ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ

เรื่องเล่าจากคลังโบราณวัตถุ : หอยเบี้ย ค้นคว้า/เรียบเรียง/กราฟิก : น.ส.ชุติณัฐ ช่วยชีพ ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช


***บรรณานุกรม***     ผดุงถิ่นยุคข่าวเศรษฐกิจ     ปีที่ 15(6)     ฉบับที่ 646(240)    วันที่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2534



ชื่อเรื่อง : ไกลบ้าน เล่ม 1-2 พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชื่อผู้แต่ง : จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว,พระบาทสมเด็จพระ ปีที่พิมพ์ : 2497 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์คุรุสภา จำนวนหน้า : 1,082 หน้า สาระสังเขป : หนังสือไกลบ้าน เล่ม 1-2 พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเล่มนี้ กล่าวถึงการเสด็จไปยุโรปครั้งหลัง ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพรรณาถึงสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทอดพระเนตรเห็น และกิจการที่ทรงทราบ รวมทั้งกระแสพระราชวินิจฉัยในเรื่องนั้น ๆ พรรณาว่าด้วยถิ่นฐานบ้านเมือง แลบรรยายถึงขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ของนานาประเทศ





          วัดอาวาสใหญ่เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองทางด้านทิศเหนือที่เป็นเขตอรัญญิกของเมืองกำแพงเพชร ผังของตัววัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก สิ่งก่อสร้างภายในวัดใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลัก            สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของวัดประกอบด้วยฐานไพที ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของพื้นที่ เป็นฐานไพทีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง ๑.๒๐ เมตร หักมุมฉากเป็นรูปตัว L จำนวน ๒ ฐาน บนฐานไพทีมีฐานเจดีย์รายทรงระฆังฐานละ ๘ องค์ถัดไปทางทิศตะวันตกเป็นวิหารประธานขนาด ๗ ห้อง ตั้งอยู่บนฐานประทักษิณ ก่อด้วยศิลาแลงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีบันไดทางขึ้น ๓ ทาง คือ ด้านทิศตะวันออก ทิศเหนือและทิศใต้ ผนังด้านข้างก่อด้วยศิลาแลงเป็นราวลูกกรงเตี้ย ๆ สูง ๐.๔๕ เมตร ในลักษณะเดียววัดพระสี่อิริยาบถ ส่วนของฐานวิหารที่อยู่ด้านบนมีมุขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ภายในปรากฏแท่นอาสนสงฆ์และแท่นชุกชีที่ใช้ประดิษฐานพระพุทธรูป            ถัดจากวิหารไปทางทิศตะวันตกเป็นเจดีย์ประธาน สร้างติดกับฐานวิหาร มีลักษณะเป็นเจดีย์ฐานแปดเหลี่ยม ฐานล่างสุดเป็นแบบฐานหน้ากระดานแปดเหลี่ยม ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัวแปดเหลี่ยมย่อมุม ต่อด้วยฐานบัวที่มีการยืดส่วนหน้ากระดานท้องไม้ให้เป็นผนังสูงประดับลูกแก้วอกไก่สองแถว ส่วนยอดเจดีย์ที่ถัดขึ้นไปพังทลาย ไม่ปรากฏรูปทรงเดิมที่แน่ชัด ฐานเจดีย์ประธานของวัดอาวาสใหญ่มีความคล้ายกับฐานเจดีย์ประธานของวัดเจดีย์สูงและวัดศรีพิจิตรกิรติกัลยารามที่เมืองสุโขทัย สันนิษฐานได้ว่าส่วนยอดของเจดีย์ประธานของวัดอาวาสใหญ่อาจมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบวัดเจดีย์สูงและวัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม            ด้านทิศตะวันออกของวัดอาวาสใหญ่มีบ่อน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ประชาชนในท้องถิ่นเรียกกันว่า “บ่อสามแสน” มีขนาดกว้าง ๙.๕๐ เมตร ยาว ๑๖.๕๐ เมตร ลึก ๖.๐ เมตร โดยเป็นการขุดลึกลงไปในชั้นของศิลาแลง เพื่อนำศิลาแลงมาใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างอาคารภายในวัดและปรับให้บ่อศิลาแลงนั้น เป็นบ่อน้ำในภายหลัง บ่อสามแสนเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดกำแพงเพชรที่นำมาเป็นน้ำอภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว            พระราชนิพนธ์ “เสด็จประพาสต้น” ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ระบุถึงการเสด็จประพาสต้นครั้งที่ ๒ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๔๙ โดยได้เสด็จประพาสเมืองกำแพงเพชรโบราณในเขตอรัญญิก ในวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๔๙ และได้ทรงมีพระราชนิพนธ์บรรยายเกี่ยวกับโบราณสถานวัดอาวาสใหญ่ ดังนี้            “…ต่อนั้นไปจึงถึงวัดใหญ่ซึ่งมีวิหารอย่างเดียวกัน กลางเป็นรูปไม้สิบสอง จะเป็นเจดีย์ฤๅปรางค์อันใดพังเสียฤๅไม่แล้ว ด้านหลังก็เป็นวิหารใหญ่อีกหลังหนึ่ง ในลานวัดนั้นเต็มไปด้วยพระเจดีย์ ที่เป็นฐานเดียวกันหลายๆ องค์บ้างองค์เดียวบ้าง ลักษณะเดียวกับวัดหน้าพระธาตุลพบุรีแลวัดพระมหาธาตุเมืองนครศรีธรรมราชจะเป็นวัดอื่นนอกจากวัดหน้าพระธาตุไม่ได้เลย วัดนี้ดูบริบูรณ์มากกว่าวัดอื่น ซุ้มประตูใหญ่น้อยก็ยังมี ข้างหน้าวัดมีสระ ๔ เหลี่ยม กว้างยาวลึกประมาณสัก ๕ วา ขุดลงไปในแลงเหมือนอ่างศิลา ไม่มีรอยก่อเลย มีห้องฝาแลงกั้นสำหรับพระสรงน้ำ คงจะใช้โพงคันชั่ง น้ำในนั้นมีบริบูรณ์ใช้ได้อยู่จนบัดนี้...”           การเสด็จประพาสหัวเมืองเหนือที่ปรากฏในพระราชนิพนธ์เรื่อง “เที่ยวเมืองพระร่วง” ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๕๐ ได้เสด็จประพาสเมืองกำแพงเพชรโบราณในเขตอรัญญิก ในระหว่างวันที่ ๑๕ – ๑๗มกราคม พ.ศ.๒๔๕๐ และได้ทรงมีพระราชนิพนธ์บรรยายเกี่ยวกับโบราณสถานวัดอาวาสใหญ่ ดังนี้           “…ทั้งที่กำแพงและที่ประตูมีรูปสลักเป็นยักษ์บ้าง เทวดาบ้าง ฝีมือการแกะสลักงดงามน่าดูมาก…บ่อนั้นหาได้มีสิ่งอะไรก่อเป็นผนังไม่ ที่แผ่นดินตรงนั้นเป็นแลง ขุดบ่อลงไปในแลง ข้าง ๆ บ่อนั้น พอถูกอากาศก็แข็งเป็นศิลา จึงดูเหมือนก่อเรียบร้อย เพราะฉะนั้นเป็นของควรดูอย่างหนึ่งและเมื่อดูแล้วจะออกรู้สึกอิจฉาว่าเขาทำบ่อได้ดีและถาวร...”           “วัดอาวาสใหญ่” เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญยิ่งในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จากหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยในทรัพยากรการก่อสร้าง ความปราดเปรื่องในสรรพวิชางานฝีมือที่ปรากฏให้เห็นเป็นงานด้านสถาปัตยกรรม ตลอดจนเรื่องราวที่ถูกบันทึกผ่านทางประวัติศาสตร์โบราณคดี ล้วนแล้วแต่เป็นประจักษ์พยานของความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของแผ่นดินเมืองกำแพงเพชรได้เป็นอย่างดี. ---------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ---------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง กรมศิลปากร. นำชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร. กรุงเทพฯ: บริษัทบางกอกอินเฮ้าส์จำกัด, ๒๕๖๑. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ. เสด็จประพาสต้นในรัชกาลที่ ๕. พิมพ์ครั้งที่ ๒๖. กรุงเทพฯ : ไทยร่มเกล้า, ๒๕๒๙. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. เที่ยวเมืองพระร่วง. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ:มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๑๙. ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปกรรมโบราณในอาณาจักรสุโขทัย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มิวเซียมเพรส, ๒๕๖๑.



รู้จักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร การจัดแสดงนิทรรศการถาวรภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ใน พ.ศ. ๒๕๕๒ และ พ.ศ. ๒๕๕๖ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการถาวร โดยการจัดแสดงแบ่งห้องตามพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของเมืองกำแพงเพชร ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ และยังกล่าวถึงเมืองกำแพงเพชรในปัจจุบัน และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ นิทรรศการถาวรภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ที่เห็นในปัจจุบัน ได้มีพิธีเปิดในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นกิจกรรมในโครงการพัฒนาเมืองวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว (สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร) ถือได้ว่าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่มีการจัดแสดงสวยงามและทันสมัย ข้อมูลและงานกราฟฟิค โดยนางสาวมาริษา เสนอิ่ม พนักงานประจำห้องพิพิธภัณฑ์


          โบราณสถานวัดศรีพิจิตรกิรติกัลยารามหรือโบราณสถานร้าง ต.๒๙ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองสุโขทัยด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากประตูนะโมไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ ๑.๗ กิโลเมตร           เดิมนั้นชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดตาเถรขึงหนัง ส่วนชื่อวัดศรีพิจิตรกิรติกัลยารามที่เรียกกันในปัจจุบันนั้น มาจากจารึกวัดตาเถรขึงหนังที่มีการพบที่วัดแห่งนี้ เนื้อหาของจารึกได้กล่าวถึงสมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดาและสมเด็จมหาธรรมราชาธิบดีราชโอรส (พญาไสลือไท) ได้อาราธนาพระเถระสำคัญองค์หนึ่งนามว่า ศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม จากเมืองกำแพงเพชรมาอำนวยการสร้างวัดนี้ในปี พ.ศ. ๑๙๔๓ และต่อมาในปี พ.ศ. ๑๙๔๖ ได้มีการปลูกพระศรีมหาโพธิ์ เนื้อหาของจารึกถูกบันทึกด้วยอักษรขอมสุโขทัย – ไทยสุโขทัย จารึกขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๑๙๔๗ ภายหลังการสร้างวัดแล้วเสร็จ ดังปรากฏข้อความในจารึกดังนี้           “…ศักราช ๗๖๒ นาคนักษัตรปีมะโรง สมเด็จพระราชชนนีศรีธรรมราชมาดา มหาดิลกรัตนราชนาถ-กรรโลง แม่และสมเด็จมหาธรรมราชาธิบดีศรีสุริยวงศ์ (โอรส) ราชอำนวจน้าวห้าวหาญ นำ พ(ล) รชราคลาธรณีดลสกลกษัตริย์ (หากขึ้นเสวยใน) มหามไหสวริยอัครราช เป็นท้าวพระยามหากษัตริย์ (นครศรีสัชนาลัย) สุโขทัย แกวกลอยผลาญปรปักษ์ศตรูนู พระราชสีมา…เป็นขนอบขอบพระบางเป็นแดน เท่าแสนสอง หนองห้วยและแพร่…สมเด็จแม่ออกท่าน จึงจักให้นิมนต์ตนสมเด็จพระ(มหา) ศรี (กิรติ) เจ้าเหง้าพุทธางกูรดรุณพันลอก ฝูงอริยะ จากสถานสถิระ คือพชรบุรีศรีกำแพงเพชร มาสร้างพระอาวาสอาสน์อันดีมีชื่อศรีพิจิตรกิรติกัลยารามเป็นสนามเจ้ามหาสัปปุรุษทั้งหลาย จักถวายอัญชุลีน้อมตน นมัสการคำนับ อันดับนั้น ศักราช ๗๖๕ ในปีมะแมแปรวันเดือนในเดือนอ้าย ออกใหม่ใส่ไว้ได้แปดค่ำ วันพฤหัสบดีศรีทินพารกาลยามตะวันชายย้ายหกบาทฉายาเสร็จ สมเด็จพระศรีธรรมราชมาดามหาดิ (ลกรัตนราช) กรรโลง จึงสถิตสถาปนาปลูกพระพฤกษาอธิบดีศรีมหา (โพธิ)…”           ลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นวัดที่มีคูน้ำล้อมรอบเป็นขอบเขตวัด โดยมีโบราณสถานตั้งอยู่ภายในซึ่ง ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างดังนี้           ๑. เจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่ ก่อด้วยอิฐ ตั้งอยู่บนฐานสูงเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขนาดกว้างด้านละ ๑๗ เมตร ที่ฐานด้านตะวันออกและตะวันตก ทำเป็นซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่ง โดยเฉพาะซุ้มด้านทิศตะวันออกปรากฏร่องรอยการก่อเป็นซุ้มโค้งสูงขึ้นไปคล้ายกรวยแหลม           ๒. ฐานวิหารก่ออิฐ ขนาดกว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๓ เมตร อยู่ทางด้านหน้า หรือตะวันออกของเจดีย์ประธาน           ๓. ฐานเจดีย์ราย ๔ ฐาน ตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบฐานเจดีย์ประธาน           ๔. คูน้ำล้อมรอบอาณาเขตวัด มีขนาดของคูกว้างประมาณ ๑๕ เมตร ล้อมรอบพื้นที่วัดที่มีขนาดกว้าง ๔๐ เมตร และยาว ๘๐ เมตร ---------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย---------------------------------------------------


เลขทะเบียน : นพ.บ.143/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  38 หน้า ; 5 x 52 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 86 (346-361) ผูก 7 (2564)หัวเรื่อง : ธมฺมปปทวณฺณนา ธมฺปฎฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฐกถา (ธรรมบท)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อผู้แต่ง            จรูญ  อุ่นจิตและเผด็จ  นิตยวรรนะ  ชื่อเรื่อง           การพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย    ครั้งที่พิมพ์      พิมพ์แรก    สถานที่พิมพ์     พระนคร    สำนักพิมพ์        โรงพิมพ์สหกรณ์ขายส่งแห่งประเทศไทยจำกัดสินใช้   ปีที่พิมพ์         2508        จำนวนหน้า       40    หมายเหตุ               พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนางเรียบ  ประชานาถธนากร(ไสยานนท์)                 เนื้อหาสาระประกอบด้วยประวัติการผลิตน้ำตาลทรายของโลก  การบริโภค              สถานการการผลิต การนำเข้าของไทย



สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.12/1-5 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง : ประชุมพงศาวดาร เล่ม 13 (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 19 – 21) ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2507 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : องค์การค้าคุรุสภา จำนวนหน้า : 388 หน้า สาระสังเขป : หนังสือประชุมพงศาวดาร เล่ม 13 (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 19 – 21) มีเนื้อหาประกอบด้วย 3 ภาคดังนี้ ประชุมพงศาวดารภาค19 มี 3 เรื่องคือ จดหมายเหตุหอสาตราคม จดหมายเหตุของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ จดหมายเหตุของ เซอร์แฮรีออด เจ้าเมืองสิงคโปร์ ขึ้นมาเฝ้าสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่หว้ากอ ประชุมพงศาวดารภาค20 จดหมายเหตุเรื่องทางไมตรีระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงญี่ปุ่น เรียบเรียงโดย เซอร์ เออร์เนสต์ เมสัน ซาเตา ประชุมพงศาวดารภาค21 จดหมายเหตุเรื่องพม่าเจรจาความเมืองในระหว่างไทยกับพม่า


black ribbon.