ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,403 รายการ
หนังสือ : ปกีรณำพจนาดถ์ และ อนันตวิภาค
ผู้เขียน : พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
ปกีรณำพจนาดถ์ และ อนันตวิภาค เป็นหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ในภาษาไทย ทั้งยังเป็นหนังสือเก่าที่หาฉบับได้ยาก โดยผู้แต่งคือพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ซึ่งเป็นผู้แต่งแบบเรียนแรกของไทย ‘แบบเรียนหลวง’ และแบบเรียนอีกจำนวนมาก แบบเรียนภาษาไทยของพระยาศรีสุนทรโวหารถือเป็นวรรณกรรมแบบเรียนที่ทรงคุณค่า ด้วยบันทึกความรู้เกี่ยวกับภาษาไทยและรูปแบบการเรียนการสอนภาษาไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งยังเป็นแบบอย่างแก่การเรียบเรียงแบบเรียนภาษาไทยในชั้นหลัง
ปกีรณำพจนาดถ์ เป็นแบบเรียนแต่งเป็นกลอนอธิบายเกี่ยวกับคำพ้อง คำคล้าย ตลอดจนคำที่กำหนดรูปเขียนและวิธีอ่านออกเสียงเป็นพิเศษ
อนันตวิภาค เป็นแบบเรียนที่รวบรวมคำศัพท์และความหมาย เนื้อหาจำแนกตามหมวดหมู่ ได้แก่ คำสยามพากย์(คำภาษาไทย) คำกำพุชพากย์(คำภาษาเขมร) คำชวา คำราชาศัพท์ คำมคธพากย์และสังสกฤษฎพากย์(คำภาษาบาลีและสันสกฤต) อันเป็นแบบเรียนที่มีเนื้อหาต่อเนื่องจากชุดแบบเรียนหลวง
ห้องบริการ 1 หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
เลขหมู่ : 495.918 ศ427ป
เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศดอนเมือง เพื่อทรงรับสมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน ซาลาฮุดดิน อับดุล อาซิซ ชาห์ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย และสมเด็จพระราชินี ตวนกู ซีตี ไอซาห์ สมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓
รหัสเอกสาร ฟ หจภ นร ๕.๑/๘
ผู้สนใจสามารถสืบค้นเอกสารจดหมายเหตุเพิ่มเติมได้ที่ https://archives.nat.go.th/Home/
หรือสนใจสั่งซื้อหนังสือออนไลน์
https://shorturl.asia/nQ5WZ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปรณาภิธมุม (วิภังค์-ปุคคลบบัญญัติ)สพ.บ. 476/4ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 16 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับชาดทึบ ลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดด่านช้าง ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง สลากริวิชาสูตร (สลากริวิชาสูตร)สพ.บ. 445/1หมวดหมู่ พุทธศาสนาภาษา บาลี-ไทยอีสานหัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวดมนต์ บทสืบชะตาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 106 หน้า : กว้าง 5.5 ซม. ยาว 39 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
พัดรองที่ระลึกพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
ลักษณะ : พัดรองที่ระลึกพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พื้นพัดทำจากผ้ากำมะหยี่สีม่วงเข้ม ตรงกลางปักดิ้นเงินทองและไหมสีเป็นรูปจุลมงกุฎ (พระเกี้ยว) ฉากหลังปักลายขนนกการเวก วางบนหมอน เบื้องล่างเป็นแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรีบรมราชวงศ์ มีอักษรย่อ “ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.” หมายถึง “เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ” อันเป็นเครื่องหมายของผู้สืบตระกูลวงศ์ ด้านหลังบุผ้าไหมสีแดง ปักตัวอักษรด้วยไหมสีเหลืองข้อความว่า “การพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร รัตนโกสินทร์ศก 109” นมพัด ด้านหน้าปักดิ้นทองกรอบรูปพุ่มข้าวบิณฑ์หรือกลีบบัว ภายในเป็นรูปช่อดอกไม้ นมพัดด้านหลังปักไหมเป็นลายพันธุ์พฤกษา ด้ามทำจากไม้กลึง ปลายเป็นงาช้าง
ความสำคัญ : สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเจริญพระชนมพรรษาครบ 13 พรรษา จึงจัดให้มีพระราชพิธีโสกันต์อย่างใหญ่ มีเขาไกรลาส ตามพระราชประเพณี เป็นเวลาทั้งสิ้น 8 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 - 25 มกราคม พุทธศักราช 2433
พระราชพิธีโสกันต์ เป็นพิธีการโกนจุกให้กับพระราชโอรส และพระราชธิดา ที่ประสูติแต่พระมเหสีและดำรงพระยศชั้นเจ้าฟ้าและพระองค์เจ้า พิธีการจะเริ่มต้นตั้งโหรหลวงดูฤกษ์ยามกำหนดวันเวลาประกอบพระราชพิธีถวาย เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบจึงมีหมายกำหนดการพระราชพิธี ซึ่งพิธีการจะประกอบด้วยพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์กระทำโดยพร้อมกัน ระยะเวลาในการประกอบพิธีเบ็ดเสร็จ 5 วัน โดย 3 วันแรก เป็นการสดับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ส่วนเช้าวันที่ 4 เมื่อได้ฤกษ์ยามตามกำหนด พระราชโอรส หรือพระราชธิดาประทับบนพระแท่น หันพระพักตร์ตามทิศอันเป็นมงคลตามที่โหรกำหนดตามกำลังวัน ถอดพระเกี้ยวแบ่งเกศาพระเมาฬีออกเป็น 3 ปอย ด้วยพายเงิน ทอง และนาค จากนั้นนำลวดเงิน ทอง นาค และสายสิญจน์ผูกปลายพระเกศาแต่ละปอยไว้กับแหวนนพเก้าและใบมะตูม การตัดปอยพระเกศาทั้ง 3 ปอยเรียงลำดับการตัดดังนี้ ประธานในพิธี พระบรมวงศ์ชั้นใหญ่ในราชตระกูล และพระบิดา สำหรับเช้าวันที่ 5 อันเป็นวันสุดท้ายของพระราชพิธีโสกันต์ เจ้าพนักงานอัญเชิญพระเกศาไปลอยในแม่น้ำ เป็นอันจบพิธี
การออกแบบพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีโสกันต์ใช้พระลัญจกรจุลมงกุฎขนนกซึ่งพระราชทานเป็นตราตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ภายหลังจาการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร และโปรดเกล้าฯการสถาปนาเฉลิมพระอิสริยยศสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร จึงมีการเปลี่ยนจากตราประจำพระองค์ที่เป็นตราพระลัญจกรจุลมงกุฎขนนกแทน
ขนาด : ยาว 102 กว้าง 37
ชนิด : ผ้า ไม้ งาช้าง
อายุ/สมัย : รัตนโกสินทร์ พุทธศักราช 2433
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=64873
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
***รายการบรรณานุกรม***
หนังสือหายาก
กรมศิลปากร. ละคอน เรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์, ๒๔๙๕.
สำริด ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๐ เทวรูปองค์นี้ถูกเคลื่อนย้ายจากเมืองโบราณสุโขทัย ไปประดิษฐานไว้ ณ เทวสถาน กรุงเทพมหานคร และนำกลับมาจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง ในปี พุทธศักราช ๒๕๐๗ พระหริหระ เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ที่เป็นการรวมพระวิษณุ (หริ) และพระศิวะ (หระ) ให้อยู่ในองค์เดียวกัน โดยนำลักษณะเด่นของแต่ละองค์มารวมไว้ด้วยกันอย่างเหมาะสม พระองค์มี ๔ กร พระหัตถ์ขวาบนทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายบนทรงสังข์ พระหัตถ์ซ้ายล่างทรงดอกบัว สัญลักษณ์ของพระวิษณุ พระหัตถ์ขวาล่างแสดงปางกรัณฑมุทรา เครื่องประดับพระเศียรตกแต่งด้วยลายพันธุ์พฤกษา ยอดเป็นทรงกระบอกคอดเว้า คล้ายมุ่นมวยผม ประดับด้วยรูปพระจันทรืเสี้ยว มีพระเนตรที่ ๓ บริเวณกลางพระนลาฏ ทรงสวมสายธุรำรูปนาค ซึ่งเป็นสัญลักษ์ของพระศิวะ ลักษณะของพระพักตรเป็นรูปไข่ พระเนตรยาวรี พระขนงโก่ง พระนาสิกโด่งงุ้ม พระโอษฐ์บางพระหนุเป็นปมตามรูปแบบพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย พระกรรณสวมกุณฑล ทรงกรองศอ พาหุรัดและทองพระกร พระภูษายาวที่เรียกว่า "โธตี" (ผ้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพันรอบตัว) ด้านหน้าจีบเป็นริ้วแฉก คาดปั้นเหน่งชักชายภูษาโค้งลงมาปิดหัวปั้นเหน่งประทับยืนบนฐานบัวคว่ำ - บัวหงาย การสร้างเทวรูปซึ่งเป็นรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์ เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของศาสนาพราหมณ์ที่มีบทบาทในสังคมพุทธศาสนาในสุโขทัย โดยได้สร้างสรรค์รูปแบบงานศิลปกรรมตามคตินิยมและสุนทรียภาพตามแบบศิลปะไทยที่นิยมในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐ หรือในสมัยของพระมหาธรรมราชาลิไทซึ่งตามหลักฐานศิลาจารึก วัดป่ามะม่วง พุทธศักราช ๑๙๐๔ ได้ระบุว่าพระมหาธรรมราชาลิไททรงโปรดให้ประดิษฐานเทวรูป พระศิวะและพระวิษณุไว้ที่หอเทวาลัยมหาเกษตรในป่ามะม่วงนอกกำแพงเมืองสุโขทัยทางด้านตะวันตกเพื่อให้พราหมณ์และดาบสได้บูชา โดยเทวรูปพระหริหระนี้อาจเป็นหนึ่งในเทวรูปที่พระองค์ทรงโปรดให้นำไปประดิษฐานในหอเทวาลัยมหาเกษตร
วันจันทร์ ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ นายวุฒิ สุมิตร รองราชเลขาธิการ เป็นประธานในพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม เพื่อนำมาจัดสร้างพระบรมโกศจันทน์ เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้างานโหรพราหมณ์ เป็นผู้อ่านโองการบวงสรวง มีข้าราชการและประชาชนร่วมงานเป็นจำนวนมาก
อนึ่ง ไม้จันทน์หอมนี้ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช ได้คัดเลือกต้นไม้จันทน์หอมที่ยืนต้นตายตามธรรมชาติ จำนวน ๑๒ ต้น โดยจะดำเนินการตัด และแปรรูป พร้อมนำส่งมอบให้แก่สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เพื่อนำไปจัดสร้างพระบรมโกศจันทน์ เพื่อใช้ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในลำดับต่อไป