ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,656 รายการ
ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ฉบับพิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ 1
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : กรมศิลปากร
ปีที่พิมพ์ : 2506
หมายเหตุ : พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ อำมาตย์ตรี พระธราธรพิทักษ์ (อั๋น กนิษฐะเสน)
เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงนิทานทองอิน ภาคที่ 2 ประกอบด้วยเรื่อง ผู้ร้ายฆ่าคนที่บางขุนพรหม นายจรูญเศรษฐี ระเด่นลันได และเรื่องสร้อยคอร้อยชั่ง
ที่มาของโครงการ
ผลจากการดำเนินงาน “โครงการสำรวจและปรับปรุงฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีในอำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง”
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลาที่ผ่านมา พบว่าบริเวณอำเภอห้วยยอดเป็นแหล่งพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคใต้ โดยพบแหล่งโบราณคดีมากกว่า ๓๐ แหล่งและพบความต่อเนื่องของหลักฐาน ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๘ ซึ่งจากการดำเนินงานครั้งนั้น พบหลักฐานทางโบราณคดีที่น่าสนใจบริเวณ “กลุ่มแหล่งโบราณคดีเขานุ้ย - เขาคุรำ – เขาหัวพาน” ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง พบหลักฐานทางโบราณคดีเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ชิ้นส่วนทองคำ ลูกเต๋าทำจากงาช้าง ลูกปัดทำจากหิน แก้ว ทอง ชิ้นส่วนเครื่องมือโลหะ เบ็ด เมล็ดข้าว ภาชนะดินเผาสามขา ชิ้นส่วนภาชนะดินเผารูปทรงต่างๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันทางชุมชนได้ร่วมกันจัดตั้งพิพิธภัณฑ์บ้านนาเปขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมโบราณวัตถุที่พบโดยชาวบ้านไว้ โดยในปีพ.ศ. ๒๕๖๓ ทางสำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา ได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเข้าไปสนับสนุนข้อมูลด้านวิชาการโบราณคดีโดยการจัดทำป้ายนิทรรศการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์บ้านนาเป
ดังนั้น เพื่อเป็นการเติมเต็มองค์ความรู้ทางด้านโบราณคดี และเป็นการอนุรักษ์ พัฒนาแหล่งโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากท่านประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากรและท่านอรุณศักดิ์ กิ่งมณี รองอธิบดีกรมศิลปากร อนุมัติงบโครงการบูรณะโบราณสถานฉุกเฉินเร่งด่วนกรมศิลปากร ดำเนินการขุดค้นแหล่งโบราณคดีเขาคุรำโดยทำการศึกษาและเก็บข้อมูลทางด้านโบราณคดีอย่างเป็นระบบ ซึ่งผลที่ได้จากการศึกษา นอกจากจะเป็นประโยชน์ในวงการวิชาการแล้ว ยังสามารถนำไปต่อยอดในการหาแนวทางในการอนุรักษ์ พัฒนา และการบริหารจัดการแหล่งโบราณคดีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก่อให้เกิดการอนุรักษ์และรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน
กิจกรรมของโครงการ
๑. ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีที่แหล่งโบราณคดีเขาคุรำ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ในวันที่ ๑๔ มกราคม - ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๔
๒. จัดทำฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีที่พบภาชนะดินเผาสามขาในภาคใต้
ทั้งนี้ ทางสำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา ต้องขอขอบพระคุณ พระอาจารย์ประสูติ ปิยธมฺโมหรือพระครูรัตนสิกขการ เจ้าอาวาสวัดในเตา ลุงไพโรจน์ จงจิตร์ อดีตกำนันตำบลเขากอบ กำนันดำรงศักดิ์ วรรณบวร กำนันตำบลเขากอบ ผู้ใหญ่สุริยนต์ ทองศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๑๒ สจ.กิตติเดช วรรรณบวร หน่วยงานอบต.เขากอบ และชาวบ้านชุมชนบ้านนาเปทุกท่านที่สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา ทั้งนี้ ทางสำนัก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานในครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการช่วยกันอนุรักษ์รักษามรดกทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง พระคุณของแม่
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ นครหลวง
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๕
จำนวนหน้า ๑๗๒ หน้า
หมายเหตุ ในการฌาปนกิจศพ นางมะลิ อุปกลิ่น ณ เมรุวัดเกาะจาก ปากพนัง นครศรีธรรมราช ๒๒ เมษายน ๒๕๑๕
พระพิมพ์ดินเผาภาพพระพุทธรูปปางแสดงธรรม
พบที่เจดีย์หมายเลข ๒ เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
พระพิมพ์รูปทรงโค้งมน ทำเป็นภาพพระพุทธรูปยืนตริภังค์ (ยืนเอียงสะโพก) อุษณีษะเป็นต่อมนูนสูง เม็ดพระศกใหญ่ พระพักตร์รูปวงรี พระขนงเป็นเส้นต่อกัน และพระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกใหญ่ พระโอษฐ์หนา พระกรรณยาวจรดพระอังสา มีประภามณฑลเป็นวงโค้งรอบพระเศียร ครองจีวรห่มเฉียง บางแนบพระวรกาย เห็นขอบสบงบริเวณบั้นพระองค์ ชายสบงยาวจรดข้อพระบาท ปรากฏชายจีวรเป็นวงโค้งด้านหน้า พระหัตถ์ขวายกขึ้นระดับพระอังสา แสดงวิตรรกมุทรา (ปางแสดงธรรม) พระหัตถ์ซ้ายทอดลงข้างพระวรกาย
การยืนตริภังค์ของพระพิมพ์องค์นี้ แสดงถึงอิทธิพลศิลปะอินเดียแบบคุปตะ แต่รูปแบบศิลปกรรมโดยรวม เป็นลักษณะศิลปะทวารวดีแล้ว จึงกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๔ (ประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว) ภายในเมืองโบราณอู่ทอง นอกจากที่เจดีย์หมายเลข ๒ แล้วยังพบชิ้นส่วนพระพิมพ์รูปแบบเดียวกันนี้ ที่เจดีย์หมายเลข ๓ อีกด้วย
อนึ่ง ในสมัยทวารวดีการสร้างพระพุทธรูปยืนตริภังค์ และแสดงวิตรรกมุทราโดยพระหัตถ์ขวาข้างเดียว ส่วนพระหัตถ์ซ้ายทอดลงข้างพระวรกาย หรือยกขึ้นยึดชายจีวรในระดับบั้นพระองค์ มักพบในพระพิมพ์และพระพุทธรูปสำริดขนาดเล็ก ส่วนพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สร้างจากหินมักสร้างเป็นพระพุทธรูปยืนตรงแบบสมภังค์ และแสดงวิตรรกมุทราทั้งสองพระหัตถ์ ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะที่เกิดขึ้นในวัฒนธรรมทวารวดีมากกว่า
เอกสารอ้างอิง
กรมศิลปากร. โบราณคดีเมืองอู่ทอง. สหมิตรพริ้นติ้ง : นนทบุรี, ๒๕๔๕.
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมทางศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ, ๒๕๖๒.
ฉันท์และกาพย์พรรณนาอานิสงค์ ศีล และการเจริญภาวนาเมตตายุคพระศรีอาริย์ ชบ.ส. ๑๗
เจ้าอาวาสวัดต้นสน ต.บางปลาสร้อย เขต ๑ อ.เมือง จ.ฃลบุรี
มอบให้หอสมุด ๒๐ ก.ค. ๒๕๓๕
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.19/1-6
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อผู้แต่ง วิเทศกรณีย์
ชื่อเรื่อง อัจฉริยบุรุษและอัจฉริยสตรี
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ พี.เอ.เอ็น
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๘
จำนวนหน้า ๗๙๒ หน้า
หนังสือสารคดี อัจฉริยบุรุษและอัจฉริยสตรี เป็นหนังสือที่เขียนประวัติบุคคลสำคัญ ผลงาน และเกียรติคุณของแต่ละท่านให้ละเอียดที่สุด ทั้งเป็นการให้ความรู้อย่างกว้างขวาง ในประวัติศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ ปรัชญาและจิตวิทยา นอกจากจะได้อ่านประวัติของบุคคลสำคัญแล้ว ท่านยังได้ปรัชญาแห่งการดำเนินชีวิตของเขาด้วย
จากเสมาใบใหญ่สู่พระเจ้าใหญ่ในอีสาน
: พลังสืบเนื่องแห่งพุทธศรัทธา
พลังแห่งความหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคตและโลกหน้า แปรเปลี่ยนเป็นความเชื่อและความศรัทธา ก่อให้เกิดแรงคิดและแรงปฏิบัติร่วมกันของคนในสังคมเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมที่วิจิตรสวยงาม มีขนาดใหญ่เกินกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะทำได้เพียงลำพัง ดังจะเห็นได้จากสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่พบได้นับตั้งแต่ช่วงสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์เป็นต้นมา
เฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทยจะพบเสมาใบใหญ่ในวัฒนธรรมทวารวดีที่ทำขึ้นจากหินทรายหรือศิลาแลงเป็นจำนวนมาก หลายใบมีความสูงกว่า ๒ เมตร หลายแหล่งพบว่ามีจำนวนหลายสิบใบ เช่น ใบเสมาหินทรายที่พบบริเวณเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ใบเสมาหินทรายที่วัดโนนศิลาอาสน์ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ใบเสมาหินทรายในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ใบเสมาที่วัดโพธิ์ศิลา อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ
ใบเสมาขนาดใหญ่และมีจำนวนมาก รวมทั้งการแกะสลักเรื่องราวในตำนานทางพุทธศาสนาหรือพุทธประวัติ ตลอดจนลวดลายเชิงสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้อง สะท้อนความเชื่อ ความศรัทธา ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิต ทรัพยากรของสังคม จำนวนของผู้คนในชุมชนที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ประกอบรวมกันเป็นวิถีวัฒนธรรมของสังคมได้เป็นอย่างดี
วิถีวัฒนธรรมดังกล่าวยังคงสืบเนื่องมาอย่างยาวนานในรูปแบบประติมากรรมทางพุทธศาสนา จากเสมาใบใหญ่ในวัฒนธรรมทวารวดี สืบกลายมาสู่พระพุทธรูปองค์ใหญ่ในวัฒนธรรมอีสาน-ล้านช้าง แก่นของพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ยังคงสะท้อนออกมาในรูปแบบประติมากรรมที่มีขนาดใหญ่ของชุมชนร่วมกัน เช่น พระเจ้าใหญ่อินทร์แปง วัดมหาวนาราม อำเภอเมืองอุบลราชธานี พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดปากแซง อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี และอีกหลายแห่งในพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทย
ประติมากรรมทางศาสนาขนาดใหญ่จะยังคงเกิดขึ้นและมีให้เห็นต่อไป ตราบเท่าที่คนและสังคมยังคงมีความหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคตและโลกหน้า และเชื่อว่าการมีศรัทธาด้วยการร่วมสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ต่าง ๆ ในศาสนาจะเป็นวิถีทางหนึ่งในการประสบความสำเร็จดังที่หวังไว้
ข้อมูล: วสันต์ เทพสุริยานนท์
อ้างอิง: สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี. รายงานการสำรวจแหล่งโบราณคดีและโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี. เอกสารอัดสำเนา, ๒๕๕๗
จังหวัดกาฬสินธุ์. ผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองฟ้าแดดสงยาง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๔