ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 42,326 รายการ

ชื่อผู้แต่ง                  - ชื่อเรื่อง                   พระมหาสุระเสนชาดก ครั้งที่พิมพ์               - สถานที่พิมพ์            - สำนักพิมพ์               - ปีที่พิมพ์                  - จำนวนหน้า              ๑๒๘   หน้า หมายเหตุ                สข.๐๓๒ หนังสือสมุดไทยขาว อักษรไทย ภาษาไทย เส้นหมึก (เนื้อหา)                  พระเจ้ามหาสุระเสนครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระองค์ทรงบำเพ็ญทานและรักษาศีลอุโบสถเป็นประจำ ต่อมาพระอินทร์แปลงมาเป็นคนคอขาด ขอพระเศียรพระองค์ก็ให้ แต่พระอินทร์ก็ถวายคืนให้   


กฤตภาคข่าวท้องถิ่น เรื่อง เรือรบหลวงสพีร์ (HMS SPEY) อังกฤษ ฝึกซ้อมทางทหารร่วมกับกองทัพไทย



เลขทะเบียน : นพ.บ.464/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 38 หน้า ; 5 x 53 ซ.ม. : ทองทึบ-ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 160  (174-182) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : พระธรรม 3 ไตร--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.604/8                   ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 193  (399-407) ผูก 8 (2566)หัวเรื่อง : อภิธัมมา--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


วันอนุรักษ์มรดกไทย ตรงกับวันที่ 2 เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ คณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย ได้มีมติเห็นชอบคำจำกัดความคำว่ามรดกไทย คือ "มรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงออกถึงสัญลักษณ์ของความเป็นชาติ ซึ่งได้แก่ โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ โบราณสถาน วรรณกรรม ศิลปหัตถกรรม นาฏศิลป์และดนตรี ตลอดจนถึงการดำเนินชีวิตและคุณค่าประเพณีต่างๆ อันเป็นผลผลิตร่วมกันของผู้คนในผืนแผ่นดินในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา" คณะรัฐมนตรีซึ่งมี ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ประกาศให้วันที่ 2 เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็น "วันอนุรักษ์มรดกไทย" ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์สร้างความเข้าใจ ความสำนึกรัก และหวงแหนในมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษามรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งกิจกรรมเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นราชสักการะแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในฐานะมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติตลอดมา การจัดงานวันอนุรักษ์มรดกไทยได้ดำเนินการผ่านมาแล้วหลายปี โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัด หน่วยงานเอกชน หน่วยงานของรัฐบาลและประชาชนในการจัดกิจกรรมวันอนุรักษ์มรดกไทยในช่วง สัปดาห์อนุรักษ์มรดกไทย 2 - 8 เมษายน ของทุกปี บางจังหวัด บางหน่วยงานก็จัดกิจกรรมสนับสนุนตลอดทั้งปี ซึ่งนับว่าประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง การจัดกิจกรรมที่เสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม เช่น การจัดนิทรรศการ การจัดการแสดง การฉายภาพยนตร์ ทัศนศึกษาโบราณสถาน และสถานที่สำคัญทางศาสนา กิจกรรมเสริมสร้างและสนับสนุนให้เกิดทัศนคติที่จะยังประโยชน์ต่อการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมไทย ได้การรณรงค์ให้มีการพัฒนา บูรณะและทำความสะอาดโบราณสถานศาสนสถาน ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมอื่น ๆ พิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล พิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม กรมศิลปากรในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบงานด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ดำเนินการจัดกิจกรรมเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อเป็นแนวทางในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ อันเนื่องด้วยการอนุรักษ์มรดกไทยให้แพร่หลายกว้างขวาง และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตื่นตัวในการร่วมกันดูแลรักษาศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติ การจัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย เป็นกิจกรรมหลักที่กรมศิลปากรและหน่วยงานในสังกัดดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี




          กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน "ศาสตร์และศิลป์บนซองแผ่นเสียง" วิทยากร นางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร สำนักหอสมุดแห่งชาติ ผู้ดำเนินรายการ นางกมลชนก พรภาสกร นักวิชาการโสตทัศนศึกษา กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น.           ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร




          ศูนย์หนังสือกรมศิลปากร ขอแนะนำหนังสือน่าอ่าน เรื่อง "ระยะทางไปมณฑลภาคพายัพ พระพุทธศักราช ๒๔๖๕" เป็นบันทึกการเดินทางตรวจราชการภาคเหนือของพระยาสุนทรเทพกิจจารักษ์ (ทอง จันทรางศุ) ระหว่างวันที่ ๒๔ มกราคม – ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๖๕ เนื้อหาว่าด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ เส้นทางการคมนาคม สภาพบ้านเมือง สถานที่ราชการ ตลอดจนสถานที่สำคัญที่ผู้บันทึกได้พบเห็นในมณฑลภาคพายัพ รวมถึงบางส่วนของมณฑลพิษณุโลกและมณฑลนครสวรรค์ อันแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของบ้านเมือง และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว            หนังสือเล่มนี้มีจำนวน ๑๒๘ หน้า จำหน่ายราคาเล่มละ ๙๕ บาท ผู้สนใจสามารถซื้อหนังสือดังกล่าวได้ที่ร้านหนังสือกรมศิลปากร (อาคารเทเวศร์) โทรศัพท์ ๐ ๒๑๖๔ ๒๕๐๑ ต่อ ๑๐๐๔ เปิดทำการวันจันทร์ - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. (ปิดวันเสาร์ - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://bookshop.finearts.go.th สอบถามเพิ่มเติม Facebook Page ศูนย์หนังสือกรมศิลปากร


         กลองแอว์ : กลองอืด : กลองตึ่งโนง           กลองแอว์ เป็นกลองขึ้นหนังหน้าเดียว ตัวกลองทำจากไม้รูปทรงกระบอก เอวคอดแกะสลักรอบเป็นเล็บช้าง คร่าวหูหิ่งทำจากหนังเป็นเส้นสายโยงเร่งเสียงถักขึงกับหน้ากลอง ตอนท้ายมีรูปทรงเรียวยาวกลึงเป็นปล้อง ปลายบานคล้ายดอกลำโพง          ภายในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มีกลองแอว์ ๒ รายการ คือ ชิ้นที่ ๑ กลองแอว์ขนาดเล็กมีความสูงประมาณ ๑๔๕ เซนติเมตร ฝีมือของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่ กระทรวงมหาดไทยมอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ           ส่วนชิ้นที่ ๒ คือกลองแอว์พร้อมฐานล้อเกวียน มีความยาวประมาณ ๓๓๖ เซนติเมตร ตามประวัติระบุว่า พระยาเพ็ชรพิสัยศรีสวัสดิ์ส่งมาจากจังหวัดแพร่          คำว่า "กลองแอว์" มาจาก กลองมีสะเอว มีรูปร่างคล้ายคลึงกับกลองยาว แต่ขนาดใหญ่และยาวกว่ามาก สามารถพบได้ตามวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ใช้ตีบอกสัญญาณ เช่น ตีกลองเพล เรียกชุมนุมสงฆ์ทำพิธีสังฆกรรม และนัดหมายชาวบ้านมาร่วมงานกุศลต่างๆ           นิยมนำมาตีประชันประกวดเสียงระหว่างช่วงเดือน ๓-๔ ของภาคเหนือ ซึ่งตรงกับเดือนอ้าย-เดือนยี่ของภาคกลาง มักใช้บรรเลงร่วมกับตะโล้ดโป๊ด และเครื่องดนตรีอื่นๆ ประกอบการละเล่นพื้นเมือง เช่น ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ทั้งนี้ยังใช้ในกระบวนแห่เคลื่อนที่ในงานพิธีปอยหลวง งานแห่ครัวทาน และงานปอยลูกแก้ว (บวชเณร) ซึ่งเป็นงานประเพณีสำคัญด้วย          กลองแอว์ยังมีชื่อแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น โดยเรียกตามลักษณะของเสียงประโคม อาทิ ‘กลองตึ่งโนง’ มาจากการประโคมร่วมกับฆ้องใหญ่สลับกับฆ้องหุ่ย และตะโล้ดโป๊ด บรรเลงผสมวงกับเครื่องเป่า ทำให้มีเสียงกลองเป็นเสียง “ตึ่ง” และเสียงฆ้องเป็นเสียง "นง หรือ "โนง" เช่นเดียวกับที่มาของการเรียกขานชื่อกลองในจังหวัดต่างๆ           กล่าวคือ ‘กลองเปิ้งมง’ นิยมเรียกในเขตจังหวัดลำพูน ‘กลองตบเส้ง’ นิยมเรียกกันในจังหวัดลำปาง และ ‘กลองอืด’ นิยมเรียกกันในจังหวัดแพร่และน่าน เพราะมีเสียงกังวานยาวนานคล้ายเสียงอืดหรือเสียงลูกปลาย     อ้างอิง ธนิต อยู่โพธิ์. เครื่องดนตรีไทย พร้อมด้วยตำนานการผสมวงมโหรี ปี่พาทย์ และเครื่องสาย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร ๒๕๒๓


การแบ่งยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย แบบ “วิถีการดำรงชีวิต” เรียบเรียงโดย : พรหมพิริยะ พรหมเมศ การแบ่งยุคจากวิถีการดำรงชีวิต ให้ความสำคัญกับแบบแผนการดำรงชีวิตและลักษณะของสังคมเป็นหลัก โดยอ้างอิงจากวิถีการหาอาหารและการดำรงชีวิต ในยุคแรกเริ่มที่มนุษย์ได้กำเนิดขึ้นมาได้มีวิถีการดำรงชีวิตที่เรียบง่ายก่อนที่จะพัฒนาให้มีความซับซ้อนขึ้นมีเทคนิควิธีในการผลิตอาหารได้ดียิ่งขึ้นตามแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งมีพัฒนาการของวิถีการดำรงชีวิตตามลำดับได้ ดังนี้ ๑. สมัยหาของป่า-ล่าสัตว์ (Hunter – Gatherer) ในบริบทพื้นที่ประเทศไทยกำหนดอายุราว ๕๐๐,๐๐๐ – ๔,๕๐๐ ปีมาแล้ว ในสมัยนี้มนุษย์ดำรงชีวิตด้วยการหาของป่าและล่าสัตว์ อาศัยอยู่ตามถ้ำ เพิงผา อยู่รวมกันเป็นกลุ่มขนาดเล็ก ย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัยไปเรื่อย ๆ ตามแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อแหล่งที่อยู่เดิมขาดแคลนอาหารก็ย้ายที่อยู่อาศัยเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ ไปหาแหล่งที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในสมัยชุมชนหาของป่า-ล่าสัตว์ เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านผีแมน อำเภอเมืองฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน, แหล่งโบราณคดี ถ้ำองบะ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี, แหล่งโบราณคดีถ้ำปุงฮุง อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นต้น ๒. สมัยหมู่บ้านเกษตรกรรม (Agricultural village) กำหนดอายุราว ๔,๕๐๐ – ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว ในสมัยนี้ผู้คนเริ่มทำการเพาะปลูกพืชได้แล้ว จึงเริ่มย้ายถิ่นฐานลงมาจากเพิงผาและถ้ำ เพื่อมาทำเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ราบ เกิดการตั้งถิ่นฐานถาวรเพื่อรอการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการเกษตรกรรม สมัยหมู่บ้านเกษตรกรรมการดำรงชีวิตจึงเป็นแบบการตั้งถิ่นฐานถาวร มีแหล่งอาหารมาจากการทำเกษตรกรรม และเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก อย่างไรก็ตามยังคงมีการล่าสัตว์และเก็บของป่าอยู่แต่ไม่ใช่วิธีการหลักอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมนุษย์มีการตั้งถิ่นฐานถาวรขึ้นจึงมีการสร้างเครื่องมือเครื่องใช้เป็นจำนวนมาก เช่น ภาชนะดินเผา เครื่องมือทำเกษตรกรรม เครื่องประดับ เป็นต้น รวมทั้งเกิดการแบ่งงานมีช่างฝีมือเฉพาะทางเกิดขึ้น เช่น ช่างทอผ้า ช่างโลหะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการติดต่อกันระหว่างชุมชน เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าที่ไม่สามารถผลิตหรือเข้าถึงทรัพยากรได้ แหล่งโบราณคดีสมัยหมู่บ้านเกษตรกรรมที่สำคัญ เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี, แหล่งโบราณคดีโคกพนมดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี, แหล่งโบราณคดีบ้านโนนวัด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา, แหล่งโบราณคดีโนนป่าหวาย อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี, แหล่งโบราณคดีพุน้อย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เป็นต้น ๓. สมัยสังคมเมือง (Urban society) กำหนดอายุราว ๒,๕๐๐ – ๑,๕๐๐ ปีมาแล้ว สมัยนี้จะอยู่ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายเรื่อยมาจนถึงยุคประวัติศาสตร์จนมาเป็นสังคมในระดับรัฐต่อไป พัฒนาการในสมัยสังคมเมืองหมู่บ้านเล็กๆ มีการขยายตัวกลายเป็นชุมชนเมืองที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีลักษณะสังคมที่ซับซ้อน มีการจัดแบ่งสถานะภาพทางสังคม และชนชั้นทางสังคม ปรากฏการจัดพื้นที่ของการฝังศพ วิถีการดำรงชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากมีการปรับแต่งภูมิประเทศก่อสร้างคันดินและขุดคูเมือง เพื่อจัดการน้ำในการอุปโภคและบริโภค รวมทั้งยังใช้ในการทำเกษตรกรรมที่มีความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อรองรับกับจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย นอกจากทำการเกษตรแล้ว ยังเริ่มมีการผลิตในระดับอุตสาหกรรมอีกด้วย เช่น การถลุงโลหะ การทำภาชนะ ดินเผา การผลิตเกลือ เป็นต้น การติดต่อและค้าขายระหว่างชุมชนพัฒนาขึ้นเป็นอันมาก มีการติดต่อและแลกเปลี่ยนสินค้าทางไกลไปจนถึงตะวันออกกลาง ทำให้ปรากฏหลักฐานของสินค้าที่ไม่สามารถประดิษฐ์ขึ้นในท้องถิ่น เช่น ตะเกียงสำริดโรมัน ลูกปัดหินคาร์เนเลียน ลูกปัดหินอาเกต ตุ้มหูแบบลิง-ลิง-โอ เป็นต้น รวมทั้งปรากฎหลักฐานของการเผยแพร่พิธีกรรม ความเชื่อ ศาสนา และตัวอักษรเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย ไปจนถึงมีระบบสังคมที่ซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย องค์ประกอบเหล่านี้จะนำไปสู่รากฐานการก่อเกิดสังคมรัฐในเวลาต่อมา แหล่งโบราณคดีสำคัญในสมัยสังคมเมือง เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านดอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี, แหล่งโบราณคดีเนินอุโลก อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา, แหล่งโบราณคดีบ้านท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นต้น บรรณานุกรม กรมศิลปากร. สำนักโบราณคดี. “โบราณคดีสำหรับเยาวชน เล่ม ๒ ยุค สมัยทางโบราณคดี.” (กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)), 2560.


          วันอังคารที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร มอบหมายให้นางสาวพิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ นักอักษรศาสตร์ทรงคุณวุฒิ (ภาษา เอกสาร และหนังสือ) เป็นผู้แทนกรมศิลปากร ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชน ก้าวสู่ปีที่ ๔๗ พร้อมทั้งมอบเงินสมทบทุนมูลนิธิ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ และมอบหนังสืออันทรงคุณค่าของกรมศิลปากรเป็นที่ระลึก เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร/กิจกรรมของกรมศิลปากรด้วยดีตลอดมา โดยมีนางสาวปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน), นายนฤตย์ เสกธีระ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน, นายสุพัด ทีปะลา บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มติชน ให้การต้อนรับและเป็นผู้รับมอบ ณ อาคาร ๑ หนังสือพิมพ์มติชน ณ โถงอาคารสำนักงานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)