ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,777 รายการ
ภาพเล่าเรื่องบุคคลนั่งชันเข่า
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔)
- ปูนปั้น และดินเผา
- ขนาด กว้าง ๗๖.๕ ซม. ยาว ๘๐ ซม. หนา ๕ ซม.
เดิมประดับที่ฐานลานประทักษิณด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เจดีย์จุลประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้จาการขุค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ภาพปูนปั้นนี้เป็นรูปบุคคลนั่งหลังตรง หันด้านขวาของลำตัวออก ชันเข่าขวาขึ้น มือขวาประคองสิ่งของคล้ายภาชนะทรงกลมสูงตั้งบนเข่า ที่เบื้องหน้าของบุคคลดังกล่าว มีแท่นสี่เหลี่ยมตกแต่งด้านข้างด้วยลายวงกลมสลับรูปสี่เหลี่ยมฐานเว้า ด้านบนของแท่นมีชายผ้ารูปหางปลาติดอยู่ ถัดไปทางซ้ายของแท่นมีขาของอีกบุคคลหนึ่งในท่าก้าวเดิน อย่างไรก็ตาม ภาพนี้สามารถสะท้อนให้เห้นถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น เช่น ภาชนะทรงกลมมีฝาปิดเป็นรูปกรวยแหลม
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40076
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
พัดรองที่ระลึกในงานเฉลิมพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ ณ พระราชวังบางปะอิน
ลักษณะ : พัดเปรียญฆราวาสของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ พื้นพัดเป็นผ้าตาดทองสีแดง ปักดิ้นทองและไหม ตรงกลางปักลายกลีบบัว ประดับเลื่อมขลิบทองเป็นแนวรัศมีและกระหนกล้อมรอบ ปักขอบปัดเป็นเส้นคั่นและกรอบกระหนก ด้ามไม้คาดกลางทาบตับพัด ตรงกลางทำเป็นปุ่มนูนสองด้าน ยอดพัดเป็นงากลึงรูปหัวเม็ด มีงาแกะสลักลายกระหนกตรงคอพัดรองรับขอบพัดด้านล่าง ปลายเป็นสันงานช้างกลึง มีขนาดเล็กกว่าพัดยศทั่วไป สำหรับฆราวาสที่มีความรู้ความสามารถสอบได้เปรียญ 9 ประโยค รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชทานแด่พระบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ ซึ่งนับเป็นพัดพิเศษ
ความสำคัญ : ตาลปัตร หรือพัดหน้านาง ตัวพัดทำจากผ้าพื้นสีแดง ปักลายด้วยดิ้นเลื่อมเป็นริ้ว ด้ามพัดทำจากไม้ ยอดพัดและส้นพัดทำจากงาช้าง สันนิษฐานว่าเป็นพัดเปรียญ 5 ประโยค สำหรับฆราวาส ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์
คำว่า ตาลปัตร หรือ ตาลิปัตร นั้น มาจากคำว่า ตาล หมายถึง ชื่อต้นไม้ประเภทปาล์ม และคำว่า ปัตร หมายถึง ใบ ดังนั้น ตาลปัตร จึงแปลได้ว่า ใบตาล 7 ส่วนราชบัณฑิตยสภาให้ความหมายคำว่า ตาลปัตร หมายถึง พัดทำด้วยใบตาล มีด้ามยาว สำหรับพระภิกษุถือบังหน้าในพิธีกรรมเช่นในเวลาให้ศีล ต่อมาอนุโลมเรียกพัดที่ทำด้วยผ้าหรือไหมซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้นว่า ตาลปัตร หรือตาลิปัตร 8
ธรรมเนียมพระภิกษุถือตาลปัตรในการสวดแสดงธรรม และการถวายพัดยศเป็นเครื่องประกอบสมณศักดิ์ให้แก่พระภิกษุนั้น มีหลักฐานปรากฏว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์เข้ามาเผยแพร่ยังดินแดนประเทศไทย เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นอย่างช้า
พัดเปรียญ เป็นพัดที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานแก่พระภิกษุสามเณร สันนิษฐานว่ามีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่ที่มีการแบ่งสีพัดตามลำดับชั้นนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่ สีเขียว หมายถึง พัดเปรียญธรรม 3 ประโยค สีน้ำเงิน หมายถึง พัดเปรียญธรรม 4 ประโยค สีแดง หมายถึง พัดเปรียญธรรม 5 ประโยค และสีเหลือง หมายถึง พัดเปรียญธรรมตั้ง 6 ประโยคขึ้นไป 9 นอกจากนี้พัดเปรียญยังพระราชทานแก่
คฤหัสถ์ผู้มีความชำนาญในภาษาบาลีสันสกฤตถึงขั้นเปรียญธรรม ทั้งนี้การพระราชทานพัดเปรียญแก่คฤหัสถ์ มีปรากฏด้วยกัน 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพัดเปรียญ 5 ประโยคให้แก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ผู้ได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นบัณฑิตทางอรรถคดีธรรมจารีตในพระพุทธศาสนาจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระมหาสมณเจ้า ครั้งที่สองเกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพัดเปรียญเป็นเกียรติยศให้แก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ผู้ซึ่งเถรสมาคมยกย่องว่าเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในภาษาบาลีเทียบเท่าเปรียญธรรม 5 ประโยค
ขนาด : ยาว 97 กว้าง 36
ชนิด : ผ้าแพร ไม้
อายุ/สมัย : รัตนโกสินทร์ พุทธศักราช 2432
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=64875
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” (Phu Phrabat, a testimony to the Sīma stone tradition of the Dvaravati period) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 31 กรกฎาคม 2567 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี ต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เมื่อพุทธศักราช 2535 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ ถือเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย ต่อจากนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี และเมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ได้รับการประกาศในปีที่ผ่านมา โดยอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกภายใต้คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล ได้แก่ การรักษาความเป็นของแท้และดั้งเดิมของแหล่งวัฒนธรรม สีมาหินสมัยทวารวดี และเป็นประจักษ์พยานที่ยอดเยี่ยมของการสืบทอดของวัฒนธรรมดังกล่าวที่ต่อเนื่องอย่างยาวนานกว่าสี่ศตวรรษ โดยเชื่อมโยงเข้ากับประเพณีของวัดฝ่ายอรัญวาสีในเวลาต่อมา จึงขอเชิญชวนให้ชาวไทยทั่วประเทศร่วมแสดงความยินดี และเฉลิมฉลองในโอกาสที่ภูพระบาทได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรมจะพยายามผลักดันให้เกิดแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม – 12 สิงหาคม 2567 เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคน ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ร่วมเฉลิมฉลองการประกาศขึ้นทะเบียน ภูพระบาทเป็นมรดกโลกในครั้งนี้
ภูพระบาท ได้รับการประกาศเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง จำนวน 2 แหล่ง ประกอบด้วย อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกห่างจากอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมาในสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 12 - 16) อันโดดเด่นที่สุดของโลก ตามเกณฑ์คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล ข้อที่ 3 คือสามารถอนุรักษ์กลุ่มใบเสมาหินสมัยทวารวดีที่มีจำนวนมากและเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยใบเสมาดังกล่าวมีความสมบูรณ์และยังคงตั้งอยู่ในสถานที่ตั้งเดิม แสดงถึงวิวัฒนาการที่ชัดเจนของรูปแบบ และศิลปกรรมที่หลากหลายของใบเสมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องหมายกำหนดขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ และเกณฑ์ข้อที่ 5 ภูมิทัศน์ของภูพระบาทได้รับการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการใช้พื้นที่เพื่อประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา และยังคงความสำคัญของกลุ่มใบเสมาหิน โดยความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับประเพณีสงฆ์ในฝ่ายอรัญญวาสี (พระป่า) ภูพระบาทจึงเป็นประจักษ์พยานที่โดดเด่นของการใช้ประโยชน์ของธรรมชาติ เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี ซึ่งได้รับการสืบทอด รักษาวัฒนธรรมดังกล่าวที่ต่อเนื่องยาวนาน เชื่อมโยงประเพณีวัฒนธรรมของอรัญวาสีมาถึงปัจจุบัน
เทศบาลตำบลบางพลีน้อย จ.สมุทรปราการ (เวลา 11.00 น.) จำนวน 80 คน วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๑.๐๐ น. คณะจากกองสวัสดิการสังคม สำนักงานเทศบาลตำบลบางพลีน้อย ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จำนวน ๘๐ คน เข้าศึกษาดูงาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ โดยมีนางสาว ณัฏฐกานต์ มิ่งขวัญ ตำแหน่ง เจ้าพนักงานพิพิธภัณฑ์ชำนาญงาน และว่าที่ร้อยตรีรุ่งเรือง ชื่นชม ตำแหน่ง พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ เป็นวิทยากรนำชมในครั้งนี้
เล่ม 15
ชื่อเรื่อง : ตำราขี่ช้าง ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๒ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์ : ๒๔๖๕สถานที่พิมพ์ : ม.ป.ท สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากรจำนวนหน้า : ๕๔ หน้าเนื้อหา : หนังสือตำราขี่ช้าง ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. ๒๑๙๙ – ๒๒๓๒ แจกในการพระกฐินพระราชทานพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ณ วัดเสนาสนาราม วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ.๒๔๖๕ ประกอบไปด้วยเนื้อหา บานเพนกฉบับหลวงครั้งรัชกาลที่ ๒ ว่าด้วยลักษณะนุ่งผ้า / ว่าด้วยลักษณะเกี้ยวผ้า / ว่าด้วยลักษณะผูกชะนัก / ว่าด้วยลักษณะสอดชะนัก / ว่าด้วยลักษณะที่นั่ง / ว่าด้วยลักษณะถือขอ / ว่าด้วยลักษณะฟันขอ / ว่าด้วยลักษณะแลภาย / ว่าด้วยลักษณะเฉาะ / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างไม่หัด / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างไม่หัด / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างค้ำกลางแปลง / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างน้ำมันค้ำในวงภาด / ว่าด้วยลักษณะช้างน้ำมันไล่ม้าฬ่อแพน / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างน้ำมันไล่คน / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างน้ำมันชนบำรูงา / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างชนฬ่อปลาเชือก / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างที่ไม่ข้ามน้ำ / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างเกียดน้ำ / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างเกียดไม้เกียดโรงเกียดจะลุงเบญภาด / ว่าด้วยลักษณะขี่ช้างกำหรากเหลือลาม / เลขทะเบียนหนังสือหายาก : ๒๒๕๔เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : E-book_๒๕๖๗_๐๐๑๕หมายเหตุ : โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
สุนทรียะความงามจากผลงานศิลปินแห่งชาติและนานาชาติ สู่การออกแบบผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ผ่านนิทรรศการ "ภาพบันดาล Art Decoded"
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ สมาคมเพื่อการพัฒนาศิลปะและหัตถศิลป์ไทย (TACDA) จัดนิทรรศการ "ภาพบันดาล Art Decoded" แสดงการถ่ายทอดสุนทรียะจากผลงานของศิลปินแห่งชาติและนานาชาติสู่การต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของที่ระลึก นับเป็นการเปิดมิติสัมผัสใหม่จากเพียงแค่สายตาที่รับรู้ผลงาน ขยายเพิ่มสู่การสัมผัสเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลปะของศิลปิน รวม 11 ท่าน ได้แก่ ศ. (เกียรติคุณ) ปรีชา เถาทอง, Prof. Emeritus Peter Pilgrim, ศ. (เกียรติคุณ) ปริญญา ตันติสุข, รศ. ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ, สมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพงศ์, ศ. สุธี คุณาวิชยานนท์, ชลิต นาคพะวัน, รศ. กันจณา ดำโสภี, ผศ. ชัยพร ระวีศิริ, Konstantin Ikonomidis และ ยุรี เกนสาคู
นิทรรศการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "โครงการวิจัยการจัดนิทรรศการระดับนานาชาติและศึกษาต้นแบบสินค้า ที่ระลึกภายในพิพิธภัณฑ์ เพื่อต่อยอดสู่การจัดนิทรรศการและการจัดทำสินค้าเชิงพาณิชย์ จากฐานทุนวัฒนธรรมของไทย" มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับและส่งเสริมองค์ความรู้ด้านศิลปะในสังคมไทย เกิดการต่อยอดในเชิงพาณิชย์สู่สากล จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 4 - 27 กันยายน 2567 เปิดวันพุธ - อาทิตย์ เวลา 09.00 - 16.00 น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลป์เจ้าฟ้า) ปิดทำการทุกวันจันทร์ - อังคาร
พิธีเปิดนิทรรศการจัดขึ้นในวันที่ 4 กันยายน 2567 ตั้งแต่ 14.00 น. เป็นต้นไป โดยมีกิจกรรมบรรยายพิเศษโดย Véronique Delignette-Schilling ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตสำหรับผู้บริหาร (Executive MBA) ด้านการจัดการแฟชั่นระดับโลก French Institute of Fashion (IFM) สาธารณรัฐฝรั่งเศส ในหัวข้อเรื่อง “การยกระดับผลิตภัณฑ์ของไทยสู่ระดับนานาชาติ”
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08 1427 4998 หรือ Facebook page: สมาคมเพื่อการพัฒนาศิลปะและหัตถศิลป์ไทย (TACDA)
ชื่อเรื่อง ปริวารปาลิ (ปริวารปาลิ)อย.บ. 298/13ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 52 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.4 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจากวัดประดู่ทรงธรรม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายหวล ชยางคานนท์
หัวเรื่อง หวล ชยางคานนท์
คำบรรยาย จัดพิมพ์เพื่อแจกในงานพระราชทานเพลิงศพ นายหวล ชยางคานนท์ "คนดีศรีเมืองจันท์" ณ เมรุวัดใหม่ เมืองจันทบุรี อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2545
แหล่งที่มา ต้นฉบับอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
วันที่ 2545
รูปแบบ PDF
ภาษา ภาษาไทย
รายละเอียด เป็นหนังสือที่ให้ประวัติของนายหวล ชยางคานนท์ คนดีศรีเมืองจันท์ ผู้วายชนม์ นอกจากนี้ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจของจังหวัดจันทบุรีหลายเรื่อง ได้แก่ เขาสระบาป เขาคิชฌกูฏ อลงกรณ์เจดีย์ วัดมังกรบุปผาราม(เล่งฮัวยี่) วัดเขาวงกต สุนันทาลัย อนุสาวรีย์แห่งความรัก อนุสรณ์หมูดุด อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรี
สิทธิ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
ประเภท หนังสือท้องถิ่น
เลขทะเบียน น.45บ.50424จบ(ร)
เลขหมู่ ท 089.95911 อ234
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมการแสดงโครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๘ “เหมันต์สุขสันต์ หฤหรรษ์สังคีต” วันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ การบรรเลงดนตรีไทย “ชุดร้อยเรียงเสียงดนตรี” เวลา ๑๗.๓๐ น. ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พบกับรายการบรรเลง - ขับร้อง ดังต่อไปนี้
๑. การบรรเลงวงเครื่องสายปี่ชวา โหมโรงเพลงเจริญศรีอยุธยา ออกสะระหม่า
๒. การบรรเลง - ขับร้องวงเครื่องสายผสมขิม เพลงตับเรื่องสามก๊ก (ตับจูล่ง)
๓. การบรรเลง - ขับร้องวงมโหรีเครื่องแปด ขับลำนำเพลงเกร็ดในสมัยอยุธยา
๔. การบรรเลง - ขับร้อง วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ เพลงระบำเริงอรุณ และ เพลงล่องเรือพระนคร
๕. การบรรเลง - ขับร้อง วงปี่พาทย์ไม้แข็ง เพลงมิ่งขวัญกัลยา เถา เพลงทยอยญวน เถา
๖. การบรรเลงเดี่ยวระนาดเอกเพลงพญาโศก เถา
๗. การบรรเลง - ขับร้อง วงปี่พาทย์ไม้แข็ง เพลงแขกบรเทศ เถา
บรรเลง - ขับร้องโดย ศิลปินสำนักการสังคีต, ออกแบบรายการบรรเลง - ขับร้องโดย อัญชิษฐา สุขีลักษณ์, ควบคุมการบรรเลง - ขับร้องโดย เลอเกียรติ มหาวินิจฉัยมนตรี, อำนวยการแสดงโดย ศิริพงษ์ ทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต บัตรราคา ๒๐ บาท (จำหน่ายบัตรก่อนการแสดง ๑ ชั่วโมง) ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ โทร. ๐ ๒๒๒๑ ๖๕๓๓ สำหรับรายการแสดงในสัปดาห์ต่อไปสามารถดูได้ที่ลิ้งค์นี้ https://www.finearts.go.th/promotion/view/53929
ชื่อเรื่อง : ที่ระลึกงานฉลองวันครบรอบ 68 ปี ของกระซวงการต่างประเทส
หัวเรื่อง : ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
คำค้น : กระทรวงการต่างประเทศ
รายละเอียด : จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกในงานฉลองวันครบรอบ 68 ปี กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2486
ผู้แต่ง : -
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์พระจันทร์
ปีที่พิมพ์ : 2486
วันที่เผยแพร่ : 5 กุมภาพันธ์ 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก
ตัวบ่งชี้ : -
รายละเอียดเนื้อหา : หนังสือที่ระลึกงานฉลองวันครบรอบ 86 ปี กระทรวงการต่างประเทศ รวมสุนทรพจน์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และสาสน์อวยพรต่างๆ
เลขทะเบียน : น. 32 บ. 5360 จบ.
เลขหมู่ : 354.593061
ท535
ชื่อผู้แต่ง สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาร)
ชื่อเรื่อง บันทึกเทศน์ เล่ม ๒
พิมพ์ครั้งที่ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์การศาสนา
ปีที่พิมพ์ ๒๕๒๑
จำนวนหน้า ๗๖ หน้า
รายละเอียด
หนังสือ บันทึกเทศน์ เป็นบันทึกหัวข้อธรรมที่ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เตรียมไว้แสดงในวันฟังธรรม คือ วันธรรมสวนะและวันอุโบสถ ซึ่ง บันทึกเทศน์ เล่ม ๒ นี้ คณะพุทธบริษัท สำนักวัดราชผาติการามจัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นหนังสือธรรมสำหรับแจก ในวาระที่ท่านมีอายุครบ ๖ รอบ ๗๒ ปี (กันยายน ๒๕๒๑)
ชื่อเรื่อง เหรียญ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณผู้แต่ง เฉลียว จันทรทรัพย์ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ปฏิมากรรม เซรามิกและงานโลหะเลขหมู่ 737.23 ห728สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรีปีที่พิมพ์ 2515ลักษณะวัสดุ 114 หน้าหัวเรื่อง พระเครื่องภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก รวมรวบประวัติพระเครื่อ งและเหรียญ ในด้านต่างๆเช่น ในด้านคุณวิเศษหรืออิทธิปาฏิหาริย์,โบราณคดีและศิลปะ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจศึกษา