ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,259 รายการ
องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (วันยุทธหัตถี) และวันกองทัพไทย 18 มกราคม”
วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (วันยุทธหัตถี) และวันกองทัพไทย ตรงกับวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา จนได้รับชัยชนะ พระองค์เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญ จึงถือว่าวันนี้เป็นวัน “กองทัพไทย” อีกด้วย
สงครามยุทธหัตถีในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2135 ในครั้งนั้นพระเจ้านันทบุเรงได้ให้พระมหาอุปราชายกทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทราบข่าวจึงยกทัพหลวงไปตั้งรับที่หนองสาหร่าย ซึ่งระหว่างที่การรบกำลังดำเนินอยู่นั้น ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระเอกาทศรถ ก็ได้ไล่ล่าศัตรูไปจนออกนอกเขตแดน จนทำให้ทั้งสองพระองค์ตกไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ พระองค์ก็มีพระสติ ไม่หวั่นไหว และทรงแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ว่าทางที่จะรอดได้มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือเชิญพระมหาอุปราชาเสด็จมาทำยุทธหัตถี ในท้ายที่สุดพระองค์ก็สามารถกระทำยุทธหัตถีได้รับชัยชนะอย่างสมพระเกียรติ และนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกเลย ทำให้ในสมัยนั้นไทยได้ขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างขวางกว่าสมัยใดๆ
ซึ่งการทำยุทธหัตถีในครั้งนั้นถือว่าเป็นการทำยุทธหัตถีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย และยังเป็นการรบบนบกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกด้วย เมื่อเสร็จสงครามยุทธหัตถีแล้ว สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โปรดให้สร้างสถูปเป็นอนุสรณ์ไว้ที่ทุ่งหนองสาหร่าย ตำบลตระพังตรุ ตรงกับที่ทรงทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา เรียกกันว่า “เจดีย์ยุทธหัตถี”
ในการนี้กองทัพไทยจึงถือเอาวันที่พระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชา เป็น "วันกองทัพไทย" เรียกกันอีกอย่างว่า "วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" หรือ "วันยุทธหัตถี" เป็นวันรัฐพิธี แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ ทั้งนี้ แต่เดิมมีการระบุว่า วันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชานั้น ตรงกับวันที่ 25 มกราคม ต่อมามีการคำนวณวันใหม่ จึงกำหนดให้วันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็น "วันยุทธหัตถี" และเป็นวันรัฐพิธีแทนวันที่ 25 มกราคม โดยให้มีการวางพานพุ่มสักการะ แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการเช่นกัน
การที่มีการเปลี่ยนแปลงวันทั้งสองนั้น เนื่องจากเป็นการนับวันทางสุริยคติ ซึ่งคนปัจจุบันจะสามารถจำได้ง่ายมากกว่า และมีความเหมาะสมกว่า อีกทั้ง นายประเสริฐ ณ นคร ราชบัณฑิต ก็ได้คำนวณแล้ว พบว่าการนับวันทางจันทรคติของวันกระทำยุทธหัตถีเดิมที่ตรงกับวันจันทร์ เดือน 2 แรม 2 ค่ำ จุลศักราช 954 ที่กำหนดเป็นวันที่ 25 มกราคม นั้น คลาดเคลื่อน จึงได้มีการเปลี่ยนใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง คือ เป็นวันที่ 18 มกราคม ดังกล่าว ดังนั้น วันที่ 18 มกราคม จึงถือเป็น "วันยุทธหัตถี" หรือ "วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"
รัฐบาลได้ตระหนักถึงพระวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีต่อประเทศชาติ เพื่อเทิดทูนพระเกียรติยศให้ปรากฎ จึงได้ประกาศให้ถือวันที่ 25 มกราคมของทุกปีเป็นวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และวันกองทัพไทย ได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโดยครอบองค์สถูปมูลดินนั้นไว้ ที่สุพรรณบุรี เมื่อการก่อสร้างสำเร็จแล้ว คณะรัฐมนตรีโดยจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานเป็นงานรัฐพิธี ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2502
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้วันที่ 25 เมษายนของทุกปี เป็น "วันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” และเป็นวันรัฐพิธี แทนวันจันทร์ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 อันเป็นการนับทางจันทรคติ แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ และได้กำหนดใหม่ ให้วันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็น "วันยุทธหัตถี” และเป็นวันรัฐพิธีแทนวันที่ 25 มกราคมของทุกปี
อ้างอิง : ประชิด สกุณะพัฒน์, อุดม เชยกีวงศ์. วันสำคัญ. กรุงเทพฯ : ภูมิปัญญา, 2549. บุญเติม แสงดิษฐ์. วันสำคัญ. กรุงเทพฯ : พัชรการพิมพ์. 2541.
ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้
นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 141/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 176/2เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนธาตุผลิน) ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2514ชื่อผู้แต่ง : พระพณิชยสารวิเทศ ปีที่พิมพ์ : 2514 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : ไทยการพิมพ์ จำนวนหน้า : 140 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณพระพณิชยสารวิเทศ ในโอกาสนี้เจ้าภาพขอกราบทูล ขอบพระทัย พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลาภพฤฒิยากร ทรงประทานพระนิพนธ์ เรื่องเที่ยวอินเดีย หม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย ดิสกุล เรื่องพิธีของทุกคน และขอขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับหนังสือเรื่องคู่มือปฏิบัติพิธีต่างๆ ซึ่งจัดพิมพ์ครั้งแรกโดยสภาวัฒนธรรม
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 12/4ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 44 หน้า : กว้าง 4.6 ซม. ยาว 54.8 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
เลขทะเบียน : นพ.บ.373/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 22 หน้า ; 4.5 x 50 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ไผ่ชื่อชุด : มัดที่ 141 (1-6) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : อธิษฐานธรรม --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.506/1กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 44 หน้า ; 4 x 52 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 170 (233-242) ผูก 1ก (2566)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อเรื่อง สํยุตฺตนิกายกถา (สํยุตฺตนิกาย)ลบ.บ. 35/8หมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 60 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 56.5 ซม.หัวเรื่อง พระไตรปิฎก
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องรัก ไม้ประกับธรรมดา
แบบศิลปะ / สมัย ศิลปะล้านนา สกุลช่างฝาง ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒
วัสดุ (ชนิด) สำริด
ขนาด ฐานกว้าง ๔๖ เซนติเมตร สูง ๖๗.๕ เซนติเมตร
ประวัติความเป็นมา พระครูพิพัฒน์ สุตะกิจ วัดสันทรายมูล อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ มอบให้
ความสำคัญ ลักษณะและสภาพของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งบนฐานหน้ากระดานซ้อนด้านบนด้วยฐานบัวคว่ำ บัวหงาย มีเกสรบัวยาว ปลายเกสรบัวทำเป็นต่อมกลม ระหว่างบัวคว่ำกับบัวหงายทำคอดเข้าไปมากและไม่มีท้องไม้คั่น ส่วนบัวคว่ำทำส่วนปลายกลีบบัวงอนขึ้นคล้ายกับฐานบัวงอนในศิลปะล้านช้าง พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบ แสดงปางมารวิชัยโดยวางพระหัตถ์ขวาที่กึ่งกลางพระชานุ ครองจีวรเรียบ มีขอบจีวรคาดที่ใต้พระชานุซ้าย ส่วนขอบสบงปรากฏที่ข้อพระบาท พาดสังฆาฏิแผ่นใหญ่ ชายสังฆาฏิยาวลงมาจนถึงพระนาภี พระวรกายเพรียวบาง พระศอเป็นปล้อง ส่วนพระพักตร์ทรงผลมะตูม พระหนุเป็นต่อมกลมนูน
สัดส่วนพระพักตร์เมื่อเทียบกับองค์ประกอบของพระพักตร์ เช่น พระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ สัดส่วนพระพักตร์จะเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีไรพระศก ขมวดพระเกศาขนาดเล็กเรียวแหลม อุษณีษะนูนสูงรับกับพระรัศมีทรงเปลว หรือบางครั้งพบว่ามีการทำพระรัศมีเป็นรูปหยดน้ำ ลักษณะของพระพุทธรูปสกุลช่างฝาง อาจจะให้อิทธิพลแก่ศิลปะล้านช้าง
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ผู้เป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” เพราะทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาล่วงหน้าก่อน 2 ปี ที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ได้อย่างแม่นยำ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระสำราญมากที่การคำนวณการเกิดสุริยุปราคาของพระองค์ ได้พิสูจน์ แล้วว่าถูกต้องที่สุดยิ่งกว่าที่ชาวยุโรปได้คำนวณไว้ ผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ของพระองค์เปรียบเสมือนเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” ได้มีการจัดงาน “หว้ากอรำลึก” เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2518 เพื่อรำลึกถึงพระองค์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นความสำคัญ จึงได้มีมติเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2525 กำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม ของทุกปีเป็น “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” และได้จัดงาน วันวิทยาศาตร์แห่งชาติเป็นครั้งแรกในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2525
ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 18-24 สิงหาคม โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการต่าง ๆ จนได้รับความสนใจทั้งจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีได้เล็งเห็นความสำคัญ
ดังนั้น เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2528 คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติให้กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดำเนินการจัดงาน "สัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ" เป็นประจำทุกปี ระหว่างวันที่ 18-24 สิงหาคม
การก่อตั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2524 คณะสำรวจจากสมาคมวิทยาศาสตร์ฯ ด้วยความร่วมมือกับกรมศิลปากร กรมแผนที่ทหาร และคณะกรรมการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้สำรวจบริเวณในการสร้างอนุสรณ์สถาน ทีบ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์
สำหรับอนุสรณ์สถาน ที่บ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั้น ในเวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหา ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออุทยานนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" และได้รับพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อประทับนั่งบนพระเก้าอี้ ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ชุดเดียว กับวันที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาบ้านหว้ากอ เพื่อเป็นการระลึกถึง "วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ"