ค้นหา


รายการที่พบทั้งหมด 33,434 รายการ

ชื่อเรื่อง : อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ (2550) ผู้แต่ง : กรมศิลปากร  ปีที่พิมพ์ : 2550 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : รุ่งศิลป์การพิมพ์





          โบราณสถานศาลตาผาแดงตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองสุโขทัยติดกับตระพังตระกวน วัดสระศรี ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และใกล้กับประตูเมืองด้านเหนือ ปรากฏหลักฐานในแผนที่สมัย รัชกาลที่ ๕ เรียกว่า ศาลเทพารักษ์ใหญ่ หรือศาลตาผ้าแดง           ลักษณะโบราณสถานเป็นแบบปราสาทขอม หลังเดี่ยว ก่อด้วยศิลาแลงทั้งองค์ ส่วนล่างเป็นฐานบัวลูกฟัก ส่วนเรือนธาตุมีห้องยาว ยื่นออกไปจากตัวปราสาททางด้านตะวันออกและตะวันตก โดยห้องด้านตะวันออกมีความยาวกว่าด้านตรงข้าม ส่วนยอดปราสาทพังทลาย           เมื่อกรมศิลปากรดำเนินการขุดแต่งและบูรณะศาลตาผาแดง ได้พบชิ้นส่วนประติมากรรมรูปเคารพสลักจากศิลาลอยตัว จำนวน ๔ องค์ มีทั้งรูปบุรุษและสตรี สันนิษฐานว่าเป็นรูปเคารพเนื่องในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู อาทิ พระศิวะ นางอัปสร และทวารบาล ประดับด้วยเครื่องทรงตกแต่งอย่างงดงาม เมื่อได้ศึกษาเปรียบเทียบแล้วอาจเทียบได้กับศิลปะแบบเขมรสมัยบายนตอนต้น ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง สุโขทัย           โบราณสถานแห่งนี้เป็นหลักฐานยืนยันถึง การมีชุมชนที่มีวัฒนธรรมเขมรนับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดูปะปนในแถบนี้แล้ว เมื่อประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ --------------------------------------------ที่มาของข้อมูล: อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย


ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฉบับพิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ 1 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์อักษรศรีสมิต ปีที่พิมพ์ : 2473 หมายเหตุ : พระเจ้าบรมวงศเธอ กรมหลวงสมรรัตนศิริเชษฐ์ โปรดให้พิมพ์เมื่อปีมะเมีย พ.ศ. 2473                    ทรงพระราชวินิจฉัยเรื่องกฤษณาสอนน้อง พระนิพนธ์สมเด็จฯ กรมพระปรมานุชิตชิโนรสว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เข้ามาทางสายภาษาบาลี แต่มาจากหนังสือมหาภารตะ เหมือนเรื่องรามเกียรติ์ที่มาจากสายพราหมณ์เช่นเดียวกัน


พบจากการขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง            ประติมากรรมดินเผาขนาดเล็ก รูปบุรุษนั่งประนมมือ ขัดสมาธิราบ สวมศิราภรณ์หรือเครื่องประดับศีรษะทรงสูงยอดแหลม มีกรอบหน้านาง ด้านข้างประดับลายกระจัง พระพักตร์ของประติมากรรมค่อนข้างกลม พระขนงต่อกันเป็นปีกกา พระนาสิกใหญ่และโด่งเป็นสัน พระโอษฐ์หนา พระกรรณยาว สวมตุ้มหูทรงกลมขนาดใหญ่ ไม่แสดงรายละเอียดของเครื่องแต่งกาย อันแสดงถึงอิทธิพลศิลปะอินเดียแบบคุปตะ คือนิยมนุ่งห่มด้วยผ้าเนื้อบางแนบติดกับลำตัว ไม่นิยมแสดงริ้วหรือร่องรอยของเนื้อผ้า ที่พระพาหาประดับด้วยพาหุรัดหรือกำไลแขน ลายเป็นรูปใบไม้สามเหลี่ยม นุ่งผ้ายาวครึ่งแข้ง จากรูปแบบศิลปกรรม กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๔ (ประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว)            แต่เดิมมีการตีความว่าประติมากรรมดินเผานี้เป็นรูปพระโพธิสัตว์ เทวดา บุคคลชั้นสูงหรือกษัตริย์ ต่อมามีการตีความใหม่เมื่อมีผู้อ่านและแปลความหมายของจารึกที่ใต้ฐานของประติมากรรมดังกล่าว ซึ่งเป็นอักษรหลังปัลลวะ ภาษาสันสกฤต กำหนดอายุตรงกับรูปแบบศิลปกรรม คือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๔ จารึกบรรทัดบนอ่านว่า “ศุทฺโธ” บรรทัดที่ ๒ ซึ่งค่อนข้างสมบูรณ์กว่า อ่านว่า “ศุทฺโธทน” จึงเชื่อได้ว่าประติมากรรมรูปบุคคล ดังกล่าว หมายถึง “พระเจ้าสุทโธทนะ” หรือพระพุทธบิดา              พระเจ้าสุโธทนะทรงเป็นพระพุทธบิดา เดิมนั้นทรงมุ่งหวังให้เจ้าชายสิทธัตถะ สืบราชบัลลังก์เป็นกษัตริย์แห่งศากยวงศ์ต่อจากพระองค์ ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช และตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จโปรดพระบิดา พระเจ้าสุทโธนะได้มีโอกาสสดับพระธรรมเทศนา ทรงเกิดความเลื่อมใสและบรรลุโสดาบัน เป็นอุบาสก ต่อมาในพรรษาที่ ๕ ของพระพุทธเจ้า พระเจ้าสุทโธทนะประชวรหนัก พระพุทธองค์ได้เสด็จจากกุฎาคาร ป่ามหาวัน เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี มายังเมืองกบิลพัสดุ์ ทรงแสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดา เป็นเวลา ๗ วัน ในวันสุดท้าย พระเจ้าสุทโธทนะได้บรรลุพระอรหัตผลและพระนิพพาน            ประติมากรรมรูปพระเจ้าสุทโธทนะ ทำมาแล้วตั้งแต่ศิลปะอินเดียสมัยโบราณ เช่น ภาพสลักพุทธประวัติหลายตอนบนซุ้มประตูทางเข้าสถูปสาญจี ประติมากรรมดินเผารูปพระเจ้าสุทโธทนะกำลังทำอัญชลีมุทรานี้ น่าจะหมายถึงทรงกำลังฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์ ประติมากรรมชิ้นนี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพบจากการขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง และมีจารึกที่สามารถระบุได้ว่าหมายถึง “พระเจ้าสุทโธทนะ” พระพุทธบิดา อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงการแต่งกายของบุคคลชั้นสูงในวัฒนธรรมทวารวดีอีกด้วย   เอกสารอ้างอิง กรมศิลปากร. รายงานการสำรวจและขุดแต่งโบราณวัตถุสถาน เมืองเก่าอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี. พระนคร : ศิวพร, ๒๕๐๙. กรมศิลปากร. โบราณคดีเมืองอู่ทอง. สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๒ สุพรรณบุรี กรมศิลปากร จัดพิมพ์, ๒๕๔๕. กรมศิลปากร. ศิลปะทวารวดี ต้นกำเนิดพุทธศิลป์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด, ๒๕๕๒. ปีเตอร์ สกิลลิ่ง และศานติ ภักดีคำ. “จารึกพระสาวกและจารึกพระเจ้าศุทโธทนะ พบใหม่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี”, เอกสารประกอบการประชุมสัมมนา เรื่อง ความก้าวหน้าในการศึกษาโบราณคดีและเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี, กรมศิลปากร, วันที่ ๒๔ – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ณ โรงแรมสองพันบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี. และใน Fragile Palm Leaves (December 2545/2002) : 11-14.


ชื่อเรื่อง                           ปฐมสมโพธิ (ปฐมสมโพธิเผด็จ)สพ.บ.                             141/30ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           34 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 57 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           พระพุทธเจ้า                                           วรรณกรรมพุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด  ได้รับบริจาคมาจากวัดป่าเลไลยก์ ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี


ชื่อเรื่อง                                ปฐมสมโพธิ (ปฐมสมฺโพธิเผด็จ)สพ.บ.                                  139/6ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           44 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 56 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 ธรรมะ บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดศรีบัวบาน ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี



องค์ความรู้ เรื่อง "เสน่ห์งานปูนปั้น ศิลปะทวารวดีเมืองนครปฐม"จัดทำข้อมูลโดย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์


ตำราปลูกเสาเรือน ชบ.ส. ๑๐๗ เจ้าอาวาสวัดเขาคันธมาทน์ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มอบให้หอสมุด ๒๓ ก.ค. ๒๕๓๕ เอกสารโบราณ (สมุดไทย)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.32/1-5 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)



" ๔๘ ปี แห่ง ความทรงจำ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่" ๐ เนื่องในวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ที่จะถึงนี้ เป็นวาระครบรอบ ๔๘ ปี การเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ อย่างเป็นทางการ ๐ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ จึงขอนำเสนอ เรื่องราวความทรงจำ พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลา ๔๘ ปีที่ผ่านมาของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ โดยจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๓ ตอน ค่ะ '''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''' (ตอนที่ ๒)  : ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง . นับตั้งแต่ก่อตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ นั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ได้มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น ๓ ช่วงหลักๆ ดังนี้ +++ พุทธศักราช ๒๕๑๖ – ๒๕๓๙  +++ . ในระยะแรก กรมศิลปากรได้รับความร่วมมือจากสถาบันต่าง ๆ มอบของให้ ได้แก่ พุทธสถานจังหวัดเชียงใหม่ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ วัดต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ และบริเวณใกล้เคียงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่กรมศิลปากรทำการสำรวจ กอบกู้ และขนย้ายมาจากวัดร้างต่างๆ, พื้นที่บริเวณที่จะก่อสร้างเขื่อนภูมิพล และจากประชาชนทั่วไป  . นอกจากนี้ ยังมีโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ของภาคเหนือ และตัวอย่างศิลปกรรมสมัยต่าง ๆ ที่พบในประเทศไทย ซึ่งเดิมเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ภายในกำกับดูแลของกองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นำมาร่วมจัดแสดงด้วย ต่อมา เมื่อมีการสำรวจและขุดค้นแหล่งโบราณคดี การขุดแต่งและบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถาน ในพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคเหนือตอนบนเพิ่มมากขึ้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่ได้จากการดำเนินงานดังกล่าว ส่วนหนึ่งได้รับการอนุรักษ์ จัดเก็บ และจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ +++ พุทธศักราช ๒๕๔๒ – ๒๕๕๖ +++ . ช่วงพุทธศักราช ๒๕๔๒ – ๒๕๕๖ การจัดแสดงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ได้รับการซ่อมแซม ปรับปรุง และเพิ่มเติมเนื้อหาสาระวิชาการให้หลากหลายสาขายิ่งขึ้น ในลักษณะของพิพิธภัณฑสถานประจำเมือง จังหวัด และ ภูมิภาค โดยเน้นความสำคัญของอาณาจักรล้านนาและนครเชียงใหม่ รวมทั้งความเป็นเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของวัฒนธรรมภาคเหนือ โดยแบ่งการจัดแสดงออกเป็น ๖ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ แสดงเรื่องราวทางธรณีวิทยาและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ภาคเหนือ รวมไปถึงเรื่องราวของชนเผ่าลัวะและหริภุญไชย  ส่วนที่ ๒ แสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์อาณาจักรล้านนา ส่วนที่ ๓ แสดงเรื่องราวของนครเชียงใหม่ใต้ร่มอาณาจักรสยาม ตั้งแต่การกอบกู้เอกราชจากพม่า การตั้งเมืองเชียงใหม่ และความสัมพันธ์กับอาณาจักรสยาม ส่วนที่ ๔ แสดงเรื่องการค้า และเศรษฐกิจของล้านนา ส่วนที่ ๕ แสดงเรื่องราวการดำรงชีวิตและพัฒนาการทางสังคม  ส่วนที่ ๖ แสดงถึงวิวัฒนาการของศิลปกรรมล้านนา และศิลปกรรมในประเทศไทย . นอกจากแผนที่ แผนผัง แผนภูมิ ภาพถ่าย ป้ายคำบรรยายและป้ายคำอธิบายวัตถุที่ใช้เป็นสื่อจัดแสดงระหว่างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่และผู้เข้าชมแล้ว การปรับปรุงนิทรรศการถาวรครั้งนี้ ยังได้เพิ่มเติมและเทคนิคและสื่อการจัดแสดงหลากหลายยิ่งขึ้น เช่น การจำลองหลุดขุดค้นทางโบราณคดี ภาพเขียนเล่าเรื่อง ภาพเขียนประกอบหุ่นจำลองบุคคลและเหตุการณ์สำคัญพร้อมเสียงบรรยายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การใช้ตู้จัดแสดงภาพโปร่งแสงขนาดใหญ่ การแสดงเรื่องราวและข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับนิทรรศการผ่านระบบคอมพิวเตอร์แบบสัมผัสหน้าจอ +++ พุทธศักราช ๒๕๕๖ - ปัจจุบัน +++  . ช่วงพุทธศักราช ๒๕๕๖ – ๒๕๕๙ มีการปรับปรุงนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ทั้งหมดอีกครั้ง โดยเพิ่มเติมรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์ความรู้ด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปกรรมของล้านนาเพื่อให้สอดคล้องเท่าทันความก้าวหน้าทางวิชาการปัจจุบัน การจัดแสดงเดิมที่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยาและชาติพันธุ์วิทยา ถูกลดระดับความสำคัญลงไป เพื่อพัฒนาให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เป็นแหล่งเรียนรู้ศูนย์กลางการศึกษา อนุรักษ์ และให้บริการข้อมูลมรดกศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือตอนบนอย่างชัดเจน . การปรับปรุงนิทรรศการครั้งใหม่นี้ เน้นความงามของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุโดยให้ความสำคัญกับการออกแบบครุภัณฑ์ เช่น ตู้ ชั้น แท่นฐาน และแผงจัดแสดง การใช้สี การจัดวาง และการจัดแสง และเพิ่มการให้บริการข้อมูลนำชมพิพิธภัณฑสถานและข้อมูลรายละเอียดของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่จัดแสดงด้วยสื่อมัลติมีเดีย และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทันสมัย เช่น ระบบ QR/AR CODE ระบบไดโอรามาจำลองภาพสามมิติ พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง (Virtual Museum) . นอกจากนี้ มีการก่อสร้างอาคารคลังพิพิธภัณฑ์ อาคารสำนักงานพิพิธภัณฑ์และส่วนบริการธุรกิจศิลป์เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการจัดเก็บรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และสิ่งทำเทียมที่มีแนวโน้มเพิ่มปริมาณขึ้นในอนาคต  ''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''