ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 45,847 รายการ
เมืองกาญจนบุรีปัจจุบัน เป็นเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ซึ่งทรงโปรดฯให้ย้ายที่ตั้งเมืองจากลาดหญ้า มาตั้งบริเวณปากแพรก ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำแควน้อยกับ แม่น้ำแควใหญ่ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแม่กลอง เพื่อประโยชน์ในการรับศึกฝั่งพม่า โดยทรงโปรดฯให้ พระยาประสิทธิสงคราม เจ้าเมืองกาญจนบุรี เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างกำแพงเมือง และมีพิธีวางศิลาฤกษ์กำแพงเมืองในวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๗๔ กำแพงเมืองกาญจนบุรี มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนานไปกับแม่น้ำแม่กลอง ขนาดกว้าง ๒๑๐ เมตร ยาว ๔๙๔ เมตร กำแพงเมืองก่ออิฐฉาบปูน สูงประมาณ ๔ เมตร บนกำแพงมีใบบังสี่เหลี่ยม มีป้อมหกเหลี่ยมประจำมุมกำแพงทั้ง ๔ มุม และมีป้อมที่กึ่งกลางกำแพงฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ฝั่งละหนึ่งป้อม รวมทั้งหมด ๖ ป้อม มีประตูเมืองทั้งหมด ๘ ประตู กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนกำแพงเมืองกาญจนบุรีเป็นโบราณสถานสำหรับชาติ ใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ หน้า ๓๖๘๙ ลงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ และได้ดำเนินการบูรณะซ่อมแซม จำนวน ๔ ครั้ง ดังนี้ ๑) พ.ศ. ๒๕๓๙ บูรณะประตูเมือง และกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกส่วนที่อยู่ในโรงเรียน กาญจนานุเคราะห์ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ บูรณะกำแพงเมืองความยาว ๒๑๐ เมตร ๓) พ.ศ. ๒๕๔๘ กรมศิลปากร ร่วมกับเทศบาลเมืองกาญจนบุรี และสำwww.facebook.comนักงานทางหลวงชนบท จังหวัดกาญจนบุรี บูรณะเสริมความมั่นคงกำแพงและป้อมกึ่งกลางกำแพง พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณประตูเมือง และลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๓ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้ดำเนินโครงการขุดศึกษาและบูรณะโบราณสถานกำแพงเมืองบางส่วน ดังสภาพ ที่ปรากฏในปัจจุบัน——————————————————ที่มาของข้อมูล : กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรีwww.facebook.com
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้กรมศิลปากร โดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ดำเนินการประกวดเพลง (เพชรในเพลง) เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ เพื่อยกย่องบุคคลในวงการเพลงทั้งศิลปินผู้ประพันธ์เพลงและศิลปินผู้ขับร้องเพลงที่มีผลงานดีเด่นด้านภาษาไทย รวมทั้งประกาศยกย่องบุคคล องค์กร หรือโครงการที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริมวงการเพลงและการอนุรักษ์ภาษาไทยมาอย่างสืบเนื่องนับตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๗ เป็นต้นมา โดยในพุทธศักราช ๒๕๖๕ นี้ นับเป็นการดำเนินงานปีที่ ๑๙ บัดนี้ คณะกรรมการตัดสินการประกวดเพลง (เพชรในเพลง) เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ซึ่งประกอบด้วยศิลปินแห่งชาติ ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีคีตศิลป์และภาษาไทย อาทิ นางรวงทอง ทองลั่นธม นายวิรัช อยู่ถาวร นายวินัย พันธุรักษ์ นายพิเชฏฐ ศุขแพทย์ นายบูรพา อารัมภีร นายอานันท์ นาคคง นางสาวธนพร แวกประยูร ได้ร่วมพิจารณาตัดสินผลงานเพลงที่ส่งเข้าประกวดกว่า ๒๐๐ เพลงเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว โดยผลการตัดสินการประกวดเพลง (เพชรในเพลง) เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ มีจำนวนทั้งสิ้น ๑๔ รางวัล ดังนี้ รางวัลเชิดชูเกียรติ จำนวน ๓ รางวัล ประกอบด้วย รางวัลเชิดชูเกียรติ ผู้มีคุณูปการต่อวงการเพลง ได้แก่ นางสาวนิตยา อรุณวงศ์ (โฉมฉาย อรุณฉาน) รางวัลเชิดชูเกียรติ โครงการอนุรักษ์และส่งเสริมเพลงพื้นบ้าน ได้แก่ โครงการเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพื้นบ้าน โดยรองศาสตราจารย์บัวผัน สุพรรณยศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รางวัลเชิดชูเกียรติ ผู้สร้างสรรค์แนวเพลงและส่งเสริมศิลปินรุ่นใหม่ ได้แก่ นายบรรณ สุวรรโณชิน รางวัลการประพันธ์เพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน ๓ รางวัล ประกอบด้วย รางวัลชมเชย ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล ได้แก่ พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) จากเพลงความจริงอันประเสริฐ (อริยสัจ ๔) รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ได้แก่ นายมนูญ และนายมติธรรม เรืองเชื้อเหมือน จากเพลงมนต์รักดนตรีไทย รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ได้แก่ นายสลา คุณวุฒิ จากเพลงไร่อ้อยวิทยา รางวัลการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน ๘ รางวัล ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย ได้แก่ นายไกรวิทย์ พุ่มสุโข จากเพลงใจที่โดนฉีก รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย ได้แก่ นายเมธี อรุณ (เมธี ลาบานูน) จากเพลงดอกฟ้า รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง ได้แก่ นางสาวนุตประวีณ์ ข้องรอด (มิวสิค โรสซาวด์) จากเพลงรักแท้ (แม้ไม่อาจอยู่ร่วมกัน) รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง ได้แก่ นางสาวปราชญา ศิริพงษ์สุนทร จากเพลงเชิญอริยมรรค รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย ได้แก่ นายอนันต์ อาศัยไพรพนา (นัน ไมค์ทองคำ) จากเพลงคำตอบของชีวิต รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย ได้แก่ นายภาณุวิชญ์ พริ้งเพราะ จากเพลงแด่คุณครูด้วยดวงใจ รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง ได้แก่ นางสาวลลดา ปานจันทร์ดี (นิตา ลลดา) จากเพลงหลวงพ่อกวยช่วยลูกที รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง ได้แก่ นางสาวเขมจิรา วงษ์ทอง (หมิว เขมจิรา ไมค์ทองคำ) จากเพลงหัวใจเอิงเอย ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร จะทำพิธีมอบรางวัลเพชรในเพลง เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ในงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันอังคารที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๒.๐๐ – ๑๕.๓๐ น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ชื่อเรื่อง สพ.ส.12 ตำรายาแผนโบราณประเภทวัสดุ/มีเดีย สมุดไทยขาวISBN/ISSN -หมวดหมู่ เวชศาสตร์ลักษณะวัสดุ 102; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง เวชศาสตร์ ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก ประวัติวัดชายทุ่ง ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ วันที่ 10 ส.ค.2538
กรมศิลปากร. สำนักหอสมุดแห่งชาติ. 200 ปี รัตนกวีสุนทรภู่. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2519. เนื้อหาเกี่ยวกับประวัติสุนทรภู่ในพระนิพนธ์ของสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พร้อมด้วยเชิงอรรถ และบันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง โดยนายธนิต อยู่โพธิ์
ชื่อเรื่อง มหานิปาตวณฺณนา (เวสฺสนฺตรชาตก) ชาตกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (หิมพานต์-นครกัณฑ์)สพ.บ. สพ.บ.421/11กประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พระพุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 22 หน้า กว้าง 4.6 ซม. ยาว 56.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก เทศน์มหาชาติ กัณฑ์มหาราชบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เรื่อง #พระนั่งหันหลังชนกันที่วัดมหาธาตุจังหวัดราชบุรีวัดมหาธาตุวรวิหาร ราชบุรี หรือเดิมเรียกว่า วัดหน้าพระธาตุ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๗ ถนนเขางู ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญของเมืองราชบุรีตั้งอยู่บริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลอง วัดมหาธาตุ พบหลักฐานที่น่าสนใจ และสร้างความประหลาดใจต่อผู้ที่พบเห็น คือ บริเวณด้านหน้าองค์พระปรางค์มีวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งหันพระปฤษฎางค์ (หลัง) ชนกัน จำนวน ๕ หลังวิหารทั้ง ๕ หลัง ประกอบด้วย๑. วิหารหลวง ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพระปรางค์ วางตัวในแนวแกนทิศตะวันออก - ตะวันตก ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งหันพระปฤษฎางค์ (หลัง) ชนกัน ๒ องค์ คือ พระมงคลบุรี และพระศรีนัคร์ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นแกนด้านในทำจากหินทรายสีแดง ขนาดเท่ากันวางตัวในแกนทิศตะวันออก - ตะวันตก เช่นเดียวกับตัวอาคาร๒. วิหารราย ๒ หลัง ตั้งอยู่ขนาบกับวิหารหลวงทั้งสองด้าน วางตัวแนวแกนทิศตะวันออก – ตะวันตก เช่นเดียวกับวิหารหลวง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งหันพระปฤษฎางค์ (หลัง) ชนกัน ในขนาดที่ต่างกัน พระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานด้านหน้า พระพุทธรูปองค์เล็กประดิษฐานด้านหลัง หันพระพักตร์ทางทิศตะวันออก - ตะวันตก ตามแนวแกนวิหาร ๓. วิหารราย ๒ หลัง ตั้งอยู่ด้านหน้าถัดออกไปจากวิหารรายในข้อ ๒ วางตัวแนวแกนทิศเหนือ – ใต้ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับนั่งหันพระปฤษฎางค์ (หลัง) ชนกัน ในขนาดที่ต่างกัน พระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานด้านหน้า พระพุทธรูปองค์เล็กประดิษฐานด้านหลัง หันพระพักตร์ทางทิศเหนือ - ใต้ ตามแนวแกนวิหาร พระพุทธรูปเหล่านี้ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างแน่ชัด แต่ด้วยรูปแบบทางศิลปะของพระพุทธรูปทั้งหมดในวิหารแต่ละหลัง มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๐ - ๒๒ พระพุทธรูปเหล่านี้ถูกเคลื่อนย้ายมาจากวัดร้างที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงวัดมหาธาตุ เช่น วัดลั่นทมที่อยู่ทางทิศใต้ วัดอุทัยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ วัดโพธิ์เขียวหรือวัดเพรงที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เป็นต้น การประดิษฐานให้พระพุทธรูปสององค์ให้นั่งหันหลังชนกันนั้น ก็ไม่ปรากฏมูลเหตุแน่ชัด อาจจะเป็นความตั้งใจที่ต้องการให้ช่วยปกปักรักษาคุ้มครองบ้านเมืองทั้งสี่ทิศ เนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่บ้านเมืองมีศึกสงครามอยู่บ่อยครั้งก็เป็นได้เรียบเรียง และศิลปกรรม : นางสาวกศิภา สุรินทราบูรณ์ นิสิตฝึกงาน มหาวิทยาลัยบูรพา
ผู้เรียบเรียง นางภควรรณ คุณากรวงศ์ บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
พระมนเทียรถ้าเทิด แถวถงัน
ขวาสุทธาสวรรย์พรรณ เพริศแพร้ว
ซ้ายจันทรพิศาลวรรณ เวจมาศ
พรายแพร่งสุริยแล้ว ส่องสู้แสงจันทร์
โครงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช, หลวงศรีมโหสถ
....................................................................................
พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นหนึ่งในพระที่นั่งองค์สำคัญภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน อันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์และข้าราชบริพารฝ่ายใน สร้างขึ้นในคราวเดียวกับการสร้างพระราชวังเมืองละโว้ ราว พ.ศ.2209 ปรากฏหลักฐานที่กล่าวถึงการสร้างรวมถึงการพระราชทานนามของพระที่นั่งองค์นี้ในพงศาวดารความว่า
“...จึงสมเด็จบรมบาทพระนารายณ์ราชบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็มีพระราชดำรัสสั่งช่างพนักงานจับการก่อพระมหาปราสาทสองพระองค์ ครั้นเสด็จแล้วก็พระราชทานนามบัญญัติชื่อพระที่นั่งสุทธาสวรรย์องค์หนึ่ง พระที่นั่งธัญญมหาปราสาทองค์หนึ่ง...”
ซึ่งสอดคล้องกับโครงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประพันธ์โดยหลวงศรีมโหสถ กวีร่วมสมัยรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่กล่าวถึงพระที่นั่งต่าง ๆ ภายในพระราชวังเมืองละโว้ โดยได้พรรณนาถึงพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทที่ขนาบข้างซ้ายขวาด้วยพระที่นั่งจันทรพิศาล และพระที่นั่งสุทธาสวรรย์
ชื่อ “พระที่นั่งสุทธาสวรรย์” จึงเป็นชื่อเดิมของพระที่นั่งองค์นี้ที่ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมาตั้งแต่ครั้งแรกสร้าง ข้อมูลจากหลักฐานทั้งพงศาวดารและบันทึกของชาวต่างชาติต่างระบุไว้ในทำนองเดียวกันคือ พระองค์ทรงโปรดที่จะประทับ ณ เมืองลพบุรี มากกว่าที่พระนครศรีอยุธยา
“...เมืองละโว้เป็นที่ประทับในชนบทของพระนารายณ์มหาราช ตามปกติประทับอยู่ที่เมืองนั้นเป็นนิตย์ เสด็จไปพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณเจ็ดร้อยเส้นนานๆ ครั้งหนึ่งและเมื่อมีงานพระราชพิธี...” – จดหมายเหตุฟอร์บัง (เชวาลอเอร์ เดอะ ฟอร์บัง)
“...พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้ทรงโปรดปรานเมืองนี้มาก ประทับที่อยู่ที่นั่นเกือบตลอดปี และทรงเอาพระทัยใส่สร้างให้สวยงามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทรงตั้งพระทัยจะขยายอาณาบริเวณออกไปอีก...” – นิโกลาส์ แชร์แวส
“...และพระองค์เสด็จอยู่ ณ เมืองลพบุรีในเหมันตฤดู และคิมหันตฤดู และเสด็จลงมาอยู่ ณ กรุงเทพมหานครแต่เทศกาลวสันตฤดู...” “...ขณะนั้นสมเด็จบรมบพิตรพระนารายณ์เป็นเจ้า ทรงพระนามปรากฏว่า #สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมืองลพบุรี เหตุว่าพระองค์เสด็จขึ้นไปเสวยราชสมบัติเมืองลพบุรี...” - พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา
จึงอาจกล่าวได้ว่านอกจากพระที่นั่งสุทธาสวรรย์จะเป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแล้ว ยังเป็นพระที่นั่งที่พระองค์เสด็จมาประทับมากที่สุดตลอดรัชกาลของพระองค์
สำหรับเขตพระราชฐานชั้นในแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือบริเวณพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อนุญาตให้เฉพาะเหล่ามหาดเล็กในพระองค์ กับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยเข้าเฝ้าเท่านั้น และส่วนที่สองเป็นที่อยู่ของเหล่าสนมกำนัล โดยมีที่พักอาศัยงดงามเป็นตึกแถว ยาวขนานไปกับพระตำหนักที่ประทับของพระองค์ การเข้า-ออกบริเวณนี้ทำได้ยากมาก แม้กระทั่งพระราชโอรสก็ไม่อนุญาตให้เข้ามีแต่พวกขันทีเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปถวายการปรนนิบัติได้
ในช่วงปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระองค์ประชวรอย่างหนักจนมิอาจว่าราชการได้ จึงโปรดให้พระเพทราชาออกว่าราชการแทนพระองค์ ขณะที่ทรงพระประชวรได้ประทับ ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ก่อนการสวรรคตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น คือเหตุการณ์การรัฐประหารของพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ คือการจับกุมตัวพระปีย์ผู้เปรียบเสมือนพระโอรสบุญธรรม และเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยปรากฏข้อความในพงศาวดารเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวความว่า
“...พระปีย์กอปรด้วยสวามิภักดิ์นอนอยู่ปลายฝ่าพระบาท คอยปฏิบัติพยุงพระองค์ลุกนั่งอยู่ ครั้นรุ่งเพลาเช้าพระปีย์ลุกออกมาบ้วนปากล้างหน้า ณ ประตูกำแพงแก้ว จึงหลวงสรศักดิ์ผู้สำเร็จราชการ ณ ที่มหาอุปราช สั่งให้ขุนพิพิธรักษาชาวที่ผลักพระปีย์ตกลงไปจากประตูกำแพงแก้ว และพระปีย์ร้องขึ้นได้คำว่า ทูลกระหม่อมแก้วช่วยด้วย พอขาดคำลงคนทั้งหลายก็กุมเอาตัวพระปีย์ไปประหารชีวิตตายในขณะนั้น...”
หลังจากการจับกุมตัวพระปีย์ไปสำเร็จโทษ อาการประชวรของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็รุนแรงขึ้นจนเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2231 ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระราชวังเมืองละโว้ก็ถูกทิ้งร้างให้โรยราไปตามกาลเวลาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
………………………..........................................................
อ้างอิง
กรมศิลปากร. หนังสือนำชมพระนารายณ์ราชนิเวศน์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : บริษัท นะรุจ จำกัด, 2560.
____________. ประชุมพงศาวดาร เล่มที่ 50 ภาค 80 จดหมายเหตุฟอร์บัง. กรุงเทพฯ : องค์การค้าคุรุสภา, 2527.
____________. พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม 2. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : คลังวิทยา, 2516.
นิโกลาส์ แชร์แวส. ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม : ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช. สันต์ ท. โกมลบุตร แปล. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ก้าวหน้า, 2506.
หลวงศรีมโหสถ. โครงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช. กรุงเทพฯ : โสภณพิพรรฒธนาการ, 2478.
...............................................................................
เรียบเรียงข้อมูลโดย นางสาววสุนธรา ยืนยง นักวิชาการวัฒนธรรม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์
---------------------------------------------
ที่มาของข้อมูล :
https://www.facebook.com/1535769516743606/posts/pfbid034WJzYL2FXJ3aQyfgsZ8W8BHUkKKphmGLNU5J7ivzJwab54sMDgSckUgrnSamhyj4l/
ชื่อผู้แต่ง แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ และแพทยสภา
ชื่อเรื่อง วารสารสุขภาพ สำหรับประชาชน (ปีที่๒ ฉบับที่๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๗)
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ อักษรสมัย
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๗
จำนวนหน้า ๑๒๗ หน้า
รายละเอียด
เป็นวารสารที่คณะผู้จัดทำได้สรรหา เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ ในหลาย ๆ ด้าน มานำเสนอให้ผู้อ่านได้ศึกษา ในเล่มนี้มีทั้งหมด ๑๒ เรื่อง เพื่อให้ผู้อ่านทราบถึงอาการของโรค ต้นเหตุของการเกิดโรค และวิธีหลีกเลี่ยงหรือรักษาเบื้องต้น
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 145/5 เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 178/4 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง วิศวกรรมสาร (ปีที่ 30 ฉบับที่ 5 ตุลาคม 2520)
ชื่อผู้แต่ง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
พิมพ์ครั้งที่ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ สหมิตรการพิมพ์
ปีที่พิมพ์ 2520
จำนวนหน้า 56 หน้า
รายละเอียด
เป็นวารสารส่งเสริมความรู้ทางวิชาการในด้านวิศวกรรมศาสตร์ และเป็นสื่อกลางในการแสดง ความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับวิศวกรรมศาสตร์ อันจะนำไปสู่ความริเริ่มเพื่อขยายงานที่กระทำอยู่ให้กว้างขวาง และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื้อหาภายในประกอบด้วย ๗ บทความ เช่น การกำหนดอัตราส่วนปลอดภัยสำหรับฐานรากอาคาร การรับน้ำหนักของเสาเข็มสั้นที่มีหน้าตัดต่างกันในกรุงเทพฯ สูตรสำหรับทดสอบเสาเข็ม ฯลฯ