ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,748 รายการ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 40/4ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 24 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
องค์ความรู้ เรื่อง เพลงยาวเจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิตทรงปฏิสังขรณ์วัดอไภยทาราม บันทึกการปฏิสังขรณ์พระอารามครั้งใหญ่สมัยรัชกาลที่ ๑ โดย นายปารเมศ อภัยฤทธิรงค์ นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 135/4เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 171/4เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 7/5ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 34 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 50/6ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 38 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 57.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
องค์ความรู้ เรื่อง "..พาไปชม จารึกจิตรเสนที่ช่องเขาตะโก.."
ปราสาทหนองเสม็ด ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ใกล้กับลำห้วยคลอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่าง จังหวัดบุรีรัมย์ กับ จังหวัดสระแก้ว ใกล้กับช่องเขาตะโก ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคตะวันออกเข้าด้วยกันมาตั้งเเต่ยุคโบราณ
สภาพปัจจุบันของปราสาทบ้านหนองเสม็ดถูกขุดรื้อทำลายจนกลายสภาพเป็นกองเนินหิน พบร่องรอยการขุดหาโบราณวัตถุอยู่กลางเนินดิน ทั้งนี้แทบไม่เหลือสภาพความเป็นโบราณสถานแล้ว แต่ความน่าสนใจของปราสาทหลังนี้กลับอยู่ที่จารึกหินทรายที่พบนั่นเองครับ
ย้อนกลับเมื่อราวปี 2563 อาจารย์มยุรี วีระประเสริฐ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้เดินทางไปสำรวจวัดบ้านหนองเสม็ด เเละสังเกตเห็นรอยบนจารึก และในเวลาต่อมา ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้มาทำสำเนาจารึกเก็บไว้
จากการสัมภาษณ์ราษฎรในพื้นที่ทำให้ทราบว่า ปราสาทบ้านหนองเสม็ดมีสภาพเป็นกองหินแบบนี้นานมากแล้ว ไม่เคยเห็นเป็นปราสาท ต่อมามีการเข้ามาขุดหาสมบัติ จึงพบหลักหินชิ้นหนึ่งคว่ำหน้าอยู่ใกล้ทางเดินในป่า เมื่อหงายดูจึงพบว่ามีตัวหนังสือเลยนำมาเก็บไว้ที่วัดนานแล้ว
จารึกหลักดังกล่าว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กังวล คัชชิมา อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้อ่านจารึกในเบื้องต้นไว้ว่าเป็น #จารึกของพระเจ้าจิตรเสน โดยนับเป็นจารึกหลักที่ 23 ที่ค้นพบใหม่ จารึกเป็นภาษาสันสกฤตบอกเล่าการสร้างศิวลึงค์ เป็นข้อความที่มีความคล้ายคลึงกับที่จารึกพระเจ้าจิตรเสนที่พบมาก่อนหน้านี้แล้ว 5 หลัก ซึ่งพบในประเทศไทย 2 หลัก ได้แก่ 1. ถ้ำเป็ดทอง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ และ 2. ในเขตพื้้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
จากการสำรวจพบว่าตัวโบราณสถานมีสภาพเป็นกองหินที่นำมากองเรียงกันเป็นเนินหินขนาดประมาณกว้าง 10 และยาว 20 เมตร สูงจากพื้นดินปัจจุบันประมาณ 2 เมตร และมีลักษณะคล้ายกับสถานที่พบจารึกจิตรเสนที่ลำโดมน้อย อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานีแต่สภาพป่ารกทึบทำให้ยากต่อการสำรวจจึงไม่สามารถสรุปรูปแบบที่แท้จริงได้
จากตำแหน่เดิมของจารึกที่น่าจะปักไว้ที่นี้ ก็สันนิษฐานได้ถึงความสำคัญของ #ช่องเขาตะโก ในการเป็นเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ที่ราบสูง) กับภาคตะวันออก (ที่ราบ) ที่มีมาตั้งแต่อดีต อย่างน้อยก็ในราวพุทธศตวรรษที่ 12 ร่วมสมัยกับพระเจ้าจิตรเสนมเหนทรวรมัน ได้ขยายอำนาจของอาณาจักรเจนละในยุคเริ่มแรกจากเมืองเศรษฐปุระในเขตแขวงจำปาสักซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ สปป.ลาว เข้าสู่ช่องเขาช่องตะโกเขตต่อแดนบุรีรัมย์และสระแก้วในปัจจุบันนั่นเองครับ
เรียบเรียงนำเสนอโดย นายกิตติพงษ์ สนเล็ก นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี
ชิต เหรียญประชา เกิดเมื่อวันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2451 ที่จังหวัดนครปฐม เริ่มเรียนศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง แต่เมื่อเหลือเวลาอีก 1 ปี ก่อนจะจบการศึกษา ชิตกลับลาออก เนื่องจากมองไม่เห็นอนาคตในอาชีพศิลปิน ต่อมาชิตได้ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ด้วยเหตุที่ชิตเป็นผู้มีความรู้ทางด้านศิลปะ จึงย้ายไปช่วยงานที่กรมทหารช่าง และสอบบรรจุเป็นนายสิบ แต่เนื่องจากเงินเดือนที่ได้ไม่พอใช้ในครอบครัว จึงลาออกมาเป็นช่างอิสระ รับจ้างเขียนลายรดน้ำ ปิดทองโต๊ะหมู่บูชา พ.ศ. 2473 ชิตทำงานเป็นช่างศิลป์ให้กับสำนักงานศิลปาคาร ในการออกแบบแกะบล็อกและตราเครื่องหมายต่างๆ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชิตรับงานผลิตตราขององค์การสงเคราะห์ประชากรสงคราม ทำให้มีทุนเพียงพอสำหรับการเปิดร้าน ช.ช่าง รับงานแกะสลักทุกชนิด โดยเมื่อว่างจากการรับงานที่ร้าน ชิตได้ทุ่มเทเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานแกะสลักในแบบฉบับของตนเอง ในปี 2493 ชิตและเพื่อนศิลปินร่วมกันก่อตั้งจิตรกรปฏิมากรสมาคม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งศิลปะอันเป็นวัฒนธรรมของชาติ และรวบรวมศิลปินให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ชิตได้รับการยกย่องในแวดวงศิลปะว่ามีความเป็นเลิศในด้านการแกะสลักไม้และงาช้าง และเป็นผู้ที่มีความสามารถในการนำเอารูปแบบของศิลปะไทยประเพณีมาผสมผสานเข้ากับรูปแบบและวิธีการของงานศิลปะสมัยใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากพระพุทธรูปแบบสุโขทัย ซึ่งมีสัดส่วนและท่าทางการแสดงออกที่มีความอ่อนช้อยงดงาม ชิตได้กล่าวถึงการสร้างสรรค์ผลงานของตนไว้ว่า “ผมทำตามอารมณ์... ต้องการให้เส้นที่ปรากฏออกมาในแบบไทยๆ แต่ form เป็นสากล”
ในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2494) ผลงาน “รำมะนา” ของชิตได้รับรางวัลเกียรตินิยมอับดับ 1 เหรียญทอง สาขาประติมากรรม ผลงานแกะสลักจากไม้มะฮอกกานี เป็นรูปผู้ชายกำลังนั่งเล่นกลองขึงหนังหน้าเดียวที่เรียกว่า รำมะนา มีการลดทอนรายละเอียดของกล้ามเนื้อ คงไว้ซึ่งรูปร่างที่มีลักษณะอ่อนช้อย โดยออกแบบใบหน้า ท่าทาง และเค้าโครงของงานประติมากรรม ให้แสดงเส้นสายของร่างกายที่ลื่นไหลเป็นวงโค้งล้อรับกันกับเครื่องดนตรี เผยให้เห็นถึงลีลาท่าทางของนักดนตรีที่กำลังรัวกลองเร้าอารมณ์อย่างสนุกสนาน ดูได้จากนิ้วมือ นิ้วเท้า และการโยกตัวตามจังหวะอย่างพลิ้วไหว ผลงานชิ้นนี้จึงมีความประณีตสูงและสื่อสารอารมณ์ถึงผู้ชมได้เป็นอย่างดี
จากการส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1 – 4 (พ.ศ. 2492 – 2496) ชิตได้รับรางวัลเกียรตินิยมอับดับ 1 เหรียญทอง 2 ครั้ง และรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน 2 ครั้ง จึงได้รับเกียรติยกย่องเป็นศิลปินชั้นเยี่ยม สาขาประติมากรรม ในปี 2496
ถึงแม้ว่าชิตจะเป็นศิลปินชั้นเยี่ยมแล้ว ก็ยังคงส่งผลงานเข้าร่วมแสดงอีกหลายครั้ง ในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 10 (พ.ศ. 2502) ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้กล่าวถึงผลงานของชิตไว้ว่า “…รูปสลักไม้ หญิงไทย ของ ชิต เหรียญประชา ซึ่งศิลปินผู้นี้ได้ตัดส่วนหยุมหยิมของทรงรูปนอกออกเสีย ก็เพื่อจะให้เกิดความเหมาะสมขึ้นในลักษณะพิเศษของศิลปตามแบบประเพณีของเรา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นศิลปินผู้มีฝีมือช่ำชองอยู่ตลอดมา…”
พ.ศ. 2530 ชิตได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาประติมากรรม จากมหาวิทยาลัยศิลปากร และได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ชิตถึงแก่กรรมด้วยโรคภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2537 สิริอายุ 86 ปี
#ชิตเหรียญประชา
#ศิลปกรรมสมัยรัชกาลที่๙
#ศิลปินแห่งนวสมัย #หอศิลป์แห่งชาติ
#หอศิลป์แห่งชาติถนนเจ้าฟ้า
ที่มา
1. หนังสือ “5 ทศวรรษ ศิลปกรรมแห่งชาติ 2492 – 2541” โดย หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
2. หนังสือ “ชิต เหรียญประชา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป (ประติมากรรม) พ.ศ. 2530” โดย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
3. หนังสือ “บทความ ข้อเขียน และงานศิลปกรรมของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี” โดย หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
วาระแห่งการสถาปนากรมศิลปากรเวียนมาบรรจบในพุทธศักราช ๒๕๖๖ นี้ กรมศิลปากรได้มีนโยบายจัดสร้างพระพุทธสิหิงค์ (จำลอง) เพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นสิริมงคลในโอกาสอันสำคัญยิ่งนี้ อีกทั้งได้จัดพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับพระพุทธรูปสำคัญ ๑๑๒ องค์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อเผยแพร่ความรู้ และรวบรวมภาพพระพุทธรูปสำคัญให้ผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญของกรมศิลปากร
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญเข้าร่วมฟังการเสวนาวิชาการ เนื่องในโอกาส ๑๑๒ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร วันพุธที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ ห้องดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. การเสวนาเรื่อง "สังคีตปริทัศน์" โดยวิทยากร ๓ ท่าน ได้แก่ นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต นายจรัญ พูลลาภ นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการพิเศษ และนายยุทธนา อัครเดชานัฎ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ดำเนินรายการโดยนายธำมรงค์ บุญราช นักวิชาการละครและดนตรีปฏิบัติการ
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมฟังการเสวนาได้โดย สแกน Qr Code
หรือสามารถติดตามรับชมผ่านทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
เลขวัตถุ
ชื่อวัตถุ
ขนาด (ซม.)
ชนิด
สมัยหรือฝีมือช่าง
ประวัติการได้มา
ภาพวัตถุจัดแสดง
45/2553
(13/2549)
ขวานหินขัด มีบ่า เนื้อสีแดงปนดำ
ย.7 ก.5.7
หิน
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว
ได้จากบ้านเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จ.นครนายก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2539
เลขทะเบียน : นพ.บ.475/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 66 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 162 (195-204) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : กัจจายนมูล--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.608/4 ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 195 (416-423) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : เตปิฎกถา--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม