ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ
เรือคลองท่อม พบในแหล่งโบราณคดีคลองท่อม หรือที่ใครหลายคนรู้จักในชื่อ “ควนลูกปัด” จ.กระบี่ แหล่งโบราณคดีแห่งนี้สันนิษฐานว่าในอดีตเคยเป็นเมืองท่าขนถ่ายสินค้า ดังนั้นการพบซากเรือจมบริเวณนี้จึงมีความสอดคล้องกับสภาพของแหล่ง
ความพิเศษของเรือลำนี้คือการต่อเรือโดยไม่ใช้ตะปูสักตัวครับ แต่ใช้เทคนิคของการแกะสลักไม้กระดานเรือเป็นลักษณะสันนูนเจาะรูทะลุถึงกัน แล้วใช้เชือกและลิ่มไม้เป็นตัวยึดโครงสร้างเรือทั้งหมดเข้าด้วยกันเทคนิคแบบนี้ถูกเรียกว่า “Lashed-Lug” เป็นลักษณะของเรือที่พบได้ทั่วไปแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบมากในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงเรือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏในบันทึกของชาวจีนราวพุทธศตวรรษที่ ๙-๑๒ ลักษณะเป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ใช้ชื่อเรียกว่า “K’un-lun po” เรือลำดังกล่าวใช้เทคนิคการต่อเรือโดยไม่ใช้ตะปูโลหะ แต่ใช้เชือกที่ทำจากใยมะพร้าวและตะปูไม้ยึดแผ่นไม้กระดานเข้าหากัน สามารถบรรทุกคนได้ราว ๕๐๐-๑,๐๐๐ คน มีขนาดความยาวกว่า ๕๐ เมตร และมีระวางสินค้าตั้งแต่ ๒๕๐-๑,๐๐๐ ตัน ส่วนบันทึกของชาวยุโรปโดยหลวงพ่อ Nicolau Perreira เขียนเมื่อคริสตศักราช ๑๕๘๒ หรือพุทธศตวรรษที่ ๑๖ บรรยายลักษณะของเรือขนส่งสินค้าบริเวณหมู่เกาะชวา ในบันทึกใช้คำเรียก จังโก “Junco” กล่าวว่าเรือบางลำนั้นมีขนาดใหญ่เทียบเท่าเรือ Naus ของโปรตุเกส และไม่ใช้ตะปูเหล็กในการตอกหรือยึดไม้เข้าด้วยกัน แต่ใช้ตะปูไม้ซึ่งยึดอยู่ภายในไม้กระดานเปลือกเรือ เรือจังโกมีเสากระโดงเรือสองต้น ผ้าใบเรือใช้หวายทอเป็นผืน เรือมีหางเสือบังคับทิศทางทั้งหมด ๓ ใบ ด้านข้างสองจุด ตรงกลางหนึ่งจุด
จากบันทึกดังกล่าวเห็นว่าเรือที่ถูกกล่าวถึงเป็นเรือเดินสมุทร ซึ่งมีขนาดใหญ่ ระวางบรรทุกเยอะ แตกต่างกับซากเรือจมคลองท่อม ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเรือขนาดเล็ก-กลาง แต่สิ่งที่มีคล้ายคลึงกันคือเทคนิคในการต่อเรือ จึงทำให้สันนิษฐานได้ว่าในช่วงสมัยหนึ่งเรือที่ใช้เทคนิคแบบ “Lashed-Lug” อาจใช้กันอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะบริเวณแถบหมู่เกาะ ซึ่งอาจมีได้ทั้งขนาดเล็ก-กลางที่ใช้สัญจรในลำน้ำ และขนาดใหญ่สำหรับเดินสมุทรคลังภาพเรือคลองท่อม
วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๕ นายพนมบุตร จันทรโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้แทนกรมศิลปากร นำหนังสือที่ระลึกจากกรมศิลปากรร่วมแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันก่อตั้งหนังสือพิมพ์มติชน ก้าวสู่ปีที่ ๔๕ และร่วมบริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ เพื่อส่งเสริมการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือค่าอาหารกลางวันให้กับนักเรียนที่ขาดแคลน รวมทั้งดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยมีนายนฤตย์ เสกธีระ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มติชน ให้การต้อนรับและเป็นผู้รับมอบ ณ โถงอาคารสำนักงานบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.177/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 100 (74-79) ผูก 4 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมจกฺกฎีกา(ฎีกาธัมมจักร)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (ปุคฺคลปญฺญตฺติ-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.48/1-5ค
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ปฐมสมฺโพธิ (ปถมสมฺโพธิ)
ชบ.บ.89/1-17ข
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.235/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 12 หน้า ; 5 x 58.5 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 113 (180-193) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : ฉลองหนังสือ--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.370/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 60 หน้า ; 5 x 55 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 140 (420-433) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : กตฺญญูกตเวทีกถา--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง : อาทิตย์ทิพอาภา , พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
ชื่อเรื่อง : หะซัน มหาอุปรากร ดารณี บทละครรำ เรื่อง วาสันตี
ครั้งที่พิมพ์ : -
สถานที่พิมพ์ : -
สำนักพิมพ์ : องค์การค้าของคุรุสภา
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๐๔
จำนวนหน้า : ๓๕๖ หน้า
หมายเหตุ : -
หะซัน ผู้ทำขนม อายุ ๔๕ อ้วน มีหนวด มีผ้าโพก อย่างธรรมเนียมแขก บนศรีษะ ใส่เสื้อ สีเทา ซึ่งเปรอะเปื้อนน้ำมัน
ชื่อผู้แต่ง พลเรือตรี อุทัย หงส์โสภณชื่อเรื่อง อุทัยลิขิตครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ 1สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ศูนย์การทหารราบปีที่พิมพ์ 2518จำนวนหน้า 65 หน้ารายละเอียด เป็นหนังสือที่ผู้เขียนมอบให้ แด่ท่านผู้ให้อุปการะ ในงานฌาปนกิจศพ ของคุณถวิล หงส์โสภณ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้เขียน ในหนังสือเล่มนี้ มีทั้งคำโคลง คำกลอนและร้อยแก้ว ปะปนกันไปด้วยนานาอารมณ์ ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้เขียนยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับภรรยา ก่อนที่ภรรยาจะล่วงลับ
องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “ลักษณะของทุเรียน”
จันทบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย ทั้งน้ำตก ทะเล หาดทราย และยังเป็นเมืองผลไม้ ที่มีผลไม้นานาชนิด ตอนที่แล้วได้แนะนำ ทุเรียน ที่เป็นผลไม้ปลูกกันมากและมีชื่อเสียงของจันทบุรี เป็นสินค้าส่งออกประเทศจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง ผลผลิตทุเรียนสามารถแปรรูปได้หลายอย่างเพื่อเก็บไว้กินนานๆ ในตอนนี้จะมีรายละเอียดที่มาของทุเรียน และสายพันธุ์ทุเรียนที่ปลูกกันมาก
ทุเรียน อาจมีแหล่งกำเนิดมาจากเกาะบอร์เนียวหรือเกาะสุมาตรา ปัจจุบันการปลูกทุเรียนกระจายในทุกประเทศในกลุ่มอาเซียน รวมทั้งศรีลังกา แม้ไทยจะไม่ใช่แหล่งกำเนิดของทุเรียน แต่ชื่อเสียงทุเรียนไทยขจรขจายไปทั่วภาคพื้นเอเซีย แหล่งที่มีพื้นที่ปลูกทุเรียนสูงสุด 3 จังหวัดแรก คือ จันทบุรี ชุมพร และระยอง
ทุเรียนเป็นไม้สูงใหญ่ เปลือกไม้หยาบ เนื้อไม้สีแดงเข้มโดยเฉพาะที่ไส้ หรือแกน ใบ สลับบางหรือหนาขึ้นอยู่กับพันธุ์ รูปรีหรือรูปรีแกมรูปหอก หรือรูปขอบขนานแกนรูปรี ฐานใบแหลมหรือบางทีก็ป้าน ผิวใบด้านบนเกลี้ยงเป็นเงางาม มีเส้นใบโยงใยเป็นร่างแหชัดกเจน เส้นกลางใบจม ใต้ใบเต็มไปด้วยเกล็ดเล็กๆ สีเงินหรือคล้ายสีทอง ใต้เกล็ดนี้มีชั้นของขนรูปดาวอยู่ เส้นกลางใบนูน เส้นแนงใบ (มีได้ถึง 15 คู่) เรียวโค้งจรดกันใกล้ๆริมใบ หูใบที่รีจนเกือบแหลม ยาว 5-10 มม. อยู่ไม่นานก็ร่วง
ส่วนดอกทุเรียนจะออกดอกแตกต่างกันไปตามพันธุ์และลักษณะอากาศ ช่อดอกทุเรียนออกตามด้านข้างและด้านล่างของกิ่งแก่ ดอกทุเรียนจัดเป็นพวกดอกสมบูรณ์ คือ มีทั้งใบประดับ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมีย ส่วนต่างๆของดอกทุเรียนเรียงกันอยู่เป็นวง
ผลทุเรียน เปลือกนอกเต็มไปด้วยหนามแหลมคม จึงได้ชื่อว่าดูเรียน (ดูริ Duri แปลว่าหนาม ผิวเปลือกสีเขียว-เหลือง รูปร่างผลกลม รี รูปไข่ บิดเบี้ยว ความสามารถในการพัฒนาของไข่ในพูเป็นตัวกำหนดรูปร่างของผล ปกติผลหนึ่งๆมี 5 พู น้อยครั้งจะพบผลมี 6 พู ก้านผลยาว 3-15 ซม. เนื้อหยาบหรือละเอียด มีสีขาว-เหลือง รสหวาน กลิ่นมากน้อยขึ้นอยู่กับพันธุ์และความแก่ความงอมเมื่อตอนฉีก เมื่อแก่หากไม่ตัดบ่ม ผลจะหล่นทั้งๆที่เปลือกยังไม่เปิด
อ้างอิง : ไพโรจน์ ผลประสิทธิ์. ผลไม้ไทยๆ : สำนักนายกรัฐมนตรี. 2545.
ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้ นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
บทความออนไลน์จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
+++ทับหลังปราสาทเขาโล้นกลับคืนสู่มาตุภูมิ แผ่นดินจังหวัดสระแก้ว+++
--จากการที่ได้มีการติดตามโบราณวัตถุ ทับหลังปราสาทเขาโล้น และทับหลังปราสาทหนองหงส์ จากสหรัฐอเมริกา จนได้กลับคืนสู่ประเทศไทยนั้นล่าสุดกรมศิลปากรได้เคลื่อนย้าย และส่งมอบโบราณวัตถุทั้งสองรายการกลับคืนสู่มาตุภูมิทั้งจังหวัดสระแก้ว และจังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ ๒๙ - ๓๐ มิถุนายน ที่ผ่านมา
--สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดกรมศิลปากรรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก ได้มอบหมายให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี และอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม รับมอบทับหลังปราสาทเขาโล้น พร้อมชุดนิทรรศการพิเศษจากสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการส่งมอบโบราณวัตถุทับหลังดังกล่าว ณ อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ โดยมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดทำทะเบียนโบราณวัตถุ
--ในเบื้องต้น กรมศิลปากรกำหนดให้ดำเนินการจัดแสดงโบราณวัตถุทับหลังปราสาทเขาโล้นไว้ ณ ศูนย์บริการข้อมูล อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว เนื่องจากเป็นหน่วยงานของกรมศิลปากรที่อยู่ใกล้ปราสาทเขาโล้น ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านเจริญสุข หมู่ที่ ๖ ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ทั้งนี้ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธมนั้น มีอาคารศูนย์ข้อมูลที่เหมาะสมในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่โบราณวัตถุ รวมถึงระบบการจัดแสดง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พร้อมให้บริการแก่ประชาชนทั้งชาวจังหวัดสระแก้ว และผู้สนใจมาเยี่ยมชม
--ในการนี้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ขอนำภาพเบื้องหลังการรับมอบ และนำทับหลังมาจัดแสดงในนิทรรศการให้ได้ชมกัน และขอเล่าย้อนถึงหลักฐานในการติดตามทับหลังชิ้นสำคัญนี้ และรูปแบบศิลปกรรมอันทรงคุณค่า ดังนี้
--ทับหลังปราสาทเขาโล้น ปรากฏหลักฐานภาพถ่ายเก่า ว่าเดิมติดตั้งอยู่เหนือประตูทิศตะวันออกของปราสาทหลังกลาง ที่ปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว ต่อมาถูกลักลอบนำออกไปจากประเทศไทย ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๙ – ๒๕๑๑ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย โดยความร่วมมือของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ติดตามกลับคืนมาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา
--ทับหลังปราสาทเขาโล้น แกะสลักจากหินทรายปรากฏเป็นรูปบุคคลประทับอยู่เหนือเกียรติมุข (หน้ากาล) อยู่กึ่งของภาพจำหลัก สภาพชำรุด ผิวหน้าสึกกร่อน หน้าเทวดาหักหายไป ทับหลังแตกเป็น ๓ ส่วน Asian Art Museum ได้ซ่อมแซมโดยใช้ตะปูโลหะและเรซิ่นเชื่อมรอยแตกไว้ ขนาดกว้าง ๑๖๓.๘ เซนติเมตร สูง ๕๕ เซนติเมตร
--จากสภาพที่ปรากฏในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่ายเก่าที่บันทึกไว้นั้น เป็นที่น่าเสียดายว่ารูปเทวดานั่งชันเข่าที่มีอยู่เดิมได้ถูกกะเทาะหักหายไปบางส่วน อีกทั้งทับหลังได้ถูกตัดให้บางลงอาจเพื่อสะดวกแก่การขนย้าย ปัจจุบันจึงเหลือความหนาเพียง ๑๑ – ๑๕ เซนติเมตร
--จากรูปแบบศิลปกรรมที่ปรากฏบนทับหลังจำหลักภาพเทวดาประทับเหนือหน้ากาล ปราสาทเขาโล้น นั้น จัดเป็นทับหลังศิลปะเขมรในประเทศไทยแบบบาปวนตอนต้น กำหนออายุได้ในราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ทับหลังจำหลักภาพลักษณะนี้ยังพบได้จากโบราณสถานหลายแห่ง ดังเช่นที่ปราสาทเมืองต่ำ อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นต้น
--ทั้งนี้ อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธรม ได้เปิดให้เข้าชมทับหลังปราสาทเขาโล้น และนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “ทับหลังปราสาทเขาโล้นคืนสู่มาตุภูมิ” ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เป็นต้นไป จึงขอเรียนเชิญประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มาชมโบราณวัตถุชิ้นสำคัญนี้ เพื่อร่วมกันภาคภูมิใจ สร้างสรรค์จรรโลง ส่งเสริมการดูแล อนุรักษ์ รักษา และสืบทอดมรดกอันทรงคุณค่ายิ่งของประเทศนี้สืบต่อไป
อ้างอิง :
- สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ. ข้อมูลสรุปการการติดตามโบราณวัตถุทับหลังเขาโล้นกลับคืนสู่ประเทศไทย
- สิขรินทร์ ศรีสุวิทธานนท์. “ปราสาทเขาโล้น อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว” ใน ศิลปากร, ปีที่ ๖๓, ฉบับที่ ๓ (พฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๖๓): หน้า ๖๔-๘๕.
- สุภัทรดิศ ดิศกุล, ม.จ.. ศิลปะสมัยลพบุรี. กรุงเทพฯ, ๒๕๑๐.
- อรุณศักดิ์ กิ่งมณี. ทิพยนิยายจากปราสาทหิน. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ. ๒๕๖๒.
ผู้เรียบเรียง : นางสาววัชรี ชมภู ภัณฑารักษ์ชำนาญการพิเศษ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี