ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,817 รายการ

เลขทะเบียน  ฃนม.บ.19/7


        หอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมละครโทรทัศน์ ย้อนวันวานละครไทยในอดีต ในวันศุกร์ เวลา 13.30 น. ณ ห้องจัดแสดง ชั้น 2 หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สำหรับวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2568 นี้ รับชมละครโทรทัศน์ ปากกาทอง ตอน “เสน่ห์นาง” บทประพันธ์ โดย พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ (รับจำนวนจำกัด 100 ที่นั่ง) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2280 9828 - 32 สามารถติดตามข้อมูลกิจกรรมต่าง ๆ ของหอสมุดแห่งชาติ ได้ทาง Facebook : National Library of Thailand https://www.facebook.com/NationalLibraryThailand



ธรรมาสน์วัดนางกุย ตำบลสำเภาล่ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา   ธรรมาสน์วัดนางกุย ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ตามประวัติระบุว่าได้รับมอบจากพระครูภัทรกิจโสภณ เจ้าอาวาสวัดพุทไธสวรรย์ ซึ่งแต่เดิมธรรมาสน์นี้เป็นสมบัติเดิมของวัดนางกุย  สำหรับบันไดนาคได้มาจากวัดดุสิดาราม จ.พระนครศรีอยุธยา จึงทำให้ความสูงระหว่างบันไดกับชั้นร่องถุนของธรรมาสน์องค์นี้แตกต่างกันมาก           ธรรมาสน์องค์นี้ เป็นธรรมาสน์บุษบกขนาดใหญ่ไม่ย่อมุข ลักษณะหลายประการบนองค์ธรรมาสน์ถูกออกแบบขึ้นตามความคิดอย่างอาคารเครื่องก่อซึ่งสร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ราวราชวงศ์ปราสาททองหรือราชวงศ์บ้านพลูหลวง          ส่วนยอดของธรรมาสน์มีลักษณะคล้ายชั้นเรือนธาตุของเจดีย์ทรงปรางค์ ตัวธรรมาสน์ประดับตกแต่งด้วยลายฉลุเป็นลวดลายกระจัง และกระหนกต่างๆ รวมถึงมีการประดับตกแต่งด้วยการติดกระจก  ส่วนฐานของธรรมาสน์ทำเป็นร่องถุนวางซ้อนอยู่บนชั้นฐานเขียง ๓ ชั้นอีกทีหนึ่ง ร่องถุนมีลักษณะเช่นเดียวกับอาคารที่สร้างขึ้นในราวปลายราชวงศ์ปราสาททองถึงสิ้นกรุง  สำหรับบันไดนาคเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์แล้ว ที่มา : ขวัญภูมิ วิไลวัลย์. สมุดภาพลายเส้น ธรรมาสน์แห่งกรุงศรีอยุธยา



พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง เชียงแสน: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/chiangsaen    พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน ก่อตั้งขึ้นในปี พุทธศักราช 2500 เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำแหล่งโบราณคดีเมืองเชียงแสน ทำหน้าที่ในการเก็บรักษาและจัดแสดง โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ได้จากการสำรวจ ขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานในเขตเมืองโบราณเชียงแสน ตลอดจนพื้นที่อื่น ๆ ในเขตจังหวัดเชียงราย สู่สาธารณชน โดยเป็นหน่วยงานในกำกับของกรมศิลปากร    การจัดแสดงภายใน มุ่งเน้นการนำเสนอหลักฐานและข้อมูลที่เกี่ยวกับการตั้งหลักแหล่งของชุมชน ตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ อาทิเช่น เครื่องมือหินกะเทาะ และเครื่องมือหินขัด ที่พบในบริเวณริมแม่น้ำโขง มีอายุราว 13,000-1,000 B.C. ซึ่งแยกออกเป็นสังคมล่าสัตว์ และสังคมเกษตรกรรม จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ที่พบหลักฐานตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา จำนวนมาก เช่น พระพุทธรูป ชิ้นส่วนประติมากรรมปูนปั้นประดับศาสนสถาน และศิลาจารึกที่มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษ 21-22 พื้นที่การจัดแสดงช่วงหลัง นำเสนอเรื่องราวของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองเชียงแสนและใกล้เคียง เช่น ชาวไทยวน ไทลื้อ อาข่า และเมี่ยน เป็นต้น    โบราณศิลปวัตถุชิ้นเอก ได้แก่ พระพุทธรูปศิลปะล้านนาที่มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 16-23 ที่มีความงดงามและแสดงถึงเทคโนโลยีการหล่อโลหะของช่างในสมัยโบราณ เช่น พระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ จะใช้วิธีหล่อแยกส่วน แล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกัน ก่อนทำการตกแต่งด้วยกรรมวิธีลงรักปิดทองจารึกที่มีเนื้อหากล่าวถึงการอุทิศถวายที่ดิน คน เงิน ทอง ให้วัดเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และใช้แรงงาน เพื่อเป็นพุทธบูชาและสืบพระพุทธศาสนาที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 21-22 จารึกด้วยอักษรล้านนา    ชิ้นส่วนประติมากรรมปูนปั้นจากแหล่งโบราณคดีวัดป่าสัก สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 19-22 เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเมืองเชียงแสนได้รับอิทธิพลรูปแบบทางศิลปกรรมจากอาณาจักรพุกาม อาณาจักรสุโขทัย แคว้นหริภุญไชย หรือจีน มาปรับปรุงจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และมีความหมายทางปรัญชา เช่น ประติมากรรมรูปหน้ากาล เป็นสัญลักษณ์ของกาลเวลาที่กัดกินทุกอย่างแม้แต่ตัวเอง นอกจากนั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน ยังให้บริการแก่สาธารณชน ในฐานะแหล่งเรียนรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรม เช่น การจัดอบรมศิลปะสำหรับเยาวชน การฝึกอบรมเยาวชนให้มีความรู้ในเรื่องของประวัติศาสตร์ท้องถิ่น จัดนิทรรศการพิเศษ และการดูและโบราณศิลปวัตถุที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นสมบัติของชาติแต่อยู่ในความดูแลครอบครองของวัดและเอกชนในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงรายอีกด้วย


ขออนุญาตทำการค้าโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ    ขั้นตอนที่ ๑      ยื่นคำขอได้ที่สถานที่  ดังนี้ ๑.๑   กรณีผู้ขอมีสถานที่ทำการค้าในเขตกรุงเทพมหานคร  นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ให้ยื่น  ณ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  กรมศิลปากร ๑.๒   กรณีที่ผู้ขอมีสถานที่ทำการค้าในเขตจังหวัดอื่นนอกจากข้อ ๑.๑ ให้ยื่น                                  ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนั้น  หากในจังหวัดนั้นไม่มีพิพิธภัณฑ                                  สถานแห่งชาติ  ให้ยื่น  ณ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแห่งจังหวัดนั้น   ขั้นตอนที่ ๒       กรอกแบบฟอร์ม  ศก.๑ ๒.๑   กรณีเป็นบุคคลธรรมดา             ๒.๒   กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ                                  ๒.๓   กรณีเป็นนิติบุคคล                   ขั้นตอนที่ ๓       แนบเอกสารและหลักฐาน                         ๓.๑   กรณีเป็นบุคคลธรรมดา (‏ก)     ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นซึ่งแทนบัตรประจำตัวประชาชนได้ (‏ข)     สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้าน (‏ค)      รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ของผู้ขอรับใบอนุญาต ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร  ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน  จำนวน ๒ รูป (‏ง)     แผนที่แสดงที่ตั้งสถานที่ทำการค้า (‏จ)     สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิชย์ ใบทะเบียนการค้า หรือใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม                           ๓.๒   กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ (ก)    บัญชีรายชื่อและสัญชาติของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน (ข)   ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นซึ่งใช้แทนบัตรประจำตัวประชาชนได้  ของหุ้นส่วนผู้จัดการ (ค)      สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้านของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน (‏ง)     รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ของหุ้นส่วนผู้จัดการ นาด ๑  นิ้ว  ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน  จำนวน ๒ รูป (จ)   แผนที่แสดงที่ตั้งสถานที่ทำการค้า (ฉ)   สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิชย์  ใบทะเบียนการค้าหรือใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม                          ๓.๓   กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด (ก)  หนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแสดงการจดทะเบียน พร้อมทั้งวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด (ข)  บัญชีรายชื่อและสัญชาติของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน (ค) ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นซึ่งแทนบัตรประจำตัวประชาชนได้  ของหุ้นส่วนผู้จัดการ (ง) สำเนาหรือภาพถ่ายทะเบียนบ้านของหุ้นส่วนผู้จัดการหรือผู้จัดการ (จ) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ของหุ้นส่วนผู้จัดการหรือผู้จัดการ ขนาด ๕ x ๖ เซนติเมตร  ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน  จำนวน ๒ รูป (ฉ) แผนที่แสดงที่ตั้งสถานที่ทำการค้า (ช) สำเนาหรือภาพถ่ายใบทะเบียนพาณิชย์  ใบทะเบียนการค้าหรือใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม                        ๓.๔   กรณีเป็นบริษัทจำกัด (ก)   หนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ จัดตั้งขึ้นตามโครงการพิพิธภัณฑ์ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ โดยความร่วมมือระหว่างบรรดาลูกศิษย์และผู้ใกล้ชิดศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เพื่อรำลึกถึงเกียรติคุณของท่านในฐานะผู้ให้กำเนิดการศึกษาศิลปะสมัยใหม่ ศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย และผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2527 ซึ่งตรงกับวาระวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 92 ปี ของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี โดยฯพณฯ ชวน หลีกภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้นให้เกียรติมาเป็นประธาน จากนั้นจึงมอบหมายให้กรมศิลปากรเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบและบริหารจัดการ จนกระทั่งได้รับการจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ เมื่อพ.ศ.2530 ปัจจุบัน สังกัดสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ในเครือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ภายในจัดแสดงนิทรรศการถาวร โดยแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ห้องชั้นนอก (บริเวณประตูทางเข้า) จัดแสดงผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ของบรรดาลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด เช่น นายเฟื้อ หริพิทักษ์ นายประยูร อุลุชาฎะ นายชลูด นิ่มเสมอ นายจำรัส เกียรติก้อง นายเขียน ยิ้มศิริ นายสวัสดิ์ ตันติสุข นายทวี นันทขว้าง เป็นต้น ผลงานส่วนใหญ่เป็นงานศิลปกรรมในยุคเริ่มแรกของศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย ซึ่งดำเนินรอยตามแนวทางการสร้างสรรค์ศิลปะตามหลักวิชาการที่ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้วางรากฐาน ส่วนที่สอง ห้องชั้นใน จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ซึ่งประกอบไปด้วย โต๊ะทำงาน เก้าอี้ เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องมือปั้น ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว โดยจำลองบรรยากาศโต๊ะทำงานดั้งเดิมเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังมีชีวิตอยู่ ตลอดจนแบบร่างอนุสาวรีย์และประติมากรรมชิ้นสำคัญ เช่น แบบร่างพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 แบบร่างพระศรีศากยทศพลญาณ พระประธานพุทธมณฑล และต้นแบบพระเศียรรัชกาลที่ 8 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีหนังสือหายากซึ่งเป็นหนังสือที่ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ใช้สำหรับค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะตะวันตก ให้บริการแก่ผู้มาเยี่ยมชมภายในห้องจัดแสดง


อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 26 มีนาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด


วันจันทร์ที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา จัดโครงการเผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ งานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์คุณค่ามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา สู่เครือข่ายภาคประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบเชิงบูรณาการผ่านสื่อประชาสัมพันธ์แบบมืออาชีพ โดยจัดกิจกรรมภาคเช้า เป็นพิธีกรรมทางศาสนา นิมนต์พระสงฆ์จำนวน ๙ รูป เจริญพระพุทธมนต์และฉันภัตตาหารเช้า และกิจกรรมภาคบ่าย เป็นการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอนศึกอินทรชิต ชุดศรนาคบาศ โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสที่พื้นที่บริเวณแห่งนี้ ได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนสามารถใช้ประโยชน์ได้เช่นเคย ในการนี้ได้รับเกียรติจากนายพนมบุตร จันทรโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน เครือข่ายชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรม ณ บริเวณลานเมรุพรหมทัต อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา




เรื่องมหาดเล็ก หนังสือเรื่องมหาดเล็ก ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี มหาดเล็กคือผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายยิ่งกว่าผู้อื่นจำต้องเป็นผู้ที่มีความประพฤติดีมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ไว้ วางพระราชหฤทัยได้    



กล่าวถึงการเดินทางของราชทูต (โกศาปาน) ที่เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส ตามเมืองต่างๆตั้งแต่บทที่ 49 - 64 ได้แก่ มณฑลฟลังดร์ เมืองแซงต์เดอนีส์ เมืองอาราส เมืองกาแลส์ เมืองดึงแกร์ก เมืองตูร์เนย์ เมืองวาลังเซียนส์ เมืองเดอแนง เมืองดูแอย์ เมืองกังแบรย์ เมืองเปรอน เมืองแซงต์กังแตง เมืองลาแฟร์ เมืองซวาซงส์ และเมืองวิแลร์ก็อตเตรต์ ซึ่งเป็นการบรรยาย ถึงเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะเดินทาง


black ribbon.