ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,347 รายการ
ชื่อเรื่อง รายการพระราชกุศล ในการสถาปนา วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ภาคที่ 13ผู้แต่ง -ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ศาสนาเลขหมู่ 294.3135 ร451สถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์บำรุง นุกูลกิจปีที่พิมพ์ รัตนโกสินทร ศก 125 (2449)ลักษณะวัสดุ 80 หน้า หัวเรื่อง เบญจมบพิตรดุสิตวนารามภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกกล่าวถึงการไหว้พระพุทธชินราช การถวายผ้าจำพรรษา การบำเพ็ญกุศลฉลองพระเดชพระคุณในงานวันสงกรานต์
ชื่อเรื่อง มหานิปาตวณฺณนา (เวสฺสนฺตรชาตก) ชาตกกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (หิมพานต์-ฉกษัตริย์)
สพ.บ. 417/8ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 36 หน้า กว้าง 4.4 ซ.ม. ยาว 56.4 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทย-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ลองชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง ปญฺญาปารมี (ปัญญาปารมี)
สพ.บ. 416/1ฆประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 34 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับชาดทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.175/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 30 หน้า ; 5 x 56 ซ.ม. : ล่องชาด-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับ, มีฉลากไม้ไผ่ชื่อชุด : มัดที่ 98 (49-66) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : มิลินฺทปญฺหา(พระยามิลินทะ)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.230/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4 x 54.5 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 112 (170-179) ผูก 7 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา(ธรรมบท) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.362/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 60 หน้า ; 5 x 55 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 140 (420-433) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : เจตนาเภท--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เกาะยอ
เป็นเกาะที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบสงขลา ห่างจากอำเภอเมืองสงขลาประมาณ ๑๕ กิโลเมตร มีความโดดเด่นทั้งความงามทางธรรมชาติ สถาปัตยกรรม วิถีชีวิตของผู้คนที่สงบและเรียบง่าย หัตถกรรมอันเลื่องชื่อเช่นผ้าเกาะยอ ความอุดมสมบูรณ์ทางอาหาร เช่น ผลไม้ อาหารทะเล ฯลฯ สมกับคำขวัญประจำเกาะที่ว่า “สมเด็จเจ้าเป็นศรี ผ้าทอดีล้ำค่า นานาผลไม้หวาน ถิ่นอาหารทะเล เสน่ห์สะพานติณฯ สถาบันทักษิณลือนาม งดงามเรือนไทย” สำหรับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเกาะยอนั้นปรากฏหลักฐานชัดเจนในสมัยอยุธยาราวพุทธศตวรรษที่ ๒๒ เป็นต้นมา โดยปรากฏภาพเกาะยอในแผนที่เมืองนครศรีธรรมราช จ.ศ.๙๗๗ (ราวพ.ศ.๒๑๕๘) และแผนที่เมืองสงขลาของมองซิเยอร์ เดอร์ ลามาร์ (Monsieur de la Mare) วิศวกรชาวฝรั่งเศสราว พ.ศ.๒๒๓๐
........................................................................................................................................
เส้นทางถีบจักรยานรอบเกาะยอ
สำหรับเส้นทางในวันนี้ ทางกลุ่มโบราณคดีขอนำเสนอ เส้นทางโบราณสถานวัดแหลมพ้อ - วัดโคกเปี้ยว - จุดชมวิวเกาะยอ - ศาลเจ้าไท้ก๋ง - โบราณสถานวัดท้ายยอ - วัดเขาบ่อ และขอแถมสถาบันทักษิณคดีศึกษา - เจดีย์บนเขากุฏิ (หากใจท่านนั้นยังไหว) ส่วนรายละเอียดแต่ละสถานที่นั้นจะบรรยายในแต่ละภาพค่ะ
เกาะยอเป็นเกาะที่เป็นมิตรกับนักปั่นจักรยาน เนื่องจากเป็นเกาะขนาดเล็กที่มีความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน มีรถขนาดใหญ่ขับขี่ไม่มาก สุนัขในเกาะยอก็ค่อนข้างเป็นมิตรและถนนลาดยางตลอดสาย การปั่นจักรยานเกาะยอจึงมีความปลอดภัยมาก นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่สวยๆ ของกินอร่อยๆให้นักถีบได้นั่งพักให้หายเหนื่อยกันอีกด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คือ การถ่ายฟ้าและวิวของเกาะยอที่ไม่เคยเหมือนกันในแต่ละวัน ถือเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ออกมาให้เราได้ชม แต่มีข้อควรระวังสักนิดหากเพื่อนๆปั่นจักรยานเพลินจนมืดค่ำ ควรจะติดไฟหน้าและท้ายรถจักรยานเพื่อความปลอดภัยในการปั่นนะคะ
วันนี้ (วันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕) เวลา ๑๓.๓๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรม ศิลปากร เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผลการแข่งขันสร้างสรรค์เกมมรดกวัฒนธรรม FIT Game Jam 2022 (Fine Arts Game Jam) ณ ห้องประชุม ชั้น ๕ กรมศิลปากร อาคารเทเวศร์ จากการที่กรมศิลปากร ได้รับรางวัลที่ ๕ ในการแข่งขันระดับโลก The Cultural Heritage Game Jam จากงาน Global Game Jam® (GGJ) ที่จัดขึ้น ณ สหรัฐอเมริกา กรมศิลปากร จึงร่วมกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา จัดการแข่งขันสร้างสรรค์เกมมรดกวัฒนธรรม FIT Game Jam 2022 (Fine Arts Game Jam) จากโจทย์ของกรมศิลปากร ภายใน ๔๘ ชั่วโมง เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้สร้างสรรค์ ผลงานด้านสื่อเกม จากฐานความรู้ด้านมรดกวัฒนธรรมของชาติ มีผู้สมัครร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น ๙๑ คน โดยแบ่งเป็นทีม รวม ๑๖ ทีม แข่งขันระหว่างวันที่ ๒ - ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิร่วมตัดสินผลการแข่งขันในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมโล่รางวัล ได้แก่ ทีม Siam Majestic รองชนะเลิศอันดับที่ ๑ เงินรางวัล ๑๒,๐๐๐ บาท พร้อมโล่รางวัล ได้แก่ ทีม Borrow time Tactic รองชนะเลิศอันดับที่ ๒ เงินรางวัล ๘,๐๐๐ บาท พร้อมโล่รางวัล ได้แก่ ทีม VR รางวัลขวัญใจ Gamer เงินรางวัล ๒,๐๐๐ บาท ได้แก่ ทีม Garuda Office รางวัล The Gamer Must go on มี ๒ รางวัล ๆ ละ ๒,๐๐๐ ได้แก่ ทีม Golden River Valley และทีม Sangkhalokและทุกทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันได้รับประกาศนียบัตร จากกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมด้วย การแข่งขันสร้างสรรค์เกมมรดกวัฒนธรรมในครั้งนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ อีกก้าวที่สำคัญ ของการนำ Soft Power ด้านวัฒนธรรม มาใช้เพื่อสร้างสรรค์ ตามวิสัยทัศน์ใหม่ของกระทรวงวัฒนธรรม คือ “วัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทนำในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย” โดยมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา และภาคเอกชน สืบสาน รักษาและต่อยอดงานศิลปวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสู่เยาวชนรุ่นต่อไป
-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : สร้างทางเพื่อเดินรถโดยสาร --
ในสมัยก่อน ตามหัวเมืองต่างๆ เราจะพบว่า ความเจริญทั้งทางการปกครองและทางเศรษฐกิจ ย่อมจะต้องไปรวมศูนย์กันอยู่ที่เขตตัวเมืองอันเป็นศูนย์กลางของเมืองหรือจังหวัด ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ชนบทห่างไกล หากมีธุระต้องติดต่อราชการหรือจับจ่ายใช้สอยซื้อขายสินค้า ก็จำเป็นที่จะต้องเดินทางเข้ามาในตัวเมือง ซึ่งแน่นอนว่าการเดินทางเข้าเมืองในสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หลายคนต้องเดินเท้าออกจากบ้านมาเป็นวันๆ บางครั้งต้องบุกป่าฝ่าดง ข้ามแม่น้ำลำธารหลายสายถึงจะเข้าเมืองได้ ด้วยเหตุที่ว่าไม่มีถนนที่ได้มาตรฐานที่จะช่วยให้การเดินทางสะดวกรวดเร็ว รวมถึงไม่มีรถโดยสารที่จะช่วยทุ่นเวลาและแรงกายในการเดินทางได้
จากเหตุผลดังกล่าวนี้ ในหลายพื้นที่จึงพบว่ามีเอกชนหลายรายที่ให้ความสนใจในการเปิดเส้นทางเดินรถเพื่อรับส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าไปมาระหว่างตัวเมืองกับตำบลต่างๆ ที่อยู่ห่างไกล ซึ่งบางครั้งการที่จะได้มาซึ่งสัมปทานหรือสิทธิ์ในการเดินรถนั้น ผู้ประกอบการก็จำเป็นที่จะต้องสร้างถนนขึ้นเองด้วย ดังตัวอย่างในเอกสารจดหมายเหตุที่กล่าวถึงต่อไปนี้
ข้อมูลจากเอกสารจดหมายเหตุชุด เอกสารส่วนพระองค์ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เรื่อง สร้างทางเดินรถรับส่งคนโดยสาร จังหวัดลพบุรี สุพรรณบุรี จันทบุรี และอุตรดิตถ์ ระบุว่า เมื่อปี พ.ศ. 2471 หม่อมเจ้าดำรัสดำรงค์ เทวกุล เลขานุการเสนาบดีสภา ได้มีหนังสือกราบทูลพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ อภิรัฐมนตรีว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถวายสำเนาหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เอกชนสร้างทางถือสิทธิเดินรถรับจ้างบรรทุกสินค้าและส่งคนโดยสารในจังหวัดต่างๆ รวม 5 สาย ใน 4 จังหวัด หนึ่งในนั้นคือจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีขุนอำไพพานิช เป็นผู้ขอรับสัมปทานการเดินรถโดยสารระยะเวลา 15 ปี (ต่อมาได้รับการเสนอให้ขยายเวลาเป็น 20 ปี) โดยรับผิดชอบในการสร้างทางถมหินลูกรังจากสถานีรถไฟท่าเสา อำเภอบางโพ (อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ในปัจจุบัน) ผ่านตำบลต่างๆ ตามแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตกไปจนถึงตำบลหาดงิ้ว เขตรอยต่อกับอำเภอท่าปลา
ในหนังสือพระราชทานพระบรมราชานุญาตสร้างทางและเดินรถฯ ได้ระบุถึงหน้าที่ของผู้รับอนุญาตในการสร้างบำรุงรักษาทางและเดินรถ และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในการสร้างทางตามมาตรฐานของกรมทาง เช่น เส้นรัศมีของทางเลี้ยวจะต้องยาวไม่ต่ำกว่า 100 เมตร ความลาดชันของทางต้องไม่เกินร้อยละ 5 การถมหินบนหลังทางจะต้องถมหนาอย่างน้อย 15 เซนติเมตรก่อนที่จะบดทับให้แน่น เป็นต้น รวมทั้งหากทางที่ก่อสร้างจำเป็นต้องข้ามลำน้ำหรือทางน้ำต่างๆ ผู้รับอนุญาตก็จะต้องก่อสร้างเอง โดยกรมทางจะเป็นผู้วางแบบและวิธีการก่อสร้างให้
โดยสรุปก็คือ การอนุญาตให้เอกชนสร้างทางพร้อมกับให้สิทธิ์ในการบริการรถโดยสารและขนส่งสินค้านี้ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะนอกจากเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของทางการในการช่วยให้ชาวบ้านได้มีเส้นทางในการเดินทางสัญจรที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นแล้ว แล้วยังเป็นการขยายระบบขนส่งสาธารณะไปยังพื้นที่ห่างไกล และเป็นตัวช่วยกระจายความเจริญจากตัวเมืองออกสู่ชนบทอีกด้วย
ผู้เขียน : นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)
เอกสารอ้างอิง:
สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารส่วนพระองค์ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สบ.2.42/144 เรื่อง สร้างทางเดินรถรับส่งคนโดยสาร จังหวัดลพบุรี สุพรรณบุรี จันทบุรี และอุตรดิตถ์. [2 มิ.ย. 2471].
#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ