ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,796 รายการ

สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)  ชบ.บ.37/1-3  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


นิพฺพานสุตฺต (นิพฺพานสูตร)  ชบ.บ.75/1-1ถ  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ปฐมสิกฺขาปท (ปถมสิกฺขาปท)  ชบ.บ.98/1-1  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.312/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 30 หน้า ; 5 x 58.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 127  (313-316) ผูก 4 (2565)หัวเรื่อง : มหานิปาตวณฺณนา (ทศชาติ) ชาตกฎฐกถา,ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (เนมิราช)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม





ชื่อเรื่อง : อธิบายว่าด้วยยศเจ้า ชื่อผู้แต่ง : ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ปีที่พิมพ์ : 2513 สถานที่พิมพ์ : ธนบุรี สำนักพิมพ์ : เฉลิมชัยการพิมพ์ จำนวนหน้า : 86 หน้า สาระสังเขป : อธิบายว่าด้วยยศเจ้า กล่าวถึงที่มาและความหมายของยศเจ้านายในราชสกุลซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือสกุลยศ และอิสริยยศ ประเภทสกุลยศ เริ่มตั้งแต่เจ้านายชั้นเจ้าฟ้าจนกระทั่งถึงหม่อมหลวง ส่วนอิสริยยศ เป็นตำแหน่งมหาอุปราชและพระ นอกจากนี้มีเนื้อหาเรื่องพระนามเจ้าครั้งกรุงเก่า เจ้านายครั้งกรุงศรีอยุธยาที่เรียกพระนามตามกรม และประเพณีแต่งตั้งเจ้า



ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง ประเพณีสงกรานต์ หรือที่รู้จักกันดีว่าคือวันขึ้นปีใหม่ไทย หมายถึงการขึ้นศักราชใหม่หรือปีใหม่ตามปฏิทินสุริยคติ โดยคำว่า สงกรานต์ เป็นคำภาษาสันสกฤต แปลว่า ผ่าน หรือ เคลื่อนย้ายไป ในที่นี้คือ การเคลื่อนย้ายของพระอาทิตย์จากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ถือเป็นการเคลื่อนที่สำคัญ จึงเรียกว่า มหาสงกรานต์ใน พ.ศ. ๒๔๓๒ ได้ประกาศให้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ จนถึง พ.ศ. ๒๔๘๔ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ตามหลักสากล คือ วันที่ ๑ มกราคม ส่วนเทศกาลสงกรานต์หรือการขึ้นปีใหม่แบบเดิม ได้กำหนดให้ตรงกับวันที่ ๑๓ - ๑๕ เมษายน ของทุกปี ประเพณีสงกรานต์ของชาวล้านนา ตรงกับเดือน ๗ ของทางเหนือ ชาวไทยถิ่นเหนือเรียกว่า วันสังขานต์ล่อง ซึ่งมีความหมายเหมือนคำว่าสงกรานต์กิจกรรมที่ชาวล้านนาปฏิบัติกันในวันสงกรานต์ เริ่มจากวันแรก คือ วันสังขานต์ล่อง ชาวบ้านจะตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ บางบ้านมีการยิงปืนไล่สิ่งอวมงคล จุดประทัด เนื่องจากมีความเชื่อว่าในตอนเช้ามืดของวันดังกล่าว ปู่สังขานต์หรือย่าสังขานต์จะนุ่งห่มเสื้อผ้าสีแดงสยายผมล่องแพไปตามลำน้ำและนำสิ่งไม่พึงปรารถนาติดตัวมาด้วย จึงต้องมีการยิงปืนหรือจุดประทัดหรือทำให้เกิดเสียงดังต่าง ๆ เพื่อไล่สังขานต์ บางความเชื่อกล่าวว่า ในวันดังกล่าวปู่สังขานต์หรือย่าสังขานต์จะมาช่วงดึกหรือใกล้รุ่ง หาบกระบุงมาเก็บเอาความไม่ดีไม่งามและเสนียดจัญไร จึงมีการยิงปืนหรือจุดประทัดขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกไป ทั้งยังเชื่อกันว่าการใช้อาวุธยิงในวันสังขานต์ล่องจะทำให้อาวุธนั้นมีฤทธิ์มีเดชมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติว่าในวันนี้ช่วงเช้าตรู่หรือช่วงสาย จะมีการปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ซักเสื้อผ้า เก็บกวาดขยะต่าง ๆ ทำความสะอาดร่างกายและสระผม นำผ้าห่ม หมอน มุ้ง ออกไปซัก ทำจิตใจให้ผ่องใส เมื่อเสร็จแล้วผู้คนจะนิยมไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ  วันที่สอง คือ วันขนทราย หรือเรียกว่า วันเน่าหรือวันเนาว์ ตามภาษาเขมรหมายถึง อยู่ ในวันดังกล่าวผู้คนจะไม่ด่าทอหรือทำสิ่งที่ไม่เป็นมงคล และออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปจ่ายตลาดเตรียมทำอาหารไว้ทำบุญถวายพระในวันรุ่งขึ้น ส่วนช่วงบ่ายเป็นการขนทรายเข้าวัด ก่อเจดีย์ทราย ตกแต่งด้วยธงริ้วสีต่าง ๆ ธงนี้ชาวล้านนาเรียกว่า "ตุง" ทำด้วยกระดาษสี ตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมชายธงและรูปต่าง ๆ ติดปลายไม้สำหรับปักบริเวณที่ก่อเจดีย์ทราย บางท้องที่จะนำตุงไปปักเจดีย์ทรายในวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังนิยมเล่นน้ำกันวันนี้อีกด้วย วันที่สาม คือ วันเถลิงศก หรือวันพญาวัน คือวันขึ้นปีใหม่และเปลี่ยนปีศักราช ช่วงเช้าตรู่จะมีการทำบุญทางศาสนา ชาวบ้านจะนำสำรับอาหารคาวหวานไปทำบุญถวายพระที่วัด เรียกว่า “ตานขันข้าว” เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษหรือญาติมิตรที่ล่วงลับ รวมทั้งจัดสำรับอาหารไปมอบให้บิดา มารดา ปู่ย่าตายาย ผู้เฒ่าผู้แก่หรือบุคคลที่เคารพนับถือ เรียกว่า “ตานขันข้าวคนเฒ่าคนแก่” พร้อมทั้งน้ำขมิ้นส้มป่อยไปรดน้ำดำหัว เพื่อเป็นการขอขมาในสิ่งที่เคยล่วงเกิน และผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะให้พร นอกจากสำรับที่เตรียมไปทำบุญแล้ว แต่ละบ้านจะนำตุงหรือธงไปปักบนเจดีย์ทราย บางบ้านอาจเตรียมไม้ง่ามไปถวายสำหรับค้ำต้นโพธิ์ เป็นสัญลักษณ์ในการช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไป วันพญาวันถือเป็นวันที่ดีที่สุดของปีจึงมักประกอบพิธีมงคลกันในวันนี้ เช่น การขึ้นบ้านใหม่  ประเพณีสงกรานต์แบบชาวล้านนายังมีต่อถึงวันที่สี่ คือ วันปากปี โดยวันนี้ยังคงเป็นวันที่มีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และมีความเชื่อเรื่องการรับประทานแกงขนุน จะทำให้มีผู้ค้ำหนุนชีวิตให้เจริญ ส่วนวันที่ห้าคือวันปากเดือน มีการประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เช่น สะเดาะเคราะห์  ส่งเคราะห์ และบูชาเทียน เป็นต้นผู้เรียบเรียง : นางสาวอริสรา คงประเสริฐ นักจดหมายเหตุภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่. อ้างอิง :๑. สรัสวดี อ๋องสกุล. ๒๕๖๒. “ความสำคัญของประเพณีสงกรานต์ในสังคมวัฒนธรรมล้านนา.” ใน วงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ (บรรณาธิการ). เชียงใหม่ นครแห่งอมต. เชียงใหม่ : บริษัท วิทอินดีไซน์ จำกัด, ๑๐๕-๑๑๕.๒. นิรันดร ชัยนาม. ๒๕๑๒. "ประเพณีตรุษสงกรานต์และดำหัว." ใน ประเพณีและวัฒนธรรมของเชียงใหม่และลานนาไทยกับการถวายการต้อนรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชอาคันตุกะ.พระนคร : โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง, ๑๑-๑๖.๓. เรณู อรรฐาเมศร์. ๒๕๓๘. “สงกรานต์ : ประเพณีแห่งความกตัญญู.” ชีวิตไทย ชุด ฮีตฮอยเฮา. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๒๑-๒๓๒.



          อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร กำหนดจัดการบรรยายทางวิชาการ หัวข้อเรื่อง “การขุดค้นทางโบราณคดี บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองกำเพงเพชร” ให้แก่นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาในท้องถิ่น ณ โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน ๒๕๖๕ รวม ๕ ครั้ง กว่า ๒,๐๐๐ คน           กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีกำแพงเพชร เป็นการปลูกฝังให้นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาได้ตระหนักในความสำคัญของมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ก่อให้เกิดจิตสำนึกในการดูแลรักษาให้คงอยู่ต่อไป ซึ่งการจัดการบรรยายทางวิชาการ เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรในฐานะที่เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน           กำหนดจัดการบรรยายทางวิชาการ รวมจำนวน ๕ ครั้ง ดังนี้           ครั้งที่ ๑ วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ จำวน ๔๕๐ คน           ครั้งที่ ๒ วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จำวน ๔๕๘ คน           ครั้งที่ ๓ วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ จำวน ๔๔๐ คน           ครั้งที่ ๔ วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ จำวน ๔๕๑ คน           ครั้งที่ ๕ วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๕ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จำวน ๔๗๐ คน   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร โทร. ๐ ๕๕๘๕ ๔๗๓๖ - ๗ หรือติดตามข่าวสารกิจกรรมเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุ๊ก อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร : Kamphaeng Phet Historical Park


      รูปพระสุภูติมหาเถร       สมัยอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๓-๒๔       เป็นของอยู่ในพิพิธภัณฑสถานมาแต่เดิม ได้มาจากไหนไม่ปรากฏ       ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ ห้อง ธนบุรี-รัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร       ประติมากรรมรูปบุคคล เงยศีรษะขึ้น ใบหน้ากลม คิ้วโก่ง ดวงตาเหลือบต่ำ จมูกใหญ่ ริมฝีปากหนา แสดงอาการยิ้มเล็กน้อย ใบหูยาว รูปร่างอ้วนครองจีวรแบบห่มดอง*แสดงการคาดผ้ารัดอก มีท้องพลุ้ย มือซ้ายโอบหน้าท้อง ส่วนมือขวายกขึ้น (กิริยากวักเรียกฝน) นั่งขัดสมาธิราบบนฐานบัว รูปแบบดังกล่าวจึงทำให้ประติมากรรมพระสุภูติมีลักษณะบางประการคล้ายกับประติมากรรมพระมหากัจจายนเถระ        ประวัติของพระสุภูติปรากฏในคัมภีร์วิสุทธชนวิลาสินีอรรถกถา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน กล่าวถึงประวัติพระสุภูติว่า       ครั้งหนึ่งพระสุภูติจาริกถึงกรุงราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารได้อาราธนาให้พระสุภูติประทับอยู่ ณ เมืองราชคฤห์ พร้อมทั้งสัญญาว่าจะสร้างกุฏิถวายให้ แต่เนื่องจากทรงมีพระราชกิจหลายอย่าง ทำให้ทรงลืมข้อสัญญาดังกล่าว ครั้นถึงฤดูฝนปรากฏว่าฝนไม่ตก พระเจ้าพิมพิสารจึงทรงระลึกขึ้นได้ว่าพระองค์ลืมสร้างกุฏิถวายพระสุภูติ ทรงมีรับสั่งให้สร้างกุฏิที่มุงหลังคาด้วยใบไม้ถวาย เมื่อพระสุภูติเข้าไปอาศัยด้านในแล้วฝนก็ยังตกเพียงเล็กน้อย พระสุภูติจึงกล่าวคาถามีใจความว่า ตนพ้นจากภยันตราย มีอาคารกำบังแล้ว ขอให้เทพเทวดาบันดาลให้ฝนตก เมื่อกล่าวคาถาจบลง เมฆฝนก็ก่อตัวขึ้น เกิดเป็นฝนห่าใหญ่ตกทั่วเมืองราชคฤห์      จากประวัติของพระสุภูติข้างต้น จึงทำให้ประติมานของรูปเคารพพระสุภูติมีลักษณะการแสดงอิริยาบถที่สัมพันธ์กับ “เบื้องบน” หรือ “ท้องฟ้า” เช่น การแหงนหน้ามองด้านบน หรือชูแขนข้างหนึ่งขึ้นในท่ากวักมือเรียกเป็นต้น ในงานพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ พระสุภูติจึงเป็นประติมากรรมองค์สำคัญที่ใช้ประกอบพิธี       อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงมีพระบรมราชาธิบายถึงพระสุภูติในพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ไว้ว่า การประดิษฐานพระสุภูติในพระราชพิธีจะตั้งไว้อยู่กลางแจ้ง ตรงกันข้ามกับคาถาที่ใช้สวดในพระราชพิธี คือ “คาถาสุภูโต” ที่มีเนื้อความตามสุภูติเถรคาถา ในพระสุตตันตปิฎก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ทรงเรียบเรียงขึ้นใหม่ และใช้มาตลอดนับตั้งแต่รัชกาลของพระองค์ในคราวที่ฝนแล้ง ดังมีประกาศให้พระอารามต่าง ๆ สวดคาถาสุภูโต       และงานพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ไม่ได้มีกำหนดตายตัวว่าจะต้องจัดกี่วัน ขึ้นอยู่กับว่าฝนจะตกหรือไม่ และตกมากน้อยเพียงใด หากฝนตกไม่มากก็ยังคงทำพิธีต่อไป อีกทั้งพระราชพิธีพิรุณศาสตร์มิได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี หากแต่จัดขึ้นในคราวที่เกิดภาวะแล้งขาดแคลนน้ำฝนเท่านั้น      * ห่มดอง หมายถึง วิธีห่มผ้าของพระภิกษุสามเณรอย่างหนึ่งโดยห่มเฉวียงบ่าและมีผ้ารัดอก (ตามความหมายใน ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๖ หน้า ๑๓๑๙)     อ้างอิง จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชพิธี ๑๒ เดือน. พระนคร: แพร่พิทยา, ๒๕๑๔. จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. รวมพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ (กรุงเทพฯ: องค์การค้าคุรุสภา, ๒๕๔๘. ____________. รวมพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔. กรุงเทพฯ: องค์การค้าคุรุสภา, ๒๕๔๘. มหามกุฏราชวิทยาลัย. พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกาย อปทาน เล่มที่ ๘ ภาคที่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๓๕.




-- องค์ความรู้ เรื่อง สะดือเมืองภูกามยาว ที่ไม่ได้อยู่อำเภอภูกามยาว --  เสาหลักเมือง หรือ สะดือเมือง ใจเวียง ลำใจเวียง แล้วแต่ละภูมิภาคหรือท้องที่เรียก หมายคือวัตถุที่เป็นที่จำหมายเป็นสัญลักษณ์ของของการก่อตั้งชุมชน หรือเมือง อันบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจความร่มเย็นเป็นสุข เสาหลักเมืองถือเป็นใจของเมือง  ต่อเนื่องจากอาทิตย์ก่อนที่ลงเรื่อง เสาหลักเมืองจังหวัดพะเยาที่สร้างมาจากไม้มงคล เพื่อเป็นเสาหลักของเมือง โดยเป็นเสาหลักเมืองที่ดำริสร้างขึ้นเมื่อมีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดพะเยา แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงเสาหลักเมืองอีกหนึ่งหลักของจังหวัดพะเยา ที่สร้างมาจากหินทราย กล่าวว่ามีประวัติความเป็นมายาวนาน จากการสันนิษฐานและการสืบค้นข้อมูลของนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของจังหวัดพะเยา   ในวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕ ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการครบรอบ ๑ ปี ของการอัญเชิญเสาหลักเมืองโบราณนี้ หรือที่เรียกกันว่าสะดือเมืองภูกามยาวขึ้นสู่แท่นฐานและจัดพิธีบวงสรวงสมโภช ซึ่งถือเป็นหนึ่งเหตุการณ์สำคัญของจังหวัดพะเยา...........................................ผู้จัดทำ: นางสาวอรทัย ปานจันทร์ (นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


ชื่อเรื่อง                                 สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                    25/2ประเภทวัสดุ/มีเดีย              คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                          48 หน้า : กว้าง 4.6 ซม. ยาว 55.8 ซม.หัวเรื่อง                                  พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.