ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,340 รายการ
ชื่อเรื่อง : พระนิพนธ์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
ชื่อผู้แต่ง : สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฎฐายี)
ปีที่พิมพ์ : 2513
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : ศูนย์การพิมพ์
จำนวนหน้า : 52 หน้า
สาระสังเขป : พระนิพนธ์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ มีทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่ 1. สาระในตัวคน 2. ความมีสัจจะ 3. ผู้บันดาล 4. กตญญุตา ความเป็นผู้กตัญญู 5. เจ้าพระคุณของลูก โดยแต่ละเรื่องจะมีคำสอนที่ดีและแนะแนวทางการดำเนินชีวิต อาทิ ให้ยึดมั่นในคุณงามความดี มีความศรัทธา มีสัจจะซื่อตรงต่อตนเองและผู้อื่น มีความกตัญญูไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เป็นต้น
1. ว่าด้วยดำเนินพระราม, พระเคราะห์, ทำนายวันเกิด, จับยามสามตา, ตำราดูไข้เจ็บ, ศักราชพญาแกรก, ยามแมงปอไส ฯลฯ 2. ยันต์ต่างๆ เช่น ยันต์กระทงข้าวสาร, ยันต์แก้อาถรรพ์, ตราพระเจ้าห้าพระองค์ ฯลฯ 3. ทำนายลักษณะไฝ 4. ว่าด้วยคิดเลขแบบโบราณ มีทั้งโจทย์และคำเลย 5. ภาพประกอบแสดงจุดรักษาโรคต่างๆ 6. วันแรกที่จะหว่านข้าวและเกี่ยวข้าว
ชื่อเรื่อง : บุคคลภาษิตในสามก๊กและคติธรรมจากชัยพฤกษ์
ชื่อผู้แต่ง : -
ปีที่พิมพ์ : 2506
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์มงคลการพิมพ์
จำนวนหน้า : 86 หน้า
สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้ กล่าวถึง 12 ตัวละครเอกจาก "สามก๊ก" วรรณคดีซึ่งแปลมาจากนิยายอิงพงศาวดารจีน ได้แก่ ยีเอ๋ง ลิโป้ เล่าปี่ ตั๋งโต๊ะ เล่าอั๋น อ้วนเสี้ยว บังทอง โจโฉ ขงเบ้ง กวนอู จิวยี่ และพระเจ้าเหี้ยนเต้ บุคคลดังกล่าวบางคนเป็นคนดีมีคุณธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างตัว และบางคนมีอกุศลธรรมคอยทำลายตนเอง เขียนโดยนำภาษิตเก่า และพุทธภาษิตมาเปรียบเทียบกับตัวละคร และอธิบายความหมายประกอบไว้ ตัวอย่างเช่น ตั๋งโต๊ะ "ความชั่วย่อมเผาผลาญในภายหลัง" กวนอู "ความหลอกลวงช่วยในครั้งแรก และทำลายในครั้งหลัง แต่ความสัตย์ช่วยตลอดกาล" เป็นต้น
ศึกษาดูงานและศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการบริหารจัดการมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักศิลปากรที่ ๑๑ อุบลราชธานี เชิงบูรณาการระหว่างวันที่ ๓-๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๘
ชื่อเรื่อง : สารคติ โบราณล้านนาไทย
ผู้แต่ง : พระพุทธมหาภาวณฺโณ
ปีที่พิมพ์ : ม.ป.ป.
สถานที่พิมพ์ : เชียงใหม่
สำนักพิมพ์ : ปอง
ต้นฉบับหนังสือสมุดไทย เรื่องนันโทปนันทสูตรคำหลวง หมวดตำราภาพ เลขที่ ๒๐ ภาพแสดงเส้นสีของตัวอักษรแต่ละชนิดตามฐานะของข้อมูล หนังสือต้นฉบับสมุดไทยสมัยอยุธยา นันโทปนันทสูตรคำหลวง จัดพิมพ์โดย สำนักหอสมุดแห่งชาติ เอกสารโบราณ เรื่อง นันโทปนันทสูตรคำหลวง นี้เป็นวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาที่เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร ( เจ้าฟ้ากุ้ง ) ได้ทรงพระนิพนธ์เมื่อพุทธศักราช ๒๒๗๙ จากคัมภีร์นันโทปนันทปกรณ์ที่พระพุทธสิริแต่งเป็นภาษาบาลีไว้ ตัวต้นฉบับเอกสารโบราณเป็นหนังสือสมุดไทยขาวได้มาจาก ขุนวิทูรดรุณากร กรมศึกษาธิการ ทูลเกล้าฯ ถวายให้หอพระสมุดวชิรญาณ ซึ่งปัจจุบันคือ หอสมุดแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๕๑ หนังสือสมุดไทยเรื่องนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเอกสารมรดกความทรงจำแห่งโลกของประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ จากคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกในคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) นันโทปนันทสูตรคำหลวง เป็นวรรณคดีคำหลวงที่เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศรทรงพระนิพนธ์โดยยกข้อความภาษาบาลีขึ้นก่อนแล้วแปลเป็นภาษาไทยที่ไพเราะงดงามสลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง ข้อความภาษาไทยเก็บจากข้อความบาลีไว้เกือบทุกคาถา วรรณคดีเรื่องนี้นอกจากจะเป็นวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าเกี่ยวกับหลักธรรมแล้วยังมีคุณค่าด้านต่าง ๆ อีกหลายประการ คือ ๑. มีความเป็นต้นฉบับหลวงที่สืบทอดมาจากสมัยอยุธยาด้วยปัจจัยหลายประการ ได้แก่ - บอกพระนามผู้ทรงนิพนธ์และวันเดือนปีที่ทรงนิพนธ์แล้วเสร็จ พร้อมประวัติความเป็นมาของ เนื้อเรื่อง - บอกนามอาลักษณ์ผู้ชุบเส้นตัวอักษรทั้ง ๒ แบบ - ต้นฉบับเล่มนี้บันทึกเนื้อหาเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องนันโทปนันทสูตรคำหลวงเพียงเรื่องเดียว - บันทึกเนื้อหาเรื่องราวหน้าละ ๔ – ๖ บรรทัด อย่างเป็นระเบียบสวยงามด้วยตัวอักษรไทยแบบ ประดิษฐ์ ตามความนิยมในสมัยอยุธยาเรียกว่า อักษรไทยย่อ ซึ่งอักษรไทยย่อที่ปรากฎใน เอกสารฉบับนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นอักษรไทยย่อที่งดงามที่สุดฉบับหนึ่ง ซึ่งเมื่อนับอายุถึง ปัจจุบัน (๒๕๖๓) มีอายุได้ ๒๘๕ ปีแล้ว ๒. การลงสีเส้นตัวอักษรสะท้อนทัศนคติและความนับถือพุทธศาสนาอย่างแรงกล้ากล่าวคือ มีวิธีการลงเส้นสีตัวอักษรให้ต่างกันตามความสำคัญของเนื้อหาแต่ละตอน เส้นทอง ใช้บันทึกพระนามบุคคลสำคัญ เช่น เมื่อเอ่ยอ้างถึงพระพุทธเจ้า และพระนามผู้ทรงนิพนธ์ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร ไชยเชษฐสุริวงษ เส้นชาด ใช้บันทึกคาถาอักษรขอมภาษาบาลีทั้งหมด เส้นหมึก ใช้บันทึกเนื้อหาเรื่องราวที่เป็นภาษาไทยด้วยอักษรไทยย่อ ๓. มีบันทึกจดหมายเหตุแสดงภูมิปัญญาในการเตรียมต้นฉบับของช่างเขียนในสมัยอยุธยาก่อนบันทึกข้อความ โดยบอกนามเจ้าของสูตรไว้ด้วย ซึ่งหลักฐานนี้ไม่เคยปรากฏอยู่ในต้นฉบับวรรณกรรมเรื่องใด ๆ ของสังคมไทยทั้งสิ้น ๔. อักษรและอักขรวิธีของอักษรไทยย่อในสมุดไทยเรื่องนันโทปนันทสูตรคำหลวงฉบับนี้พบว่ามีพยัญชนะไทยครบทั้ง ๔๔ ตัวเป็นครั้งแรก เรื่องย่อนันโทปนันทสูตรคำหลวงกล่าวถึงพระพุทธเจ้าเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ในกรุง ราชคฤห์ เย็นวันหนึ่ง มีมหาเศรษฐี ชื่อ อนาถบิณฑิกะมาทูลอาราธนาพระพุทธองค์และพระอรหันตสาวก ๕๐๐ องค์ไปรับบิณฑบาตที่บ้านของตนในวันรุ่งขึ้น สมเด็จพระบรมศาสดารับอาราธนาแล้วก็ประทับอยู่ ณ พระวิหารจนสิ้นราตรี ครั้นเวลาใกล้รุ่งพระพุทธเจ้าทรงตรวจดูโลกธาตุและทราบโดยพระญาณว่าพระยานันโทปนันท นาคราช ควรจะได้รับรสพระธรรม ด้วยพระยานาคราชตนนี้ได้เคยสร้างกุศลไว้ในชาติก่อน แต่พระยา นันโทปนันทนี้ยังมีความเห็นผิดเป็นมิจฉาทิฐิอยู่ แต่ก็สามารถที่จะสั่งสอนให้เข้าถึงพระรัตนตรัยได้ พระบรมศาสดาทรงพิจารณาเห็นว่าพระโมคคัลลานะอัครสาวกเบื้องซ้าย มีฤทธิ์อาจทรมานพระยานาคราชตนนี้ให้ละพยศเสียได้ ดังนั้นพอรุ่งเช้าพระพุทธเจ้าจึงมีพุทธฎีกาแก่พระอานนท์ว่าจะเสด็จไปยังเทวโลก พระอานนท์และพระสาวกจึงเตรียมตามเสด็จด้วย พระพุทธองค์และพระสาวกได้เหาะไปเหนือวิมานของพระยานันโทปนันท พระยานาคราชแลเห็นว่าพระพุทธเจ้าและพระสาวกจะเหาะมาเหนือปราสาทของตน ฝุ่นใต้เท้าก็จะเรี่ยรายลงมา ก็โกรธบังเกิดมิจฉาทิฐิ สำคัญตนว่าเป็นผู้มีศักดิ์ใหญ่ จึงแสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการจำแลงกายเป็นนาคราชใหญ่พันเขาพระสุเมรุไว้เจ็ดรอบและแผ่พังพานบังโลกธาตุจนมืดมิดเพื่อขวางทางไม่ให้พระพุทธเจ้าเสด็จผ่าน พระสาวกองค์ต่างๆ ทูลขอเป็นผู้ปราบพญานันโทปนันทะ แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงอนุญาต ทรงให้เฉพาะพระโมคคัลลานะเท่านั้นเป็นผู้ไปปราบ จึงเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างพญานันโทปนันทะและพระโมคคัลลานะ ในที่สุดพญานาคราชก็มิอาจสู้ได้ จึงยอมจำนนและละมิจฉาทิฐิ เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ------------------------------------------เรียบเรียงข้อมูล : นางศิวพร เฉลิมศรี นักภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ------------------------------------------
เอกสารจดหมายเหตุ กับการสำรวจทางโบราณคดีใต้น้ำ
: กรณี"เรือล่มที่เกาะมัน"
เอกสารจดหมายเหตุ เป็นเอกสารสำคัญระดับปฐมภูมิ ที่น่าเชื่อถือได้จนสามารถใช้เป็นหลักฐานในฐานะ"พยาน"ได้เป็นอย่างดี
ใน พ.ศ.2546 หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี ได้รับมอบเอกสารสำคัญ พร้อมกับกรมศิลปากรได้ขอใช้อาคารโบราณสถาน"ศาลารัฐบาลมณฑลจันทบุรี"จากจังหวัดจันทบุรี ให้เป็นสำนักงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี
เอกสารสำคัญดังกล่าวจำนวนกว่าล้านหน้าได้รับการประเมินตามมาตรฐานงานจดหมายเหตุแล้วมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์สมควรได้รับการคัดเลือกเป็น"เอกสารจดหมายเหตุ" อายุของเอกสารชุดนี้เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ.2449 ถึง พ.ศ.2522
ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานต่อเนื่องกัน ดังนั้นเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์จึงได้รับการบันทึกไว้ ยกตัวอย่างเอกสารเรื่อง"เรือล่มที่เกาะมัน" เป็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับแหล่งขุดค้นใต้น้ำของกองโบราณคดีใต้น้ำ ที่ต้องการศึกษาค้นคว้า เพราะเกี่ยวข้องกับเรือเมล์ที่จมอยู่บริเวณหน้าเกาะมันนอก*จังหวัดระยอง
จากเอกสารจดหมายเหตุระบุว่า ใน พ.ศ.2464
มีเรือกลไฟของบริษัทฝรั่งเศสชื่อ "แฟรนซิสกาเนียร์" หรือมีชื่อเรียกของลูกเรือว่า"เรือสิงห์โตเฮง /ชิงตงเฮง/โมโฮ"ซึ่งเป็นเรือเมล์บรรทุกคนและสินค้า ขึ้นล่องทางชายทะเลตะวันออก ระหว่างกรุงเทพฯถึงเกาะกง(เมืองปัจจันตคีรีเขตต์)เขตแดนของฝรั่งเศส
ระหว่างขากลับถึงบริเวณเกาะมัน จังหวัดระยอง เกิดพายุและคลื่นใหญ่ในทะเล ผู้ประสบภัย(พ่อครัวทำอาหารบนเรือ)เล่าว่า...เรือเมล์เที่ยวนี้เพียบมากกว่าทุกเที่ยว ...มีสินค้าเยอะมาก...บรรทุกอ้อยถึง4,000 ลำ...เรือเมล์แล่นพ้นจากเขาแหลมสิงห์ก็ถูกคลื่นและพายุบ้าง...เรือก็ตะแคงซ้ายมือบ้างแล้ว แต่ยังแล่นได้ต่อ...
...ห่างไกลจากเขาแหลมสิงห์มาก ที่ตรงนั้นจะเรียกว่าอะไรนั้นไม่รู้จักให้เกิดพายุจัดคลื่นใหญ่ เรือได้ตะแคง...
ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้สั่งการให้นายอำเภอแหลมสิงห์ สอบสวนเหตุการณ์ที่เรืออับปาง มีรายงานว่า...เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2464 เรือแฟรนซิสกาเนียร์ ได้ออกจากปากน้ำจันทบุรี เวลาประมาณเที่ยงคืน ครั้นเวลา 2 ก.ท.(ตี 2 :ผู้เขียน)เรือจมเพราะเหตุบรรทุกสินค้าเพียบ เมื่อเรือเดินไปถึงหน้าเกาะมันได้ถูกคลื่นแลลมจัด น้ำเข้าตอนท้ายไม่สามารถจะสูบเอาน้ำออกให้หมดได้ เรือจึงอับปางลงในเวลาประมาณ 40 นาที ไม่ได้โดนโสโครกอย่างใด...
ซึ่งตรงกับคำให้การของพยานหลายคนที่รอดตายได้ให้ปากคำกับตำรวจที่ดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้
จากเหตุการณ์เรือล่มในครั้งนี้ มีผู้โดยสารมากับเรือประมาณ 55 คน พบผู้ที่พ้นภัยแห่งเรืออับปาง 20 คน...
...เมื่อเวลาผ่านไปเป็นร้อยปี กระแสข่าวลือเรื่องเรือลำนี้จากปากของชาวบ้านระแวกนั้นกลายเป็น"เรือผีสิง"และขอให้กองโบราณคดีใต้น้ำไปช่วยตรวจสอบ
จึงเป็นที่มาของการสืบเสาะหาข้อเท็จจริงจากเอกสารจดหมายเหตุของนักโบราณคดีใต้น้ำ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการกู้คืนของเรือดังกล่าวเพื่อการอนุรักษ์ต่อไป
ส่วนข้อสันนิษฐานถึงขนาดของเรือ ไม่มีระบุในเอกสาร และไม่มีรูปภาพ แต่เรือลำนี้เฉพาะกัปตันและคนงานที่อยู่เรือมีถึง 33 คน
*******************
*เกาะมัน มี 3 เกาะ ได้แก่ เกาะมันนอก เกาะมันใน และเกาะมันกลาง
ผู้เขียน
สุมลฑริกาญจณ์ มายะรังษี
นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี
เอกสารอ้างอิง
-หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี.(13)มท2.3.1/145 เอกสารกระทรวงมหาดไทยชุดมณฑลจันทบุรี.เรื่องเรือล่มที่เกาะมัน จังหวัดระยอง(พ.ศ2464)
-หอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบุรี.(13)มท2.3.1/146
เอกสารกระทรวงมหาดไทยชุดมณฑลจันทบุรี.เรื่องเรือเมล์แฟรนซีศกาเบียร์ของบริษัทฝรั่งเศสล่มที่น่าเกาะมัน เขตร์จังหวัดระยอง(พ.ศ2464)
ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ฉบับพิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ 1
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : กรมศิลปากร
ปีที่พิมพ์ : 2508
หมายเหตุ : พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ ขุนหิรัญปราสาท (ตาบ พรพยัคฆ์) ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2508
อธิบายให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจในปัญหา คือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยเหตุ 4 ประการ ได้แก่ ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และทางไปสู่ความดับทุกข์
ชื่อเรื่อง เทศนา (ธัมมสังคิณี-มหาปัฎฐาน)สพ.บ. 179/7ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 28 หน้า กว้าง 4.4 ซ.ม. ยาว 55.3 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ธรรมเทศนาบทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ภาษาบาลี-ไทย ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม ต.ศรีประจันต์ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี