ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,665 รายการ
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) และสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง จุลศักราช ๑๑๗๐ ตรงกับวันที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๕๑ เวลา ๕ นาฬิกา ณ พระราชวังเดิมกรุงธนบุรี เมื่อทรงพระเยาว์ พระองค์ประทับอยู่ที่พระราชวังเดิมและทรงเริ่มศึกษาที่สำนักวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร) จากนั้นทรงศึกษาที่หอพระมณเฑียรธรรม ในพระบรมมหาราชวัง ทรงเรียนทั้งวิชาปืนและการทรงช้างทรงม้า เมื่อพระองค์มีพระชนมายุได้ ๑๓ พรรษา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีโสกันต์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๓ ในปีถัดมาทรงบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนมายุได้ ๒๑ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๓๗๒ ทรงผนวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ กล่าวกันว่าทรงประทับจำพรรษา ณ พระตำหนักในวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ในสมัยรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๗๕ (ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ ๒๔ พรรษา) ทรงบังคับบัญชากรมทหารแม่นปืนหน้าปืนหลัง และญวนอาสารบ แขกอาสาจาม พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ในสมัยรัชกาลที่ ๓ คือทรงเป็นแม่ทัพใหญ่ยกกองทัพเรือไปรบกับฝ่ายญวนที่เมืองบันทายมาศ (เมืองฮาเตียน) เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๔ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ พระองค์โปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ขึ้นเป็น “สมเด็จพระปวเรนทราเมศ มหิศเรศรังสรรค์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงมีพระเกียรติยศเป็นอย่างพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒ ดำรงตำแหน่ง กรมพระราชวังบวรสถานมงคล อีกทั้งยังมีการแก้ระเบียบราชประเพณีบางประการเพื่อให้สมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว อาทิ พระราชพิธีอุปราชาภิเษก ให้เรียกว่า “พระราชพิธีบวรราชาภิเษก” คำสั่งของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแต่เดิมใช้คำว่า “บัณฑูร” ให้เปลี่ยนมาใช้คำว่า “พระบวรราชโองการ” เป็นต้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาประทับอยู่ ณ พระราชวังบวรสถานมงคล ทรงโปรดให้ก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมและปฏิสังขรณ์อาคารพระที่นั่งองค์ต่าง ๆ อาทิ โปรดให้ซ่อมตำหนักฝ่ายในทั้งหมด ป้อมประตูเครื่องไม้ที่ทรุดโทรม ทรงเปลี่ยนมาเป็นป้อมประตูก่ออิฐถือปูนแทน และย้ายตำหนักแดงจากพระราชวังเดิมมาปลูกขึ้นใหม่ในพระราชวังบวรสถานมงคล ส่วนอาคารสร้างขึ้นใหม่ได้แก่ พระที่นั่งมังคลาภิเษก และพระที่นั่งเอกอลงกฎ ลักษณะเป็นอาคารโถง มีเกยอยู่ด้านหน้า สร้างตามแบบพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ในพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งคชกรรมประเวศตั้งอยู่ด้านหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ลักษณะเป็นอาคารยอดปราสาท คล้ายกับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ในพระบรมมหาราชวัง ส่วนที่ประทับของพระองค์ โปรดให้สร้างเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนแบบฝรั่ง มีนามว่า “พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์” ลักษณะเป็นอาคารสองชั้น มีบันไดทางขึ้นทั้งด้านหน้าอาคารและภายในอาคาร ส่วนที่ประทับของพระองค์อยู่ชั้นบน แบ่งออกเป็นสี่ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกคือห้องสมุดและห้องทรงพระอักษร ส่วนที่สองคือห้องรับแขก ส่วนที่สามคือห้องเสวย (ต่อมาเป็นห้องประดิษฐานพระบรมอัฐิ) ส่วนที่สี่คือ ห้องพระบรรทมและห้องฉลองพระองค์และสรงพระพักตร์พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ จากการที่พระองค์ทรงงานที่เกี่ยวกับการทหาร จึงมีการสร้างโรงปืนใหญ่ โรงทหาร คลังสรรพาวุธ และตึกดิน บริเวณเขตพระราชฐานชั้นนอก และพื้นที่บริเวณริมน้ำโปรดให้สร้างเป็นโรงทหารเรือ อีกทั้งโปรดให้สร้างพลับพลาสูง บริเวณกำแพงด้านทิศตะวันออกของพระราชวังบวรสถานมงคล สำหรับทอดพระเนตรการฝึกซ้อมทหาร โดยสร้างตามแบบพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ในพระบรมมหาราชวัง พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นมีอยู่หลายประการ ทั้งด้านการทหาร ด้านศาสนา ด้านการดนตรีและวรรณกรรม กล่าวคือ ในด้านการทหารนั้นพระองค์ทรงว่าจ้างนายทหารอังกฤษ ชื่อ โทมัส ยอร์ช น็อกส์ (Thomas George Knox) มาฝึกทหารปืนใหญ่ในวังหน้า ในขณะที่ด้านกิจการทหารเรือ ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือพระองค์แรก และได้ปูพื้นฐานการจัดการด้านทหารเรือให้เป็นไปตามแบบอย่างสากลของอารยประเทศ ด้วยพระอัจฉริยภาพด้านการต่อเรือ พระองค์ทรงศึกษาวิธีการต่อเรือจากชาวต่างประเทศ เรือที่พระองค์ทรงต่อขึ้นสำเร็จในช่วง พ.ศ. ๒๔๐๖ มีนามว่า เรือยงยศอโยชฌิยา รวมทั้งพระองค์ทรงสั่งซื้อเรือจากต่างประเทศเข้ามาอยู่ในสังกัดวังหน้าเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้พระองค์ทรงมีกองทัพเรือของพระองค์เอง เรียกว่าทหารเรือวังหน้าเรือยงยศอโยชฌิยาจำลอง พระราชกรณียกิจของพระองค์ในด้านการศาสนา พระองค์โปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดหงสาราม (วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร) วัดศรีสุดารามวรวิหาร วัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) และวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร พระราชกรณียกิจด้านการดนตรีและวรรณกรรม เป็นผลสืบเนื่องจากพระองค์ทรงโปรดการดนตรีและนาฏศิลป์ กล่าวคือ พระองค์ได้ทรงประดิษฐ์ระนาดทุ้มเหล็ก จัดให้เล่นประกอบกับระนาดแบบเดิม รวมขึ้นเป็นวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ และยังคงเป็นแบบแผนที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งพระองค์ทรงอุปการะศิลปินอยู่หลายท่าน เช่น สุนทรภู่ (บรรดาศักดิ์ สุนทรโวหาร) ครูมีแขก (บรรดาศักดิ์ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ) และ คุณพุ่ม (ธิดาพระยาราชมนตรี (ภู่ ภมรมนตรี) กวีหญิงในสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลที่ ๓-๕) พระราชนิยมของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกประการหนึ่งคือ การทรงแคน แอ่วลาว ทรงพระราชนิพนธ์คำกลอนแอ่วลาวไว้อยู่หลายฉบับ เช่น บทแอ่วเรื่องนิทานนายคำสอน เป็นต้นระนาดทุ้มเหล็กแคนของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า และสมุดไทย (จำลอง) พระราชนิพนธ์เรื่องนิทานนายคำสอน ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระอาการประชวรด้วยโรควัณโรค พ.ศ. ๒๔๐๘ พระอาการประชวรก็ทรุดหนักลงตามลำดับ ทำให้พระองค์ต้องเสด็จกลับจากวังสีทา เมืองสระบุรี กลับมาประทับที่พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ในพระบวรราชวัง กระทั่งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ในวันอาทิตย์ เดือนยี่ แรม ๖ ค่ำ ปีฉลูสัปตศก จุลศักราช ๑๒๒๗ เวลาเช้าย่ำรุ่งแล้ว ๓ นาฬิกากับ ๓ บาท ตรงกับวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๘ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จไปสรงน้ำพระบรมศพ เจ้าพนักงานได้อัญเชิญพระบรมศพสถิตอยู่ในพระโกศทองคำ จากนั้นจึงแห่มาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยในพระบวรราชวัง และโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการเฉพาะสังกัดกับฝ่ายพระบวรราชวังโกนศีรษะเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เรียกพระศพว่า “พระบรมศพ” และให้จัดงานพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสมือนงานพระบรมศพเทียบเท่าพระมหากษัตริย์ งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง ภายหลังเสร็จสิ้นงานพระบรมศพ ได้อัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ กระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระอัฐิกรมพระราชวังบวร ๔ พระองค์ ไปประดิษฐานในหอพระนาก วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๐ตู้ประดิษฐานพระบรมอัฐิ บนพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์------------------------------------------------------------อ้างอิงกรมศิลปากร. กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ในสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: โพรดักส์, ๒๕๔๙. . พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ: สมาพันธ์, ๒๕๕๖.
เลขทะเบียน : นพ.บ.177/8ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 59.5 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 100 (74-79) ผูก 8 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมจกฺกฎีกา(ฎีกาธัมมจักร)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (ปุคฺคลปญฺญตฺติ-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.48/1-5ง
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ปฐมสมฺโพธิ (ปถมสมฺโพธิ)
ชบ.บ.89/1-21
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.238/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 14 หน้า ; 5 x 55 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 113 (180-193) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : วิสาขบูชากถา(บูชาวิสาขะ)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรถวายพระราชสมัญญา “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ค.ศ. ๒๐๑๐ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงอนุรักษ์และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ตลอดจนพระราชทานแนวทางและโครงการตามพระราชดำริด้านการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพเป็นแบบอย่างแก่พสกนิกรไทย โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอ้างอิง : ราชกิจจานุเบกษา. ๒๕๕๓. เล่มที่ ๑๒๗ ตอนพิเศษ ๑๓๖ง, หน้า ๑๐
ชื่อผู้แต่ง สอ เสถบุตร
ชื่อเรื่อง ความยอกย้อนของภาษา แง่คิดของ สอ เสถบุตร
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ สมุทรปราการ
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ สอ เสถบุตร
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๔
จำนวนหน้า ๔๒๒ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ เสวกโท หลวงมหาสิทธิโวหาร(สอ เสถบุตร)
พิมพวัลคุ์ เสถบุตร ได้รวบรวมเนื้อหาและจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ เนื้อหามาจากบทบรรณาธิการของสอ เสถบุตร เป็นการให้ความคิดเห็นสนับสนุน หรือโต้แย้งปัญหาสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเจตนาของผู้เขียนในขณะนั้น
บทความองค์ความรู้ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์
เรื่อง
ประกาศกำหนดอัตราเงินผู้ที่ได้เสียภาษีอากร ต้องในจำพวกยกเว้นชั่วคราว
ตามพระราชบัญญัติลักษณเกณฑ์ทหาร รัตนโกสินทร์ ศก ๑๒๔ ในมณฑล จันทบุรี
ได้มีประกาศอีกฉบับหนึ่งที่น่าสนใจเป็นประกาศสมัยโบราณที่หายากเกี่ยวกับ ประกาศกำหนดอัตราเงินผู้ที่ได้เสียภาษีอากรต้องในจำพวกยกเว้นชั่วคราว จึงขอนำมาถ่ายทอดให้อ่านกันอีก ดังนี้
ประกาศกำหนดอัตราเงินผู้ที่ได้เสียภาษีอากร
ต้องในจำพวกยกเว้นชั่วคราว
ตามพระราชบัญญัติลักษณเกณฑ์ทหาร รัตนโกสินทร์ ศก ๑๒๔ ในมณฑล จันทบุรี
มีพระบรมราชโองการ ดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้ประกาศทราบทั่วกันว่า ตามความใน พระราชบัญญัติลักษณเกณฑ์ทหาร รัตนโกสินทร์ ศก ๑๒๔ มาตรา ๑๓ ข้อ ๘ มีว่า มีคนประกอบการทำไร่ นา ค้าขายมาก ได้เสียภาษีอากรตามจำนวนเงิน ซึ่งจะกำหนดอัตราโดยได้ประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ให้ทราบว่าในเมืองมณฑลใดเป้นอัตราเท่าใด ยกเว้นตลอดเวลาที่ได้เสียภาษีอากรอยู่ ไม่ต่ำกว่าอัตราที่ได้ประกาศ กับข้อ ๙ มีว่าการค้าขายซึ่งลงทุนทำด้วยกันหลายคนให้นับว่าเป็นบริษัท ถ้าบริษัทนั้นได้เสียภาษีอากรตามจำนวนเงินซึ่งจะได้กำหนดอัตรา โดยได้ประกาสในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ว่าในเมืองมณฑลใดเป็นอัตราเท่าใดนั้นแล้ว ให้ยกเว้นผู้อำนวยการ และผู้จัดการของบริษัทนั้น ตลอดเวลาที่เป็นผู้อำนวยการ และผู้จัดการบริษัท ที่ได้เสียภาษีอากรอยู่ไม่ต่ำกว่าอัตราที่ได้ประกาศนั้น
บัดนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดอัตราเงินในมณฑลจันทบุรี ตามความในมาตรา ๑๓ ข้อ ๘ ข้อ ๙ นั้น เป้นอัตราเงินไม่ต่ำกว่าปีละ ๔๐ บาท
ประกาศ มา ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม รัตนโกสินทร์ ศก ๑๒๖ เป็น วันที่ ๑๔๑๖๕ ในรัชกาลปัจจุบันนี้
อ้างอิง : กฎหมาย. ประกาศพระราชบัญญัติและพระราชกำหนดต่างๆรัชกาลที่ 5. พิมพ์ครั้งที่ 2.
พระนคร: โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ, 2450. (ร.ศ.126)
ผู้เรียบเรียง : นางกรองแก้ว เปเหล่าดา บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
#องค์ความรู้
#พระราชบัญญัติ
# ภาษีอากร
#จันทบุรี
#หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
#กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร
#สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
#กรมศิลปากร
#กระทรวงวัฒนธรรม
พระพิมพ์ปางสมาธิ ขนาบข้างด้วยธรรมจักรและสถูป
ศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ (ประมาณ ๑,๒๐๐-๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว)
ได้มาจากเขาอกทะลุ จังหวัดพัทลุง
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ ห้องศรีวิชัย อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พระพิมพ์ดินดิบ กรอบทรงสี่เหลี่ยมยอดโค้งมน คล้ายกลีบบัว ขอบพระพิมพ์หนาและเรียบ กึ่งกลางเป็นพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิราบ แสดงปางสมาธิ บนฐานบัวหงาย ที่เศียรพระพุทธรูปปรากฏศิรประภา* เหนือขึ้นไปเป็นรูปต้นไม้ซึ่งน่าจะหมายถึงโพธิพฤกษ์ (ต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ขณะตรัสรู้) ด้านขวาของพระพุทธรูปคือธรรมจักร (หันด้านข้าง) ตั้งอยู่บนเสา และด้านซ้ายเป็นสถูปทรงระฆัง ลักษณะองค์ระฆังยืดสูง ส่วนยอดประกอบด้วยบัลลังก์ ก้านฉัตร และปล้องไฉน และปลียอด พระพิมพ์รูปแบบนี้พบแพร่หลายในบริเวณคาบสมุทรภาคใต้อีกหลายแห่ง เช่น ถ้ำเขานุ้ย อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง และเมืองโบราณยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
*ศิรประภา หมายถึง รัศมีที่เปล่งรอบศีรษะของผู้ศักดิ์สิทธิ์และพระพุทธรูป
อ้างอิง
กรมศิลปากร. พระพิมพ์ : พระเครื่องเมืองไทย. นครปฐม: รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๖๔.
หมายเหตุ อ่านประเด็นการทำพระพิมพ์ดินดิบและการพบพระพิมพ์ที่เขาอกทะลุ จังหวัดพัทลุงได้ใน : https://www.facebook.com/photo/?fbid=5313161458736037&set=a.5313162775402572
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 31/6ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 46 หน้า : กว้าง 4.9 ซม. ยาว 53.2 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 45/5ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 42 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา