ค้นหา


รายการที่พบทั้งหมด 37,000 รายการ

เลขทะเบียน : นพ.บ.506/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4 x 54 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 170  (233-242) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ขอเชิญเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร (เขตในกำแพงเมือง : วัดพระแก้ว - วัดพระธาตุ) พร้อมระบบไฟส่องสว่างโบราณสถานยามค่ำคืน ตั้งแต่เวลา ๑๖.๓๐ น. - ๒๐.๐๐ น. เพื่อให้ประชาชนได้สัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ที่สวยงามในช่วงกลางคืน           อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในปี พ.ศ.๒๕๓๔ ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย ภายใต้ชื่อ “เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร” (Historic Town of Sukhothai and Associated Historic Towns) เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรมที่มีความงดงามและเป็นผลงานชิ้นเอกที่ได้รับการสร้างสรรค์จากอัจฉริยภาพด้านศิลปะอย่างแท้จริง รวมทั้งยังเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยากยิ่ง หรือเป็นพยานหลักฐานที่แสดงขนบธรรมเนียมประเพณี หรืออารยธรรมซึ่งยังคงหลงเหลือและปรากฏให้เห็น            ขอเชิญชวนผู้สนใจไปชมความสวยงามยามค่ำคืนของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑๖.๓๐ น. - ๒๐.๐๐ น. ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ๒๐ บาท ชาวต่างชาติ ๑๐๐ บาท





         พระแก่นจันทน์          ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ (ประมาณ ๒๐๐ ปีมาแล้ว)          สมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร          ปัจจุบันประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร          พระพุทธรูปจำหลักจากไม้แก่นจันทน์ ทรงยืนยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างแสดงปางห้ามสมุทร พระพักตร์ค่อนข้างกลม สงบนิ่ง มีครอบพระเศียรบุดุนจากโลหะเงิน พระรัศมีเป็นเปลวสูงทำด้วยทองแดงชุบทอง ทรงครองจีวรห่มเฉียง จีวรทาสีชาด เขียนลายทองก้านแย่งพุ่มข้าวบิณฑ์ใบเทศ ฐานไม้ย่อมุมไม้สิบสองจำหลักลายประดับกระจกต่างสี          พระพุทธรูปองค์นี้สันนิษฐานว่าสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างขึ้น เนื่องด้วยในพระวิหารวัดไพชยนต์พลเสพย์พระอารามที่ทรงสถาปนาขึ้นมีพระพุทธรูปรูปแบบเดียวกันนี้ด้วยอีกองค์หนึ่ง           พระพุทธรูปสลักจากไม้แก่นจันทน์นั้นสร้างขึ้นตามตำนานพระแก่นจันทน์ ที่ระบุว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสร้างขึ้นบูชาแทนองค์พระพุทธเจ้าขณะเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เมื่อครั้งพุทธกาล ซึ่งตำนานดังกล่าวมีหลักฐานที่บันทึกไว้ชัดเจนราวพุทธศตวรรษที่ ๑๐ ในบันทึกของพระภิกษุจีนฟาเหียน และในบันทึกของพระภิกษุเหี้ยนจัง มีการกล่าวถึงตำนานพระแก่นจันทน์ที่มีเนื้อหาต่างกันตรงชื่อบุคคลและสถานที่ในเนื้อเรื่อง           ในสมัยอยุธยามีการสร้างพระพุทธรูปจากไม้จันทน์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ในเอกสาร “คำให้การชาวกรุงเก่า” ระบุว่า ในพระวิหารวัดพระศรีสรรเพชญ์มีการประดิษฐานพระพุทธรูปแก่นจันทน์ และนับถือว่าเป็นหนึ่งในแปดพระพุทธรูปที่ทรงอานุภาพมาก อีกทั้งกล่าวถึงเหตุการณ์ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ภายหลังจากที่พระองค์ทำศึกที่เมืองเชียงใหม่ได้อัญเชิญพระแก่นจันทน์พร้อมกับพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่อยุธยา ดังความว่า “...ครั้นพระนารายน์มีไชยชนะได้เมืองเชียงใหม่แล้ว จึงให้เชิญพระพุทธสิหิงค์กับพระแก่นจันทน์แดงมาประดิษฐานที่พลับพลา ให้มีการมโหรศพสมโภชเปนอันมาก...”     อ้างอิง กรมศิลปากร. พระพุทธรูปสำคัญในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๖๖. รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. รู้เรื่องพระพุทธรูป. พิมพ์ครั้งที่ ๓. นนทบุรี: มิวเซียมเพรส, ๒๕๖๐.



           สำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี ขอเชิญผู้สนใจร่วมงานเสวนาทางวิชาการเรื่อง “กรมศิลปากรขอส่งมอบสระมะโนราคืนให้ชาวลพบุรี” ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี วันพุธที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๗.๐๐ น. ผู้เข้าร่วมฟังการเสวนา จะได้รับชมการแสดงโขน จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร เวลา ๑๙.๐๐ น. ฟรี!!  โดยสามารถลงทะเบียนด้วยการสแกน QR Code หรือทางลิ้ง https://forms.gle/3JYSvWKTQs3EiVFr9 ฟรี!! ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ (*รับจำกัดเพียง ๑๐๐ ท่าน) 



          สุภาพสตรี (หม่อมปริม บุนนุค)           ผลงาน : สุภาพสตรี (หม่อมปริม บุนนุค)           ศิลปิน : พิมาน มูลประมุข           เทคนิค : ประติมากรรมสำริด           ขนาด : สูง 74 เซนติเมตร           ปีที่สร้างสรรค์ : พ.ศ.2470 - 2480           ประวัติ : พิมาน มูลประมุข สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนประณีตศิลปกรรม เป็นศิษย์รุ่นแรกของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ต่อมาเข้ารับราชการในแผนกหัตถศิลป์ กรมศิลปากร ได้รับมอบหมายให้ช่วยงานศาสตราจารย์สิลป์ ในการออกแบบอนุสาวรีย์ที่สำคัญหลายแห่ง พิมานมีความเชี่ยวชาญในการปั้นรูปเหมือนตัวอย่างงานประเภทนี้ได้แก่รูปเหมือนหม่อมปริม บุนนาค เป็นรูปหญิงสาวที่ดูสงบแฝงไว้ด้วยความสุภาพเรียบร้อย (สุธี 2545 : 53) จากผลงานอันเป้นที่ประจักษ์ พิมานจึงได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) เมื่อปี พ.ศ.2531 (ขนิษฐา และคณะ 2535 : 46)           อ้างอิง : หนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป  (Guide to The National Gallery, Bangkok)   ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/nationalgallery/


            สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ขอเชิญร่วมฟังเสวนาทางวิชาการ เนื่องในงานใต้ร่มพระบารมี 242 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ หัวข้อ “ไม่บันทึก...ก็นึกไม่ออก”  วิทยากรโดย ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ, รศ.ดร.พีรศรี โพวาทอง, นางณิชา จริยเศรษฐการ ผู้อำนวยการสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ และนางสาวนวลพรรณ นาคปรีชา นักจดหมายเหตุชำนาญการ ดำเนินรายการโดย นายนพดล ภู่ชัย ผู้อำนวยการกลุ่มบันทึกเหตุการณ์ ในวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567 เวลา 13.00 - 16.00 น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 1 หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร              ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมฟังการเสวนาผ่านการสแกน QR Code หรือกดตามลิงก์ลงทะเบียน https://shorturl.at/itBU6 รับจำนวน 50 ท่าน สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2567 หรือจนกว่าที่นั่งเต็ม https://www.facebook.com/share/p/oMpd8R3xxsCp78yX/?mibextid=WC7FNe


***บรรณานุกรม***    กฎหมายตราสามดวง เล่ม 3 พระนคร  โรงพิมพ์คุรุสภา 2506



วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี   ที่ตั้ง           วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี เป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณมาแต่อดีต ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์กลางของเมืองโบราณสุพรรณบุรี ในท้องที่ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี สาระสำคัญ            วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นวัดที่สำคัญตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรี ด้านทิศตะวันตก บริเวณศูนย์กลางเมืองโบราณสุพรรณบุรี ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ภายในวัดประกอบไปด้วยโบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ พระปรางค์ ซึ่งเป็นเจดีย์ประธานของวัดศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนต้น เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม จำนวน 2 องค์ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของพระปรางค์ อุโบสถ วิหารน้อย และซากเจดีย์รายจำนวน 2 องค์ บริเวณด้านทิศตะวันตกของพระปรางค์ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปหินทรายอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ภายในวิหารด้านหน้าพระปรางค์ ลักษณะทางศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมของพระปรางค์           พระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุสุพรรณบุรี ก่อด้วยอิฐสอดิน ผิวด้านนอกฉาบปูนส่วนฐานทำเป็นชุดฐานบัวลูกฟัก สี่เหลี่ยมย่อมุมซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 4 ชั้น รองรับองค์เรือนธาตุ ลักษณะมุมมีมุมประธานซึ่งมีขนาดใหญ่อยู่กลาง มุมย่อยซึ่งมีขนาดใหญ่อยู่กลาง มุมย่อยซึ่งมีขนาดเล็กกว่าขนาบทั้งสองข้าง           องค์เรือนธาตุสอบโค้งเข้าหาส่วนบน ย่อมุมรับกับส่วนฐาน มีมุมซุ้มจระนำทั้ง 4 ด้าน เฉพาะด้านทิศตะวันออกทำเป็นคูหา ประดิษฐานพระปรางค์จำลอง ผนังห้องคูหาทั้ง 3 ด้านฉาบปูนเรียบ เพดานบุด้วยแผ่นไม้กระดาน และมีบันไดขึ้นสู่คูหาเพียงด้านเดียว หน้าบันเรือนธาตุทำเป็นซุ้มลดซ้อนกัน 2 ชั้น ประดับลวดลายปูนปั้นเป็นรูปมกรและนาค บริเวณชั้นบัวรัดเกล้าปรากฏรูปเทพพนมระหว่างมกรและนาค บริเวณชั้นบัวรัดเกล้าปรากฏลวดลายปูนปั้นเป็นรูปอุบะและกลีบบัว อันเป็นแบบประเพณีนิยมสมัยอยุธยาตอนต้นสามารถเปรียบเทียบได้กับชั้นบัวรัดเกล้าที่พระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา           เหนือขึ้นไปเป็นชั้นเชิงบาตรครุฑแบก ยักษ์แบก แต่ปัจจุบันปรากฏเพียงปูนปั้นรูปยักษ์บริเวณมุมย่อยเท่านั้น นอกจากนี้บริเวณหน้ากระดานของวิมานชั้นแรกยังปรากฏลวดลายปูนปั้นเป็นรูปหงส์ รูปใบไม้ ในกระจกอีกด้วย           ส่วนยอดพระปรางค์ประกอบด้วยชั้นวิมานจำลองซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 7 ชั้น สอบโค้งเข้าหาปลาย บริเวณมุมและด้านประดับด้วยกลีบขนุนและซุ้มบันแถลง ยอดพระปรางค์ประดังด้วยนภศูล           เมื่อ พ.ศ. 2456 ในคราวขุดกรุพระปรางค์วัดนี้ได้พบจารึกลานทองหลายลานด้วยกัน ที่สำคัญคือ จารึกที่กล่าวถึงกษัตริย์สองพระองค์ที่ทรงสร้างและทรงซ่อมพระปรางค์องค์ดังกล่าวไว้ด้วย (จารึกหลักที่ 47) ) ซึ่งอายุของจารึกลานทองแผ่นนี้ นักภาษาโบราณหลายท่าน ( ก่องแก้ว วีรประจักษ์, เทิม มีเต็ม , อุไรศรี วรศะริน ) ให้ความเห็นว่า อักษรในจารึกลานทองแผ่นนี้เป็นรูปอักษรในราวพุทธศตวรรษที่ 24 สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่เมื่อพิจารณาตามข้อความในจารึกและพระนามพระมหากษัตริย์แล้วจะเห็นว่าเป็นพระนามกษัตริย์ในสมัยอยุธยา ขัดกันกับรูปอักษรมาก ในขณะที่พิจารณาทางรูปแบบศิลปกรรมศิลปกรรมขององค์ปรางค์ก็เป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยา จึงมีทางเป็นไปได้ว่า จารึกลานทอง หลักที่ 47 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุนี้เป็นจารึกที่สร้างขึ้นใหม่ โดยใช้อักษรข้อความลอกเลียนแบบจารึกของเดิมซึ่งชำรุด           ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒-๒๕๔๓ ฝ่ายวิชาการ สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้ดำเนินงานขุดค้นบริเวณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พบว่าบริเวณดังกล่าวนี้ปรากฏร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์ในอดีตมาแล้วตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๗