ค้นหา


รายการที่พบทั้งหมด 37,406 รายการ



ชื่อเรื่อง                      ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏธกถา ขุทฺทกนิกายฏธกถ (ธมฺมปทขั้นต้น, คาถาธมฺมปท)อย.บ.                           244/15หมวดหมู่                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                60 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ; ยาว 53.5 ซม.หัวเรื่อง                        พุทธ                                      ศาสนา                                                           บทคัดย่อ/บันทึก     เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด


ชื่อเรื่อง                                 อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระเทพสุทธฺโมลี (ผึ้ง โรจโน)ผู้แต่ง                                    -ประเภทวัสดุ/มีเดีย                 หนังสือหายากISBN/ISSN                            -หมวดหมู่                                ศาสนาเปรียบเทียบและศาสนาอื่นๆเลขหมู่                                   294.30922สถานที่พิมพ์                          กรุงเทพฯสำนักพิมพ์                            โรงพิมพ์ศรีอนันต์ปีที่พิมพ์                                 2526ลักษณะวัสดุ                           212 หน้าหัวเรื่อง                                  ศาสนาภาษา                                    ไทย  


องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “น้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระมหากรุณาธิคุณต่อชาวจันท์” แม้กาลเวลาจะผ่านเนิ่นนานไปหลายปี แต่เชื่อว่ายังไม่มีใครลืมพระผู้ให้ พระผู้เป็นศูนย์รวมดวงใจของคนทั้งชาติ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์จะเป็นพระผู้สถิตอยู่ในดวงใจของคนเมืองจันท์และคนไทยทุกคนตราบนิรันดร์ เหตุการณ์ที่ยังคงจดจำไปอีกนาน เพราะนำมาซึ่งความวิปโยคของคนไทยทั้งชาติ ถึงแม้จะเป็นเพียงความทรงจำ แต่ก็เป็นความทรงจำที่มิรู้ลืม ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ พสกนิกรที่รักในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพล อดุลยเดชฯ (พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต่างเดินทางมาที่โรงพยาบาลศิริราชกันอย่างเนืองแน่นหลังจากได้ทราบข่าวทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจที่พระอาการประชวร ของพระองค์ท่านทรุดลง ทุกคนต่างมารวมจิตรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่งกำลังใจ หวังให้อาการพระประชวรของพระองค์ทุเลาลง นับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับรักษาพระอาการ พระโรคไข้หวัดและพระปัปผาสะอักเสบ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ตลอดมา แต่พระอาการประชวรได้ทรุดหนักลงตามลำดับ พสกนิกรทุกหมู่เหล่าที่มาเฝ้ารอคอยที่โรงพยาบาลศิริราช ต่างสวมใส่เสื้อสีชมพูและอธิษฐานขอพรให้พระอาการประชวรของพระองค์ดีขึ้น จนผู้คนล้นหลามแน่นโรงพยาบาลในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ช่วยกันส่งกำลังใจเพื่อให้พระอาการประชวรดีขึ้น ในวันนั้นมีกระแสข่าวว่าพระองค์เสด็จสวรรคต ผู้คนต่างไม่เชื่อว่าเป็นความจริง ต่างภาวนาอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย แต่แล้วคำอธิษฐานของหลายคนที่หวังให้ศูนย์รวมดวงใจ ได้คงอยู่เป็นมิ่งขวัญจะไม่เป็นผล เหมือนสายฟ้าฟาดผ่าเปรี้ยงลงมากลางใจ เมื่อโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจออกแถลงการณ์ถึงข่าวการเสด็จสวรรคตของพระองค์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เวลา ๑๕:๕๒ น. สิริพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๓๑๓ วัน เสียงร้องระงมร่ำไห้ คร่ำครวญ ของประชาชนในโรงพยาบาล และที่ติดตามทางจอโทรทัศน์ ดังไปทั่วประหนึ่งว่าน้ำตาจะท่วมท้นแผ่นดิน เพราะคนที่รักมาจากไป ต่อแต่นี้ไม่มีอีกแล้วสำหรับพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่สุดที่จะพรรณนา ชาวจันทบุรีเองต่างรักและอาลัยพระองค์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่พระราชทานคลองภักดีรำไพ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองจันท์ นับเป็นโครงการในพระราชดำริสุดท้ายที่พระราชทานแก่ชาวจันท์ก่อนที่จะเสด็จสวรรคต คงไม่มีใครรู้ว่าช่วงเวลาที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่เมืองจันท์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีเครื่องบินลำหนึ่งบินอยู่เหนือน่านฟ้าจันทบุรี เพื่อสำรวจอุทกภัยครั้งนี้ และเครื่องบินลำนี้ได้เป็นที่มาของการสร้างคลองภักดีรำไพ มีใครรู้บ้างว่าผู้ที่อยู๋ในเครื่องบิน ลำนี้เป็นใคร คำตอบคงอยู่ที่ใจของชาวจันท์ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ มีพระราชดำริกับคณะมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ณ วังไกลกังวล สรุปความได้ว่า “จังหวัดจันทบุรีประสบปัญหาอุทกภัยเนื่องจากมีถนน ๓ สาย ขวางกั้นเส้นทางน้ำ วิธีแก้ไข คือ ต้องไปสำรวจดูว่า น้ำผันมาจากทางไหน แล้วหาช่องระบายน้ำให้สอดคล้องกัน” ต่อมา เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ มีพระราชดำริกับนายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สรุปบางส่วนได้ ดังนี้ “...พื้นที่จังหวัดจันทบุรี ระยอง และชลบุรี เป็นที่เป็นเขาอยู่ใกล้ชายหาด ฝนก็พอ แต่การจัดเก็บทำได้ยากเนื่องจากพื้นที่จากเขาที่ลาดลงมาถึงชายฝั่งนั้น ทำให้น้ำไหลเร็วเก็บไว้ลำบาก น้ำมานองท่วมตามแนวถนน หากช่วงฤดูฝนระบายน้ำทิ้งทะเล แก้ปัญหาน้ำท่วมก็จะขาดน้ำในฤดูแล้ง...” ทรงรับสั่ง “ให้ศึกษาหาแนวทางแก้ไขจัดการน้ำให้พอดี” และทรงย้ำเรื่อง “การประสานความร่วมมือกัน” นี่คือที่มาของคลองภักดีรำไพ คลองนี้ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานแก่ชาวจันทบุรี นอกจากนี้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังได้เสด็จพระราชดำเนินมายังจันทบุรี เพื่อประกอบพระราชกรณียกิจถึง ๖ ครั้ง เป็นที่ปลาบปลื้มแก่พสกนิกรชาวจันท์ยิ่งนัก ชาวจันทบุรีต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำคัญหลายโครงการให้กับประชาชนในพื้นที่ อาทิ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ รวมถึงโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี (คลองภักดีรำไพ) จึงทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจและความตั้งมั่นของ ชาวจันทบุรี ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผู้เขียน : นายประพนธ์ รอบรู้ นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี


องค์ความรู้สุพรรณบุรี เรื่อง ลาวสุพรรณผู้เรียบเรียง : นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ


         พระเจ้าสุทโธทนะ          แบบศิลปะ : ทวารวดี          อายุสมัย : ประมาณพุทธศตวรรษที่ 13 - 14 (หรือราว 1,200 – 1,300 ปีมาแล้ว)          ลักษณะ : ประติมากรรมรูปบุรุษนั่งขัดสมาธิราบประนมมือ (อัญชลีมุทรา)สวมมงกุฎหรือเครื่องประดับศีรษะ สวมตุ้มหูทรงกลม ต้นแขนประดับด้วยพาพุรัดเป็นลายใบไม้สามเหลี่ยม สันนิษฐานว่าเป็นลักษณะเครื่องทรงของกษัตริย์สมัยนั้น ใต้ฐานประติมากรรมมีจารึก “ศุทโธทนะ” หมายถึงพระนามพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดา ประติมากรรมรูปพระเจ้าสุทโธทนะ ถือเป็นประติมากรรมสำคัญทางพุทธศาสนา เนื่องจากรูปเคารพบุคคลที่ทำเป็นรูปพุทธบิดาเป็นโบราณวัตถุที่พบน้อยมากในวัฒนธรรมทวารวดี และยังไม่พบในที่อื่นเลย          ประวัติ : เจดีย์หมายเลข 11 บริเวณเมืองโบราณอู่ทอง          สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี   แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong/360/model/01/   ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong


          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ขอเชิญร่วมโครงการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการด้านศิลปะ ประวัติศาสตร์และโบราณคดี เรื่อง “จิตรกรรมฝาผนังกรุปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ในวันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ อาคารเครื่องทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา --------------------------------------- กำหนดการ เวลา ๑๒.๓๐ น. - ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมฯ เวลา ๑๓.๐๐ น. - บรรยายทางวิชาการ ในหัวข้อ “คติการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ปรากฏภายในกรุปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” วิทยากร : ดร.อมรา ศรีสุชาติ อดีตนักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ (ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดี (โบราณคดีและพิพิธภัณฑ์)) กรมศิลปากร เวลา ๑๔.๓๐ น. - บรรยายทางวิชาการ ในหัวข้อ “ภาพจิตรกรรมที่ปรากฏภายในกรุปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” วิทยากร : ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. สันติ เล็กสุขุม เวลา ๑๖.๐๐ น. - ตอบข้อซักถามและประชาสัมพันธ์กิจกรรมครั้งต่อไป ----------------------------------------- *รับจำนวนจำกัดเพียง ๑๐๐ ท่าน* ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมฯ ทาง Qr code (ฟรี) สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๑๕๘๗ (ทุกวัน ในเวลาราชการ)


         พระธาตุเชิงชุมจำลอง          สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ประทานเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕           พระธาตุเชิงชุมจำลองนี้ หล่อด้วยเงินประดับฉัตรทองคำ มีจารึกที่ฐานพระธาตุเชิงชุมจำลองทั้ง ๔ ด้าน ด้วยอักษรไทน้อย อักษรธรรมอีสาน อักษรไทย และอักษรขอมไทย มีเนื้อความเดียวกันความว่า “รูปธาตุเชิงชุม  จังหวัดสกลนคร จำลอง เมื่อ พ,ศ,๒๔๖๙” โดยคณะกรมการจังหวัดสกลนคร ถวายเป็นที่ระลึกในคราวสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสด็จตรวจราชการจังหวัดสกลนคร เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๙          จัดแสดงภายในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในนิทรรศพิเศษการเอกสารล้ำค่าจารึกสยาม เนื่องในสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗  - ว่าด้วย “จารจารึกบันทึกสยาม” : ภาพรัฐจารีตถึงรัฐสมัยใหม่ก่อนปฏิรูปประเทศในสมัยรัชกาลที่ ๕          อุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) เป็นศาสนานครนิทานซึ่งพระอรหันต์แปลไว้ เริ่มต้นกล่าวถึงเมืองสุวรรณภูมิว่า มีกษัตริย์ผู้รักษาธรรม พร้อมด้วยผู้คนนับถือพระรัตนตรัย และเป็นสถานที่อยู่ของเหล่านาคทั้งหลาย เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมา จึงมีพุทธพยากรณ์ว่าพญาศรีโคตรบูรณ์จะไปเกิดเป็นพระยาสุมิตรธรรมได้ก่อตั้งอุรังคธาตุขึ้น ทั้งนี้ยังแสดงให้เห็นคติการนับถือรอยพระพุทธบาทและสถานที่สำคัญในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงด้วย          พระธาตุเชิงชุมนั้น นับเป็นสถานที่สำคัญที่มีการประดิษฐานรอยพระพุทธบาทในหนังสืออุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) ความว่า “ ...เราจักไปชุมรอยบาทที่แคมหนองหานหลวงที่นั้นก่อน และในหนองหานหลวงนี้มีพระยาองค์หนึ่ง มีพระนามว่าพระยาสุวรรณภิงคาร พระยาองค์นี้มีกระโจมหัวคำ และสังวาลย์คำ น้ำเต้าคำใหญ่ เสวยราชสมบัติอยู่ณเมืองนี้...”          เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาถึง ได้ประทับรอยพระบาทและกระทำปาฏิหาริย์ต่อพระพักตร์พระยาสุวรรณภิงคาร ให้บังเกิดแก้วออกมาจากรอยพระบาทนั้น ทั้งนี้พระพุทธเจ้าได้อธิบายลักษณะของรอยพระบาทและมีพุทธพยากรณ์ไว้ ดังนี้           “รอยพระบาทพระกกุสันธ ยาวสามวากว้างหนึ่งวา รอยพระบาทพระโกนาคมน และพระกัสสป ยาวและกว้างโดยลำดับ รอยตถาคตยาวหนึ่งวาสองศอก สั้นกว่าทุกพระองค์ พระอริยเมตไตรยที่จักมาภายหน้านั้น จักได้เหยียบทับลงไปณะที่นั้น   ...พระยาสุวรรณภิงคารพร้อมด้วยพระราชเทวี ได้ทรงสดับพระธรรมเทศนาพระปาทลักษณ์และอปหาริยธรรม อันพระศาสดาตรัสเทศนาดังนั้น ก็ทรงปีติปราโมทย์ยิ่งนัก แล้วทรงสร้างอุโมงด้วยหินปิดรอยพระพุทธบาทพร้อมทั้งมงกุฎ เหตุนั้นจึงได้เรียกชื่อว่าพระธาตุเชิงชุม มาเท่ากาลทุกวันนี้” หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระมหากัสสปได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนหน้าอก (อุรังคธาตุ) มาประดิษฐาน ณ ภูกำพร้า (ปัจจุบันคือพระธาตุพนม) พระยาสุวรรณภิงคารก็ได้นำหินมุกมาก่ออุโมงค์ประดิษฐานพระอุรังคธาตุด้วย ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในพระพุทธศาสนา            พระธาตุเชิงชุมนี้ นับเป็น “พระธาตุชุมนุมรอยพระบาท” โดยคำว่า “เชิง” หมายถึง เบื้องล่าง, เท้า ส่วนคำว่า “สุม” หรือ “ชุม” มาจากภาษาถิ่น หมายถึง “การรวมกัน” มาจากประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ๔ รอย คือ รอยพระบาทของพระกกุสันธ พระโกนาคมน พระกัสสป และพระโคตม นั้นเอง   อ้างอิง กรมศิลปากร. อุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม). [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ อ.ต. หลวงประชุมบรรณสาร (พิณ เดชะคุปต์) วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ณสุสานวัดมกุฏกษัตริยาราม].  พระนคร: โรงพิมพ์ไทยเขษม. ๒๔๘๓.  กรมศิลปากร. อุรังคธาตุนิทาน (ตำนานการสร้างและการบูรณะพระธาตุพนมยุคโบราณ) . นครพนม : หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม กรมศิลปากร. ๒๕๖๓ กรมศิลปากร. เอกสารล้ำค่าจารึกสยาม. กรุงเทพ :  กรมศิลปากร. ๒๕๖๗ ยุทธพงศ์ มาตย์วิเศษ. บ้านเมืองอีสาน-สองฝั่งโขง ใน “อุรังคธาตุ” ตำนานพระธาตุพนม. เข้าถึงเมื่อ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗ เข้าถึงได้จาก : https://www.silpa-mag.com/history/article_115115


สารคดีเชิงข่าว “วังหน้าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ตอนที่ ๓ พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ออกอากาศช่วงข่าวภาคค่ำ ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘   รายงานพิเศษ พาไปชมความสวยงามของพระที่นั่งอิศเรศราชาน­ุสรณ์ ที่เพิ่งบูรณะเสร็จสิ้น ภายใต้โครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบว­รสถานมงคล







เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 นายสุพจน์ พรหมมาโนช ผู้อำนวยการสำนักศิลปกรที่ 7 เชียงใหม่ และนายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจงานงวดที่ 4-9 งานบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์กำแพงเมือง-คูมืองฝาง ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่


ถ้ำวัว-ถ้ำคน              เป็นแหล่งภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีลักษณะเป็นเพิงหินขนาดใหญ่ เพิงหินมีผนังสองด้าน พบภาพเขียนสีรูปสัตว์ และ รูปคน เขียนด้วยสีแดง     ถ้ำวัว-ถ้ำคน               เป็นแหล่งภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีลักษณะเป็นเพิงหินขนาดใหญ่ มีชะง่อนหินที่สามารถใช้หลบแดด หลบฝน อยู่ด้านล่างของเพิงหินได้ เพิงหินมีผนังสองด้าน ทางด้านทิศตะวันออกของเพิงหิน เรียกว่า " ถ้ำวัว " พบภาพเขียนสีรูปสัตว์ เขียนด้วยสีแดง แถวบนซ้ายสุดของผนังเป็นภาพสัตว์ ๒ ตัว หันหน้าไปทางทิศใต้ ต่อด้วภาพลูกวัว ๑ ตัว ที่เดินหันหน้าไปทางทิศเหนือ ถัดไปเป็นภาพวัวมีโหนก ๓ ตัวเดินตามกัน หันหน้าไปทางทิศเหนือ ที่ด้านล่างเป็นภาพลายเส้นคล้ายกิ่งไม้ปนอยู่กับภาพลูกวัวและแม่วัวพร้อมกับสัตว์ไม่ทราบชนิดอีก ๒ ตัว ถ้ำวัว               ทางด้านทิศตะวันตกของเพิงหิน เรียกว่า " ถ้ำคน " พบภาพเขียนสีรูปคน เขียนด้วยสีแดงเป็นรูปคน ๗ คน เดินเป็นแถวมุ่งหน้าไปทางเดียวกันทางด้านทิศตะวันออก ที่เพดานของผนังด้านบนพบภาพเขียนลายตารางสีขาว โดยมีภาพคนเขียนด้วยสีแดงแบบเงาทึบระบายทับอยู่   ถ้ำคน