ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ
เลขทะเบียน : นพ.บ.50/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.6 x 53.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 31 (326-330) ผูก 3หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์ --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ทองแดงถมเคลือบ (เครื่องถมปัด) กลศ สูงพร้อมฝา 17 เซนติเมตร ปากกว้าง 14 เซนติเมตร ขัน สูง 9 เซนติเมตร ปากกว้าง 17 เซนติเมตร ศิลปะรัตนโกสินทร์ อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 24 - 25 ที่มา เป็นของวัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร จังหวัดสงขลา มาแต่เดิม กลศ (หม้อน้ำ) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ลักจั่นน้ำ และขันน้ำทำด้วยทองแดง เขียนสีลงยา หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “ถมปัด” เป็นลายพรรณพฤกษา สีแดง และเขียว บนพื้นสีเหลือง โดยเครื่องถมปัดนั้น หากใช้สีเหลืองเป็นพื้น นิยมสร้างเป็นเครื่องยศอย่างหนึ่งของพระราชาคณะ ทั้งนี้ เครื่องถมปัด เป็นชื่อที่คนไทยใช้เรียกเครื่องลงยาที่ทำจากทองแดง โดยเคลือบพื้นผิวทองแดงให้หนาตามความต้องการ ส่วนใหญ่เคลือบพื้นผิวให้มีสีเหลือง ฟ้า น้ำเงิน แล้วเขียนสีลงยาเป็นลวดลาย จากนั้นนำไปเผาให้สีหลอมละลายกลายเป็นแก้วสีต่าง ๆ ติดแน่นบนพื้นผิว ส่วนสีลงยาที่ใช้ ทำมาจากแก้วหรือลูกปัด บดละเอียด ผสมน้ำ หรือกาว ระบายลงไปในลักษณะเดียวกับการระบายสีทั่วไป.................................................................................... เรียบเรียง/กราฟฟิก โดยฝ่ายวิชาการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลาอ้างอิง 1. จิรภรณ์ อรัณยะนาค. สารพันของสะสม. กรุงเทพฯ: สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ 2. สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ. โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา. กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์, 2549. ที่มาของข้อมูล : https://www.facebook.com/songkhlanationalmuseum/posts/3099249640138950
ชื่อผู้แต่ง ศรีสุนทรโวหาร,พระยา (น้อย อาจารยางกูร)
ชื่อเรื่อง ภาษาไทย(บางเรื่อง)
ครั้งที่พิมพ์ ๘ พ.ศ. ๒๕๑๕
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพมหานคร
สำนักพิมพ์ กรุงสยามการพิมพ์
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๑๕
จำนวนหน้า ๑๕๒ หน้า
คำค้น ภาษาไทย(บางเรื่อง)
หมายเหตุ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่สมบูรณ์ ผะเดิมชิต
หนังสือ ภาษาไทย (บางเรื่อง) เป็นแบบฝึกหัดอ่านเขียนภาษาไทยเบื้องต้นของกุลบุตร กุลธิดานามัยก่อน เมื่อการจัดการศึกษาในโรงเรียนยังไม่แพร่หลายเช่นในปัจจุบัน จึงนับว่าเป็นหนังสือที่มีบทบาทสำคัญในประวัติการศึกษาของชาติ
1. ตอนพระอภัยมณีขอโดยสารท้าวสิลราช จนถึงพระอภัยมณีให้สินสมุทรเป็นสื่อนางสุวรรณมาลี 2. ตอนพระอภัยมณีเป่าปี่แล้วนางผีเสื้อขาดใจตาย จนถึงโจรสุหรั่งเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
ผู้แต่ง : เจียงอิ่งเหลียง, ศาสตราจารย์
ปีที่พิมพ์ : 2534
สถานที่พิมพ์ : ม.ป.ท.
สำนักพิมพ์ : ม.ป.พ.
ชื่อผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชื่อเรื่อง ไกลบ้าน เล่ม 2
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ 3
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปีที่พิมพ์ 2536 จำนวน 596 หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นางทองพับ พานิชพัฒน์
ไกลบ้านฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 เล่มนี้ พิมพ์ตามรูปแบบฉบับพระราชนิพนธ์ เรื่อง ไกลบ้าน ฉบับมีรูปภาพเล่ม 2 ที่จัดพิมพ์ ในงานฉลอง พระชัณษา พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฎ เมื่อ พ.ศ. 2466 เป็นพระหัตเลขา ฉบับที่ 26 วันอาทิตย์ ที่ 30 มิถุนายน ร.ศ. 126 ถึงฉบับที่ 43 วันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคม ร.ศ. 126 พร้อมรูปภาพ จำนวน 36 ภาพ
ลูกปัด อายุสมัย : ศรีวิชัย วัสดุ : แก้ว ประวัติ : พบที่ผิวหน้าดินทั่วไปที่ควนลูกปัด ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ่งหน่วยศิลปากรที่ ๘ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช และ นายณรงค์ ปั้นทอง นายช่างศิลปกรรม ๕ ได้มาเมื่อเดือนมิถุนายน -กรกฎาคม ๒๕๒๓ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง รับมอบจาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๒ ............................................................................ “ลูกปัด” ลูกปัดแก้วทรงกระบอกสีส้ม เขียว แดง และน้ำเงิน เป็นลูกปัดที่มีขนาดเล็กมากและมีขนาดที่แตกต่างกัน ลูกปัดรูปแบบนี้นิยมเรียนว่า “ลูกปัดแบบอินโด-แปซิฟิค (Indo-Pacific Beads)”หรือ “ลูกปัดลมสินค้า” (Trade winds beads) เนื่องจากได้มีการค้นพบลูกปัดรูปแบบนี้กระจายตัวอยู่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิค โดยพบตามเมืองท่าโบราณต่างๆ ทั้งในอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลูกปัดแก้วเหล่านี้คงเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าที่มากับเรือเดินสมุทรซึ่งต้องอาศัยลมมรสุมในการเดินทางอันเป็นที่มาของชื่อ “ลูกปัดลมสินค้า” ลูกปัดแก้วขนาดเล็กเหล่านี้ทำด้วยวิธีการนำแก้วมาหลอมโดยใช้ความร้อน จากนั้นจึงนำมาดึงยืดเป็นเส้นและตัดที่ละลูกจึงทำให้ลูกปัดมีขนาดที่ต่างกัน ลูกปัดแบบอินโด-แปซิฟิคมีแหล่งกำเนิดและแหล่งผลิตหลักในประเทศอินเดียในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๕ และได้แพร่กระจายไปยังดินแดนต่างๆ ทั้งในเอเชียตะวันตกและเอเชียตะวันออก สำหรับในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๕ พบที่ประเทศอินโดนีเซียที่เกาะสุมาตรา ประเทศไทยพบในเมืองท่าโบราณของภาคใต้ และในช่วง พุทธศตวรรษที่ ๑๖ พบในมาเลเซียและเวียดนาม ในประเทศไทยพบลูกปัดแบบอินโด-แปซิฟิค ในหลายพื้นที่ทั้งในภาคกลางและภาคใต้ซึ่งพบในแหล่งโบราณคดีสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ อาทิ แหล่งโบราณคดีควนลูกปัด (คลองท่อม) จังหวัดกระบี่ เจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๖ – ๙ แหล่งโบราณคดีภูเขาทอง จังหวัดระนอง เจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๖ – ๙ และแล่งโบราณคดีเขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร เจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๓ – ๙ แหล่งโบราณคดีเหล่านี้เป็นแหล่งผลิตลูกปัดแก้วของภาคใต้ ดังได้พบลูกปัดแกวที่อยู่ในขั้นตอนการผลิต เช่น ลูกปัดแก้วที่หลอมติดกัน และก้อนแก้วสีต่างๆ จึงกล่าวได้ว่าลูกปัดแก้วเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของภาคใต้ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๖ – ๙ ลูกปัดแบบอินโด-แปซิฟิค ที่พบในแหล่งคลองท่อมจึงถือเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงการผลิตลูกปัดแก้วในแถบอันดามัน ความนิยมของผู้คนในสมัยนั้น และยังแสดงให้เห็นถึงการติดต่อระหว่างอินเดียและดินแดนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเมืองท่าโบราณต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยอีกด้วย ................................................................................ที่มาข้อมูล -ผุสดี รอดเจริญ, “การวิเคราะห์ลูกปัดแก้วจากเมืองโบราณสมัยทวารวดี ในภาคกลางของประเทศไทย.” (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๖. - มยุรี วีระประเสริฐ. “คลองท่อม : แหล่งอุตสาหกรรมทำลูกปัดและสถานีขนถ่ายสินค้าสมัยโบราณบนชายฝั่ง ทะเลอันดามัน,”สารัตถะโบราณคดี บทความคัดสรรของ ๔ อาจารย์โบราณคดี.กรุงเทพ : บริษัท สำนักพิมพ์สมาพันธ์, ๒๕๕๓: ๘๑-๑๐๑.
วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมา(ประธานตรวจการจ้าง) พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจการจ้างตรวจรับงานบูรณะปราสาทพนมวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมางวดที่ ๒ และงวดที่ ๗ (งวดสุดท้าย)
หินลับ อายุสมัย : ก่อนประวัติศาสตร์ (๖,๕๐๐ – ๔,๗๐๐ ปีมาแล้ว) วัสดุ : หินทราย ประวัติ : พบจากหลุมขุดค้นถ้ำเบื้องแบบ หมู่ที่ 3 บ้านเบื้องแบบ ตำบลบ้านทำเนียบ อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อพ.ศ. ๒๕๒๕ โดยโครงการโบราณคดีเชี่ยวหลาน กองโบราณคดีกรมศิลปากร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลางรับมาเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒ ................................................................ หินลับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับลับคมให้กับเครื่องมือหินขัดที่สึกกร่อนจากการใช้งานให้มีความคมขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับหินลับมีดในปัจจุบัน จากการขุดค้นที่แหล่งโบราณคดีถ้ำเบื้องแบบซึ่งพบโบราณวัตถุชิ้นนี้ พบร่องรอยการใช้งานพื้นที่สองสมัย คือสมัยรัตนโกสินทร์ และสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งปรากฏหลักฐานที่น่าสนใจคือ โครงกระดูกมนุษย์ (ไม่ครบส่วน) กระดูกและฟันสัตว์ เปลือกหอย ภาชนะดินเผารูปทรงต่างๆ กระสุนดินเผา เครื่องมือหินรูปแบบต่างๆ หินลับ หินทุบเปลือกไม้ และกำไลหิน ................................................................ที่มาข้อมูล : กรมศิลปากร. โบราณสถานถ้ำเบื้องแบบ. สืบค้นข้อมูลเมื่อ ๙ เมษายน ๒๕๖๓. เข้าถึงข้อมูลจาก http://gis.finearts.go.th/fineart/ นงคราญ สุขสม. ประวัติศาสตร์โบราณคดีสุราษฎร์ธานี. กรุงเทพฯ : อาทิตย์ คอมมูนิเคชั่น, ๒๕๔๕.
วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก กาญจนบุรี ได้จัดโครงการเครือข่ายมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ กิจกรรม"เล่าเรื่องเมืองกาญจน์" โดยได้นำผู้เข้าร่วมโครงการไปทัศนศึกษาตามแหล่งเรียนรู้ดังต่อไปนี้๑. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเก่า โดยมี นางสาวสำเนา จาดทองคำ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเก่า บรรยายถึงประวัติความเป็นมา และโบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดง และนางสาวสุภมาศ ดวงสกุล นักโบราณคดีชำนาญการ บรรยายเรื่องการขุดค้นทางโบราณคดี พร้อมทั้งนำชมหลุมขุดค้นบริเวณใกล้เคียง ๒. อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ โดยมี นายพิชิต รงค์ฤทธิไกร พนักงานดูแลโบราณสถาน อธิบายถึงประวัติความเป็นมา พร้อมทั้งนำชมโบราณสถาน และหลุมขุดค้นทางโบราณคดี๓. โบราณสถานกำแพงเมืองกาญจนบุรีและโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี โดยมี นายปรัชญา รุ่งแสงทอง นักโบราณคดีปฏิบัติการ อธิบายการเข้ามาบูรณะแนวกำแพงเมืองกาญจนบุรีของกรมศิลปากร และประวัติความเป็นมาของโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี
ชื่อผู้แต่ง : -ชื่อเรื่อง : พระราชพิธีและพระราชกิจในการทรงผนวชครั้งที่พิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่-สถานที่พิมพ์ : พระนครสำนักพิมพ์ : กระทรวงมหาดไทยปีที่พิมพ์ : ๒๕๑๑ พระราชพิธีและพระราชกิจในการทรงผนวช ตุลาคม-พฤศจิกายน ๒๔๙๙ เป็นหนังสือที่พิมพ์ เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายสุทัศน์ สิริสวย ม.ว.ม,ป.ช,ท.จ ณ เมนวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๑๑ เนื้อหามีรายละเอียดเกี่ยวกับพระราชพิธีทรงผนวชพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมมนาบพิตร พระราชกรณียกิจ เมื่อพระองค์ทรงผนวช ตลอดจน พระราชพิธีลาผนวช
ผู้แต่ง : กรมศิลปากร
ฉบับพิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ 2
สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ : กรมศิลปากร
ปีที่พิมพ์ : 2518
หมายเหตุ : พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณแม่ทองอยู่ ศิลปเดช จ.ม.
พระราชประวัติสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เล่มนี้ แบ่งออกเป็น 2 ตอน ด้วยกัน ตอนแรกเป็นพระราชประวัติที่คัดมาจากหนังสืออภินิหารบรรพบุรุษ ส่วนตอนหลังเป็นพระราชประวัติบางตอนคัดมาจากสมุดไทยเรื่องพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเขียนด้วยอักษรดินสอขาว ทั้งสองตอนมีความละเอียดน่าศึกษาอย่างยิ่ง
ชื่อเรื่อง : เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ Sapiens
ผู้เขียน : ยูวัล โนอาห์ แฮรารี
สำนักพิมพ์ : ยิปซี
ปีพิมพ์ : 2561
เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ : 978-616-301-656-0
เลขเรียกหนังสือ : 599.9 ฮ865ซ
ประเภทหนังสือ : หนังสือทั่วไป
ห้องบริการ : ห้องหนังสือทั่วไป 1
สาระสังเขป : เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ เป็นหนังสือแปลที่มีมากกว่า 50 ภาษา ติดรายชื่อหนังสือขายดีใน The New York Times Best Seller ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 2014 หลังจากตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2011 เป็นภาษาฮีบรูว์ และหลังจากตีพิมพ์ฉบับแปลเป็นครั้งแรกแล้วก็ตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างต่อเนื่องจนขายไปมากกว่า 5 ล้านเล่ม โดยได้รับการจัดอันดับเป็นหนังสือดีเด่นที่สุดประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2015 และชนะรางวัล National Library of China's Wenjin Book Award ในฐานะหนังสือที่ดีเยี่ยมที่สุดในปี ค.ศ. 2014 จากผู้อ่านมากกว่า 100,000 คน ที่โหวตหนังสือเล่มนี้ในเว็บ Book Depository มีมากถึง 88% ที่ให้ 4-5 ดาว โดยเรื่องราวเป็นการอธิบายว่าอะไรที่ทำให้มนุษย์เราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้า 70,000 ปีก่อนบรรพบุรุษของเราเป็นสัตว์ที่แทบไม่มีผลกระทบต่อสิ่งใดเลย อาศัยอยู่ในมุมมืดของทวีปแอฟริกา แต่ในช่วงเวลา 70,000 ปีหลังที่ผ่านมา Homo sapiens ได้กระจายไปทวีปอื่นๆ และครองโลกใบนี้ในที่สุด ซึ่งทางผู้เขียนได้นำเสนอเรื่องราวผ่านลำดับเวลาทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่การปฏิวัติการรับรู้ ประกอบด้วย สัตว์ที่ไม่สลักสำคัญ ต้นไม้แห่งความรู้ วันหนึ่งในชีวิตของอดัมและอีฟ น้ำท่วมใหญ่ / การปฏิวัติเกษตรกรรม ประกอบด้วย เรื่องหลอกลวงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ การสร้างพีระมิด ข้อมูลล้นสมอง ประวัติศาสตร์ไร้ซึ่งความยุติธรรม / การรวมเป็นหนึ่งของมนุษยชาติ ประกอบด้วย ลูกศรแห่งประวัติศาสตร์ หอมกลิ่นเงินตรา วิสัยทัศน์แบบจักรวรรดิ หลักธรรมแห่งศาสนา ความลับของความสำเร็จ / การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย การค้นพบความไม่รู้ การสมรสระหว่างวิทยาศาสตร์กับจักรวรรดิ หลักการของนายทุน กงล้อแห่งอุตสาหกรรม การปฏิวัติอย่างถาวร แล้วพวกเขาก็อยู่กันอย่างมีความสุขนับจากนั้นมา จุดจบของโฮโมเซเปียนส์ / และสัตว์ที่กลายไปเป็นพระเจ้า ซึ่งผู้ที่ได้อ่านจะได้รับทราบถึงกำเนิดของเรา การเอาชนะเผ่าพันธุ์อื่น วิวัฒนาการในทางร่างกาย การล่าอาหาร การผันตัวเองมาเป็นสังคมเกษตรกรรม การก่อสร้างอาณาจักรและจักรวรรดิ ความคิดทางการเมือง รวมไปถึงการเมืองเรื่องเพศ การสร้างระบบเศรษฐกิจที่ผลักดันให้มนุษย์ค้นพบดินแดนใหม่ๆ กำเนิดวิธีคิดแบบตลาดเสรี ความเฟื่องฟูของยุโรป รวมไปถึงวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้มนุษย์อยู่รอดและรุ่งเรืองเฟื่องฟูมาได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาน่าจะเป็นเหตุผลที่จะทำให้ใครก็ตามที่สนใจใคร่รู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์อย่างเราควรที่จะได้อ่านสักครั้งในชีวิตนี้