ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ



ชื่อผู้แต่ง        :   ศิลปากร , กรมชื่อเรื่อง         :   พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในประเทศไทยครั้งที่พิมพ์      :   -สถานที่พิมพ์    :   กรุงเทพฯสำนักพิมพ์      :   บริษัท อมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊พ จำกัดปีที่พิมพ์         :   ๒๕๓๒จำนวนหน้า     :   ๒๓๔ หน้าหมายเหตุ        :  จัดพิมพ์เพื่อเชิดชูเกียรติในงานพระราชทานเพลิงศพ นางจิรา  จลกล ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันอังคารที่  ๔  เมษายน พ,ศ, ๒๕๓๒                     การพัฒนากิจการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังและกว้างขวางในเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๑๘ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร แยกกองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติออกจากกองโบราณคดี เนื่องจากงานที่ปฏิบัติ และรับผิดชอบต่างกัน กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมีภาระหน้าที่รับผิดชอบในการธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันที่สำคัญในการรวบรวมสงวนรักษาสมบัติ วัฒนธรรมของชาติ โดยได้ดำเนินการสืบต่อจากการที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงให้กำเนิดงานพิพิธภัณฑสถานในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ หลังจากการปรับปรุงแก้ไขส่วนราชการในกองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ


ชื่อเรื่อง : อนุสรณ์ ตึกกรุณา โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2508 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์ไทยเขษม จำนวนหน้า : 130 หน้า สาระสังเขป : ตึกกรุณา โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี ได้ประกอบพิธีเปิดในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๐๘ ก่อสร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคของนางกรุณา แต้มทอง ก่อนจะถึงแก่กรรมได้ทำพินัยกรรมมอบเงินทุนให้ทายาทพิจารณาจัดสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ขึ้นในจังหวัดกาญจนบุรี ตึกกรุณาเป็นตึกที่ใช้ทำการรับผู้ป่วยเด็ก มีเตียง ๒๐  เตียง แบ่งออกเป็นผู้ป่วยอายุรกรรม ศัลกรรม และผู้ป่วยโรคติดต่อ และเนื้อหาส่วนต่อมา เป็นเกล็ดความรู้จากแพทย์ อาทิ  โรคไข้เลือดออก โดยนายแพทย์ ดิลก ทิวทอง มองจากห้องยา โดยนัดดา ปริยานนท์ ภ.บ.  เกล็ดความรู้เรื่องเด็กที่น่ารักของท่าน โดย แพทย์หญิง อารีย์ หุตะโชค เป็นต้น


  ชื่อผู้แต่ง          พุทธเลิศหล้านภาลัย,พระบาทสมเด็จพระ ชื่อเรื่อง            กาพย์เห่เรือ ครั้งที่พิมพ์       - สถานที่พิมพ์      กรุงเทพมหานคร สำนักพิมพ์        อัมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊ฟ จำกัด ปีที่พิมพ์           ๒๕๓๓ จำนวนหน้า       ๒๖ หน้า หมายเหตุ         อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนางลิปิธรรมศรีพยัตต์(อุบล  ศรีพยัตต์)            หนังสือเรื่องกาพย์เห่เรือเป็นกาพย์สำหรับฝีพายใช้ขับเห่ในกระบวนเรือเสด็จฯ ทั้งในงานพระราชพิธีหรือเสด็จประพาสตามที่ต่าง ๆ จุดประสงค์ของการขับร้องในเวลาพายเรือก็เพื่อความเพลิดเพลิน ผ่อนแรง และทำให้เกิดจังหวะในการพายพร้อมกัน การเห่เรือแต่เดิมน่าจะทำเป็นพิธี เช่น การเห่เรือในอินเดียก็เป็นคำขับบูชาพระราม พระลักษมณ์ กาพย์เห่เรือของไทยที่มีผู้ประพันธ์ไว้นั้นเป็นเพียงบทที่ใช้ขับร้องเล่น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบูชาหรือพิธีการแต่อย่างใด เนื้อเรื่องมักเป็นบทชมต่าง ๆ เช่น เห่ชมกระบวนเรือ หรือชมธรรมชาติในขณะเดินทาง เป็นต้น


เรื่องที่ 353 พระคัมภีร์ใบลานนี้ ได้มาจากวัดแหลมหิน ต.หนองคันทรง อ.เมือง จ.ตราด เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2532 เป็นคัมภีร์อักษรขอมทั้งผูก ชื่อเรื่องแปลเป็นภาษาบาลี-ไทย ตัวอักษรหนังสือเป็นเส้นจาร ฉบับล่องชาติ ไม้ประกับธรรมดา มีทั้งหมด 9 ผูก พระอนุรุทธาจารย์ เป็นผู้แต่ง จีนต่วน,แดงกิ๋ม เป็นผู้สร้าง หอสมุดแห่งชาติฯมีผูก 3-4,6,8-9,17-18เนื้อหาเกี่ยวกับพุทธประวัติ เรื่องปฐมสมโพธิ เดิมมีผู้แต่งไว้เป็นภาษาบาลี ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของผู้ใด ต่อมาจึงมีผู้แปลไว้เป็นภาษาไทย ครั้งถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้กรมหมื่นไกรสรวิชิตกราบทูลอาราธนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสเมื่อยังเป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส ให้ทรงชำระเรื่องนี้ จนกระทั่งสำเร็จบริบูรณ์ในวันแรม ๔ ค่ำเดือน ๗ พุทธศักราช ๒๓๘๘ พระปฐมสมโพธิกถาแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอนๆ เรียกว่า ปริเฉท มีทั้งหมด 29 ปริเฉท กล่าวถึงศักยวงศ์หรือศากยวงศ์และโกลิยวงศ์ ความเป็นมาพระพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน เลขทะเบียน จบ.บ.353/3-4,6,5,8-9,17-18


CHANTHABURI  BAND  :  จากความตั้งใจที่จะทำวงดนตรี " จันทบุรีแบนด์ " ต่อยอดมาสู่ โครงการ " ค่ายดนตรี Chanthaburi Band "  จันท์ยิ้ม.  2 , (4) : 16 -17 ;เมษายน -ถุนายน  2560.                                   เนื้อหาภายในเล่ม กล่าวถึงแคมป์ ว่าคือเรื่องของการนำไปสู่วงดนตรี ที่ตั้งใจสร้างเป็นวงซิมโฟนีที่ไม่ใช่จัดครั้งเดียวแล้วจบเลย แต่ค่ายดนตรีนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กในจังหวัดจันทบุรี ประมาณ 350 - 400 คน มาอยู่รวมกัน 5 วัน 4 คืน ตั้งแต่วันที่ 1- 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เด็กๆได้มา ฟังความรู้จากวิทยากรเก่งๆ อย่างเช่น อาจารย์วานิช  โปตะวณิช  ศิลปินศิลปาธร ช่างซ่อมเครื่องดนตรี มีบริษัท ยามาฮ่า มาสอนเทคนิค การดูแลเครื่อง เทคนิคการใช้ลม  เป็นต้น  การเข้าค่ายดนตรีให้อะไร หลายอย่างกับเด็กๆ ซึ่งเด็กกลุ่มนี้เป็นกลุ่มตัวอย่างที่จะขยายเครือข่ายต่อไป เพื่อให้เยาวชนคนอื่นๆ  มาร่วมกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์มากขึ้น  และสำหรับแคมป์ที่สองนั้นมีรูปแบบแตกต่างจากครั้งแรก คือ  แคมป์ที่สองนี้จะคัดเด็กที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ให้เหลือแค่ 150 คน   สำหรับเป้าหมายที่ชัดเจนของ โครงการ คือจะเป็นโมเดลให้กับที่อื่นๆ ที่มีวงดนตรีประจำจังหวัด  สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง โดยเฉพาะ และ จะใช้กิจกรรมนี้เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน โดยมีเยาวชน -   เป็นศูนย์กลาง เพราะเยาวชนเขาจะต้องอยู่ร่วมในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาเซียน



          ประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับพ่อค้ามุสลิมมาตั้งแต่ก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อ พ.ศ. 1893 หลังจากนั้นในสมัยกรุงธนบุรีพบว่ามีชาวมุสลิมเดินทางเข้ามาค้าขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ประเทศไทยเปิดการค้าเสรีภายใต้สนธิสัญญาเบาริ่ง ในสมัยรัชกาลที่ 4 ยิ่งทำให้มีพ่อค้าจากอินเดีย มลายูและอาหรับเข้ามาเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก           ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นบริเวณปากคลองสานถือเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยที่สำคัญของชาวมุสลิม แบ่งออกเป็น 2 ย่าน คือ “ย่านตึกแดง” และ “ย่านตึกขาว” มุสลิมที่อยู่ในย่านตึกแดงเป็นพวกชาวอินเดียที่ส่วนมากมาจาก ตำบลแรนเดอร์ เมืองสุรัต ประเทศอินเดีย เป็นชาวมุสลิมที่นับถือนิกายสุหนี่ แต่มุสลิมที่อยู่ในย่านตึกขาวส่วนใหญ่เป็นมุสลิมที่นับถือนิกายชีอะห์ ซึ่งเดินทางมาจากเมืองสุรัต เมืองแคมบ๊าต เมืองอะห์เมดาบ๊าด รัฐคุชราต และจากเมืองซิ๊ดปุร และเมืองโดรายี ทางตะวันตกของอินเดีย ซึ่งชาวมุสลิมที่อยู่ในย่านตึกขาวนี้เรียกตนเองว่า “มุอ์มิน ดาวูดี โบห์รา”           ดาวูดี โบห์รา (Dawoodi Bohra) เป็นกลุ่มสาขาของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองทางตะวันตกของอินเดีย โดยคำว่า “โบห์รา” เป็นภาษาคุชราต แปลว่า “พ่อค้า” ส่วนคำว่า “ดาวูดี” มาจากการสนับสนุนนายดาวูดบิน ในระหว่างที่มุสลิมมีข้อพิพาทเกี่ยวกับกรณีการเลือกผู้นำ ในปี ค.ศ. 1592 ชาวดาวูดี โบห์รา ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการค้าผ้าอินเดียกับราชสำนักสยามในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ดำเนินการค้าขายสินค้าประเภทผ้าแพร ดิ้นเงินดิ้นทอง เพชรพลอย เครื่องเทศ เครื่องหอม โดยจะข้ามจากฝั่งคลองสานเพื่อมาทำการค้าบริเวณท่าราชวงศ์ ทรงวาด และย่านสำเพ็ง           ในปัจจุบันยังมีชาวมุสลิมดาวูดี โบห์รา อาศัยอยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ย่านคลองสานและกระจายออกไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่อื่นๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งในทุกๆ วันสำคัญ เหล่ามุอ์มินดาวูดี โบห์ราต่างเดินทางมาร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ณ มัสยิดเซฟี หรือมัสยิดตึกขาว อันเป็นศาสนสถานศูนย์รวมจิตใจของกลุ่ม มัสยิดเซฟีหรือมัสยิดตึกขาวนี้ ตั้งอยู่ที่ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 5 แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เป็นมัสยิดที่ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2446 โดยมีลักษณะสถาปัตยกรรมผสมระหว่างยุโรปแบบกอธิค (gothic) ซึ่งรับมาจากอินเดีย และมีการต่อเติมแบบไทยผสมเข้าไปด้วย ปัจจุบันกรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานมัสยิดเซฟี (ตึกขาว) แล้ว ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 135 ตอนพิเศษ 328 ง ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2561 ภาพ : การแต่งกายของชาวโบห์รา ภาพ : มุสลิมพ่อค้าดาวูดีโบห์รา กำลังรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานเฉลิมฉลองการเสด็จนิวัติพระนครจากการประพาสยุโรปครั้งที่สอง เมื่อปี พ.ศ. 2450 (ภาพจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)ภาพ : มัสยิดเซฟี (ตึกขาว)..................................................................ผู้เขียน/เรียบเรียงข้อมูล : นางสาวอารียา สีชมพู นักโบราณคดีปฏิบัติการ กลุ่มวิชาการทะเบียนโบราณสถาน กองโบราณคดี 


นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา และ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา.  สาส์นสมเด็จ (ภาคที่ 18).  พระนคร : กรมศิลปากร, 2498.                  หนังสือเรื่องสาส์นสมเด็จ ภาคที่ 18 นี้ เป็นลายพระหัตถ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ กับสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงมีโต้ตอบกันในบั้นปลายแห่งพระชนมชีพเมื่อทรงวางจากภาระทางราชการการเมือง และทรงพักผ่อนอย่างเงียบ ๆ พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอทั้งสองพระองค์นี้ เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปในหมู่นักศึกษา โบราณคดี ศิลปและวรรณคดี และการปกครอง สาส์นสมเด็จนี้มีอยู่มากมายด้วยกัน ภาคนี้เป็น ภาคที่ 18



องค์ความรู้ เรื่อง "เมืองโบราณนครปฐมกับการติดต่อและรับอารยธรรมจากอินเดีย" จัดทำโดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์


***บรรณานุกรม***     ผดุงถิ่นยุคข่าวเศรษฐกิจ     ปีที่ 15(6)     ฉบับที่ 647(241)    วันที่ 16-20 กุมภาพันธ์ 2534





“เครื่องเคลือบเขียนลายสีดำ หรือสีน้ำตาลใต้เคลือบ (Black/Brown Painting Underglaze Wares)” เป็นเครื่องเคลือบที่ได้รับแบบอย่างมาจากเครื่องลายครามของจีน โดยมีการวาดลวดลายต่าง ๆ ด้วยสีน้ำตาลไหม้หรือสีดำบนผิวภาชนะ แล้วเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบสีใสถึงสีเขียวใส รูปแบบภาชนะมักเป็นชาม จาน ตลับหรือผอบ แจกัน ขวด กาน้ำ และตุ๊กตา เป็นต้น “ภาชนะไม่เคลือบผิว (Unglazed Wares)” เป็นภาชนะที่ไม่ได้เคลือบด้วยน้ำยาเคลือบ มีสีเทาถึงสีน้ำตาลเข้ม บางชิ้นมีขี้เถ้าปลิวไปติดที่ผิวภาชนะ ทำให้ผิวมีความมันวาวเหมือนเคลือบผิว เรียกว่า “เคลือบขี้เถ้า” โดยมากมักเป็นภาชนะประเภทโอ่ง ไห ครก และแจกัน “เครื่องเคลือบสีเขียว หรือเซลาดอน (Celadon Wares)” เป็นเครื่องเคลือบในกลุ่มสีเขียวใส สันนิษฐานว่าพัฒนามาจากเครื่องถ้วยสีเขียวมะกอกหรือสีเขียวอมน้ำตาลของเครื่องถ้วยเชลียง และได้รับอิทธิพลมาจากเครื่องเคลือบสีเขียวแบบหลงฉวนของจีน เครื่องเคลือบประเภทนี้มีรูปแบบค่อนข้างหลากหลาย ได้แก่ ชาม จาน ถ้วย ขวดทรงป่อง กระปุกทรงน้ำเต้า กาน้ำ ตุ๊กตาเสียกบาล ตุ๊กตารูปสัตว์ เป็นต้น


black ribbon.