๆ และราษฎรในท้องถิ่น ซึ่งช่วยกันทำความดีทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม เพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างความชุ่มชื้น เพิ่มออกซิเจนในอากาศ ลดสภาวะโลกร้อน สร้างระบบนิเวศน์เกิดความสมดุลธรรมชาติ และให้ประชาชนตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ


        พระพุทธรูปปางประทานอภัย         แบบศิลปะ : ลพบุรี         ลักษณะ : พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย สลักจากหินทราย ทาสีส่วนที่เป็นจีวรด้วยสีแดงอมส้ม พระพักตร์เป็นเหลี่ยม ปรากฏกรอบไรพระศกเหนือพระนลาฏ ขมวดพระเกศาเป็นรูปก้นหอย พระเกตุมาลาทรงกรวยรูปกลีบบัวซ้อนกันเป็นชั้นลดหลั่นกันขึ้นไป พระหัตถ์ขวายกขึ้นหันฝ่าพระหัตถ์ออกโดยอยู่แนบชิดพระอุระ พระหัตถ์ซ้ายทอดลงข้างพระวรกาย บนพระอังสาซ้ายปรากฏชายสังฆาฏิพาดเป็นแผ่นใหญ่ปลายตัดตรงยาวลงมาเกือบจรดพระนาภี ที่บริเวณพระโสณีคาดรัดประคดเป็นแถบกว้างสลักลายดอกไม้ในกรอบสี่เหลี่ยม และมีแถบหน้านางที่สบง         พุทธลักษณะดังกล่าวแสดงอิทธิพลศิลปะเขมรโบราณแบบบายนผสมฝีมือช่างท้องถิ่น มักพบอยู่ที่เมืองลพบุรีและสุพรรณบุรี กำหนดอายุอยู่ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงกลางพุทธศตวรรษที่ 19 จัดอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนที่จะเกิดบ้านเมืองกลุ่มรัฐไทยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา         ขนาด : สูง 166 เซนติเมตร         ชนิด : หินทราย         อายุ/สมัย : พุทธศตวรรษที่ 18 - 19 (ประมาณ 700 - 800 ปีมาแล้ว)         ประวัติ/ตำนาน : ได้จากวัดถ้ำเขาพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี     แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=51723   ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th