ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
ชิต เหรียญประชา เกิดเมื่อวันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2451 ที่จังหวัดนครปฐม เริ่มเรียนศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง แต่เมื่อเหลือเวลาอีก 1 ปี ก่อนจะจบการศึกษา ชิตกลับลาออก เนื่องจากมองไม่เห็นอนาคตในอาชีพศิลปิน ต่อมาชิตได้ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ด้วยเหตุที่ชิตเป็นผู้มีความรู้ทางด้านศิลปะ จึงย้ายไปช่วยงานที่กรมทหารช่าง และสอบบรรจุเป็นนายสิบ แต่เนื่องจากเงินเดือนที่ได้ไม่พอใช้ในครอบครัว จึงลาออกมาเป็นช่างอิสระ รับจ้างเขียนลายรดน้ำ ปิดทองโต๊ะหมู่บูชา พ.ศ. 2473 ชิตทำงานเป็นช่างศิลป์ให้กับสำนักงานศิลปาคาร ในการออกแบบแกะบล็อกและตราเครื่องหมายต่างๆ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชิตรับงานผลิตตราขององค์การสงเคราะห์ประชากรสงคราม ทำให้มีทุนเพียงพอสำหรับการเปิดร้าน ช.ช่าง รับงานแกะสลักทุกชนิด โดยเมื่อว่างจากการรับงานที่ร้าน ชิตได้ทุ่มเทเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานแกะสลักในแบบฉบับของตนเอง ในปี 2493 ชิตและเพื่อนศิลปินร่วมกันก่อตั้งจิตรกรปฏิมากรสมาคม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งศิลปะอันเป็นวัฒนธรรมของชาติ และรวบรวมศิลปินให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ชิตได้รับการยกย่องในแวดวงศิลปะว่ามีความเป็นเลิศในด้านการแกะสลักไม้และงาช้าง และเป็นผู้ที่มีความสามารถในการนำเอารูปแบบของศิลปะไทยประเพณีมาผสมผสานเข้ากับรูปแบบและวิธีการของงานศิลปะสมัยใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากพระพุทธรูปแบบสุโขทัย ซึ่งมีสัดส่วนและท่าทางการแสดงออกที่มีความอ่อนช้อยงดงาม ชิตได้กล่าวถึงการสร้างสรรค์ผลงานของตนไว้ว่า “ผมทำตามอารมณ์... ต้องการให้เส้นที่ปรากฏออกมาในแบบไทยๆ แต่ form เป็นสากล”
ในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2494) ผลงาน “รำมะนา” ของชิตได้รับรางวัลเกียรตินิยมอับดับ 1 เหรียญทอง สาขาประติมากรรม ผลงานแกะสลักจากไม้มะฮอกกานี เป็นรูปผู้ชายกำลังนั่งเล่นกลองขึงหนังหน้าเดียวที่เรียกว่า รำมะนา มีการลดทอนรายละเอียดของกล้ามเนื้อ คงไว้ซึ่งรูปร่างที่มีลักษณะอ่อนช้อย โดยออกแบบใบหน้า ท่าทาง และเค้าโครงของงานประติมากรรม ให้แสดงเส้นสายของร่างกายที่ลื่นไหลเป็นวงโค้งล้อรับกันกับเครื่องดนตรี เผยให้เห็นถึงลีลาท่าทางของนักดนตรีที่กำลังรัวกลองเร้าอารมณ์อย่างสนุกสนาน ดูได้จากนิ้วมือ นิ้วเท้า และการโยกตัวตามจังหวะอย่างพลิ้วไหว ผลงานชิ้นนี้จึงมีความประณีตสูงและสื่อสารอารมณ์ถึงผู้ชมได้เป็นอย่างดี
จากการส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1 – 4 (พ.ศ. 2492 – 2496) ชิตได้รับรางวัลเกียรตินิยมอับดับ 1 เหรียญทอง 2 ครั้ง และรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน 2 ครั้ง จึงได้รับเกียรติยกย่องเป็นศิลปินชั้นเยี่ยม สาขาประติมากรรม ในปี 2496
ถึงแม้ว่าชิตจะเป็นศิลปินชั้นเยี่ยมแล้ว ก็ยังคงส่งผลงานเข้าร่วมแสดงอีกหลายครั้ง ในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 10 (พ.ศ. 2502) ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้กล่าวถึงผลงานของชิตไว้ว่า “…รูปสลักไม้ หญิงไทย ของ ชิต เหรียญประชา ซึ่งศิลปินผู้นี้ได้ตัดส่วนหยุมหยิมของทรงรูปนอกออกเสีย ก็เพื่อจะให้เกิดความเหมาะสมขึ้นในลักษณะพิเศษของศิลปตามแบบประเพณีของเรา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นศิลปินผู้มีฝีมือช่ำชองอยู่ตลอดมา…”
พ.ศ. 2530 ชิตได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาประติมากรรม จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ชิตถึงแก่กรรมด้วยโรคภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2537 สิริอายุ 86 ปี
#ชิตเหรียญประชา
#ศิลปกรรมสมัยรัชกาลที่๙
#ศิลปินแห่งนวสมัย #หอศิลป์แห่งชาติ
#หอศิลป์แห่งชาติถนนเจ้าฟ้า
ที่มา
1. หนังสือ “5 ทศวรรษ ศิลปกรรมแห่งชาติ 2492 – 2541” โดย หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
2. หนังสือ “ชิต เหรียญประชา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป (ประติมากรรม) พ.ศ. 2530” โดย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
3. หนังสือ “บทความ ข้อเขียน และงานศิลปกรรมของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี” โดย หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
วาระแห่งการสถาปนากรมศิลปากรเวียนมาบรรจบในพุทธศักราช ๒๕๖๖ นี้ กรมศิลปากรได้มีนโยบายจัดสร้างพระพุทธสิหิงค์ (จำลอง) เพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นสิริมงคลในโอกาสอันสำคัญยิ่งนี้ อีกทั้งได้จัดพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับพระพุทธรูปสำคัญ ๑๑๒ องค์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อเผยแพร่ความรู้ และรวบรวมภาพพระพุทธรูปสำคัญให้ผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญของกรมศิลปากร
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญเข้าร่วมฟังการเสวนาวิชาการ เนื่องในโอกาส ๑๑๒ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร วันพุธที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ ห้องดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. การเสวนาเรื่อง "สังคีตปริทัศน์" โดยวิทยากร ๓ ท่าน ได้แก่ นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต นายจรัญ พูลลาภ นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการพิเศษ และนายยุทธนา อัครเดชานัฎ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ดำเนินรายการโดยนายธำมรงค์ บุญราช นักวิชาการละครและดนตรีปฏิบัติการ
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมฟังการเสวนาได้โดย สแกน Qr Code
หรือสามารถติดตามรับชมผ่านทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
เลขวัตถุ
ชื่อวัตถุ
ขนาด (ซม.)
ชนิด
สมัยหรือฝีมือช่าง
ประวัติการได้มา
ภาพวัตถุจัดแสดง
45/2553
(13/2549)
ขวานหินขัด มีบ่า เนื้อสีแดงปนดำ
ย.7 ก.5.7
หิน
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว
ได้จากบ้านเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จ.นครนายก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2539
เลขทะเบียน : นพ.บ.475/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 66 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 162 (195-204) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : กัจจายนมูล--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.608/4 ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 195 (416-423) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : เตปิฎกถา--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางด้านศิลปกรรม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
“เสริมสร้างทักษะความรู้ แนวคิดในการสืบทอดงานศิลปกรรมสำนักช่างสิบหมู่ ด้านเซรามิค"
หลักสูตรการเสริมสร้างทักษะความรู้ แนวคิดในการสืบทอดงานศิลปกรรมสำนักช่างสิบหมู่ ด้านงานเซรามิค
เป็นการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการด้านศิลปกรรมในสถานที่ตั้งให้กับบุคลากรของสำนักช่างสิบหมู่
ครั้งที่ ๑ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ณ สถานที่ตั้ง (ระยะเวลา ๒ วันทำการ) ระหว่างวันที่ ๑๗ – ๑๘ พฤาภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
หัวข้อ “เสริมสร้างทักษะความรู้ แนวคิดในการสืบทอดงานศิลปกรรมสำนักช่างสิบหมู่ ด้านงานเซรามิค : การเขียนลายบนงานเซรามิค”
ครั้งที่ ๒ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ณ สถานที่ตั้ง (ระยะเวลา ๕ วันทำการ) ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม – ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕
หัวข้อ “เสริมสร้างทักษะความรู้ แนวคิดในการสืบทอดงานศิลปกรรมสำนักช่างสิบหมู่ ด้านงานเซรามิค : การปั้นเซรามิค"
ที่มา: https://datasipmu.finearts.go.th/academic/77
องค์ความรู้สุพรรณบุรี เรื่อง รอยพระพุทธบาท วัดเขาดีสลัก จังหวัดสุพรรณบุรี
ผู้เรียบเรียง :
นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
เวียงหนองหล่ม เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย เพราะได้รับการเชื่อมโยงเข้ากับตำนานกำเนิดและล่มสลายของ ชุมชนโบราณที่เรียกว่า "เมืองโยนกนครพันธ์สิงหนวตินคร" หรือ "เวียงหนองล่ม" หรือ "เวียงหนองล่ม" ซึ่งสันนิฐานว่าเป็นชุมชนโบรารยุคแรกเริ่มในผืนแผ่นดินภาคเหนือของไทย
"ชิ้นส่วนประติมากรรมรูปบุคคลนั่งชันเข่า พบที่ด้านทิศใต้ของเมืองศรีเทพ"
ในปี 2561 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้ความอนุเคราะห์จากคุณจุน แตงโสภา ชาวบ้านบ้านบึงนาจานมอบโบราณวัตถุที่ขุดพบโดยบังเอิญ จากการขุดสระน้ำแล้วนำดินที่ได้มาถมบ้าน ในราวปี 2543-2544 เป็นชิ้นส่วนประติมากรรมรูปบุคคลนั่งชันเข่า ขนาดกว้าง 20 ซม. ยาว 40 ซม. หนา 15 ซม. ตำแหน่งที่พบอยู่ทางด้านทิศใต้ของเมืองศรีเทพ อยู่ห่างประมาณ 700 เมตร
ประติมากรรมชิ้นนี้สลักจากหินทรายสีเขียว เนื้อละเอียด สภาพไม่สมบูรณ์ เป็นประติมากรรมรูปเคารพประทับนั่งในท่ามหาราชลีลา (นั่งยกชันเข่าขวาขึ้น ส่วนขาซ้ายวางพับราบบนพื้น) หัตถ์ขวาทำปางประทานพร นุ่งผ้านุ่งสั้นเหนือพระชานุ รูปแบบของผ้านุ่งไม่ปรากฏริ้วผ้า ขอบผ้านุ่งบริเวณพระโสณีกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร และมีชายผ้าอยู่ทางด้านหลัง ลักษณะของชายผ้ามีการแกะสลักริ้วผ้าบาง ๆ เสมือนกับของจริง นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตอีกว่า มีการแกะสลักในส่วนของกล้ามเนื้อน่องอย่างชัดเจน แสดงถึงการเลียนแบบลักษณะทางกายวิภาคของร่างกายมนุษย์ได้เหมือนจริง
เมื่อพิจารณาลักษณะผ้านุ่งพบว่ามีความคล้ายกับผ้านุ่งของกลุ่มเทวรูปรุ่นเก่าที่พบในเมืองศรีเทพ โดยเฉพาะการปรากฏชายผ้าหางปลาทางด้านหลังนั้นมีลักษณะแบบเดียวกับประติมากรรมเทวรูปรุ่นเก่าบางองค์ เช่น พระวิษณุยืนเอียงกายแบบตริภังค์จากเมืองศรีเทพ (ปัจจุบันเก็บรักษาและจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) ดังนั้นประติมากรรมชิ้นนี้สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 11-13
แล้วบุคคลท่านนี้คือใคร???
ประติมากรรมที่มีท่านั่งชันเข่าแบบนี้พบอยู่หลายองค์ด้วยกัน เช่น ท้าวกุเวร ดร.อนุรักษ์ ดีพิมาย (อดีตนักโบราณคดีอุทยานฯ) ได้สันนิษฐานว่าอาจเป็นพระอัยนาร์ เทพผู้รักษาหมู่บ้านและสระน้ำ โดยเปรียบเทียบจากประติมากรรมพระอัยนาร์ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ซึ่งมีการระบุว่าพบที่เมืองศรีเทพ
สำหรับแอดมินก็ตอบได้ยากเช่นกันค่ะ ว่าประติมากรรมชิ้นนี้เป็นใคร แล้วทุกท่านล่ะคะ คิดว่าเป็นใคร มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ค่ะ
**ในคอมเม้น แปะลิงก์ดาวโหลดวิทยานิพนธ์ของดร.อนุรักษ์ไว้นะคะ ไปตามอ่านกันได้ค่ะ
นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “กรมศิลปากร” เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๔ ตลอดระยะเวลา ๑๑๓ ปี กรมศิลปากรได้ทำหน้าที่ดูแล ปกป้อง คุ้มครอง อนุรักษ์ ฟื้นฟู ทำนุบำรุง ส่งเสริม สืบทอด สร้างสรรค์ และเผยแพร่องค์ความรู้ในงานด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงานนาฏศิลป์และดนตรี งานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ งานด้านภาษา เอกสาร และหนังสือ งานสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมและช่างศิลป์ไทย รวมไปถึงงานสนับสนุนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกรมศิลปากร.ปัจจุบันกรมศิลปากร เป็นหน่วยงานภาครัฐ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม มีที่ทำการของหน่วยงานส่วนกลางตั้งอยู่ที่อาคารกรมศิลปากร (เทเวศร์) ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพฯ และยังมีหน่วยงานส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ คือ สำนักการสังคีต ตั้งอยู่บริเวณถนนราชินี สำนักหอสมุดแห่งชาติและสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ตั้งอยู่บริเวณถนนสามเสน และสำนักช่างสิบหมู่ ตั้งอยู่บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย ๕ จังหวัดนครปฐม นอกจากนี้ยังมีสำนักศิลปากรที่ ๑ - ๑๒ ดูแลในส่วนภูมิภาค