ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 40,892 รายการ
ความรู้ก่อนดูโขน ตอน แนะนำนางสำมะนักขา โดย นายลักษมณ์ บุญเรืองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่นความรู้ก่อนดูโขน พิพิธภัณฑ์ขอนแก่น ตอน "แนะนำนางสำมะนักขา"จากที่ทราบในเบื้องต้นว่า พิพิธภัณฑ์ขอนแก่น จะมีโขน มหรสพแห่งชาติ โดยกรมศิลปากร มาแสดงให้ชมฟรี ๆ เย็นวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ นั้น วันนี้เรามารู้จักตัวละครตัวเอก ของตอน เล่ห์รักยักขินี กันซัก ๑ ตัวครับนางสำมะนักขา หรืออีกชื่อว่า นางสูรปนักขา เป็นน้องสาวคนสุดท้อง ในจำนวน พี่น้อง ๗ ตน ของทศกัณฑ์ (ประกอบด้วย ทศกัณฑ์ กุมภกัณฑ์ พิเภก ทูษณ์ ขร ตรีเศียร และสำมะนักขา ถือว่านางเป็นต้นเรื่องคนสำคัญที่ทำให้เกิดการรบราฆ่าฟันกันระหว่าง พระ ยักษ์ ลิง วุ่นวายไปทั้งลงกา ชมภู และขีดขินสืบเนื่องจากว่า นางกำลังช้ำใจที่สามี (ชิวหา) ถูกทศกัณฑ์ตัดลิ้นขาดใจตายด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าตัวอะไรมาอมเมือง จึงออกเดินป่าหาความสำราญใจ แล้วบังเอิญไปเจอชายหนุ่มรูปงามสองคนกำลังแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ในป่า ซึ่งก็คือ พระรามกับพระลักษมณ์นั่นเอง นางจึงแปลงกายเป็นสาวงามไปแอ๊วผู้ชาย แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ นางพยายามรบเร้า พระรามจึงบริภาษนางว่าเป็นหญิงแพศยา ถึงกระนั้นนางสำมนักขายังคงวิ่งตามพระรามไปจนถึงอาศรม นางสำมนักขาเห็นนางสีดา มีรูปร่างงดงามก็คิดว่าเป็นต้นเหตุให้พระรามไม่สนใจตน จึงเข้าทำร้ายนางสีดา พระรามเห็นก็เข้าขวาง จนถูกพระลักษมณ์ตัดมือ เท้า จมูก และหูเป็นการลงโทษ นางจึงหนึไปฟ้องทศกัณฑ์ แล้วใส่เชื้อไฟว่าพบสตรีรูปงามอยู่ในป่าซึ่ง หน้าตางดงามม๊ากกกกก มากกว่าพระอุมา* พระสุรัสวดี* พระลักษมี* ชายาของมหาเทพทั้งสามเสียอีก แล้วยุยงให้ทศกัณฑ์ไปลักพาตัวนางมาเป็นของตน นับว่า นางสำมนักขาเป็นต้นเหตุของสงครามทำให้พระราม*ยกทัพไปกรุงลงกา* เลยทีเดียวแหละปล. โขนตอนนี้ท่านจะได้ชมความงามของการร่ายรำ ฉุยฉาย แต่เป็นฉุยฉายสูรปนักขา เป็นบทชมความงามของนนางสำมะนักขาที่แปลงกายเป็นสาวงามไปจีบพระรามนะครับ
The Tales of Andaman”
Thalang National Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง จังหวัดภูเก็ต
พิพิธภัณฑ์ที่ทำให้เราได้ย้อนไปกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ในพื้นที่ภาคใต้ชายฝั่งทะเลอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง) ผ่านนิทรรศการการบอกเล่าเรื่องราว โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุตามยุคสมัย เริ่มตั้งแต่ส่วนแรกเป็นข้อมูลยุคก่อนประวัติศาสตร์ แรกเริ่มประวัติศาสตร์ การค้าเมืองท่าโบราณ การปรากฏหลักฐานการเข้ามาของอักษรภาษาเขียน ศาสนาในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน ข้อมูลหลักฐานเริ่มต้นเมืองถลางสู่จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนการจัดแสดงเนื้อหาความหลากหลายทางชาติพันธุ์ของผู้คนที่อาศัยบนเกาะภูเก็ต นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่น่าสนใจพร้อมที่จะมอบความสนุกไปกับการเรียนรู้
เปิดให้เข้าชม ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์
ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.
อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20.- บาท ชาวต่างชาติ 100.- บาท
คณะหน่วยงาน สถานศึกษา สนใจเข้าชม ติดต่อสอบถาม โทร. 076 - 379895 หรือสอบถามผ่านทางกล่องข้อความ
เกวียน (ระแทะ)
ลักษณะ : เกวียน หรือ ระแทะ เป็นยานพาหนะเทียมวัว/ควาย สำหรับเดินทางไกลของของคนในอดีต ทั้งยังเป็นยานพาหนะสำหรับขนสิ่งของ ที่จะนำไปขายค้า หรือย้ายถิ่นฐาน เกวียนสองเล่มนี้เป็นของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เจ้าเมืองพระตะบอง ที่น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ส่วนประกอบต่าง ๆ ของเกวียนมีการแกะสลักลวดลายให้มีความวิจิตรมากกว่าเกวียนทั่วไป เกวียนเล่มที่ ๑ เป็นเกวียนสำหรับบรรทุกสิ่งของ ส่วนเกวียนเล่มที่ ๒ เป็นเกวียนสำหรับคนนั่ง มีหลังคาทรงประทุน คลุมเพื่อกันแดดกันฝน ท้ายของประทุนทำเป็นบานหน้าต่างเปิดปิด
ขนาด : ๑. สูง ๕๕ เซนติเมตร กว้าง ๒๐๐ เซนติเมตร
ชนิด : ไม้ แกะสลัก
อายุ/สมัย : รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๕
ประวัติ : ระแทะเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้มาจากเมืองพระตะบอง ในสมัยรัชกาลที่ ๕
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=52862
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
ชื่อเรื่อง : อภิณฺหปจฺจเวกฺขณะผู้แต่ง : พรหมจักรภิกขุ (พรหมมา)ปีที่พิมพ์ : ๒๔๘๑ สถานที่พิมพ์ : เชียงใหม่สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์อุปะติพงษ์จำนวนหน้า : ๕๒ หน้าเนื้อหา : หนังสือเล่มนี้ชื่อ อภิณฺหปจฺจเวกฺขณะ สำหรับเตือนสติ ได้เป็นอย่างดี เตือนได้ทังผู้เฒ่าแก่แล ผู้หนุ่มน้อย ทั้งผู้เจ็บป่วย แล บ่ป่วยทั่วไป พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์อักษร ที่โรงพิมพ์อุปติพงษ์ ถนนช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ พรหมจักรภิกขุ (พรหมมา) ผู้แต่ง อักษรล้านนา ภาษาล้านนา อภิณฺหปจฺจเวกฺขณะ สำหรับเตือนสติ ได้เป็นอย่างดี เตือนได้ทังผู้เฒ่าแก่แล ผู้หนุ่มน้อย ทั้งผู้เจ็บป่วย แล บ่ป่วยทั่วไป เดิมเป็นเทศนาของท่านพระศาสนโสภณวัดมกุฏกษัตริย์ กรุงเทพมหานคร พระพรหมจักรภิกขุ (พรหมมา) วัดป่าเหียงคองงาม อำเภอปากบ่อง จังหวัดลำพูนเป็นผู้เลือกคัด เนื้อหามีอรรถาธิบาย กล่าวถึง หลักธรรมอภิณหปัจจเวกขณะ ได้แก่ ๑. ความชรา ๒. พยาธิ (ความเจ็บป่วย) ๓. มรณะ (ความตาย) ๔. ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ๕. กฎแห่งกรรม หน้าที่ ๒๕ เป็นคำกรวดน้ำ และแผ่ส่วนกุศล พร้อมด้วยคำแปล หน้าที่ ๓๐ เขียนตามแบบเก่า แต่ได้เปลี่ยนแปลงแลตัดลัดเสียเล็กน้อย ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ (ลงนาม) พรหมะจักร ภิกขุ เขียนขณะเมื่อเดินรุกขมูลอยู่ในหล่งบ้านโฮ่ง - ลำพูน เพื่อไว้เป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึก เมื่ออายุครบ ๔๐ ปี พรรษา ๒๐ / หน้า ก - ญ เป็นรายนามผู้บริจาคและจำนวนเงินเลขทะเบียนหนังสือหายาก : ๕๙๘เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : E-book_๒๕๖๗_๐๐๒๓หมายเหตุ : โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
กรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมฟังเสวนาทางวิชาการ MUSEUM TALK บอกเล่าเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์ผ่าน คน ของ และสถานที่ ในกิจกรรมโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ประจำปี 2567 ปีที่ 4 ระหว่างวันที่ 19 - 22 กันยายน 2567 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พบกับการเสวนาที่น่าสนใจ ดังนี้
- วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2567 เวลา 17.30 - 19.00 น. หัวข้อ “World Expo เวทีซิวิไลซ์กับวัตถุใน Museum”
- วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567 เวลา 17.00 - 18.30 น. หัวข้อ “ของที่ถาม-วัตถุที่ตามหา”
- วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 17.00 - 18.30 น. หัวข้อ “ประติมากรรมสำริดรูปบุคคลในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 ที่พบในดินแดนไทย”
- วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567 เวลา 17.00 - 18.30 น. หัวข้อ “อาร์ตทอย X มิวเซียม พื้นที่แห่งการสร้างสรรค์กับงานศิลปะที่จับต้องได้”
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมในวันงาน *รับจำนวน 100 ที่นั่ง/วัน (ไม่รับสำรองที่นั่งล่วงหน้า) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2224 1402 และ 0 2224 1333
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ขอเชิญชวนชมการแสดง แสง สี เสียง งานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2567 จองบัตรได้แล้วตั้งแต่บัดนี้ ทาง thaiticketmajor https://shorturl.asia/j6D2b บัตรราคา : 500 / 900 / 1,200 บาท เปิดรอบการแสดงวันที่ 8 - 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 19.00 – 19.45 น. และเพิ่มรอบ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 20.30 – 21.15 น. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณแอม โทร. 06 1242 8555 ไลน์ไอดี @ST2024
สุโขทัยทำบุญตักบาตรถวายเป็นพรพราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร วันที่ 5 ธันวาคม 2559 เวลา 07.45 น.นางสาว ดวงกมล ยุทธเสรี ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย ข้าราชการและลูกจ้างเข้าร่วมกิจกรรม ทำบุญตักบาตรอาหารแห้งพระภิกษุสงฆ์จำนวน 89 รูป ถวายเป็นพรพราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดสุโขทัย
ประวัติวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร
(The National Symphony Orchestra)
วงดนตรีแบบดุริยางค์สากล ที่เรียกว่า ออร์เคสตร้า (ORCHESTRA) เริ่มเกิดมีขึ้นในประเทศไทย เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๕๔ โดยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวล้นเกล้าล้นกระหม่อมรัชกาลที่ ๖ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้มี วงดนตรีสากลขึ้นในประเทศสยาม เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้สัมผัสกับดนตรีของชาวตะวันตกบ้าง และอีกประการหนึ่งเพื่อให้ประเทศสยามทัดเทียมกับอารยประเทศในโลก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จ้างครูฝรั่งชาวอิตาเลียนมาทำการสอนให้กับนักดนตรีไทย
ต่อมาได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจนดุริยางค์ เป็นผู้ควบคุมวง โดยทรงพระราชทานนามว่า “วงเครื่องสายฝรั่งหลวง”ซึ่งขึ้นอยู่ในพระราชสำนัก สังกัด กรมมหรสพกระทรวงวัง และวงดนตรีวงนี้พัฒนาความสามารถขึ้นเป็นลำดับ ได้จัดการบรรเลงให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศฟังอย่างแพร่หลายในครั้งนั้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดการบรรเลง ซิมโฟนี คอนเสิร์ต (SYMPHONY CONCERT) สำหรับประชาชนทั่วไปขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ณ โรงโขนหลวง ในสวนมิสกวัน และที่ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง(เขตชั้นนอก) สลับที่กันบรรเลงเป็นงานประจำ เพื่อเก็บเงินไว้พระราชทานแก่องค์การสาธารณกุศลต่าง ๆ โดยมีพระเจนดุริยางค์ เป็นผู้อำนวยเพลงจนได้รับคำชมเชยจากชาวต่างประเทศ มีการจัดตีพิมพ์อยู่บนหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ในเมืองไทย ซึ่งได้รับการยกย่องว่า “วงเครื่องสายฝรั่งหลวงแห่งเมืองไทย” วงนี้เป็นวงดนตรีที่ดีที่สุดในภาคเอเซียตะวันออก
ครั้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ วงดนตรีเครื่องสายฝรั่งหลวงได้โอนมาขึ้นกับกรมศิลปากร ดังนั้น วงดุริยางค์สากลวงแรกของประเทศไทยวงนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น“วงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร” จนถึงปัจจุบันนี้
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
ขอเชิญชม
การแสดงดนตรีในสวน (Music in The Park)
โดย วงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร
เวลา ๑๗.๓๐ – ๑๙.๓๐ น. ณ สวนนาคราภิรมย์ (ท่าเตียน)
**********************
กำหนดการบรรเลง
ครั้งที่ ๑ วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๒ วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๓ วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๙
ครั้งที่ ๔ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
*********************
นอกจากนี้ ขอเชิญชมรายการ “ศิลปากรคอนเสิร์ต” บรรเลงเพลงโดย วงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร วันศุกร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เวลา ๑๗.๓๐ น. ณ โรงละครแห่งชาติ
ผู้สนใจร่วมรับฟังการบรรเลง“ดนตรีในสวน (Music in the Park)” ปีที่ ๓ โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร โทร.๐ ๒๒๒๔ ๑๓๗๑
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ ๒ เรื่อง “ศึกษายางรักเพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” (The Second International Conference on Study of Oriental Lacquer Initiated by H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn for the Revitalization of Thai Wisdom) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ณ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
กรมศิลปากร กรมป่าไม้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติและนิทรรศการ ครั้งที่ ๒ “The Second International Conference on Study of Oriental Lacquer Initiated by H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn for the Revitalization of Thai Wisdom” ระหว่างวันที่ ๒๔ – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยการจัดประชุมนานาชาติครั้งนี้มีเพียง "ยางรัก" ซึ่งใช้ในงานศิลปกรรมเป็นหัวข้อหรือโจทย์ แต่งานวิจัยที่นำเสนอในครั้งนี้ กลับเป็นการบูรณาการงานของหลายองค์กรทั้งสถาบันการศึกษา สาธารณสุข กรมศิลปากร กรมป่าไม้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนักวิชาการสาขาต่างๆ จำนวน ๓๕๐ คน จาก ๑๔ ประเทศ คือ สหราชอาณาจักร สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน สาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐออสเตรีย ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สิงคโปร์ กัมพูชา และประเทศไทย เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แยกได้เป็น
๑. ด้านวิชาการ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยางรักและเครื่องรัก ทั้งด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์การทำเครื่องรัก การใช้ประโยชน์ของยางรัก และในแง่พิษวิทยาจากแพทย์แผนปัจจุบัน ตลอดจนบทบาทของยางรักกับสมุนไพรไทย นอกจากนี้ ยังมีการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์คือ เครื่องเอ็กซ์เรย์ ๓ มิติ มาตรวจสอบโบราณวัตถุประเภทเครื่องรัก และมีการตรวจวิเคราะห์โบราณวัตถุด้วยนิวตรอนและรังสีแกมมา
๒. ด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประเทศไทยมีความตื่นตัวที่จะใช้ยางรักซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่เกือบจะสูญหายไปจากประเทศไทย โดยกรมป่าไม้จะเป็นองค์กรหลักในการสร้างผลผลิต คือปลูกป่ารักและคัดเลือกสายพันธุ์เพื่อให้ได้ยางรักที่มีคุณภาพดี เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ต้องสั่งซื้อยางรักจากต่างประเทศ และลดการใช้สารสังเคราะห์ที่ใช้แทนยางรักซึ่งนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันหากสามารถผลิตยางรักได้มากเกินความต้องการ สามารถส่งขายยังต่างประเทศทำรายได้เข้าประเทศอีกด้วย
ในการจัดประชุมครั้งนี้มีการสาธิตการทำเครื่องรักโบราณ โดยผู้เชี่ยวชาญชาวจีน ซึ่งปัจจุบันเครื่องรักของจีนผลิตขึ้นเพื่อส่งเป็นสินค้าออกจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกา ทำรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล เครื่องรักจีนที่ได้รับความนิยมคือ เครื่องรักแกะสลักลวดลายลงบนพื้นรักและการประดิษฐ์ลวดลายเส้นด้ายที่ทำจากส่วนผสมของยางรัก การสาธิตที่จัดขึ้นนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะต่อยอดหรือเป็นแนวทางให้ผู้ที่สนใจทั่วไป ศิลปิน ตลอดจนชาวบ้านหรือชุมชนที่ประกอบกิจการหัตกรรมพื้นบ้านในการรังสรรค์เครื่องหัตถกรรมของไทยที่ผลิตจากยางรักทำเป็นสินค้าออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ นับเป็นการรวมกลุ่มของชาวบ้านและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นผู้สนับสนุน
๓. ด้านวัฒนธรรม งานศิลปกรรมและประณีตศิลป์ของไทยใช้ยางรักในการตกแต่งและเคลือบผิววัสดุต่างๆ มาแต่โบราณกาล เช่น งานปิดทอง ลายรดน้ำ เครื่องมุก และอื่นๆ ซึ่งพบเห็นตามศาสนสถาน ปราสาทราชวัง ล้วนแล้วแต่เป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษถ่ายทอดไว้ กรมศิลปากรในฐานะผู้ดูแลรักษามรดกวัฒนธรรมของไทย ตลอดจนการบูรณะซ่อมแซมโบราณวัตถุสถานต่างๆ จำเป็นต้องมีบทบาทเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาเรื่องการใช้ยางรักให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติตลอดไป ตามพระราชดำรัสเปิดการประชุมครั้งนี้ว่า
"การที่หน่วยงานที่มีศักยภาพร่วมมือช่วยเหลือกันในมิติต่างๆ จะช่วยให้งานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมสาขานี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี"