ค้นหา


รายการที่พบทั้งหมด 39,660 รายการ

ชื่อเรื่อง                    90 ปี ยมราช โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรีผู้แต่ง                      รพ.เจ้าพระยายมราชประเภทวัสดุ/มีเดีย      หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN                -หมวดหมู่                  รัฐศาสตร์ การเมือง การปกครองเลขหมู่                     362.18 ก831สถานที่พิมพ์              สุพรรณบุรี สำนักพิมพ์                โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราชปีที่พิมพ์                   2559ลักษณะวัสดุ              220 หน้า : ภาพประกอบ ; 29 ซม.หัวเรื่อง                    โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช                              สุพรรณบุรี – ชีวประวัติ                              ประวัติ ภาษา                      ไทย บทคัดย่อ/บันทึก           หนังสือครบรอบ 90 ปี ของโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชที่มีประวัติความเป็นมายาวนานในการให้บริการ


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           13/7ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              36 หน้า : กว้าง 4.6 ซม. ยาว 54.8 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


เลขทะเบียน : นพ.บ.377/12ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 30 หน้า ; 5 x 54.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 142  (7-25) ผูก 12 (2566)หัวเรื่อง : เวสฺสนฺตรชาตก --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.514/6ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4 x 49 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 172  (248-253) ผูก 6 (2566)หัวเรื่อง : ฉลองสร้างหนทาง--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม




        ประติมากรรมปูนปั้นรูปครุฑ สมัยทวารวดี         ประติมากรรมปูนปั้นรูปครุฑ สมัยทวารวดี จัดแสดง ณ ห้องนิทรรศการชั่วคราว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ประติมากรรมปูนปั้นนูนสูงรูปครุฑ กว้าง ๑๗ เซนติเมตร สูง ๑๔ เซนติเมตร อยู่ในสภาพชำรุด มีเพียงส่วนศีรษะและลำตัวท่อนบน ส่วนลำตัวท่อนล่าง ปีก และแขนขาหักหายไป ด้านหลังแบนเรียบมีอิฐติดอยู่ เนื้ออิฐมีรูพรุนที่เกิดจากการผสมแกลบข้าว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอิฐในสมัยทวารวดี  ประติมากรรมมีลำตัวอวบอ้วน หน้าท้องใหญ่ ใบหน้ากลมแบน คิ้วเป็นสันนูนต่อกันเป็นปีกกา ตาโปนเหลือบต่ำ จมูกและปากแหลมยื่นยาวออกมาด้านหน้าคล้ายจะงอยปากนก ผมเรียบ สวมตุ้มหูที่มีลักษณะเป็นห่วงกลม มีส่วนบนเรียวเล็ก ส่วนล่างใหญ่และหนาซึ่งเป็นลักษณะตุ้มหูที่พบเป็นจำนวนมากตามเมืองโบราณสมัยทวารวดี โดยพบเป็นตุ้มหูหล่อด้วยโลหะ และยังปรากฏในประติมากรรมดินเผาและปูนปั้นรูปบุคคลในสมัยทวารวดีด้วย กำหนดอายุสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๖ หรือประมาณ ๑,๐๐๐ - ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว         สันนิษฐานว่าประติมากรรมชิ้นนี้เป็นส่วนประกอบสำหรับตกแต่งสถาปัตยกรรม เนื่องจากเป็นประติมากรรมนูนสูงมีด้านหลังแบนเรียบ และมีอิฐติดอยู่ สอดคล้องกับเทคนิคการก่อสร้างสถาปัตยกรรมของช่างพื้นเมืองสมัยทวารวดีที่มักสร้างสถาปัตยกรรมด้วยอิฐ และนำประติมากรรมปูนปั้นหรือดินเผาที่เป็นภาพนูนสูงตกมาแต่งพื้นผิวภายนอก โดยประติมากรรมชิ้นนี้อาจประกอบเป็นภาพเล่าเรื่องของสถาปัตยกรรม หรืออาจประดับในช่องสี่เหลี่ยมบริเวณส่วนฐานของสถาปัตยกรรม ตามคติผู้พิทักษ์และค้ำจุนศาสนา ในลักษณะเดียวกับประติมากรรมรูปคนแคระแบกที่มีศีรษะเป็นสัตว์ ซึ่งพบที่โบราณสถานเขาคลังใน เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็เป็นได้  นอกจากประติมากรรมชิ้นนี้ ยังพบประติมากรรมรูปครุฑสำหรับประดับสถาปัตยกรรมตามแหล่งโบราณคดีสมัยทวารวดีแห่งอื่น เช่น ประติมากรรมดินเผารูปครุฑจากเมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี และประติมากรรรมปูนปั้นรูปครุฑ พบที่เจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม เป็นต้น   เอกสารอ้างอิง ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมทางศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๖๒. วรพงศ์  อภินันทเวช. “ประติมากรรมคนแคระในวัฒนธรรมทวารวดี: รูปแบบและความหมาย”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๕.


          นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร โดยสำนักการสังคีต ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 4 กำหนดจัดโครงการสังคีตสัญจร “กิจกรรมโขนพบโนรา มรดกวัฒนธรรมบนวิถีสืบสานและสร้างสรรค์” ณ ศูนย์ประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง โดยมี ผศ.ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2564 เป็นผู้แสดงในบทบาทโนราพระอินทร์แปลง และนายปกรณ์ พรพิสุทธิ์ นาฏศิลปิน กรมศิลปากร ร่วมแสดงเป็นพระราม เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี           กรมศิลปากร โดยสำนักการสังคีต ได้ดำเนินโครงการจัดการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีสัญจรไปยังภูมิภาค ดุจเดียวกับ “ยกโรงละครแห่งชาติออกไปหาประชาชน” โดยการวิวัฒน์ปรับปรุงบทสำหรับการแสดงโขนให้รัดกุมขึ้น เพื่อดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็ว และมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้านฉาก แสง สี เสียง มาประกอบการแสดง เพื่อเพิ่มพูนอรรถรสให้งดงามตระการตา รวมทั้งขยายโอกาสในการแสดงออกสู่สายตาประชาชนมากขึ้น ซึ่งในการจัดกิจกรรมครั้งต่อไปจะเป็นการแสดงครั้งใหญ่ของสำนักการสังคีต ที่บ่งบอกถึงการขยายบทบาทและวิสัยทัศน์ของกรมศิลปากรที่ก้าวล้ำกว่าเดิม โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง และสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 4 นำ “โขน” และ “โนรา” ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage) ของมวลมนุษยชาติที่ได้รับการประกาศรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) มาต่อยอดเป็นสื่อวัฒนธรรมในการยึดโยงเชื่อมไทยให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้แนวคิด “โขนเชื่อมไทย” ความหลากหลายของวัฒนธรรมพื้นถิ่นบนแผ่นดินเดียวกัน            โครงการสังคีตสัญจร “กิจกรรมโขนพบโนรา มรดกวัฒนธรรมบนวิถีสืบสานและสร้างสรรค์” กำหนดจัดการแสดงระหว่างวันที่ 4 - 5 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง โดยวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด พระจักรีปราบกลียุค วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. การแสดงโขนพบโนรา เรื่อง  รามมกุฎอยุธยา ผู้สนใจเข้าชมติดตามกำหนดการสำรองที่นั่งได้ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง โทร. 0 7520 1712 หรือ facebook page: Prince of Songkla University, Trang Campus 



ชื่อเรื่อง: อธิบายเรื่องเครื่องมะโหรีปี่พาทย์  ผู้แต่ง: พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ ปีที่พิมพ์: พ.ศ. ๒๔๗๑สถานที่พิมพ์: พระนครสำนักพิมพ์: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากรจำนวนหน้า: ๔๘ หน้า เนื้อหา: "อธิบายเรื่องเครื่องมะโหรีปี่พาทย์" พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ โดยเจ้าจอมสมบุญรัชชกาลที่ ๕ พิมพ์ใน          การปลงศพสนองคุณ นายซุ้ย มันประเสริฐ ผู้บิดา ซึ่งได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทำฌาปนกิจที่สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๗๑ ราชบัณฑิตยสภาได้เลือกหนังสือเล่มนี้ ซึ่งกรมพระยาดำรงราชานุภาพฯ ได้แต่งไว้ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นหนังสือที่มีผู้ขออนุญาตเอาไปแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษแล้ว เนื้อหาว่าด้วยเครื่องมะโหรีปี่พาทย์ อาทิ เครื่องดีดสีตีเป่าตามตำราสังสกฤต เครื่องสังคีตไทยได้แบบจากอินเดีย ตำนานเครื่องมะโหรี ตำนานเครื่องปี่พาทย์ เครื่องมะโหรีชั้นกรุงรัตนโกสินทร์ เครื่องปี่พาทย์ชั้นกรุงรัตนโกสินทร ตำนานกลองแขก ตำนานแคนและขลุ่ยซอ บัญชีเครื่องมะโหรี และบัญชีเครื่องปี่พาทย์ เป็นต้น เลขทะเบียนหนังสือหายาก: ๔๔๖เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์: E-book ๒๕๖๖_๐๐๐๕หมายเหตุ: โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖




ชื่อเรื่อง                     ย้อนตำนาน “ขุนแผนแสนสะท้าน” รุ่นเสน่หา : เปิดตำนานขุนแผนผงอาถรรพ์พันธุ์เสือผู้แต่ง                       -ประเภทวัสดุ/มีเดีย        หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                   ศาสนาเลขหมู่                      294.31218 ย178ลักษณะวัสดุ               48 หน้า : ภาพประกอบ ; 21 ซม.หัวเรื่อง                     เครื่องรางของขลัง                              พระเครื่องภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก            หนังสือการทำพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร รุ่น “เสน่หาหน้าทอง”  


           ตามที่รัฐบาลได้จัดโครงการ Thailand Winter Festival ประกาศความพร้อมและแสดงศักยภาพการเป็นฮับแห่งเฟสติวัลโลก ตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งมรดกวัฒนธรรม ประกอบด้วย             กิจกรรมเปิดแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานในยามราตรี เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสความสวยงามของโบราณสถานในยามค่ำคืน ให้ได้เห็นภาพของโบราณสถานยามที่กระทบแสงไฟสาดส่อง ซึ่งเป็นภาพสวยงามที่สร้างความประทับใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยแหล่งโบราณสถานที่จะเปิดให้เข้าชมยามราตรี ได้แก่            วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดไชยวัฒนาราม ผ่าน แสง สี จากการประดับไฟโบราณสถาน ภายใต้ชื่องาน "ราตรีนี้...ที่วัดไชยวัฒนาราม" ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และเทศกาลสำคัญ ในเวลา ๑๘.๐๐ – ๒๒.๐๐ น. ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๖ ภายในงานยังมีการแสดงนาฏศิลป์และดนตรี การเสวนา การสาธิตหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยเปิดพื้นที่ให้หน่วยงาน องค์กร ภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมแสดงกิจกรรมทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการประกวดภาพถ่าย “แต่งไทย ชมวัดไชยฯ ยามราตรี” เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการแต่งชุดไทยเที่ยวชมโบราณสถานอีกด้วย              อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เปิดให้เข้าชมโบราณสถานเขตในกำแพงเมือง (วัดพระแก้ว - วัดพระธาตุ) ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๖๖ เปิดให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา ๑๘.๓๐ – ๒๐.๐๐ น. โดยมีวิทยากรบรรยายนำชมโบราณสถานทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ               อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมปราสาทพิมายยามค่ำคืน (Phimai Night : Light Up) ทุกวันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึง ๒๗ มกราคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. โดยเปิดให้เข้าชมถึงพื้นที่ชั้นในสุดของโบราณสถานในยามค่ำคืนเป็นครั้งแรก (ปราสาทพิมาย เมรุพรหมทัต ประตูชัยเมืองพิมาย) นอกจากนี้ ยังเปิดให้สักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาสนสถาน “พระกมรเตงชคตวิมาย” พระพุทธรูปนาคปรก และประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ มหาราช รวมถึงการเปิดพื้นที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม              อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามของโบราณสถานภายในอุทยานประวัติศาสตร์ยามค่ำ ตั้งแต่เวลา ๑๘.๓๐ – ๒๑.๐๐ น. ระหว่างเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ - มกราคม ๒๕๖๗ ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์              โบราณสถานเวียงกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมพิเศษ “แอ่วกุมกามยามแลง” ในวันที่ ๑ – ๒ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๖.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. ณ ลานกิจกรรมวัดอีก้าง - วัดหนานช้าง เยี่ยมชมโบราณสถานสำคัญของเวียงกุมกาม อดีตเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาสมัยพญาเม็งรายที่มีอายุเก่าแก่กว่า ๗๐๐ ปี ชมกาดกุมกาม @ Night เลือกซื้ออาหารและสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน และชมบูธกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมทั้งรับชมการแสดงจากสำนักการสังคีต ภายใต้แนวคิด “กิจกรรมโขนในเวียง” ด้วยการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด ทูษณ์ - ขร - ตรีเศียร – ยกรบ โดยมีการออกแบบ แสง สี เสียงประกอบการแสดงด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อให้เข้ากับฉากหลังที่เป็นโบราณสถานเวียงกุมกาม              กิจกรรมเปิดพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน : Night at the Museums เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในบรรยากาศที่แตกต่าง ตลอดจนได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมไทย โดยมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่             พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ร่วมสัมผัสความงดงามของโบราณสถานวังหน้า ที่ประทับของพระมหาอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในยามค่ำ พร้อมทั้งชมห้องจัดแสดงนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ (ยกเว้นวันจันทร์ - อังคาร) ระหว่างวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจัดแสดงเครื่องทอง สมัยอยุธยาที่สวยงามและมีจำนวนมากที่สุดของประเทศไทย ขยายเวลาการเปิดพิพิธภัณฑ์จนถึงเวลา ๑๘.๓๐ น. ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ ๓ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ เพื่อให้มีความต่อเนื่องสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมโบราณสถานในยามค่ำคืนที่วัดไชยวัฒนาราม              นอกจากนี้ กรมศิลปากร ได้จัดกิจกรรมพิเศษให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรมศิลปากร (Thailand Winter Festival) ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ สะสมบัตรเข้าชมที่มีตราประทับกิจกรรมไม่น้อยกว่า ๕ สถานที่ (เจ้าหน้าที่จะประทับตราในบัตรเข้าชม ณ จุดจำหน่ายบัตร) นำมารับของที่ระลึก ได้แก่ เหรียญพระพุทธสิหิงค์ รุ่นครบรอบ ๑๑๒ ปีกรมศิลปากร, สมุดภาพ (ไดอารี่) และภาพชุด (ปฏิทิน) มรดกเรืองรอง เครื่องทองอยุธยา จำนวนจำกัดเพียง ๑๐๐ ชุด ได้ที่อาคารกรมศิลปากร (เทเวศร์) ชั้น ๓ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป (วันและเวลาราชการ) จนกว่าของที่ระลึกจะหมด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊ก เพจ กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร


         หนังสือ : กระทรวงสุขสุดๆ = THE MINISTRY OF UTMOST HAPPINESS           ผู้เขียน :  รอย, อรุณธตี          เวลากายสิทธิ์ เมื่ออาทิตย์ลับฟ้า แต่แสงยังเจิดจ้ากองทัพค้างคาวแม่ไก่ผละจากไทรใหญ่ในสุสานเก่า ร่อนร่ายราวครัวไผไปทั่วเมือง... ขอต้อนรับสู่เวทีนาฏกรรมแห่งความโศกสุขที่คลุกเคล้าเคียงข้างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ณ เขตสุดขอบยิ่งกว่าชายขอบในโอลด์เดลี และพื้นที่ที่ชีวิตดำเนินต่อไป ความตายดำเนินต่อไป สงครามดำเนินต่อไปในหุบเขาแคชเมียร์ "อัญจุม" ฮิจราผู้โบยบินจากวิมานฝันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสุสานเก่าราวกับเป็นต้นไม้ "ตีโล" สถาปนิกที่มีแม่แท้ๆ บุญธรรม มีชายสามคนรุมรัก มีบาดแผลลึกเร้นกับโลกภายในแสนซับซ้อน สองชีวิตมาบรรจบกันเพราะเด็กหญิงคนหนึ่ง เกิดเป็นเรื่องเล่าของแสงและเงาซึ่งมีความหวังในความทุกข์ และมีความทุกข์ในความหวัง ผ่านการดิ้นรนของคนเล็กๆ มากมายบนแผ่นดินแห่งความหลากหลายนามว่าอินเดีย          "งานศิลปะที่ตราตรึงถึงแก่น...ลูกผสมระหว่างเรื่องเสียดสี รักหวาน ความระทึกขวัญ และประวัติศาสตร์ เล่าขานการต่อสู้อันเป็นสากลของคนกลุ่มเล็กๆ ผู้อยากเป็นอิสระ ข้อเขียนที่ร้อยรัดชวนให้เคลิบเคลิ้มตาม คล้ายมิใช่ถ้อยคำบนกระดาษ แต่เป็นหมึกบนผืนน้ำ ท่านจะครั่นคร้ามไปกับความคั่งแค้นและความเห็นใจอย่างล้ำลึก" -WASHINGTON POST            ห้องบริการ 1 หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ          เลขหมู่ : 891.43 ร191ก


Messenger