ค้นหา


รายการที่พบทั้งหมด 31,556 รายการ


องค์ความรู้ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี เรื่อง โกลนหน้าบันอิฐ ร่องรอยปูนปั้น ณ ปราสาทบ้านเบญจ์ จ.อุบลราชธานี ผู้เรียบเรียง: นายกฤษณพงศ์ พูนสวัสดิ์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 149/2เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 178/6ฆเอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)



ชื่อเรื่อง : เสด็จประพาสต้นในรัชกาลที่ 5 พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ หม่อมสนิท กฤดากร ณ เมรุวัดธาตุทอง พระโขนง วันที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2510 ชื่อผู้แต่ง : จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ ปีที่พิมพ์ : 2510สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์กรมสรรพสามิต จำนวนหน้า : 114 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์เนื่องในงานฌาปนกิจศพ กฤดากร ณ เมรุวัดธาตุทอง พระโขนง วันที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2510 เรื่องราวในหนังสือเริ่มจากนายทรงอานุภาพ เขียนจดหมายเล่าเรื่องประพาสต้นไว้ 8 ฉบับ และพระราชนิพนธ์เสด็จประพาสต้น ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม รศ. 125 เสด็จเรือจากกรุงเทพ ประทับแรมบ้านดงตาล เกาะลอย ศาลาลอย บ้านเสาไห้ เมืองสระบุรี บางปะอิน เมืองอ่างทอง เมืองสิงห์ อำเภอสรรพยา นครสวรรค์ เมืองขานุ กำแพงเพชร จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม ร.ศ. 125


         พระพิมพ์พระสาวกมีจารึก “โกลิวิโส” จากเจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง          พระพิมพ์พระสาวกมีจารึก “โกลิวิโส” พบร่วมกับพระพิมพ์พระสาวกมีจารึกองค์อื่น ๆ รวม ๗ องค์ จากการขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง          พระพิมพ์พระสาวก กว้าง ๕.๗ เซนติเมตร สูง ๖ เซนติเมตร ส่วนเศียรชำรุดหักหายไป หากมีสภาพสมบูรณ์สันนิษฐานว่ามีรูปแบบศิลปกรรมเหมือนพระพิมพ์พระสาวกองค์อื่น ๆ ที่พบร่วมกัน กล่าวคือ มีเศียรเรียบไม่มีอุษณีษะและเม็ดพระศกเหมือนพระพุทธรูป มีพักตร์กลม ขนงต่อกันเป็นปีกกา เนตรเหลือบต่ำ นาสิกใหญ่ โอษฐ์แบะ ครองจีวรเรียบห่มเฉียงเปิดอังสาขวา หัตถ์ทั้งสองประสานกันในท่าสมาธิ นั่งขัดสมาธิเพชรบนฐานหน้ากระดานเรียบ มีแผ่นหลังรูปสามเหลี่ยมปลายมน ด้านหลังพระพิมพ์แบนเรียบ มีจารึกตัวอักษรปัลลวะ ภาษาบาลี จำนวน ๑ บรรทัด ความว่า “โกลิวิโส” กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ หรือประมาณ ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว           นักวิชาการเสนอว่าจารึก “โกลิวิโส” มาจากนาม “โสโณ โกฬิวิโส” หมายถึง พระโสณโกฬิวิสะ ซึ่งเป็นเอตทัคคะผู้เป็นเลิศด้านความเพียร เมื่อคราวบำเพ็ญเพียรก็กระทำเกินความพอดี คือเดินจงกรมจนเท้าแตก เมื่อเดินไม่ได้จึงคลาน เมื่อคลานจนเข่าแตก มือแตกแต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุอรหันต์ได้จนคิดสึกเป็นคฤหัสถ์ พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนให้บำเพ็ญเพียรแต่พอดี โดยเปรียบเทียบกับสายพิณที่ขึงตึงเกินไป หย่อนเกินไป และตึงพอดี พระโสณโกฬิวิสะจึงได้บำเพ็ญเพียรแต่พอดีจนบรรลุเป็นพระอรหันต์          พระโสณโกฬิวิสะ ยังเป็นหนึ่งใน “พระอสีติมหาสาวก” ซึ่งหมายถึงพระสาวกสำคัญจำนวน ๘๐ รูป ของพระพุทธเจ้าตามคัมภีร์ภาษาบาลีของพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท เช่นเดียวกันกับพระพิมพ์พระสาวกมีจารึกองค์อื่นที่พบร่วมกัน ได้แก่ พระสารีบุตร พระมหากัสสปะ หรือ พระมหากัจจายนะ พระกังขาเรวตะ และพระปุณณสุนาปรันตะ การพบพระพิมพ์พระสาวกมีจารึกเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงคติการนับถือพระอสีติมหาสาวกในสมัยทวารวดี ซึ่งในปัจจุบันมีหลักฐานว่าพบเพียงที่เมืองโบราณอู่ทองเท่านั้น จึงอาจเป็นคติที่เกิดขึ้นเฉพาะท้องถิ่นก็เป็นได้   เอกสารอ้างอิง จิรัสสา คชาชีวะ. “คำ “เมตเตยยะ” ที่เก่าที่สุดที่ได้พบจากหลักฐานประเภทจารึกในประเทศไทย”. ดำรงวิชาการ ๒, ๓ (มกราคม - มิถุนายน ๒๕๔๖) : ๒๙ - ๓๘. ธนกฤต ลออสุวรรณ. “การศึกษาคติความเชื่อของชุมชนโบราณสมัยทวารวดีในลุ่มแม่น้ำแม่กลองและท่าจีน :  กรณีศึกษาจากพระพิมพ์ดินเผา.” วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัย ประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๖.  ปีเตอร์ สกิลลิ่ง และศานติ ภักดีคำ. “จารึกพระสาวกและจารึกพระเจ้าศุทโธทนะ พบใหม่ที่พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี.” ใน เอกสารประกอบการประชุมสัมมนา เรื่อง ความก้าวหน้าใน การศึกษาโบราณคดีและเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี. โรงแรมสองพันบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี,  ๒๔ – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๖. ปัญญา ใช้บางยาง. ๘๐ พระอรหันต์ (ฉบับสมบูรณ์). กรุงเทพฯ : ธรรมสภา, ๒๕๕๒.


ชื่อเรื่อง                      ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏธกถา ขุทฺทกนิกายฏธกถา                                    (ธมฺมปทขั้นต้น, คาถาธมฺมปท) อย.บ.                        244/1หมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ             122 หน้า กว้าง 4.9 ซม. ยาว 54.3 ซม.หัวเรื่อง                       พุทธศาสนา                                                                            บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด 



องค์ความรู้: ความทรงจำแห่งโลกในประเทศไทย จารึกวัดโพธิ์ Epigraphic Archives of Wat Pho จารึกวัดโพธิ์ Epigraphic Archives of Wat Pho มีแผ่นหินที่บันทึกเรื่องราว เป็นภาษาไทยเกี่ยวกับความรู้และสรรพวิชาต่าง ๆ ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การค้าขาย และวัฒนธรรม ทั้งหมด 1,431 แผ่น ในช่วงตั้งแต่ปีค.ศ. 1831-1841 ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อปีพ.ศ.2551 และขึ้นทะเบียนในระดับโลกใน ปีพ.ศ.2554 “วัดโพธิ์” หรือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่ราษฎรสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต่อมาได้ถือว่าเป็นพระอารามหลวงประจารัชกาลที่ 1 และมีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งได้เริ่มมี “จารึกวัดโพธิ์” ขึ้น โดยพระองค์ได้ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระอารามแห่งนี้เป็น “มหาวิทยาลัย” สำหรับประชาชนทั่วไป พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาเอาองค์ความรู้จากปราชญ์ของไทยและสรรพศิลปวิทยาการต่างๆ เช่น ตาราการแพทย์ โบราณคดี และวรรณกรรม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนทั้งหลาย ฯลฯ มาจารึกลงบนแผ่นหินอ่อน ประดับไว้ตามบริเวณผนัง-เสาพระระเบียงรอบพระอุโบสถ พระวิหาร พระวิหารคด และศาลารายรอบพระมณฑปภายในวัด ซึ่งทรงมุ่งหวังให้ยั่งยืนและเผยแพร่ให้ประชาชนศึกษาได้อย่างเสรี เป็นแหล่งเล่าเรียนวิชาความรู้ของมหาชน โดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีหนังสือ ไม่มีโรงเรียน การเล่าเรียนส่วนใหญ่จะมีสอนให้อยู่ตามวัดต่างๆ เท่านั้น พระอารามแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพิ่มเติมจากการเล่าเรียนวิชาสามัญศึกษาที่มีอยู่ตามวัดทั่วไป แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า178 ปี วัดโพธิ์ก็ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้สรรพวิทยา เห็นได้จากความรู้เกี่ยวกับโยคะศาสตร์และตำราการนวดแผนโบราณวัดโพธิ์ เป็นที่รู้จักแพร่หลายออกไปทั่วโลกในปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำเอเชียแปซิฟิก วันที่ 21/2/2551 ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำโลก วันที่ 27/5/2554 ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำประเทศไทย วันที่ 21/12/2558 ข้อมูล/ภาพ: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ


***บรรณานุกรม***  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชนิพนธ์โคลงสุภาษิต  (รวบรวมจากหนังสือ"ดุสิตสมิต") อนุสรณ์งานฌาปนกิจศพ นางทำงน นิธิภาพ(ไล้ โภควณิช) วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พุทธศักราช 2517 กรุงเทพฯ  โรงพิมพ์ธนาคารออมสิน 2517