ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 42,271 รายการ


บริบาลบุรีภัณฑ์, หลวง, ยอช เซเดย์ และสุภัทรดิศ ดิศกลุ, ม.จ.  ตำนานพระพิมพ์ พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ในประเทศไทย และพุทธศิลปในประเทศไทย.  พิมพ์ครั้งที่ 19.  พระนคร :          กรมศิลปากร, 2510.          ตำนานพระพิมพ์ พระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ในประเทศไทย และพุทธศิลปในประเทศไทย นี้ เนื้อหากล่าวถึงมูลเหตุในการสร้างพระพิมพ์ ของศาสตราจารย์ยอช เซเดส์ ส่วนเรื่องพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ในประเทศไทย ของหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ จะให้ความรู้ในด้านการศึกษาค้นคว้าทางโบราณคดี ประวัติศาสตร์ของชาติไทย เรื่องศาสนาของคนไทยกับวัฒนธรรมไทยที่เกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนา


วัดบ้านนาควาย ตั้งอยู่ที่ถนนสุขาสงเคราะห์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี สร้างขึ้นหลังจากก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ ประมาณกลางพุทธศตวรรษ ๒๔ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ โดยมีสิ่งสำคัญ คือ อุโบสถ (สิม) วัดบ้านนาควาย . อุโบสถ (สิม) วัดบ้านนาควาย สร้างขึ้นในสมัยญาคูทา เป็นเจ้าอาวาสลำดับที่ ๒ มีรูปแบบเป็นสิมทึบแบบพื้นถิ่นอีสาน ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนตั้งบนฐานบัว (ฐานเอวขัน) ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าอาคารไปทางทิศตะวันออก ขนาด ๔ ห้อง ห้องหน้าเป็นโถง มีบันไดทางขึ้นตอนกลางด้านหน้า โครงสร้างอาคารใช้เสาไม้กลมและผนังรับน้ำหนักหลังคาจั่ว มีพาไลด้านหน้ามุงสังกะสีเพื่อคลุมบันไดทางขึ้น น่าจะทำในชั้นหลัง ส่วนหลังคาจั่วมุงกระเบื้องเคลือบ หลังคาประดับช่อฟ้า (โหง่) ใบระกา และหางหงส์ หน้าบันตีไม้ในแนวตั้งตกแต่งด้วยไม้ระแนงที่ตีเป็นแนวทะแยง ๒ เส้น และตรงกลาง ๑ เส้น มีประตูทางเข้าด้านหน้า ๑ ช่อง มีหน้าต่างด้านละ ๑ ช่องในตอนกลางของผนัง ด้านหลังก่อทึบ คันทวยไม้รูปเสาแบบบัวตัดให้เห็นโครงสร้างเพียงครึ่งเดียว ผนังด้านนอกเฉพาะด้านทิศตะวันออกเขียนภาพตอนมารผจญ ผนังด้านในทั้ง ๔ ด้าน เขียนภาพตอนประสูติ ปรินิพพาน ภาพชาดกเรื่องปาจิตต์กุมารชาดก และมหาเวสสันดรชาดก นอกจากนี้ยังสอดแทรกภาพสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสานที่มีชาวจีน แขก ฝรั่งร่วมอยู่ในสังคมเดียวกันอีกด้วย โดยใช้สีแดง เขียว ตัดเส้นด้วยสีดำบนพื้นขาว โบราณสถานสิมวัดบ้านนาควายได้รับการบูรณะครั้งหลังสุดใน พ.ศ. ๒๕๕๔ . กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดพื้นที่โบราณสถานสิมวัดบ้านนาควาย ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๘๕ง วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๓๗ พื้นที่โบราณสถานประมาณ ๑ ไร่ ๖๙ ตารางวา --------------------------------------- ++++อ้างอิงจาก++++ . คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุฯ. วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์ และภูมิปัญญาจังหวัดอุบลราชธานี. หนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องใน โอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ๒๕๔๔.หน้า ๑๓๖ . สำนักศิลปากรที่ ๑๑ อุบลราชธานี. รายงานการบูรณะอุโบสถ (สิม) วัดบ้านนาควาย ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี. เอกสารอัดสำเนา, ๒๕๕๔. ข้อมูล : กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี


          วันศุกร์ที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยกรรมการ สถาปนิก วิศวกร และผู้ควบคุมงาน ร่วมประชุมคณะกรรมการในโครงการบูรณะพระวิหาร วัดนางนอง วรวิหาร แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร จากนั้นลงพื้นที่ตรวจงานการบูรณะในส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อม และหาแนวทางร่วมกัน ก่อนการบูรณะต่อไป


          ในสมัยอยุธยามีการประกอบพระราชพิธีสนามต่างๆ ซึ่งกระทำในเดือน 5 (เมษายน) นับเป็นเดือนขึ้นปีใหม่ที่พระมหากษัตริย์ต้องเสด็จออกทอดพระเนตรคล้ายการตรวจกำลังพลสวนสนาม เพื่อเป็นสิริมงคลแก่แผ่นดิน          ในพระราชกำหนดกฎมนเทียรบาลจะมีการพระราชพิทธีเผดจ์ศกลดแจตรออกสนาม ซึ่งเป็นพระราชพิธีออกสนามใหญ่ มีกระบวนกองทัพช้าง ม้า กองกำลังทุกหน่วยทั้งหัวเมือง พลเรือน และไพร่ จุดประสงค์ของการประกอบพิธีเพื่อให้ทหาร และพลเรือนแสดงความจงรักภักดี และเป็นการแสดงความพร้อมหรือแสนยานุภาพของกองทหารให้ปรากฏแก่ขุนนางข้าราชการ และเจ้าประเทศราช          มีการประกอบพระราชพิธีออกสนามคือพระราชพิธีคเชนทรัศวสนานเป็นพระราชพิธีทอดเชือกดามเชือก และพระราชพิธีศรีสัจจปานกาลหรือ พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา บางครั้งเรียกต่อกันว่า “พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลคเชนทรัศวสนาน” ทำในเดือนห้า และเดือนสิบ เป็นการแสดงพระบรมเดชานุภาพของกษัตริย์และความเข้มแข็งของกองทัพ ขบวนช้าง ม้า และทหาร          พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตย์หรือเดิมเรียกว่า พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลเป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่สืบเนื่องมาแต่โบราณ ด้วยคติความเชื่อเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์เป็นผู้มีพระราชอำนาจสูงสุดและเป็นศูนย์กลางของพระราชอาณาจักร มีรูปแบบที่จัดขึ้นเพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการดื่มน้ำสาบานว่าจะจงรักภักดีและซื่อตรงต่อพระมหากษัตริย์ เป็นการให้สัตย์สาบานประเภทหนึ่งที่ใช้น้ำเป็นสื่อกลาง ส่วนในทางปฏิบัติของการถือน้ำนั้นเป็นการเอาคมศาสตราวุธต่างๆ มาทำพิธีสวดหรือสาปแช่ง โดยการอ่านลิลิตโองการแช่งน้ำแล้วเสียบลงในน้ำที่จะนำไปพระราชทานให้ดื่มเป็นหลักสำคัญ          พระราชพิธีนี้เชื่อว่ามีมาก่อนการก่อตั้งกรุงศรีอยุธยา และยังเป็นที่แพร่หลายในดินแดนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสมัยอยุธยามีหลักฐานวรรณกรรมเรื่อง ลิลิตโองการแช่งน้ำใช้เป็นประกาศคำถวายสัตย์ในพระราชพิธีถือน้ำ พระราชพิธีดังกล่าวนี้ยังประกอบในโอกาสต่างๆ เช่น พระราชพิธีถือน้ำเมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จขึ้นครองราชย์ พระราชพิธีถือน้ำเมื่อออกสงคราม นอกเหนือไปจากที่กระทำเป็นประจำทุกปีๆ ละสองครั้ง           ในสมัยอยุธยาข้าราชการถือน้ำที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ ต่อมาย้ายไปที่พระวิหารมงคลบพิตร เมื่อถือน้ำแล้วใช้ดอกไม้ธูปเทียนไปถวายบังคมพระเชษฐบิดร เป็นรูปเทวดาฉลองพระองค์พระเจ้าอู่ทอง หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 แล้วจึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าแผ่นดินพร้อมกัน          สำหรับในสมัยรัตนโกสินทร์สถานที่ใช้ประกอบพระราชพิธี คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลังจากนั้นจึงนำดอกไม้ธูปเทียนมาถวายบังคมพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 1 และถวายบังคมพระอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาปัยกาธิบดีแทนพระเชษฐบิดร ในรัชกาลต่อๆ มา ยังมีการถวายบังคมพระอัฐิพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อนๆ ซึ่งเสด็จสวรรคตล่วงไปแล้วโดยลำดับ          พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน เป็นพระราชพิธีออกสนามใหญ่กระทำในเดือนห้า พระราชพิธีนี้เกิดขึ้นจากความต้องการทำพิธีทอดเชือกดามเชือกของพราหมณ์พฤฒิบาศ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีทางคชกรรม เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ช้าง ม้า ให้พระเจ้าแผ่นดินทอดพระเนตร เพื่อเป็นการตรวจกำลังพล ความเข้มแข็งของกองทัพภาพ จิตรกรรมพระราชพิธีสิบสองเดือนที่พระอุโบสถวัดเสนาสนาราม ภาพจิตรกรรมพระราชพิธีสงกรานต์เป็นภาพที่เขียนขึ้นใหม่ ด้านบนของภาพเป็นพระราชพิธีสรงมุธาภิเษก เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเมือง โดยพระมหากษัตริย์จะประทับที่พระแท่นนพปฎลเศวตรฉัตร มีท่อไขสหัสธาราสำหรับสรงน้ำตั้งที่ข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ          ตอนล่างเป็นภาพพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน มีการแห่ช้างต้น ม้าต้น ผ่านหน้าพระที่นั่งชัยชุมพล ซึ่งเป็นพระที่นั่งพลับพลาบนกำแพงพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พราหมณ์รดน้ำเพื่อเป็นสิริมงคล เสมือนกับเป็นการแสดงความพร้อมเพรียงด้านแสนยานุภาพของบ้านเมืองภาพพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน มีการแห่ช้างต้น ม้าต้น ผ่านหน้าพระที่นั่งชัยชุมพล ซึ่งเป็นพระที่นั่งพลับพลาบนกำแพงพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พราหมณ์รดน้ำเพื่อเป็นสิริมงคล เสมือนกับเป็นการแสดงความพร้อมเพรียงด้านแสนยานุภาพของบ้านเมืองภาพพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน ในภาพจิตรกรรมมีชะนีสีดำอยู่ที่ด้านหลังขบวน แต่ตามความเป็นจริงควรจะเป็นลิงเผือกอันเป็นสหชาติกับช้างอันเป็นสัตว์คู่พระบารมีภาพพระราชพิธีสรงมุธาภิเษก เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเมือง โดยพระมหากษัตริย์จะประทับที่พระแท่นนพปฎลเศวตรฉัตร มีท่อไขสหัสธาราสำหรับสรงน้ำตั้งที่ข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯเอกสารอ้างอิง 1) ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร. “การพระราชพิธีสิบสองเดือนในจิตกรรมฝาผนัง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร”. สาระนิพนธ์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2546. 2) ทศพร ทองคำ. “จิตกรรมพระราชพิธีสิบสองเดือน วัดเสนาสนาราม ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา”. การศึกษาเฉพาะบุคคลในประวัติศาสตร์ศิลปะ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2556. 3) จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชพิธีสิบสองเดือน. กรุงเทพฯ : บรรณกิจ 1991, 2553. -------------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม:Chantharakasem National Museum https://www.facebook.com/294696457254757/posts/5232819673442386/


กระทรวงศึกษาธิการ, กรมวิชาการ.  ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ 4 ประการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6.       พระนคร: ครุสภาลาดพร้าว, 2513.           เป็นหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็ก ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ 4 ประการ อธิบายหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา คือ ประโยชน์ปัจจุบัน เป็นหลักธรรมอันอำนวยประโยชน์สุขขั้นต้น เพื่อประโยชน์สุขสามัญที่มองเห็นกันในชาตินี้ที่คนทั่วไปปรารถนา มี ทรัพย์ ยศ เกียรติ ไมตรี เป็นต้น อันจะสำเร็จด้วยธรรม 4 ประการคือ 1) อุฎฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร 2) อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษาโภคทรัพย์ 3) กัลยาณมิตตตา การคบคนดีเป็นเพื่อน และ 4) สมชีวิตา การเลี้ยงชีวิตตามกำลังทรัพย์ อยู่อย่างพอเพียง เลี้ยงชีพพอเหมาะ 


อนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ), พระยา.  เรื่องกินโต๊ะจีนและนำเที่ยวจังหวัดเชียงราย.  พระนคร : กรมศิลปากร, 2506.         กล่าวถึงวิธีการรับประทานอาหารแบบโต๊ะจีน และการนำเที่ยวจังหวัดเชียงราย ด้านภูมิประเทศและสภาพทั่วไป ตลอดจนประวัติความเป็นมาและสถานที่สำคัญ ๆ ของจังหวัดเชียงราย





ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           57/6ประเภทวัสดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                               28 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


          เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๖ กรมศิลปากร ได้ร่วมจัดกิจกรรม "ส่งสุขวิถีใหม่ สืบสานวิถีไทย ปลอดภัยสร้างสรรค์" ณ แหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศได้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญออกให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะเพื่อความป็นสิริมงคล 


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           62/1ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              20 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 152/2 เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


ฎีกาพาหุ (ฎีกาพาหุ) ชบ.บ 180/1ก เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)