ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,673 รายการ

องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “น้ำตกตรอกนอง” น้ำตกตรอกนอง ตั้งอยู่ที่ตำบลตรอกนอง อำเภอขลุง การเดินทางใช้เส้นทางแยกเข้าน้ำตกพลิ้วไปทางจังหวัดตราด ถึงสี่แยกเข้าอำเภอขลุง แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสาย ขลุง-มะขามอีก 10 กิโลเมตร ถึงตลาดตรอกนอง เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทางเข้าสู่น้ำตกตรอกนองอีก 2 กิโลเมตร ถึงบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พล.1 .(ตรอกนอง) ต่อจากนั้นเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตก น้ำตกตรอกนอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธร... ดูเพิ่มเติม



           อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ร่วมกับ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย กำหนดจัดโครงการเสวนาวิชาการ เรื่อง “อัตลักษณ์ทับหลังปราสาทพิมาย และทับหลังพบใหม่ในจังหวัดนครราชสีมา” เนื่องในงานเทศกาลเที่ยวพิมาย นครราชสีมา ประจำปี 2566 และงานฉลอง 555 ปี เมืองนครราชสีมา ในวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.00 น. ณ อุดรโคปุระ (โคปุระด้านทิศเหนือ) ปราสาทพิมาย อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำเสนอและเผยแพร่องค์ความรู้ ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับปราสาทพิมายและข้อมูลใหม่จากการปฏิบัติงานโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา             พบกับการเสวนา เรื่อง “อัตลักษณ์ทับหลังปราสาทพิมาย" ร่วมเสวนาโดย นายภาณุวัฒน์ เอื้อสามาลย์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย  นางสาวอทิตยา ถิระโชติ ภัณฑารักษ์ชำนาญการ และนางสาวนัยนา มั่นปาน ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย และการบรรยายพิเศษ เรื่อง "ทับหลังพบใหม่ในจังหวัดนครราชสีมา ณ ปราสาทบ้านบุใหญ่” วิทยากรโดย นายธันยธรณ์ วรรณโพธิ์พร นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา             ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมฟังได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (ฟรี) รับจำนวนจำกัดเพียง 40 ท่าน ลงทะเบียนได้ ที่นี่  (*ไม่มีถ่ายทอด Live สด แต่จะมีการบันทึกเทปให้ชมภายหลัง*) สอบถามเพิ่มเติมหรือติดตามรายละเอียดได้ที่เฟสบุ๊ก เพจ : อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย Phimai Historical Park  / สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา กรมศิลปากร / Phimai National Museum:พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย  ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนที่เข้าร่วมฟังภายในงาน จำนวน 40 ท่าน จะได้รับเอกสารประกอบการเสวนาทางวิชาการด้วย


วันกองทัพเรือ 20 พฤศจิกายน วันกองทัพเรือ (Royal Thai Navy Day) เป็นวันที่รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนนายเรือ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 ทางราชการทหารเรือได้ถือเอาวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เป็นวันที่ระลึกของกองทัพเรือตราบจนกระทั่งทุกวันนี้ ในสมัยโบราณยังมิได้มีการแบ่งแยกกำลังรบทางเรือออกจากทางบก จวบจนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงเริ่มมีการแบ่งแยกกำลังรบทางเรือออกจากทางบก เมื่อครั้งเริ่มแรกตั้งกรมทหารเรือนั้น กิจการทหารเรือบางอย่างยังขาดบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญ จึงมีความจำเป็นต้องจ้างชาวต่างประเทศเข้ามารับราชการตามตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ อาทิ ผู้บังคับการเรือ และผู้บัญชาการป้อมต่างๆ ต่อมาภายหลังวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริว่า กิจการของทหารเรือเท่าที่อาศัยชาวต่างประเทศเข้ามาประจำตำแหน่งหน้าที่ต่างๆในเรือรบและตามป้อมนั้น ไม่สู้มีหวังในการรักษาความมั่นคงและความเป็นเอกราชของประเทศ ทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดการศึกษาแก่ทหารเรือไทย ให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะรับตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ในเรือแทนชาวต่างชาติที่จ้างไว้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรส เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2436 ทรงสำเร็จการศึกษากลับมารับราชการในปี พ.ศ. 2443 ทรงเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนากรมทหารเรือให้เจริญก้าวหน้าทั้งด้านบุคลากรและวัตถุตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภายหลังจากที่กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหารเรือ และกลับมารับราชการในกรมทหารเรือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมทหารเรือ จัดการฝึกสอนวิชาการทหารเรือขึ้น โดยเริ่มตั้งโรงเรียนขึ้นครั้งแรกที่บริเวณอู่หลวงใต้วัดระฆัง ตรงข้ามท่าราชวรดิฐ สำหรับอบรมนายทหารชั้นประทวน หรือฝ่ายช่างกลและปากเรือ ต่อมาในปี พ.ศ. 2434 ได้ตั้งโรงเรียนนายสิบขึ้น และในปี พ.ศ. 2440 ได้จัดตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารเรือขึ้นอีกโรงเรียนหนึ่ง จนถึงปี พ.ศ. 2442 ได้จัดตั้งโรงเรียนนายเรือขึ้น สถานที่ตั้งโรงเรียนนายเรือครั้งแรก อยู่ที่นันทอุทยาน (สวนอนันต์) มีนาวาโท ไซเดอลิน (Seidelin) เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือคนแรก ในปี พ.ศ. 2443 เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมจักรพรรดิพงศ์ สิ้นพระชนม์ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี ซึ่งเป็นที่ประทับได้ว่างลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาพระราชทาน พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี ให้เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนนายเรือ ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2443 เป็นต้นมา และได้เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนนายเรือ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2449 กับได้พระราชทานพระราชหัตถเลขาในสมุดเยี่ยมของโรงเรียน ความว่า ”วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๕ เราจุฬาลงกรณ์ ปร. ได้มาเปิดโรงเรียนนี้ มีความปลื้มใจ ซึ่งได้เห็นการทหารเรือ มีรากหยั่งลงแล้ว จะเป็นที่มั่นสืบไปในภายน่า”


         พระพิมพ์อัษฏมหาโพธิ์สัตว์          ศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕ (ประมาณ ๑,๑๐๐ - ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว)          พบที่เขาขรม อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อ ร.ศ. ๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙)          ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้องศรีวิชัย อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร          พระพิมพ์ดินดิบ ทรงรีคล้ายหยดน้ำ ขนาดกว้าง ๘.๕ เซนติเมตร สูง ๑๒ เซนติเมตร กึ่งกลางเป็นรูปพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิเพชร (วัชราสนะ) แสดงปางปฐมเทศนา (ธรรมจักรมุทรา) ประทับภายในซุ้ม ล้อมรอบด้วยพระโพธิสัตว์ผู้เป็นใหญ่แปดองค์ ล้อมรอบมณฑลอยู่ทั้งแปดทิศ ประกอบด้วย พระไมเตรยะ (พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา) พระอวโลกิเตศวร (พระโพธิสัตว์แห่งความกรุณา) พระสมันตภัทร (พระโพธิสัตว์แห่งการอธิษฐานขอพร) พระวัชรปาณี (พระโพธิสัตว์แห่งพละกำลัง) พระมัญชุศรี (พระโพธิ์สัตว์แห่งปัญญา) พระสรรวนีวรณวิษกัมภีนะ (พระโพธิสัตว์แห่งการขจัดอุปสรรค) พระกษิติครรภ์ (พระโพธิสัตว์แห่งสินในดิน หรือมหาปรณิธาน )และพระอากาศครรภ์ (พระโพธิสัตว์แห่งการชำระบาป หรือมหาสมาธิ)           การนับถือพระโพธิสัตว์ทั้งแปดองค์ปรากฏอยู่ในคัมภีร์สังเคราะห์ (ธรรมสังครหะ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานสกุลวัชรยาน ซึ่งเชื่อว่าพระโพธิสัตว์นั้นมีอยู่มากมายเปรียบดั่งเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา           พระพิมพ์ดินดิบชิ้นนี้เป็นหนึ่งในพระพิมพ์จำนวน ๑๗ ชิ้นที่สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ต่อมาพระองค์ได้มีลายพระหัตถ์พระราชทานเจ้าพระยาวิชิตวงษ์วุฒิไกร เสนาบดีกระทรวงธรรมการ มอบพระพิมพ์ทั้ง ๑๗ ชิ้นเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถาน ดังข้อความในลายพระหัตถ์ที่ ๙๘/๑๐๓๘ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๕ ความว่า           “พระพิมพ์ที่ได้จากถ้ำเขาขรม แขวงอำเภอลำพูน เมืองไชยา ซึ่งพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพส่งมาทูลเกล้าถวาย มาให้เจ้าคุณสำหรับเก็บไว้ในพิพิธภัณฑสถาน ได้ส่งมาพร้อมกับจดหมายนี้แล้ว”      อ้างอิง กรมศิลปากร. พระพิมพ์ : พระเครื่องเมืองไทย. นครปฐม: รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๖๔. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ ศ.๑๓/๔๑. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๕ กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง พระพิมพ์เมืองไชยา (๑๑-๑๗ ตุลาคม ๑๒๕).



องค์ความรู้ เรื่อง ข้าวแช่: สำรับอาหารคู่หน้าร้อน โดย นายชญานิน นุ้ยสินธุ์ นักอักษรศาสตร์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มจารีตประเพณี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร






วันพุธที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร มอบหมายให้นางสาวขนิษฐา โชติกวณิชย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้แทนกรมศิลปากร เข้ารับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี ๒๕๖๗ “รางวัลบริการภาครัฐ ระดับดี” ประเภทนวัตกรรมบริการ ผลงาน Application AR Smart Heritage รูปแบบสันนิษฐานโบราณสถานในพื้นที่มรดกโลก ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ณ อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ได้จัดพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ให้แก่หน่วยงานที่มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบความสำเร็จมีความเป็นเลิศ ซึ่งผลงาน  Application AR Smart Heritage รูปแบบสันนิษฐานโบราณสถานในพื้นที่มรดกโลก ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม กรมศิลปากร ได้รับรางวัลบริการภาครัฐ ประเภทนวัตกรรมบริการ ที่มีการพัฒนาการให้บริการด้วยการนำนวัตกรรมที่เกิดจากการนำแนวคิด องค์ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีดิจิทัล มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชนให้ได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเกิดความพึงพอใจ ถือได้ว่าเป็นการยกระดับคุณภาพการให้บริการที่ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง


https://www.onde.go.th/rss_module/feed/1/มาตรฐานภาครัฐ https://www.onde.go.th/rss_module/feed/1/ข่าว


             กรมศิลปากร ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน “4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” เทศกาลท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน ระหว่างวันที่ 9 - 17 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป ณ วัดไชยวัฒนาราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา            ตามที่รัฐบาลได้จัดกิจกรรม Thailand Winter Festival เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้น กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงได้ขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล โดยเปิดให้เข้าชมโบราณสถานยามราตรี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เร่งผลักดันการท่องเที่ยวศักยภาพสูงให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าเที่ยวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้เสน่ห์วิถีไทย เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสความสวยงามของโบราณสถานในยามค่ำคืน ให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเยี่ยมชมบรรยากาศ “4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่            ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์วิถีไทยกรุงศรีอยุธยาช่วงต้นกรุงศรีฯ ในยุคที่รุ่งเรืองทั้งศิลปะ วัฒนธรรม และการค้าขาย วิถีชีวิตของผู้คนในยุคนั้นมีความสุข และเสน่ห์ไทยอย่างไร ผ่านกิจกรรมการแสดง การละเล่น พร้อมทั้งการประดับไฟ Lighting Art Installation และ Projection Maping โบราณสถานอันทรงคุณค่าให้ได้เห็นความงดงามยามค่ำคืน ในวันที่ 9 - 17 พฤศจิกายน 2567 ณ วัดไชยวัฒนาราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบกับกิจกรรมไฮไลต์             - Lighting Art Installation – การประดับตกแต่งไฟ “4 วัด 1 วัง” ให้สวยงามยามค่ำคืน สัมผัสบรรยากาศที่มีมนต์เสน่ห์เมื่อครั้งต้นกรุงฯ ในวันที่ 9 - 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป              - Projection Mapping – พบกับการฉายภาพเรื่องราวด้วยแสงสีอันวิจิตรตระการตา ณ วัดพระราม และวัดไชยวัฒนาราม ในวันที่ 9 - 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป              - การประกวดแมวไทยโบราณคืนถิ่นกรุงศรี – สืบสานตำนานแมวไทย ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567               - พิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ – ณ วิหารหลวง วัดมหาธาตุ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป              - การประกวดนางนพมาศ ประจำปี 2567 – ยลโฉมสาวงามนางนพมาศแห่งกรุงศรี ในวันลอยกระทง ณ วัดพระราม ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป              นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและละเล่นไทยโบราณ เชิญชวนแต่งชุดไทยย้อนยุค พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสวยงามของสถานที่ทางประวัติศาสตร์ยามค่ำคืน พร้อมเชิญชวนชิมอิ่มอร่อยจากการออกบูธอาหารจากทุกภูมิภาคตลอดการจัดงาน              อย่าพลาดโอกาสสำคัญในครั้งนี้ มาร่วมเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา พร้อมทั้งดื่มด่ำกับบรรยากาศโบราณสถานยามค่ำคืน ได้ที่งาน “4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ในวันที่ 9 - 17 พฤศจิกายน 2567 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา Ayutthaya Historical Park 


วัดศิริวรรณาวาส (ร้าง)           วัดศิริวรรณาวาส (ร้าง) ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นวัดโบราณแห่งหนึ่งที่เจ้าเมืองสงขลาต้นตระกูล ณ สงขลา เป็นผู้สร้าง เมื่อครั้งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ วโรรสเสด็จตรวจการณ์คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๕๕ (รัชกาลที่ ๕) ทรงบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับวัดศิริวรรณาวาส ใจความว่า           “...วัดศิริวรรณาวาส อีกชื่อหนึ่งว่า วัดตก พระปลัดมีเป็นเจ้าอาวาส ๑ ...วัดศิริวรรณาวาสเป็นวัดเล็กกว่าวัดสุวรรณคีรีรักษาสะอาดดีไม่ชำรุดทรุดโทรม ในอุโบสถกวาดเตียน โคมหวดที่แขวนไม่มีละอองจับ ส่วนลานวัดยังไม่เตียนแท้แต่ไม่ถึงรก ถ้ารู้จักจัดทางเดินก็ดี สถานที่จะใช้ก็ดี ทำให้เตียน สถานนอกนี้ปล่อยให้หญ้าขึ้นแต่อย่าถึงให้รกก็จะพอดูได้ฯ” จากสภาพวัดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าวัดศิริวรรณาวาสเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งบริเวณเมืองสงขลาฝั่งแหลมสน           สิ่งสำคัญภายในวัด คือ อุโบสถ และหอระฆังที่แสดงถึงศิลปกรรมท้องถิ่นภาคใต้ที่สวยงาม รวมทั้งกำแพงแก้วที่สร้างก่อล้อมอุโบสถโดยที่ทางเข้าด้านทิศตะวันออกทำซุ้มประตูแบบเก๋งจีน           กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัดศิริวรรณาวาส (ร้าง) โดยเป็นส่วนหนึ่งของโบราณสถานเมืองสงขลาเก่า ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๑๑๙ วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๓๕   Wat Siri Wannawat (deserted)           Located in Hua Khao Subdistrict of Singhanakhon District near Wat Bo Sap, this old temple was built by the governor of Songkhla and the ancestor of Na Songkhla Family while the city of Songkhla was situated on Laem Son side.            The important structures in the temple compound are the ordination hall (Ubosot) and the bell tower or belfry. These two structures exemplify the splendor of regional art in southern Thailand. The ordination hall was surrounded by the defensive wall (Kamphaeng Kaew) and its eastern entrance has a Chinese-style pavilion.           The Fine Arts Department announced the registration of Wat Siri Wannawat (deserted) as a national monument in Government Gazette, Volume 109, Part 119, dated September 17, 1992.    



ชื่อเรื่อง : สำนวนจดหมายภาษาอังกฤษ หัวเรื่อง : จดหมายธุรกิจ             จดหมาย, วิธีเขียน คำค้น : - รายละเอียด : - ผู้แต่ง : วิชิต วิทยาภรณ์ แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์ ปีที่พิมพ์ : 2497 วันที่เผยแพร่ : 30 มกราคม 2568 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : เป็นสำนวนในการเขียนจดหมายภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจการค้า เลขทะเบียน : น. 32 บ. 4960 จบ. เลขหมู่ : 423.1            ว551ส


black ribbon.