ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,757 รายการ
ชื่อเรื่อง นารายณ์สิบปาง ปางที่ 7ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ วรรณกรรม วรรณคดีเลขหมู่ 895.9115สถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์พานิชกิจปีที่พิมพ์ 2496ลักษณะวัสดุ 210 หน้า หัวเรื่อง กวีนิพนธ์ไทยภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกนารายณ์สิบปาง เล่มนี้กล่าวถึงปางที่ 7 รามจันทราวตาร
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภธมฺม (สังคิณี-ยมก)
สพ.บ. 375/6ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 72 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง ธรรมเทศนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคาต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.38/1-4
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ปญฺจพุทฺธา (ปญฺจพุทฺธา)
ชบ.บ.76/1-1ก
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
สงฺคีติกถา (ปถม-ปญฺจมสงฺคายนา)
ชบ.บ.101/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.318/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 64 หน้า ; 3.5 x 52 ซ.ม. : ชาดทึบ-ทองทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 129 (321-328) ผูก 7 (2565)หัวเรื่อง : พุทธวํสวณฺณนา มธุรตฺถวิลาสินี ขุทฺทนิกายฏฐกถา (พุทธวงศ์)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ ๑๙ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ประสูติแต่สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๔๒๐ พระองค์ได้รับพระราชทานพระนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคมปีเดียวกัน ดังปรากฏใน จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลที่ ๕ ความว่า "เวลาบ่าย ๕ โมงเศษไปสมโภชเดือนลูกฟ้าหญิง ให้ชื่อสุทธาทิพย์รัตนสุขุมขัติยกัลยาวดี..." และรับพระราชทานพระสุพรรณบัฏเฉลิมพระนาม เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๔๓๐ พระชนกนาถตรัสเรียกว่า "ลูกหญิง" ชาววังออกพระนามว่า "ทูลกระหม่อมหญิง" หรือ "ทูลกระหม่อมหญิงใหญ่" เนื่องจากพระองค์เป็นพระราชธิดาเจ้าฟ้าชั้นเอกพระองค์แรกในรัชกาล
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรทรงเข้ารับการศึกษาอย่างกุลสตรีชาววังตามโบราณราชประเพณีที่โรงเรียนราชกุมารีในพระบรมมหาราชวัง ทรงศึกษาวิชาภาษาไทยจากพระชนนี และพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) และทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษจากครูมีทินและครูทิมจนแตกฉาน
วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๔๔๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี ขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์เดียวในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้รับพระราชทานกรมสูงสุดถึงกรมหลวง และพระนามกรมยังหมายความถึงกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นนามของเมืองหลวง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรทรงรับราชการเป็นราชเลขานุการิณีในพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและได้มีโอกาสตามเสด็จประพาสต้นหลายครั้ง รวมทั้งตามเสด็จประพาสชวา ซึ่งได้โดยเสด็จออกแขกเมืองร่วมกับพระบิดา เมื่อพระบิดากำลังเสวยเครื่องและทรงงานไปด้วย จะมีรับสั่งให้พระองค์ทรงอักษรตามพระราชดำรัสสั่งงาน
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรสิ้นพระชนม์ ในรัชกาลที่ ๖ เมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๔๖๕ (นับแบบปัจจุบัน คือ พุทธศักราช ๒๔๖๖) สิริพระชันษา ๔๕ ปี
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร นับเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่สืบสายจากพระบรมชนกนาถ
ภาพ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร
ชื่อเรื่อง : โหงวโฮ้วเพงไซ โหงวโฮ้งเพงหน่า เล่ม ๑ ชื่อผู้แต่ง : โหงวโฮ้วเพง ปีที่พิมพ์ : 2513 สถานที่พิมพ์ : พระนครสำนักพิมพ์ : คุรุสภาลาดพร้าว จำนวนหน้า : 276 หน้าสาระสังเขป : โหงวโฮ้วเพงไซ โหงวโฮ้งเพงหน่า เป็นนิยายอิงพงศาวดารจีนที่แพร่หลายในเมืองไทย เนื้อเรื่องสนุกสนาน ปูมหลังก็ยอดเยี่ยม ซึ่งจะทำความเข้าใจตัวละครและการดำเนินเรื่องได้อย่างลึกซึ้ง
การสำรวจศิลปกรรมประเภทแกะสลักหินทรายบนทับหลัง โบราณสถานประเภท อโรคยาศาล..."กุฏิฤาษีโคกเมือง"
โดย นายรัชฎ์ ศิริ นายช่างศิลปกรรมอาวุโส
กุฏิฤาษีโคกเมือง หมู่ที่ ๖ บ้านโคกเมือง ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ ตอนที่ ๗๕ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘และกำหนดขอบเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๙๙ ตอนที่ ๑๕๕ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕ พื้นที่โบราณสถาน ๓ ไร่ ๒ งาน ๗๐ ตารางวา
องค์ประกอบของโบราณสถาน...
๑.ปรางค์ประธาน ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย ฐานปรางค์เป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ขนาด
๗x๗ เมตร ทางด้านทิศตะวันออกเป็นมุขยื่น ยาวออกไปเป็นประตูเข้าออก มีขนาดประมาณ ๒.๒๐x๓.๒๐ เมตร
๒.บรรณาลัย ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย มีขนาดประมาณ ๔x๗.๕๐ เมตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ภายในกำแพงแก้ว
๓.กำแพงแก้วและซุ้มประตู กำแพงแก้วก่อด้วยศิลาแลง มีขนาดประมาณ ๒๖.๗๐x๓๕.๔๐ เมตร มีซุ้มประตูอยู่ทางด้านทิศตะวันออกก่อด้วยศิลาแลงกรอบประตูเป็นหินทราย ซุ้มประตูแบ่งเป็น ๓ คูหา คูหาช่องซ้ายขวามีช่องหน้าต่างทั้งด้านนอกและด้านในข้างล่ะ ๑ ช่อง คูหากลางมีมุขหน้าขนาด ๔x๒.๕๐ เมตร และมุขหลังมีขนาด ๔x๔.๗๐ เมตร
๔.สระน้ำประจำโบราณสถาน ตั้งอยู่มุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกุฏิฤาษี ด้านทิศตะวันออกตรงแกนกลางมีบารายหรือสระน้ำขนาดใหญ่ ประมาณ ๕๐๐x๘๐๐ เมตร เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลเมืองต่ำ และห่างจากกุฏิฤาษีโคกเมืองไปด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่ตั้งของปราสาทเมืองต่ำ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒ ประเทศไทยได้ว่าจ้างบริษัท เลส์ เอตาบลิสมองต์ ไดเดย์ (Les Etablissements Daydẻ Compagnie) ประเทศฝรั่งเศสดำเนินการก่อสร้างสะพานพระราม ๖ ซึ่งเป็นสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งแรกของประเทศ ย้อนไปใน พ.ศ.๒๔๒๓ หลุยส์ เลอบรุน (Louis Lebrun) พร้อมด้วยอองรี ไดเดย์(Henri Daydẻ) และออกุสต์ ปิเล่ (Auguste Pillẻ) ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทภายใต้ชื่อเลอบรุน ปิเล่ เอต์ ไดเดย์ (Lebrun, Pillẻ et Daydẻ Compagnie) รับจ้างดำเนินการก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างเหล็ก - โลหะ และเครื่องกำเนิดไอน้ำในงานอุตสาหกรรม หลังจากนั้นใน พ.ศ.๒๔๒๕ จึงเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นไดเดย์ เอต์ ปิเล่ (Daydẻ et Pillẻ Compagnie) และใน พ.ศ.๒๔๔๓ รัฐบาลฝรั่งเศสได้ว่าจ้างบริษัทดำเนินการก่อสร้างกรองด์ ปาเลส์ (Grand Palais) ซึ่งมีโครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก งานโลหะและกระจก เพื่อใช้เป็นอาคารจัดนิทรรศการความก้าวหน้า ทางวิทยาการจากนานาชาติ ในบริเวณจัตุรัสชองป์ส เอลิเซ (Champs Ẻlysẻes) กรุงปารีส ซึ่งถือเป็นงานก่อสร้างที่มีความก้าวหน้าอย่างมากในขณะนั้น รวมทั้งยังเป็นบริษัทที่ทำการก่อสร้างสะพานด้วยโครงสร้างเหล็กหลายแห่งในฝรั่งเศส อัลจิเรีย รวมถึงสะพานสองเบียน (Long Bien) ประเทศเวียดนาม เฉพาะสะพานสองเบียน ในประเทศเวียดนามนั้น เป็นสะพานสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๑ แล้วเสร็จใน พ.ศ.๒๔๔๕ นับเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแดง หรือแม่น้ำห่ง (Hoan) เชื่อมเมืองฮานอย(Hanoi) กับเมืองท่าไฮฟอง(Haiphong) ยาว ๒.๔ กิโลเมตร: ถือเป็นสะพานที่ใหญ่ที่สุดในอินโตจีน ซึ่งในขณะนั้นฝรั่งเศสปกครองอินโดจีน โดยมีผู้สำเร็จราชการดูแล คือ โปล ดูแมร์(Paul Doumer) ลักษณะสะพานดังกล่าวเป็นสะพานรถไฟมีถนนสำหรับยานพาหนะและผู้คนใช้สัญจร ภายหลังใน พ.ศ.๒๕๑๐ สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดทำลายสะพานแห่งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสได้ให้การสนับสนุนในการซ่อมแซมสะพานโดยคงรูปแบบเดิมของสะพานแห่งนี้ ซึ่งรัฐบาลเวียดนามเห็นชอบในการบูรณะสะพานด้วยเหตุผล ว่า “สะพานนี้ถูกก่อสร้างเพื่อการใช้ประโยชน์จากประเทศเมืองขึ้นของฝรั่งเศส แต่ก็ช่วยขยายการคมนาคมให้แก่ คนเวียดนามและเราต้องอนุรักษ์ไว้ นับเป็นกิจการคมนาคมสำคัญที่ส่งผลดีต่อการขนส่งสินค้าเป็นกิจการทางประวัติศาสตร์ที่มีความหมายทางวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ในปี ค.ศ.๑๙๕๕ (พ.ศ. ๒๔๙๘) ทหารฝรั่งเศสถอนออกจากเวียดนามกลับประเทศต้องผ่านสะพานแห่งนี้เพื่อเดินทางไปยังท่าเรือ ไฮฟองลงเรือกลับประเทศ” ลักษณะสถาปัตยกรรมสะพานดังกล่าวยังปรากฏในงานก่อสร้างสะพานพระราม ๖ ในประเทศไทย เมื่อบริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเลส์ เอตาบลิสมองต์ ไดเดย์ (Les Etablissements Daydẻ Compagnie) (Daydẻ Compagnie) ใน พ.ศ..๒๔๔๖ ใน พ.ศ.๒๕๐๗ บริษัท เลส์ เอตาบลิสมองต์ ไดเดย์ (Les Etablissements Daydẻ Compagnie) (Daydẻ Compagnie) ได้รวมเข้าเป็นบริษัท ฟรองเซส์ ดองเทรอร์ปรีส์ (Compagnie Française d’Entreprises – CFEM) เป็นบริษัทที่ทำหน้าทีในการดูแลโครงสร้างโลหะของหอไอเฟล (Eiffel Tower) ประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน (ซ้าย – ขวา) การก่อสร้างอาคารกรองด์ ปาเลส์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๓ (ซ้าย) กรองด์ ปาเลส์ ในปัจจุบัน (ขวา) โครงสร้างโลหะและกระจกส่วนหลังคากรองด์ ปาเลส์ ที่ขึ้นชื่อในความก้าวหน้าของงานก่อสร้างในฝรั่งเศส (บน – ซ้าย) สะพานสองเบียน ประเทศเวียดนาม(บน – ขวา) สะพานลองเบียนในอดีต(ล่าง) ภาพลายเส้นแบบโครงสร้างสะพานลองเบียน ประเทศเวียดนาม (ซ้าย) ป้ายชื่อบริษัท Daydẻ et Pillẻ ที่สะพานลองเบียน(ขวา) ด้านข้างสะพานลองเบียนใช้เป็นเส้นทางสำหรับพาหนะสัญจรสภาพความเสียหายสะพานลองเบียนเมื่อสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดทำลาย เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐(ซ้าย) ป้ายโลหะที่หน้าทางขึ้นสะพานพระราม ๖ (ซึ่งทำขึ้นเมื่อมีการบูรณะสะพานในสมัยหลัง) ระบุชื่อบริษัท Les Etablissements Daydẻ แห่งประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้สร้างสะพาน(ขวา) รายละเอียดข้อความชื่อบริษัท Les Etablissements Daydẻ แห่งประเทศฝรั่งเศส ที่ปรากฏบนแผ่นป้าย-------------------------------------------------เรียบเรียงข้อมูล : นางสาวเมธินี จิระวัฒนา นักโบราณคดีชำนาญการ กองโบราณคดี-------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง Ky Lan. สะพานลองเบียนจากข้อมูลของฝรั่งเศสที่ยังหลงเหลือ (เผยแพร่ทางสถานีวิทยุเวียดนาม – ส่วนกระจาย เสียงต่างประเทศแห่งชาติ วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๗) สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔. https://fr.wikipedia.org/wiki/Daydẻ ) สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔. https://www,gracesguide.co.uki/Dayde_and_Pille สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔.
นงคราญ สุขสม. ประวัติศาสตร์โบราณคดีสุราษฎร์ธานี. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2545.
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ พัฒนาการของบ้านเมืองเจริญควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดจาการรับอารยธรรมจากภายนอกที่สำคัญ คือ จีน และอินเดีย เนื้อหาในหนังสือให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของจังหวัดสุราษฎร์ธานี พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สุราษฎร์ธานี เริ่มตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ สมัยประวัติศาสตร์ พุทธศตวรรษที่ 19 พุทธศตวรรษ ที่ 20-23 พุทธศตวรรษที่ 24-25 และพุทธศตวรรษที่ 25 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับโบราณสถานและโบราณวัตถุในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งถือหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
#หนังสือชุดน่าอ่านหนังสือชุด สนุกสนานตามธรรมชาติ เป็นหนังสือที่รวมการละเล่นของเด็กไทยสมัยก่อน แบ่งเป็น 3 เล่ม คือ เล่นกลางแจ้ง เล่นในป่า และเล่นริมน้ำ ซึ่งการละเล่นแต่ละแบบก็ให้ความสนุกสนานและเพลิดเพลินแก่เด็กๆ แตกต่างกันออกไป อ่านได้ที่ห้องหนังสือเยาวชน หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่