ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,671 รายการ

           ธรรมจักร       สมัยทวารวดี พุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๕       ขุดได้ในฐานพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม นำมาไว้ในพิพิธภัณฑสถานฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑       ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้องทวารวดี อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร       ธรรมจักรศิลาสลักลาย ฐานธรรมจักรสลักกลีบบัวคว่ำ-บัวหงาย และแถบเม็ดพลอยสี่เหลี่ยมสลับวงรีกงล้อสลักลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน สลับพลอยเม็ดกลมที่มีลวดลายดอกไม้และมีกระหนกผักกูดแตกออกมา ๘ ตัว ขมวดคล้ายเลข ๑ ไทย ขนาบข้างด้วยแถบลายเม็ดประคำ ซี่ล้อหรือกำสลักส่วนโคนประดับลายกระหนกรูปทรงคล้ายกระจัง ส่วนยอดสลักลายก้านขดข้างละตัวคาดด้วยแถบลายลูกประคำบริเวณรอบดุมธรรมจักรสลักเป็นลายวงกลม มีแถบลวดลายซ้อนกันเรียงจากวงกลมด้านนอกมายังด้านใน ได้แก่ ลายฟันปลา แถบลายก้านขด ลายลูกประคำ ลายกลีบบัว และลายลูกประคำ ตามลำดับ ดุมธรรมจักรรูปทรงกลมเรียบไม่มีลวดลาย        การสร้างประติมากรรมรูปธรรมจักรนั้นพบหลักฐานตั้งแต่สมัยอินเดียโบราณ (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓)* ใช้แทนรูปเคารพพระพุทธเจ้าปางแสดงธรรม ส่วนในประเทศไทยน่าจะรับคติธรรมจักรพร้อม ๆ กับการรับพุทธศาสนาเข้ามาประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เป็นต้นมา ตรงกับสมัยทวารดี สันนิษฐานว่าการบูชาธรรมจักรในอดีต จะตั้งธรรมจักรไว้บนหัวเสาและมีแท่นรองรับ อาจตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งหรือในพื้นที่มีหลังคาคลุม เนื่องจากการขุดค้นทางโบราณคดีพบแท่นและเสาธรรมจักรเป็นจำนวนมาก โดยแหล่งที่พบธรรมจักรเป็นจำนวนมากนั้นคือบริเวณเมืองนครปฐมโบราณ (จังหวัดนครปฐม) นอกจากนี้ยังพบธรรมจักรตามแหล่งชุมชนโบราณต่าง ๆ อีกหลายแห่งที่มีหลักฐานศิลปกรรมเกี่ยวข้องกับทวารวดี เช่นที่เมืองอู่ทอง (จังหวัดสุพรรณบุรี) เมืองลพบุรี (จังหวัดลพบุรี) เมืองอู่ตะเภา (จังหวัดชัยนาท) เมืองเสมา (จังหวัดนครราชสีมา) บริเวณอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเมืองยะรัง จังหวัดปัตตานี เป็นต้น       รูปแบบลวดลายบนธรรมจักรชิ้นนี้ จากการเรียงลวดลายได้แก่ลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสลับกับลายเม็ดพลอยกลมสลักลวดลายดอกไม้มีกระหนกแตกออกมาเป็นกระหนกผักกูด ลักษณะขมวดคล้ายเลข ๑ ไทยจำนวน ๘ ตัว น่าจะได้รับอิทธิพลจากศิลปะวกาฏกะของอินเดีย (ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๑) ได้แก่ ๑. แสดงการจัดลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสลับกับลายเม็ดพลอย  ๒. การแสดงระบบลายหลักคือลายเม็ดพลอยกลมมีกระหนกแตกออกมาล้อมรอบ ขณะที่ลายรองคือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนไม่มีกระหนกล้อมรอบ  ๓. ลายกระหนกผักกูดที่ปรากฏบนธรรมจักรชิ้นนี้ แสดงส่วนหัวกระหนกมีลายขูดขีดเป็นเม็ดกลม คล้ายกับลายกระหนกผักกูดของศิลปะวกาฏกะ (ที่สืบเนื่องจากศิลปะคุปตะ)        อย่างไรก็ตามธรรมจักรชิ้นนี้ยังมีรูปแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะของ “ศิลปะทวารวดี” (ซึ่งไม่ปรากฏในศิลปะอินเดีย) ได้แก่ การตกแต่งเป็นลายดอกไม้ในรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนและลายเม็ดพลอยวงกลม รวมทั้งจำนวนกระหนกที่แตกออกมาถึง ๘ ตัวนั้นไม่มีปรากฏในศิลปวกาฏกะ        ธรรมจักรชิ้นนี้ตามประวัติระบุว่า พบที่บริเวณพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม และนำส่งเข้ามาในพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๑ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ โปรดให้ศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี หรือ คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) เป็นผู้ดำเนินการซ่อมแซม ดังที่ปรากฏในหนังสือราชการที่ขุนบริบาลบุรีภัณฑ์ (ป่วน อินทุวงศ์) ภัณฑารักษ์ในขณะนั้นทูลเสวกเอก หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤษดากร ผู้อำนวยการศิลปากรสถานในขณะนั้น ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๑ ความตอนหนึ่งว่า       “...ด้วยในพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครมีศิลาธรรมจักร์ขนาดใหญ่อยู่อัน ๑ ตั้งไว้ที่ห้องหินเข้าคู่กับพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่ได้มาจากเมืองสุโขทัยเก่า** แต่ธรรมจักรชำรุดแตกหายไปเสียครึ่งซีก เหลืออยู่เพียงครึ่งซีก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นายกราชบัณฑิตยสภา มีพระประสงค์ให้ นายฟีโรจี ไปช่วยจัดการทำซีกที่แตกหายไปนั้นด้วยปูนปลาสเตอร์ การที่จะทำ นายฟีโรจีไม่ต้องลงมือทำเองก็ได้ เปนแต่บอกวิธีที่จะทำให้แก่ลูกศิษย์ของนายฟีโรจี แล้วให้ลูกศิษย์เปนผู้ทำต่อไป ของที่จะใช้มี ปูนปลาสเตอร์ ทราย แลปูนขาว เปนต้น...”       การดำเนินงานซ่อมแซมธรรมจักรนั้น เสร็จสิ้นประมาณเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ โดยใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น ๑๓๘ บาท ๑๐ สตางค์     *อ่านประเด็นความหมายของธรรมจักร ได้ใน เรื่อง ดินเผากลมประทับธรรมจักรกวางหมอบ (https://www.facebook.com/.../a.531316277.../5363449643707218) **หมายถึง พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรมทั้งสองพระหัตถ์ (เลขทะเบียน ทว.๕๒) พบที่วัดมหาธาตุจังหวัดสุโขทัยเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๙ และนำมาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๑ ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้องทวารวดี อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร   อ้างอิง เชษฐ์ ติงสัญชลี. ลวดลายศิลปะทวารวดี : การศึกษาที่มาและการตรวจสอบกับศิลปะอินเดียสมัยคุปตะ-วกาฏกะ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์, ๒๕๖๕. ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี วัฒนธรรมยุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. นนทบุรี:  เมืองโบราณ, ๒๕๖๒. หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. (๔)ศธ. ๒.๑.๑/๓๒. เอกสารกระทรวงศึกษาธิการ กรมศิลปากร เรื่อง ของรับศิลาธรรมจักร์ แลนำเครื่องศิลาของพิพิธภัณฑสถานฯ ไปไว้ที่นครปฐมพร้อมทั้งพัทธเสมาด้วย (๑๒ พฤศจิกายน ๒๔๗๑ - ๕ กันยายน ๒๔๗๒).


ถนนเจริญราษฎร์จากเส้นทางการค้าทางน้ำสู่ชุมชนการค้าย่านวัดเกต เส้นทางถนนที่ผ่านไปบริเวณชุมชนวัดเกต ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง ในอดีตคือที่พักของพ่อค้าทางเรือ ทำให้บริเวณนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานที่ปรากฎในจารึกวัดเกต พ.ศ. ๒๑๒๑ และ พ.ศ. ๒๑๒๔ ได้ปรากฏภาพการตั้งชุมชนในช่วงการเข้าปกครองเชียงใหม่โดยพม่า ว่ามีการบูรณะพระเกสธาตุเจดีย์หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เชียงใหม่โดยเจ้าพม่าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ขณะนั้น และยุคการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของพ่อค้าชาวจีนที่ได้ก่อร่างสร้างชุมชนมาจนปัจจุบัน          ชุมชมวัดเกตกลายเป็นศูนย์กลางการค้าทางเรือช่วงปลายรัชกาลที่ ๓ ท่าวัดเกต ริมแม่น้ำปิงคือหมุดหมายของกลุ่มพ่อค้าชาวจีนที่นำสินค้าจากกรุงเทพฯ และปากน้ำโพ มาจำหน่ายและเปิดร้านรวงตลอดถนนเจริญราษฎร์ กลุ่มคนอังกฤษเข้ามาตั้งบริษัทบอร์เนียวค้าไม้สัก กลุ่มมิชชันนารีเข้ามาจัดตั้งโรงเรียนปริ้นส์รอแยลวิทยาลัย โรงเรียนดาราวิทยาลัย และโรงพยาบาลแมคคอมิค ซึ่งขณะนั้นยังมีการทำไร่ทำนาอยู่บริเวณหลังวัดเกต ภาพความเจริญครั้งอดีตของชุมชนวัดเกต บนถนนเจริญราษฎร์ ยังคงปรากฏอาคารร้านค้า บ้านเรือนที่มีอายุราว ๑๐๐ ปี ก่อสร้างด้วยไม้สัก บ้างก่ออิฐถือปูน ที่ปรับเปลี่ยนไปเป็นร้านอาหาร ที่พัก แกลเลอรีแสดงงานศิลปะ ร้านค้างาน handmade อีกทั้งมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์วัดเกตการาม รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ที่ตกทอดจากบรรพบุรุษของคนในชุมชน ซึ่งช่วยบอกเล่าเรื่องราวครั้งอดีตได้เป็นอย่างดี        นอกจากสิ่งก่อสร้างที่ปรากฏภาพความมั่งคั่งของความเจริญทางการค้าในอดีต ตลอดถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยประเพณีวัฒนธรรม อาหารการกิน ความเป็นมิตรของผู้คน อันเป็นความมั่งคั่งทางวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และสัมผัสได้ง่ายเพียงแค่ก้าวเดินไปบนเส้นทางถนนสายนี้ ผู้เรียบเรียง : นายวีระยุทธ ไตรสูงเนิน นักจดหมายเหตุชำนาญการ ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่. ภาพส่วนบุคคล ชุด นายบุญเสริม สาตราภัย.#ถนนเจริญราษฎร์เชียงใหม่#เอกสารจดหมายเหตุ#หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเชียงใหม่#สำนักศิลปากรที่๗ข้อมูลอ้างอิงบุญเสริม สาตราภัย. ๒๕๕๔. เชียงใหม่ในความทรงจำ. เชียงใหม่ : โรงพิมพ์แสงศิลป์.สมโชติ  อ๋องสกุล. ๒๕๖๒. ชุมชนรอบวัดในเชียงใหม่ : ประวัติศาสตร์ชุมชน โดยศูนย์ล้านนาศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่ : บริษัท วิทอินดีไซตน์ จำกัด.อนุ เนินหาด, พ.ต.ท. ๒๕๔๔. สังคมเมืองเชียงใหม่ “รุ่น ๓”. เชียงใหม่ : นนทบุรีการพิมพ์


ความรู้เกี่ยวกับประเพณีลอยกระทง ตอนที่ 4 เรื่อง “ นางนพมาศ” หอสมุดเฉลิมพระเกียรติ ร.9 นครราชสีมา ขอนำเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับประเพณีวันลอยกระทง จากหนังสือเรื่อง "ประเพณีลอยกระทง" โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง “นางนพมาศ” โดยเนื้อหาอธิบายเกี่ยวกับตำนานนางนพมาศ และการทำกระทงที่เป็นรูปดอกบัว ได้อย่างน่าสนใจ เป็นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับประเพณีอันดีงามของไทย เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามอย่างถูกต้องและสร้างสรรค์


ทางรถไฟสายสวรรคโลก"รถไฟ" เข้ามาในประเทศไทยเป็นเวลานานร่วมร้อยปีแล้ว ด้วยเกิดจากพระราชดำริในพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ที่ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของกิจการรถไฟที่ทำให้การติดต่อค้าขายหรือขนส่งสินค้าระหว่างกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่าง ๆ มีความสะดวกสบายมากกว่าการคมนาคมทางเรือหรือทางเกวียนซึ่งใช้เวลานานและไม่สะดวกเท่า โดยทางรถไฟสายแรกที่เปิดให้บริการแก่ชาวสยามในสมัยนั้น คือ ทางรถไฟสายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีการสร้างรถไฟสายเหนือหรือรถไฟสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่และพัฒนากิจการรถไฟมาเป็นลำดับเช่นในปัจจุบัน"ทางรถไฟสายเหนือ" ถือเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่เอื้อให้การติดต่อระหว่างกรุงเทพฯ กับเมืองต่าง ๆ ในภาคเหนือเป็นไปโดยสะดวกมากขึ้น ความน่าสนใจประการหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายดังกล่าวคือ การสร้างทางแยกที่ชุมทางบ้านดารา (ปัจจุบันอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์) และมาสิ้นสุดที่เมืองสวรรคโลกหรือจังหวัดสวรรคโลก (ปัจจุบันคือ สถานีรถไฟสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย) ทำให้ทางรถไฟสายนี้ถูกเรียกว่า "เส้นทางรถไฟสายสวรรคโลก" มีระยะทาง ๒๙ กิโลเมตร เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๔๕๒ เป็นต้นมาจนถึงในปัจจุบัน แรกเริ่มทางรถไฟสายนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟที่จะไปยังเมืองตาก เชื่อมต่อพื้นที่ลุ่มแม่น้ำน่านและพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปิงเข้าด้วยกันทว่าการก่อสร้างทางรถไฟกลับไม่ได้ดำเนินการต่อจนบรรลุตามจุดประสงค์เดิม ทำให้เส้นทางรถไฟสายนี้สิ้นสุดลงที่เมืองสวรรคโลกเท่านั้น ถึงกระนั้น เส้นทางรถไฟสายสวรรคโลกก็นับเป็นเส้นทางรถไฟสายสำคัญที่ช่วยขนส่งท่อนไม้ ของป่า และสินค้าอื่น ๆ รวมถึงช่วยให้การเดินทางติดต่อของผู้คนจากเมืองสวรรคโลกและเมืองต่าง ๆ ในบริเวณใกล้เคียงไปยังกรุงเทพฯ มีความสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งยังเป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงความสำคัญของเมืองสวรรคโลกซึ่งสอดคล้องกับการประกาศยกฐานะเมืองสวรรคโลกเป็นจังหวัดสวรรคโลกในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ด้วยทุกวันนี้ เส้นทางรถไฟสายสวรรคโลกยังคงเปิดให้บริการมาโดยตลอด กระทั่งช่วงสองปีมานี้ที่มีการปิดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) จึงอาจเรียกได้ว่าทางรถไฟสายนี้เป็นมรดกความทรงจำสำคัญของผู้คนในท้องถิ่นที่ยังรอคอยที่จะทำหน้าที่ของตนเองต่อไปที่มาภาพ : https://mapio.net/pic/p-42150518/เอกสารอ้างอิง- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกระทรวงการต่างประเทศ กต.๕.๒/๗๙ เรื่อง พระราชดำรัสในการเปิดรถไฟสายเหนือ.- การรถไฟไทย. ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมเจ้าเสริมสวาสดิ์ กฤดากร ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๔๘๔.-ประวัติการรถไฟแห่งประเทศไทย [ออนไลน์]. เข้าถึงเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕. เข้าถึงได้จาก https://www.railway.co.th/


องค์ความรู้ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี “ถ้ำฝ่ามือแดง” แหล่งภาพเขียนสีพบใหม่ ในตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี แหล่งภาพเขียนสีที่พบใหม่ชาวบ้านเรียกกันในชื่อ “ถ้ำฝ่ามือแดง” ตั้งอยู่บริเวณบ้านห้วยเหว่อ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากชายแดนไทย-ลาวประมาณ ๑๐๐-๒๐๐ เมตร สภาพพื้นที่เป็นลานหินทรายสลับสูงต่ำ บริเวณที่พบภาพเขียนสีมีลักษณะเป็นหินทรายขนาดใหญ่ วางซ้อนทับกัน ขนาดเพิงหินยาว ๑๐.๓๐ เมตร สูง ๒.๔๑ เมตร วางตัวยาวในแนวแกนทิศตะวันออก-ตะวันตก หันหน้าไปทางทิศใต้ บริเวณด้านทิศใต้ของเพิงหินเป็นจุดที่พบภาพเขียนสี ภาพเขียนสีที่พบนั้นแบ่งออกได้เป็น ๓ กลุ่มตามตำแหน่งที่พบ กลุ่มที่ ๑ บริเวณผนังเพิงหินด้านนอก พบภาพเขียนสีจำนวน ๖ ภาพ ประกอบด้วยภาพสัตว์และภาพมือ เขียนด้วยสีแดงน้ำหมาก มีการใช้เทคนิคการเขียนสีหลายรูปแบบ เช่น การระบายทึบ การเขียนเฉพาะเส้นกรอบ การเขียนเส้นกรอบแล้วระบายทึบ และการทาสีลงบนฝ่ามือแล้ววางทาบลงไปบนแผ่นหิน กลุ่มที่ ๒ บริเวณผนังเพิงหินด้านใน ทิศตะวันตก พบภาพเขียนสีจำนวน ๔ ภาพ เป็นภาพสัตว์ ภาพมือ และบางภาพยังไม่สามารถจัดจำแนกได้ว่าเป็นภาพอะไร เขียนด้วยสีแดงน้ำหมาก ใช้เทคนิคแบบระบายทึบและการทาสีลงบนฝ่ามือแล้วทาบลงบนแผ่นหิน กลุ่มที่ ๓ บริเวณผนังหินด้านใน ทิศตะวันออก พบภาพเขียนสีจำนวน ๔ ภาพ วาดเป็นรูปสัตว์ บางภาพไม่สามารถจัดจำแนกได้ เขียนสีด้วยสีแดงน้ำหมาก ใช้เทคนิคการระบายทึบ การเขียนเส้นกรอบแล้วระบายทึบ จากการศึกษาพบว่าการเขียน “ภาพสัตว์” เป็นภาพที่พบมากที่สุด โดยพบถึง ๙ ภาพจากทั้งหมด ๑๔ ภาพ ส่วนภาพมือนั้นพบเป็นจำนวน ๒ ภาพ อีก ๓ ภาพ ไม่สามารถจัดจำแนกได้ว่าเป็นภาพอะไร โดยทั่วไปรูปแบบภาพเขียนสีสามารถจัดจำแนกได้ออกได้หลายรูปแบบ เช่น ภาพเสมือนจริงเลียนแบบธรรมชาติ (the naturalistically imitative form expression) ภาพนามธรรม (abstract) ภาพคตินิยม (idealism) และภาพสัญลักษณ์ (symbol)สำหรับภาพเขียนสีที่พบที่แหล่งโบราณคดีนี้จัดเป็นกลุ่มภาพเสมือนจริง วาดภาพเลียนแบบธรรมชาติ เช่น ภาพสัตว์ และภาพสัญลักษณ์ เช่น ภาพมือ สำหรับการแปลความภาพเขียนสีนั้นยังไม่สรุปความหมายได้อย่างแน่ชัด แต่อาจกล่าวได้ว่าการพบภาพสัตว์อาจสะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมในอดีตของพื้นที่บริเวณนี้ ที่จะพบสัตว์เหล่านี้ได้ ส่วนภาพมือนั้นน่าจะเป็นสัญลักษณ์แทนตัวคนในอดีต ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าตำแหน่งที่พบภาพมือนั้นจะประทับใกล้กับภาพสัตว์ ซึ่งคล้ายกับภาพมือที่พบที่ผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่จะประทับไว้กับภาพสัตว์ขนาดเล็กและใหญ่ ซึ่งอาจมีความหมายสื่อถึงพิธีกรรมการล่าสัตว์หรือจับสัตว์ จากลักษณะภาพเขียนสี อาจกำหนดอายุเชิงเทียบในเบื้องต้นได้ว่าอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ราว ๓,๐๐๐ – ๑,๕๐๐ ปีมาแล้ว สุดท้ายนี้ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี ขอขอบคุณ นายสุรศักดิ์ เมืองสุข กรรมการหมู่บ้านห้วยเหว่อ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ที่ประสานแจ้งข้อมูลการค้นพบ และขอขอบคุณอำเภอสิรินธร ที่กรุณาอำนวยความสะดวก ในการประสานงานเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งผู้นำชุมชน ในการร่วมสำรวจและนำทาง จนทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปโดยความสำเร็จเรียบร้อย ผู้เรียบเรียง: นางสาวกัญญาภัค โต๊ะเฮ็ง นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี เอกสารอ้างอิง พเยาว์ เข็มนาค. “ศิลปะถ้ำในอุบลราชธานี” ประวัติศาสตร์และโบราณคดีอุบลราชธานี เอกสารการ สัมมนาประวัติศาสตร์และโบราณคดีอุบลราชธานี ๒๖-๒๘ กันยายน ๒๕๓๑ ณ หอประชุม อาการหอสมุด วิทยาลัยครูอุบลราชธานี. ม.ป.ท., ๒๕๓๑. ศิลปากร, กรม, กองโบราณคดี. ศิลปะถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๓๙. ศิลปากร, กรม. รายงานสำรวจแหล่งภาพเขียนสีที่ อ.โขงเจียม อ.ศรีเมืองใหม่ กิ่งอ.โพธิ์ไทรจ.อุบลราชธานี. โครงการโบราณคดีประเทศไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), กองโบราณคดี, ๒๕๒๖. ศิลปากร,กรม, สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี. โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ในพื้นที่สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี (เล่ม ๑ : จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดยโสธร จังหวัดมุกดาหาร).อุบลราชธานี: ห้างหุ้นส่วนจำกัด อุบลกิจออฟเซทการพิมพ์, ๒๕๖๓.


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           42/2ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              58 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 54 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 140/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 175/3เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง : เรื่องของชาติไทย ของศาสตราจารย์ พระยาอนุมานราชธน พิมพ์เป็นอนุสรณ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ นายเฉลียว ภูมิจิตร ณ เมรุวัดธาตุทอง พระโขนง วันที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2513 ชื่อผู้แต่ง : พระยาอนุมานราชธนปีที่พิมพ์ : 2513 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : ประจักษ์วิทยา จำนวนหน้า : 210 หน้าสาระสังเขป : หนังสือเรื่องของชาติไทยนี้ ท่านศาสตราจารย์ พระยาอนุมานราชธน ได้เรียบเรียงขึ้นต่อจากหนังสือแหลมอินโดจีนสมัยโบราณ แสดงความเป็นมาของชนชาติไทยในสมัยโบราณ แบ่งออกเป็นสองภาคด้วยกัน คือไทยในประเทศจีน และไทยในแหลมอินโดจีน ความเป็นมาของหนังสือเรื่องนี้มีแจ้งอยู่ในคำชี้แจงของท่านผู้เรียบเรียงซึ่งได้นำมาพิมพ์ไว้ตอนต้นของหนังสือ


เลขทะเบียน : นพ.บ.505/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4 x 53 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 169  (224-232) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ขอเชิญสรงน้ำพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา เสริมสิริมงคลเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ปีพุทธศักราช ๒๕๖๖ ระหว่างวันที่ ๑๒ - ๑๗ เมษายน ๒๕๖๖ ณ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย -----------------------------------------           พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา พระพุทธเจ้าสูงสุดทางการแพทย์และโอสถในศาสนาพุทธลัทธิมหายาน พระนามหมายถึง บรมครูแห่งโอสถ (รักษาโรค) ผู้มีรัศมีดุจไพฑูรย์ (มณีสีน้ำเงิน)


ชื่อเรื่อง                         สํยุตฺตนิกายกถา (สํยุตฺตนิกาย)ลบ.บ.                            35/2หมวดหมู่                       พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                  54 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 56.5 ซม.หัวเรื่อง                         พระไตรปิฎก                                                                         บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องรัก ไม้ประกับธรรมดา


         แบบศิลปะ / สมัย ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๑๘ – ๒๐          วัสดุ (ชนิด) สำริด          ขนาด ตักกว้าง ๙๕ เซนติเมตร สูง ๑๑๔ เซนติเมตร          ประวัติความเป็นมา พระธรรมราชานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์วรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ให้ยืมจัดแสดง          ความสำคัญ ลักษณะและสภาพของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ           พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร บนฐานหน้ากระดานเตี้ย รูปแบบศิลปกรรมเป็นพระพุทธรูปล้านนาที่เรียกว่า พระพุทธรูปแบบสิงห์ คือ มีพระพักตร์กลม พระเนตรเหลือบต่ำ พระขนงโก่งโค้งไม่ติดกัน พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์แย้ม พระหนุเป็นปมขนาดใหญ่ ขมวดพระเกศาใหญ่ พระรัศมีทำด้วยไม้สามารถถอดแยกออกจากส่วนพระเศียรได้ พระวรกายอวบอ้วน พระอังสากว้าง พระอุระนูน ครองจีวรห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวา ชายสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน ปลายหยักคล้ายเขี้ยวตะขาบ พระหัตถ์ขวาวางเหนือพระชานุ ปลายนิ้วพระหัตถ์ยาวไม่เท่ากัน  พระพุทธรูปปางมารวิชัยมีร่องรอยของสลัก (แซว่) เชื่อมต่อระหว่างส่วนพระเศียรกับพระวรกายเข้าด้วยกัน เทคนิคการปั้นหล่อนี้ปรากฏหลักฐานในชินกาลมาลีปกรณ์ว่าพระพุทธรูปที่พระเจ้าติโลกราชโปรดฯ ให้หล่อขึ้นเพื่อประดิษฐานในวัดบุปผารามในพุทธศักราช ๒๐๔๘ มีที่ต่อถึง ๘ แห่ง  อย่างไรก็ดีเทคนิคที่ปรากฏอยู่ในชินกาลมาลีปกรณ์อาจเป็นที่นิยมทำแพร่หลายอยู่ในล้านนามาก่อนก็เป็นได้  


องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “น้ำตกตรอกนอง” น้ำตกตรอกนอง ตั้งอยู่ที่ตำบลตรอกนอง อำเภอขลุง การเดินทางใช้เส้นทางแยกเข้าน้ำตกพลิ้วไปทางจังหวัดตราด ถึงสี่แยกเข้าอำเภอขลุง แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสาย ขลุง-มะขามอีก 10 กิโลเมตร ถึงตลาดตรอกนอง เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทางเข้าสู่น้ำตกตรอกนองอีก 2 กิโลเมตร ถึงบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พล.1 .(ตรอกนอง) ต่อจากนั้นเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตก น้ำตกตรอกนอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธร... ดูเพิ่มเติม



black ribbon.