ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
สิมวัดบ้านซิน สิมลาว การขยายตัวของกลุ่มวัฒนธรรมล้านช้างเข้าสู่พื้นที่วัฒนธรรมอยุธยา-รัตนโกสินทร์ ในโคราช
โบสถ์หรือสิมวัดบ้านซิน ตำบลค้างพลู อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ตั้งทางด้านทิศตะวันตกของโบสถ์หลังใหม่ เป็นวัดในชุมชนบ้านซิน หมู่ ๒ ลักษณะเป็นโบสถ์หรือสิมที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมล้านช้าง วัดตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน ติดกับลำเชียงไกร วัดบ้านซิน เป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตามประวัติการก่อสร้างของวัดระบุว่าสร้างวัดเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๓๒๓ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๕ ภายในวัดยังเหลืออาคารที่เป็นโบราณสถานคือพระอุโบสถหรือสิมที่ข้อมูลของวัดกล่าวว่าสร้างขึ้นในราว ๓๐๐ ปีมาแล้ว ชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะซ่อมแซมกันเองในราว พ.ศ. ๒๕๑๔
สิมวัดบ้านซิน ลักษณะเป็นสิมโปร่ง (สิมโปร่งเป็นอาคารโปร่งโล่งขนาดกะทัดรัดประกอบด้วยเสาไม้ตั้งอยู่บนฐานยกพื้นรองรับหลังคาไม่มีผนัง ถ้าจะทำผนังก็มักจะทำแต่ด้านที่มีพระประธานและมักสร้างเล็กๆเพื่อให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรมเพียงสี่ห้าองค์) เป็นสิมขนาด ๒ ห้อง (สามเสา) หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีขนาดประมาณ ๓ X ๖ เมตร มีชายคาต่อเป็นเพิงอยู่ทางด้านหน้า หลังคาชั้นเดียว สีหน้าหรือหน้าบันตีเป็นแผ่นไม้กระดานทั้งสองด้านไม่มีการตกแต่ง
อาคารมีลักษณะเป็นฐานก่ออิฐ สูงจากพื้นประมาณ ๑.๕๐ เมตร มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ประตูทางเข้าอยู่ทางด้านทิศตะวันออก มีผนังเตี้ยๆสูงประมาณ ๕๐ เซนติเมตรทั้งสามด้าน ด้านตะวันออกเว้นเป็นช่องทางเข้าตรงกลางประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ด้านข้างทางด้านท้ายอาคาร ทำผนังลาดค่อยๆสูงขึ้นไปจนถึงหัวเสา ผนังอาคารทางด้านหลังพระประธานก่อผนังสูงเต็มจนถึงหัวเสา ด้านท้ายอาคารก่อเป็นฐานพระเป็นแนวยาวตลอดผนังกว้างประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ตรงกลางก่อเป็นแท่นพระขนาดประมาณ ๑X๑ เมตร แทรกอยู่ ใช้สำหรับตั้งพระประธาน ก่อด้วยอิฐฉาบปูนทาสีตกแต่ง ฐานพระก่อเป็นฐานบัวคว่ำบัวหงายแบบฐานเอวขันแบบเดียวกับฐานอาคาร มีเสาไม้หกต้นอยู่ที่ผนังด้านเหนือและใต้ ด้านละ ๓ ต้นฝังลงไปจนถึงฐานสิม อิฐที่ก่อปิดเสาที่ส่วนฐานหลุดออก หลังคาเป็นหลังคาเครื่องไม้ ชั้นเดียวมุงด้วยแผ่นสังกะสี ไม่มีเครื่องตกแต่งชั้นหลังคา
พื้นที่ดินโดยรอบสิมได้รับการถมปรับขึ้นมาอีกประมาณ ๐.๕๐ เมตร จากระดับพื้นดินเดิม จนฐานเขียงหายไป จึงเริ่มปรากฎชั้นฐานที่ชั้นบัวคว่ำ บริเวณรอบโบสถ์พบแท่นก่ออิฐพังเป็นกองอิฐตั้งอยู่โดยรอบ จำนวน ๘ จุด มีจุดที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดเจนอยู่ทางด้านหลังอาคารทำเป็นฐานใบเสมา ตัวใบเสมา ก่อด้ายอิฐฉาบปูนเป็นรูปดอกบัวทรงพุ่ม มีร่องรอยใบเสมาทำจากหินทรายสีแดงปักจมอยู่ที่พื้นด้านหน้าสิม
การสำรวจพบว่าสิมมีสภาพชำรุดมาก ฐานสิมที่ก่ออิฐชำรุดจากการแยกบริเวณส่วนเสาทั้ง ๖ ต้น จนถึงบริเวณโคนเสา ส่วนฐานที่อยู่ด้านล่างปูนที่ฉาบไว้หลุดออกเกือบหมด และมีอิฐหลุดออกมา ปรากฏร่องรอยการซ่อมแซมโดยใช้ดินเหนียวผสมกับฟางละเอียดคลุกเคล้ากันมาพอกปิดไว้ และฉาบด้วย ปูนขาว สันนิษฐานว่าน่าจะซ่อมในปี พ.ศ.๒๕๑๔ ซึ่งการซ่อมในส่วนนี้บางส่วนก็พังแล้วเช่นกัน ผนังทางด้านทิศตะวันตกที่ก่อขึ้นมาสูงเสมอเสา ค่อนข้างชำรุดเสียหายมาก มีรอยแตกร้าวเป็นแนวยาว จากฐานจนถึงด้านบนของผนัง โครงสร้างหลังคาค่อนข้างดีอยู่ แต่ชำรุดจากปลวกและการเสื่อมสภาพของไม้ ส่วนประดับหลังคา หักหายไปหมดแล้ว
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบ อาคารสถาปัตยกรรมประเภทสิมโปร่ง เป็นสถาปัตยกรรมเฉพาะของวัฒนธรรมแบบล้านช้าง มักพบในพื้นที่ที่เป็นเขตวัฒนธรรมของกลุ่มคนในวัฒนธรรมล้านช้าง เช่นพื้นที่ในจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น เช่น สิมวัดราษี อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม สิมวัดไตรภูมิ บ้านผือฮี ตำบลดงแดง อำเภอจตุรพักตร์พิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนย้ายของกลุ่มคนที่ใช้วัฒนธรรมล้านช้างเข้าสู่ดินแดนจังหวัดนครราชสีมาซึ่งใช้รูปแบบวัฒนธรรมอยุธยา – รัตนโกสินทร์ จากภาคกลาง อย่างน้อยก็ในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๓ เป็นต้นมา จากสภาพของตัวโบราณสถานน่าจะมีอายุประมาณ ๑๕๐ – ๒๐๐ ปีมาแล้ว จากข้อมูลหมู่บ้านแต่เดิมบ้านซินเป็นหมู่บ้านที่มีชาวมอญและชาวลาวอพยพเข้ามาอยู่อาศัย ต่อมามีคนจากภายนอกเข้ามาจึงทำให้รูปแบบวัฒนธรรมดั่งเดิมหายไป ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักฐานทางโบราณคดีที่พบ
ข้อมูลโดย : นายกิตติพงษ์ สนเล็ก นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา
วันพฤหัสบดีที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานร่วมกับกองทุนโบราณสถานโลก (WMF) ประเทศสหรัฐอเมริกา โครงการฟื้นฟูบูรณะวัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายสุรัฐกิจ พีรพงศ์ศิลป ผู้อำนวยการสำนักช่างสิบหมู่ นางสาวสุกัญญา เบาเนิด ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา นายภัทรพงษ์ เก่าเงิน ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ข้าราชการกองโบราณคดี สำนักสถาปัตยกรรม สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ณ ห้องประชุมชั้น ๘ กรมศิลปากร อาคารเทเวศร์
ข้าวเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวอยู่ในตระกูลเดียวกับพืชประเภทหญ้า ลักษณะลำต้นเป็นปล้องกลวง ออกดอกเป็นช่อหรือรวง ดอกข้าวนี้จะเจริญเติบโตเป็นเมล็ดข้าวที่กลายเป็นอาหารของมนุษย์เรา ข้าวมีหลายสายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ลักษณะภูมิประเทศและสภาพอากาศ โดยสายพันธุ์ข้าวที่ปลูกในทวีปเอเชีย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Oryza Sativa (อ่านว่า โอไรซ่า ซาติว่า) แบ่งออกได้เป็น ๓ ชนิดใหญ่ตามสภาพพื้นที่เพาะปลูก ดังนี้ - Oryza Sativa Indica (โอไรซ่า ซาติว่า อินดิก้า) ปลูกได้ดีในพื้นที่เขตร้อนชื้น บริเวณเส้นศูนย์สูตร เป็นพันธุ์ข้าวที่มาจากอินเดีย พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ (Mainland of Southeast Asia) ได้แก่ ไทย ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม เป็นต้น ลักษณะเมล็ดข้าวยาวเรียว - Oryza Sativa Japonica (โอไรซ่า ซาติว่า จาโปนิก้า) ปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศค่อนข้างหนาวเย็นถึงอบอุ่น) พบในประเทศญี่ปุ่น จีน และเกาหลี เมล็ดข้าวสั้นป้อม เมื่อหุงสุกแล้วมีลักษณะค่อนข้างเหนียว - Oryza Sativa Javanica (โอไรซ่า ซาติว่า ชาวานิก้า) ปลูกได้ดีในพื้นที่เขตร้อนชื้น เป็นพันธุ์ข้าวที่พบในประเทศอินโดนีเซีย ในดินแดนไทยพบร่องรอยของเมล็ดข้าวตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อหลายพันปีมาแล้วที่ถ้ำปุงฮุง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ลักษณะเป็นข้าวเมล็ดสั้นซึ่งอาจเป็นข้าวป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติภาพ: เมล็ดข้าวพบภายในถ้ำปุงฮุง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยหินกลาง อายุประมาณ ๗,๐๐๐ ปีมาแล้ว ที่มา: “Hoabinhian Horticulture : The Evidence and the Question From Northwest THAILAND”. ต่อมาเมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว ได้มีหลักฐานของข้าวปลูกที่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี และที่แหล่งโบราณคดีโนนนกทา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น โดยพบร่องรอยข้าวติดอยู่บนเครื่องมือเครื่องใช้ประเภทโลหะ ได้แก่ ขวานสำริด และเครื่องมือเหล็ก รวมทั้งยังพบอีกว่าคนโบราณสมัยนั้นได้ใช้แกลบข้าวเป็นส่วนผสมอยู่ในเนื้อภาชนะดินเผา นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีหลักฐานที่แสดงร่องรอยการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ (วัวควาย) จากภาพเขียนสีบนผนังเพิงผาที่ผาหมอนน้อย ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานีภาพเขียนสีบนผนังเพิงผา แสดงร่องรอยการเพาะปลูกข้าว (นาข้าว) และเลี้ยงปศุสัตว์ (วัวควาย) ที่ผาหมอนน้อย อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี--------------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาวนาไทย https://www.facebook.com/page/1088662974512680/search/?q=%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2
ชื่อเรื่อง สพ.ส.3 หลวิชัย คาวีประเภทวัสดุ/มีเดีย สมุดไทยขาวISBN/ISSN -หมวดหมู่ วรรณคดีลักษณะวัสดุ 60; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง วรรณคดี ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก ประวัติวัดลาวทอง ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ วันที่ 15 ส.ค.2538
-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ: ตำแหน่งไม้เลือก (ตอนที่ 2) -- ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้จังหวัดน่าน ทำให้หลายสิบปีก่อนเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีตำแหน่งไม้เลือก หลายฝ่ายมีความประสงค์ไม้เนื้อแข็งสำหรับแปรรูปเป็นปัจจัยสี่ การส่งออก และการสาธารณูปโภคของประเทศ หนึ่งในนั้นคือกิจการรถไฟ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ไม้ไว้บำรุงระบบรางหรือเดินรถ พื้นที่ตำบลยาบหัวนา ปงสนุก และน้ำปั้ว อำเภอเมืองน่าน จึงถูกกำหนดให้เป็นตำแหน่งไม้เลือกไว้ทำไม้หมอนรางรถไฟ เพราะการใช้คอนกรีตยังมีต้นทุนและไม่คุ้มกับการขนส่งเข้าไปในพื้นที่ภูเขาหรือป่าลึก จากแผนที่ที่นำมาแสดง จะเห็นว่าบริเวณตำแหน่งไม้เลือกอยู่ชานเมือง สะท้อนความรุ่มรวยทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งระบบนิเวศพร้อมมูลสามารถฟื้นฟูแนวทาง " รักษ์น้ำรักษ์ป่า " ต่อมาได้ อย่างไรก็ตาม แผนที่มิได้ระบุว่า ตำแหน่งไม้เลือกข้างต้นเป็นเพียงแผนการหรือดำเนินการแล้ว เพราะถ้าเป็นแผนการเท่านั้น การอนุรักษ์ป่าไม้จะทำได้สืบเนื่องเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน.ผู้เขียน: นายธานินทร์ ทิพยางค์ (นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. เอกสารสำนักงานป่าไม้จังหวัดน่าน ผจ นน 1.6/2 แผนที่แสดงบริเวณป่าที่การรถไฟขอทำไม้หมอน [ม.ท.] #จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ
๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ วันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ ๔ แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีชวด ฉศก จุลศักราช ๑๑๖๖ ตรงกับวันที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๓๔๗ ณ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี
ทรงได้รับการเฉลิมพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ สมมุติเทวาวงศ์ พงอิศรกระษัตริย์ ขัติยราชกุมาร” ทรงผนวชอยู่ในสมณเพศเป็นเวลา ๒๗ ปี จึงเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติสืบราชสันตติวงศ์ เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๓๙๔ เฉลิมพระปรมาภิไธย ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
รัชสมัยของพระองค์ ทรงครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจล้วนเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ และบวรพระพุทธศาสนา ด้วยพระปรีชาอันสุขุมคัมภีรภาพ ทรงทราบในสรรพวิทยาอย่างแตกฉาน มีด้านอักษรศาสตร์ ดาราศาสตร์ เป็นอาทิ ทรงดำเนินวิเทโศบายอย่างแยบคาย กับนานาอารยประเทศทั้งหลาย ด้วยการเจริญทางพระราชไมตรี ให้เสรีในด้านพาณิชย์ ก่อเกิดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในทางรัฐประศาสโนบาย ทรงออกกฎหมาย และประกาศนับร้อยฉบับ เพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสังคมให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น พระราชทานเสรีภาพแก่ประชาราษฎร ยังประโยชน์สุขและความเจริญเป็นอเนกประการ
ครั้นวันพฤหัสบดีขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ ปีมะโรง สัมฤทธิศก ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต สิริพระชนมายุได้ ๖๔ พรรษา เสด็จดำรงสิริราชสมบัติ ได้ ๑๗ พรรษา ๕ เดือน ๒๙ วัน
ภาพ : พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 46/6ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 38 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง แห่ผ้าขึ้นเขากุฎ
ชื่อผู้แต่ง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา
พิมพ์ครั้งที่ -
สถานที่พิมพ์ ม.ป.ท
สำนักพิมพ์ มป.พ.
ปีที่พิมพ์ 25๖๑
จำนวนหน้า 2๑ หน้า
รายละเอียด
“แห่ผ้าขึ้นเขากุฎ” เป็นประเพณีของชาวเกาะยอ จังหวัดสงขลา เกิดจากความศรัทธาต่อองค์ สมเด็จเจ้าเกาะยอ โดยจัดเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เพื่อเฉลิมฉลองประเพณีการทำบุญใน วันวิสาขบูชา และร่วมระลึกถึงบุญคุณสมเด็จเจ้าเกาะยอ
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 143/7 เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 177/2งเอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : ชุมนุมเรื่องจันทบุรี พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นางวรรณ จันทวิมล ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 29 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2514 ชื่อผู้แต่ง : วรรณ จันทวิมลปีที่พิมพ์ : 2514 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว จำนวนหน้า : 414 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้ประมวลเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับจันทบุรี - ประวัติเมืองจันทบุรี ของ ตรี อมาตยกุล - ประกาศตั้งมณฑลจันทบุรีและตั้งเมืองขลุง ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.ศ. 125 (พ.ศ. 2449) - อักขรานุกรมภูมิศาสตร์จังหวัดจันทบุรี - เรื่องจันทบุรี ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 ของ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ - ประกาศเทวดาเป็นพิธีวิเศษ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับจากจันทบุรี - สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ต่อเรือรบที่จันทบุรี พ.ศ. 2378 - เรื่องจันทบุรี ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 31 จดหมายเหตุเรื่องมิชชันนารีอเมริกันเข้ามาประเทศไทย พ.ศ. 2378-2379 - เสด็จประพาสจันทบุรี พ.ศ. 2419 พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว - พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเสด็จประพาสหัวเมืองชายทเลตวันออก ในปีมะเมีย พ.ศ. 2425 กับปีมะแม พ.ศ. 2426 และปีวอก พ.ศ. 2427 - ฝรั่งเศสยึดจันทบุรี จากหนังสือเรื่อง ประเทศไทย การเสียดินแดนแก่ฝรั่งเศส - จดหมายเหตุสมัยฝรั่งเศสยึดเมืองจันทบุรี (พ.ศ. 2436-2447) - รายงานการฉลองเมืองจันทบุรี จากเอกสารรายงานของพระยาศรีสหเทพจัดราชการเมืองจันทบุรี ร.ศ. 123 - เรื่องจันทบุรี ในหนังสือเรื่องเที่ยวที่ต่างๆ ภาค 1-5 - เรื่องจันทบุรี ในจดหมายเหตุประกอบเรื่องไกลบ้าน ว่าด้วยการส่งเสด็จ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 14/6ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 46 หน้า : กว้าง 5.2 ซม. ยาว 54.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมการแสดงเนื่องในโอกาส ๑๑๒ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากรวันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ เวทีกลางแจ้ง บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พบกับการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดนางลอย ทศกัณฐ์ยกรบ นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต
กำกับการแสดงโดย หัสดินทร์ ปานประสิทธิ์อำนวยการแสดงโดย ลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต
* ชมฟรี * สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ โทร. ๐๒๒๒๑ ๐๑๗๑
นอกจากรับชมการแสดงโขนแล้ว ยังสามารถเที่ยวชมงาน ๑๑๒ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร ร่วมฟังการเสวนาทางวิชาการ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม สินค้าท้องถิ่น ของที่ระลึก และหนังสือกรมศิลปากร ลดราคาพิเศษ พร้อมลุ้นรับของที่ระลึกจากกรมศิลปากร ระหว่างวันที่ ๒๗ – ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ชื่อผู้แต่ง สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
ชื่อเรื่อง อนุสรณ์งานชุมนุมแม่บ้านครั้งที่ ๑๔ วารสารคหเศรษฐศาสตร์ ฉบับพิเศษ
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๔
จำนวนหน้า ๑๘๑ หน้า
รายละเอียด
อนุสรณ์งานชุมนุมแม่บ้านครั้งที่ ๑๔ วารสารคหเศรษฐศาสตร์ ฉบับพิเศษ ฉบับนี้ ประกอบด้วยบทความทั้งหมด ๑๙ บทความ เนื้อหาหลักจะเน้นไปในเรื่องแต่งให้งาม ซึ่งนอกจากแต่งตัวแล้วก็มีแต่งสวน แต่งส่วนต่างๆ ของคน แต่งห้อง แต่งบ้าน ได้แก่ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง แต่งอารมณ์ด้วยสวนถาด แต่งบริเวณบ้าน แต่งหัวใจและแต่งงาน ทุกเรื่องล้วนให้ข้อคิด คติเตือนใจพร้อมคำแนะนำดีๆ มาให้อ่านกัน พร้อมภาพประกอบ