ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
คึกฤทธิ์ ปราโมทย์. โครงกระดูกในตู้. พระนคร: โรงพิมพ์ชัยฤทธิ์, 2514.
เรื่องราวเกี่ยวกับบรรพบุรุษและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงศ์ตระกูลของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบ และหม่อมแดง ปราโมช
เลขทะเบียน : นพ.บ.654/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 18 หน้า ; 4 x 58 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 209 (122-134) ผูก 7 (2568)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.710/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ชาดทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 225 (290-302) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : มูลตันไตร--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อแบบฉบับ : ตำนานพระแก้วดอนเต้าเวียงดิน (ผูก1)
ชื่อเรื่อง : ดอนเต้า (ผูก 1)
เลขทะเบียน : ชม.บ.962/1
ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ ผู้สร้าง : ไม่ปรากฏ ปีที่สร้าง : ไม่ปรากฏ
จำนวน : 1 คัมภีร์ 1 ผูก จำนวนบรรทัด : 4 บรรทัด จำนวนหน้า : 22 หน้า
อักษร : ธรรมล้านนา ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา เส้น : จาร
ฉบับ : ลานดิบ ไม้ประกับ : ไม่มี ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน
ประวัติ : ได้มาจากวัดสถาน ต.ภูซาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2531
โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568
กรมศิลปากร ชวนเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พิมายยามราตรี ชมการประดับไฟแสงสีสุดอลังการ ครอบคลุมทุกพื้นที่ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ย้อมสีปราสาทด้วยแสงไฟที่ปรับเปลี่ยนโทนสีได้ สัมผัสความงาม ความรู้สึก จินตนาการ และประสบการณ์รูปแบบใหม่อันน่าประทับใจ เวลา 17.30 – 21.00 น. ทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตลอดเดือนสิงหาคม 2568 อัตราค่าเข้าชมโบราณสถาน คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท
อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ให้ความสนใจมาทัศนศึกษาและเที่ยวชมปีละไม่ต่ำกว่า 400,000 คน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 คน นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีผู้เข้าใช้บริการมากเป็นอันดับ 5 ของหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากร ได้ดำเนินโครงการพัฒนาไฟประดับโบราณสถานปราสาทหินพิมาย เพื่อเป็นการพัฒนาและต่อยอดแหล่งเรียนรู้ด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ สู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวมิติใหม่ ที่จะช่วยปลุกเร้าการมาเยือน และกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกระดับ พร้อมทั้งจัด “โครงการท่องเที่ยวมิติใหม่ ชมปราสาทพิมาย..ยามย่ำคืน” (Phimai Night : Light Up) ปีที่ 2 เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยว (Thailand Winter Festival) นโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมที่มุ่งสร้างสรรค์พัฒนา Soft Power เศรษฐกิจวัฒนธรรม วัฒนธรรมนำสุข จากคุณค่าสู่มูลค่า และนโยบายของกรมศิลปากรที่มุ่งพัฒนาแหล่งเรียนรู้สู่แหล่งท่องเที่ยว จากการอนุรักษ์สืบทอด สู่การต่อยอดพัฒนา โดยประดับไฟโบราณสถานปราสาทพิมาย และโบราณสถานสำคัญภายในเมืองพิมาย เมรุพรหมทัต ประตูชัย และขยายเวลาเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมโบราณสถานได้ในยามค่ำคืน เพื่อยืดระยะเวลาการท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยในเมืองพิมายให้นานขึ้น ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามารับรู้เรียนรู้เรื่องราวของโบราณสถานเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่นโดยเฉพาะกิจการด้านการท่องเที่ยว เช่น โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์พื้นเมือง รวมถึงร้านค้าทั่วไป และยังเป็นการสร้างความรัก ความภาคภูมิใจให้ประชาชนเห็นคุณค่า ร่วมกันหวงแหนรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่สืบไป
รายงานผลการตรวจสอบแหล่งโบราณคดีบ้านหนองขาม หมู่ที่ 8 บ้านหนองขาม ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
สำหรับในประเทศไทย เราพบภาพเขียนเกี่ยวกับสัตว์ การล่าสัตว์ การทำมาหากิน การยิงธนู เครื่องมือดำรงชีพ พิธีกรรม รวมถึงภาพสัตว์ในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วสามารถแบ่งแรงบันดาลใจได้ 4 ประการใหญ่ ๆ ได้แก่
1. เกิดจากความเชื่อ กล่าวคือมนุษย์มีความเชื่ออยู่ในตัวและแสดงออกทางความคิดทางโชคลาง หรือเขียนภาพผนังเป็นเหลี่ยมเป็นจุดลายเรขาคณิต เส้นโค้ง เส้นคด และภาพที่ต้องแปลความต่าง ๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ใช้ในการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อก็มี ดังนั้น ความเชื่อจึงเป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งที่เป็นแรงขับภายในให้มนุษย์สร้างงานจิตรกรรมผนังถ้ำขึ้น
2. เกิดจากการสร้างแบบอย่างการสอนเพื่อการหาเลี้ยงชีพ วิธีนี้จะมีภาพเขียนเป็นรูปสัตว์ที่มีคนล้อมอยู่ การโก่งธนูยิงสัตว์ หรือภาพสัตว์ที่มีหอก ฉมวกปักติดอยู่ เพื่อเป็นภาพ นิทรรศการถาวรตลอดกาลให้สมาชิกของเผ่าได้เห็นวิธีการล่าสัตว์การเอาชนะหรือหาอาหารจากสัตว์ต่าง ๆ เป็นการเรียนการสอนสมาชิกของตน จึงเป็นวิธีการหรือแรงจูงใจอย่างหนึ่งของมนุษย์ให้มีการเขียนภาพผนังถ้ำขึ้น
3. เกิดจากการเล่าเรื่องหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้สมาชิกรับรู้ บางครั้งถ้าหัวหน้าหรือ ผู้นำได้ไปทำกิจกรรมภายนอก เช่น อาจจะเป็นการล่าสัตว์ ไปร่วมพิธีกรรม มีการเดินเป็นขบวน หามกลองเดินเป็นแถว เป็นต้น ก็เป็นเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งที่ต้องการแสดงออกเพื่อเป็นการเล่าเรื่องให้เกิดการับรู้ต่อกัน และด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นแรงบันดาลใจให้สร้างงานจิตรกรรมผนังถ้าขึ้นก็ได้
4. เกิดเพราะอยากสร้างงานศิลปกรรมให้เกิดขึ้น มนุษย์เป็นผู้มีความคิด เป็นนักสร้างสรรค์ และมีความรู้สึกนึกคิด มีสุนทรียรส รับรู้กับความสวยความงามต่าง ๆ ได้ มนุษย์จึงเป็นสัตว์โลกประเภทเดียวที่รู้จักงานศิลปกรรม และสร้างงานศิลปกรรมได้ จึงเป็นเหตุให้เขียนภาพผนังถ้ำขึ้นมา
.
งานศิลปะนั้นมีหลายสาขา แต่ที่จะกล่าวถึงในที่นี้ต้องการให้มองในเรื่องของทัศนศิลป์ (VISUAL ART) อันได้แก่ งานจิตรกรรม งานประติมากรรม และงานสถาปัตยกรรม เป็นประการสำคัญ เพราะว่ามนุษย์มีโอกาสที่จะแสดงออกด้วยการสร้างงานศิลปกรรมได้อย่างอิสระตามที่ตนนึกคิด และนี้คือบ่อเกิดงานช่างศิลปกรรมด้านการวาด การปั้น และการก่อสร้าง หรือที่เรียกกันว่า ทัศนศิลป์
มีสาเหตุให้เกิดงานศิลปกรรมอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ แต่ที่สำคัญ มี 7 สาเหตุ คือ
1. งานศิลปกรรมเกิดจากความเชื่อของมนุษย์
มนุษย์มีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า วิญญาณ และสิ่งเหนือธรรมชาติตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้เกิดการสร้างงานศิลปะเพื่อบูชา เคารพ หรือใช้ในพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพีระมิดของอียิปต์ตามความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย การสร้างวิหารและรูปเคารพเทพของกรีก หรือการสร้างงานศิลป์เกี่ยวกับคติความเชื่อของอินเดีย ความศรัทธาเหล่านี้จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้มนุษย์สร้างงานศิลปกรรมขึ้นมาอย่างหลากหลาย
2.งานศิลปกรรมเกิดจากความต้องการใช้สอย
สิ่งของที่มนุษย์จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น บ้าน เรือ แพ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อถูกออกแบบเพื่อใช้งานแล้ว มักได้รับการตกแต่งให้มีความงามเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สิ่งใช้สอยเหล่านั้นพัฒนาเป็นงานศิลปกรรม เช่น การทำลวดลายบนภาชนะ การแกะสลักบนเสา หรือการตกแต่งยานพาหนะ ทำให้เกิดความงามควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอย
3. งานศิลปกรรมเกิดจากความต้องการสร้างมิติ
มนุษย์ต้องการถ่ายทอดภาพหรือรูปทรงให้ดูสมจริงและเข้าใจได้ตามการมองเห็น จึงเกิดการสร้างภาพสองมิติในงานจิตรกรรมและสามมิติในงานประติมากรรม การใช้แสง เงา และการจัดวางรูปทรงทำให้ผู้ชมรับรู้มิติของผลงานได้ชัดเจน การสร้างมิติและความลึกจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดงานศิลปะในหลายรูปแบบ
4. งานศิลปกรรมเกิดเพราะต้องการเลียนแบบธรรมชาติ มนุษย์ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ถ้าพอใจก็จะจำไว้ เช่น คน สัตว์ สิ่งของ และมนุษย์ต้องการที่จะจำลองเลียนแบบธรรมชาติไว้ จึงพยายามที่จะเขียนหรือสลักให้เป็นภาพตามที่ตนต้องการเพื่อบันทึกแบบธรรมชาติที่พอใจนั้นไว้ และความพยายามที่จะจำลองภาพจากธรรมชาติให้ได้นี้เองจึงทำให้เกิดงานศิลปกรรมตามแบบธรรมชาติ
5. งานศิลปกรรมเกิดเพราะต้องการความสวยงาม มนุษย์แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่จัดสรรไว้อย่างดีแล้วก็ตาม แต่มนุษย์นั้นก็ยังหาความพอใจถึงที่สุดมิได้ แม้ดอกไม้ที่ว่ามีสีสวยมีรูปลักษณะงามแล้วก็ตาม มนุษย์ก็ยังไม่พอใจจึฉีกกลีบออกมาแล้วพับร้อยใหม่ เป็นพวงมาลัยให้งามกว่าเดิมอีก เจดีย์ต่าง ๆ ก็มีลวดลายเพื่อให้ดูสวยงามกว่ากองดินธรรมดา อาคารสิ่งก่อสร้าง แม้จะใช้อาศัยอยู่ได้แล้ว ก็เพิ่มเติมงานตกแต่งประดับประดาเข้าไปอีกจนงามตามที่มนุษย์กลุ่มนั้นต้องการ ดังนั้น ความต้องการความงามที่มากกว่าธรรมชาติได้จัดไว้ให้แล้ว จึงเป็นเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดงานศิลปกรรมประดิษฐ์และลวดลายต่าง ๆ ขึ้น
6.งานศิลปกรรมเกิดจากการจำ การนึก การคิด และการปฏิบัติฝึกฝน มนุษย์มีสมองจำ นึก และคิด เมื่อไปเห็นสิ่งที่ตนพอใจจากแหล่งหนึ่งก็กลับมาสร้างงานตามที่จำมา แต่การจำ ส่วนใหญ่จะจำได้ไม่หมด จึงเป็นเหตุให้เกิดการสร้างเป็นรูปแบบใหม่ขึ้น และเมื่อได้พัฒนารูปแบบใหม่จะทำให้ได้รูปแบบศิลปกรรมแนวใหม่ขึ้นมาอีก จึงเป็นบ่อเกิดรูปแบบงานศิลปกรรมอย่างหนึ่ง
7. งานศิลปกรรมเกิดจากการพัฒนางานเศรษฐกิจเพื่อเลียงชีพ การประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงปากท้องนับเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญของมนุษย์ ดังนั้น การประกอบอาชีพบางอย่าง ถ้าผลิตมากและจำเจเกินไปก็จำหน่ายไม่ออกเพราะตลาดไม่ต้องการ ดังนั้น จึงต้องพัฒนาในเรื่องรูปแบบ พัฒนาการใช้วัสดุรวมทั้งความละเอียดประณีต เช่นสมัยก่อนถ้าเป็นงานปั้นภาพหรือลายหน้าบันโบสถ์ นายข่างศิลปะก็ต้องปั้นดินเหนียวแล้วถอดพิมพ์หล่อปูน จึงนำไปประดับ ต่อมามีการพัฒนาการปั้นปูนสดก็สามารถปั้นได้ทันทีและได้งานเร็วกว่าประณีตกว่า จึงเกิดงานศิลปกรรมแขนงใหม่ขึ้นมา เป็นต้น ดังนั้นการพัฒนารูปแบบงานช่างต่าง ๆ ก็เป็นบ่อเกิดงานศิลปกรรมลักษณะใหม่ๆได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน
.
เรียบเรียง/กราฟิก : นางสาวอนุธิดา ส่งบำเพ็ญ นักวิชาการวัฒนธรรม กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช
.
อ้างอิงข้อมูล
นพวัฒน์ สมพื้น. สีเขียนภาพผนังถ้ำ ยุคโบราณในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม, 2545.https://www.facebook.com/share/p/1FdotH4HUU/
พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง สวรรควรนายก: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/sawanvoranayok
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ ตรงข้ามกับวัดสวรรคาราม ในเขตเทศบาลเมืองสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ห่างจากตัวจังหวัดสุโขทัยประมาณ 40 กิโลเมตร ก่อตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์ของพระสวรรควรนายก อดีตเจ้าอาวาสวัดสวรรคาราม และเจ้าคณะจังหวัดสวรรคโลก ที่ต้องการยกศิลปวัตถุโบราณวัตถุที่สะสมไว้ให้เป็นสมบัติของชาติเมื่อท่านมรณภาพลงโดยให้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นภายในบริเวณวัดสวรรคาราม
ภายหลังจากที่ท่านเจ้าคุณสวรรควรนายกได้มรณภาพไปในปี พุทธศักราช 2508 คณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์ได้ประชุมหารือเนื่องจากไม่พบพินัยกรรมมอบหมายให้ผู้ใดดำเนินการแต่อย่างใด และตกลงมอบศิลปวัตถุโบราณวัตถุเหล่านี้ให้แก่กรมศิลปากร และขอให้สร้างพิพิธภัณฑสถาน ขึ้นในเขตของวัดตามความประสงค์ของท่านเจ้าคุณสวรรควรนายก รวมทั้งได้จัดสรรที่ดินส่วนหนึ่งจำนวน 7 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา เพื่อใช้ในการก่อสร้าง กรมศิลปากรได้รับงบประมาณในการก่อสร้างอาคารเป็นจำนวนเงิน 1,200,000 บาท โดยมีนายเมธี คันธโร จากกองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบอาคาร รวมทั้งยังจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมจากชาวบ้านในละแวกนั้นอีกจำนวน 14 ไร่ จึงมีเนื้อที่ทั้งหมด 21 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา แต่เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จก็ยังไม่สามารถนำศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ มาจากวัดสวรรคารามได้เนื่องจากเกิดความขัดแย้งบางประการ
จนเมื่อพระครูวินัยธร (ยิ้ม) เจ้าอาวาสวัดมรณภาพลงในปี พุทธศักราช 2524 พระครูธรรมนิเทศ รองเจ้าคณะอำเภอสวรรคโลก รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรคารามในขณะนั้นจึงดำเนินการตรวจสอบโบราณวัตถุศิลปวัตถุทั้งหมดอีกครั้ง และมีหนังสือมอบให้กรมศิลปากรเก็บรักษาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2524 โดยมีนายขุนทอง ภูผิวเดือน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รับมอบ เมื่อรับมอบโบราณวัตถุศิลปวัตถุแล้ว กรมศิลปากร ได้มอบหมายให้กองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ดำเนินการจัดแสดงนิทรรศการ โดยมีนายสุกิจ เที่ยงมณีกุล ภัณฑารักษ์งานวิชาการและคณะทำงานเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งยังได้เคลื่อนย้ายโบราณวัตถุบางส่วนจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง โบราณวัตถุที่ได้จากการสำรวจ ขุดค้นและขุดแต่งทางโบราณคดีบริเวณเมืองศรีสัชนาลัย โบราณวัตถุประเภทเครื่องถ้วยสังคโลกที่ได้จากแหล่งเรืออับปางในอ่าวไทย และที่ได้รับมอบจากประชาชนมาจัดแสดงไว้ร่วมกันเพื่อแสดงถึงหลักฐานแห่งความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2527 โดยกรมศิลปากรได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดและเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระสวรรควรนายก ผู้อุทิศโบราณวัตถุศิลปวัตถุให้เป็นสมบัติของชาติและมีจิตใจแห่งการอนุรักษ์มรดกของแผ่นดินจึงได้ตั้งชื่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินี้ว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวรรควรนายก
อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 28 มีนาคม 2556
ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด
สถานที่ : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศติดต่อ : เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์ 02-2222222
วัสดุ สำริด
แบบศิลปะ ศิลปะล้านช้าง
อายุสมัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 22-24
สถานที่พบ พบระหว่างการไถที่ดินของนางสาวปาริชาต อุดมสี บ้านนาดูน ตำบลหนองกวั่ง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร เมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2549
พระพุทธรูปปางมารวิชัย พระพักตร์รูปไข่ พระขนงโก่งต่อกันเป็นปีกกา พระเนตรเหลือบต่ำ พระนาสิกเล็กและโด่ง พระโอษฐ์เล็ก แย้มพระโอษฐ์ มีเส้นไรพระศก เม็ดพระศกเป็นเม็ดกลม อุษณีษะเป็นต่อมสูง พระรัศมีเป็นเปลว พระกรรณยาวปลายงอนเล็กน้อย พระศอเป็นปล้อง ครองจีวรห่มเฉียงเปิดพระอังสาขวา สังฆาฏิเป็นแถบสี่เหลี่ยมปลายแยก 2 แฉกยาวจรดพระนาภี พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชงฆ์ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา ประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานหกเหลี่ยม ฐานส่วนบนคล้ายลูกแก้ว ถัดลงมานาจะเป็นส่วนท้องไม้มีลวดบัวลูกแก้วอกไก่ 3 เส้น