ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,748 รายการ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 34/7ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 34 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 129/7 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 165/6 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
นกยูง…จากความงามสู่ความเชื่อนกยูง (peafowl) เป็นสัตว์ปีกจำพวกไก่ฟ้าขนาดใหญ่ จัดอยู่ในสกุล Pavo มีลักษณะพิเศษ คือ ตัวผู้จะมีหางยาวสีสันงดงามสามารถแผ่ขยายออกเป็นวง หรือที่เรามักเรียกว่า การรำแพนหาง เพื่อใช้เกี้ยวพาราสีตัวเมีย พบได้ทั้งในประเทศอินเดีย ทางตอนใต้ของประเทศจีน และดินแดนแถบเอเชียอาคเนย์ นกยูงจึงเป็นสัตว์ที่ผู้คนในแถบเอเชียคุ้นเคยเป็นอย่างดี ด้วยความสวยงามและลักษณะการรำแพนหางของนกยูงตัวผู้ ทำให้นกยูงถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมของหลาย ๆ วัฒนธรรมมาอย่างช้านานการสร้างงานศิลปกรรมที่มีนกยูงเป็นองค์ประกอบในประเทศไทยเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๖) โดยได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอินเดีย ดังมีการค้นพบลายปูนปั้นรูปนกยูงที่เจดีย์ ตำบลท่าน้ำอ้อย อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ก่อนที่นกยูงจะปรากฏสืบเนื่องมาถึงสมัยหลัง เช่น ในสมัยสุโขทัย มีการเขียนลายรูปนกยูงลงบนเครื่องสังคโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นการตกแต่งเพื่อความสวยงามแล้ว ยังสื่อถึงความหมายในเชิงบวกด้วย เนื่องจากนกยูงได้รับการยกย่องว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสัญลักษณ์มงคลในความเชื่อต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิ ใน มหาโมรชาดก ของพระพุทธศาสนากล่าวถึงเรื่องราวเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นนกยูง หรือในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู นกยูงเป็นบริวารของเทพเจ้าหลายองค์ และเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ความสูงส่ง และความรัก คล้ายคลึงกับวัฒนธรรมจีนที่นับถือนกยูงว่าเป็นบริวารของเจ้าแม่กวนอิม ทั้งยังหมายความถึงพระอาทิตย์ ความรัก และความเมตตา จึงมีการปักรูปนกยูงลงบนเสื้อผ้าของชนชั้นสูงเพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงนำหางนกยูงมาประดับหมวกเพื่อแบ่งลำดับขั้นของขุนนาง ในขณะที่ชาวเปอร์เซียเปรียบนกยูงเป็นตัวแทนของกษัตริย์และพลังอำนาจ ส่วนชาวกรีก - โรมันเชื่อว่านกยูงเป็นผู้ลากราชรถของเทพีเฮร่า และชาวคริสต์ที่เชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอมตะ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 19/7ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 44 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีการจัดงานอะเมซิ่งมวยไทยเฟสติวัล เพื่อบันทึกสถิติโลก (Guinness World Records) “ไหว้ครูมวยไทย” ณ อุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งวันนี้หอสมุดแห่งชาติฯนครราชสีมา ก็ขอนำทุกท่านไปรู้จักกับมวยไทย สายโคราชบ้านเอ็งเพิ่มเติมอีกซักนิดนะคะ ซึ่ง “มวยโคราช” เป็นหนึ่งในสายมวยไทยที่มีความแข็งแกร่งที่สุด จนมีคำกล่าวที่ว่า “หมัดหนักโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา”
มวยโคราช เป็นมวยที่มีในประวัติศาสตร์ไทยมาช้านาน เป็นศิลปะมวยไทยที่มีชื่อเสียงตลอดมา เท่ากับมวยลพบุรี มวยท่าเสา (อุตรดิตถ์) และมวยไชยา ซึ่งนักมวยจากหัวเมืองโคราชได้สร้างชื่อเสียงจากการไปแข่งขันชกมวยในพระนคร ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยชกชนะนักมวยภาคอื่นๆ นับไม่ถ้วน ซึ่งล้วนแต่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะหมัดเหวี่ยงควาย หรือ หมัดเขวี้ยงควาย ซึ่งถือเป็นกลวิธีและอาวุธที่สำคัญของแม่ไม้มวยโคราช ซึ่งท่าหมัดนี้ เป็นมวยเตะต่อยวงกว้าง ป้องกันตัวเองด้วยการใช้แขนโจมตีไปที่หน้าคู่ต่อสู้ เป็นหมัดชกวงกว้างที่หนักหน่วง จนสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในหมัดเดียวค่ะ
จัดทำโดย
นางรสสุคนธ์ ตั้งนภากร
บรรณารักษ์ชำนาญการ
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง พระมโหสถ
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ -
สำนักพิมพ์ -
ปีที่พิมพ์ -
จำนวนหน้า ๑๒๐ หน้า
หมายเหตุ สข.๐๒๑ หนังสือสมุดไทยขาว อักษรไทย ภาษาไทย เส้นหมึก
(เนื้อหา) เนื้อเรื่องกล่าวถึงพระราชาพระนามว่าวิเทหะ เสวยราชสมบัติในกรุงมิถิลามีบัณฑิต ๔ นายคือเสนกะ ปุกกุสะ กามินทะ และเทวินทะ ต่อมาพระโพธิสัตว์ถือกำเนิดขึ้นในบ้านปาจีนยวมัชฌคามเวลาเกิดมีแท่งยา แท่งหนึ่งวางอยู่ในมือด้วย ต่อมาก็รักษาบิดาที่เป็นโรคปวดศีรษะให้หายได้ กาลต่อมาก็สามารถใช้ยารักษาคนทั่วไปให้หายจากโรคต่างๆ และปรากฏกิตติศัพท์ในความเป็นผู้เฉลียวฉลาด
ชื่อผู้แต่ง ไตรภูมิ
ชื่อเรื่อง ไตรภูมิ(ฉบับย่อความ) อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพคุณแม่ทองคำ สิมารัตน์
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์อักษรพิทยา
ปีที่พิมพ์ ๒๕๓๕
จำนวนหน้า 142 หน้า
เรื่องไตรภูมินี้ เป็นวรรณกรรมที่สมเด็จพระสุริยมหาธรรมราชาธิราช (พญาลิไท) พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงสุโขทัย ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีระกา พุทธศักราช ๑๘๙๖ มาถึงสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดให้สร้างสมุดภาพไตรภูมิขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๓๑๙ ให้สมเด็จพระสังฆราช ทรงกำกับการเขียนให้ถูกต้องตรงตามพระบาลี โดยเคร่งครัดทุกประการ เรื่อง ไตรภูมิ นับว่าเป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในประวัติวรรณกรรมในยุคสุโขทัย เป็นที่รู้จักแพร่หลายมาถึงสมัยอยุธยา ธนบุรีและรัตนโกสินทร์
เลขทะเบียน : นพ.บ.446/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 34 หน้า ; 4.5 x 58 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 158 (149-162) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : ฌาปณกิจฺจานิสสณา--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.595/1 ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 5 x 59 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 191 (385-391) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : กฐินขัน--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ส่งเสริมการอ่านผ่าน Facebook กับหอสมุดแห่งชาติชลบุรี
เรื่อง นางสงกรานต์ ปี ๒๕๖๖
ศีรษะนางแมว
ศิลปะรัตนโกสินทร์ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๐
สมบัติของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) เจ้าจอมมารดามรกฎในรัชกาลที่ ๕ มอบให้เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๙
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ พระที่นั่งทักษิณาภิมุข หมู่พระวิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ศีรษะนางแมว (หัวโขนนางวิฬาร์) ประดิษฐ์ด้วยโลหะทองแดง ประดับแก้ว โดยลักษณะของนางวิฬาร์ น่าจะตรงกับคุณลักษณะแมวสายพันธุ์โกญจาซึ่งมีขนสีดำละเอียด นัยน์ตาสีดอกบวบ
ศีรษะนางแมว ใช้สำหรับแสดงละครนอกเรื่อง ไชยเชษฐ์ นิทานพื้นบ้านที่มามาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และมีผู้นำนิทานเรื่องนี้มาเล่นเป็นละครเพราะเรื่องราวที่สนุกสนาน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงนำนิทาน เรื่องไชยเชษฐ์ มาพระราชนิพนธ์เป็นบทละครนอก เดิมละครนอกเป็นละครที่ราษฎรเล่นกัน ผู้ชายแสดงเป็นตัวละครทั้งหมด พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องไชยเชษฐ์ เพื่อให้เป็นบทละครนอกของหลวง และโปรดให้ผู้หญิงที่เป็นละครหลวงแสดงอย่างละครนอก
หัวโขนนางวิฬาร์นี้ เดิมเป็นของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง ผู้ก่อตั้งคณะละคร และโรงละคร “ปรินซ์เธียร์เตอร์” (Prince Theatre) กระทั่งถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๗ เครื่องละครส่วนหนึ่งตกเป็นมรดกของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม* ซึ่งเจ้าจอมมารดามรกฎ (ธิดา) ได้นำมาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ดังปรากฏใน “หนังสือราชการ ปี ๑๑๕ เรื่องศีศะละครที่ส่งไปไว้ในพิพิธภัณฑ์” ระบุรายการเครื่องละครทั้งสิ้น ๑๘ รายการ และหนึ่งในรายการเครื่องละครที่ส่งมาให้แก่ทางพิพิธภัณฑ์คือ “ศีรสะแมว ๑”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งถึงเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค)** ลงวันที่ ๓ ตุลาคม ร.ศ. ๑๑๕ มีข้อความตอนหนึ่งว่า
“...ด้วยมรกฎ นำชฎาหน้าโขน กระบังหน้า เครื่องลครของเจ้าพระยามหินธรศักดิธำรงมาให้ สำหรับตั้งไว้ในโรงพิพิธภัณฑ์ตามความปรารถนาของพ่อเขา ซึ่งได้สั่งไว้ว่า ถ้าลูกชายเพ็ญ [หมายถึง พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒน์พงศ์] ไม่ได้เล่นลครต่อไปแล้ว อย่าให้ ฃายสิ่งของเหล่านี้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ให้นำมาถวายสำหรับตั้งไว้ในโรงพิพิธภัณฑ์...”
ทั้งนี้พระองค์ทรงมีความเห็นว่าควรตั้งไว้ในตู้กระจกอีกด้วย และเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลถึงพระราชกระแสเรื่องตั้งเครื่องละครไว้ในตู้กระจก ความว่า
“...ในส่วนที่ควรจะมีตู้กระจกนั้น ถ้าท่านผู้ให้ [หมายถึง เจ้าจอมมารดามรกฎ] ส่งมาแต่ชะฎาน่าโขน หรือกระบังน่าเปล่าแล้ว จะได้รับประดับตู้สำหรับมิวเซียมไว้ตู้หนึ่งต่างหาก...”
*พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๔๑ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ กับเจ้าจอมมารดามรกฎ (ธิดาของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล))
** เสนาบดี กระทรวงธรรมการ
อ้างอิง
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๕ บ.๑๑/๑๐. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๕ เบ็ดเตล็ด เรื่อง พิพิธภัณฑต่างๆ ในกรุงสยาม (๔ กุมภาพันธ์ ๑๑๑ - ๓ ตุลาคม ๑๑๗).
ไพโรจน์ ทองคำสุก. “แมว: วิฬาร์ในการแสดงละครนอกเรื่องไชยเชษฐ์.” ศิลปากร. ๕๒, ๑ (มกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒): ๔-๑๗.
โบราณสถาน "ถ้ำวัวแดง" ที่อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา
ถ้ำวัวแดง เป็นโบราณสถานที่มีลักษณะเป็นถ้ำเพิงผาหินทรายสีแดง ภายในถ้ำมีภาพสลักนูนต่ำเป็นรูปพระศิวะ พระหัตถ์ขวาถือตรีศูลย์และพระแม่อุมาประทับบนหลังโคนนทิ (อุมามเหศวร) ด้านหน้าโคนนทิสลักเป็นรูปเทพนั่งคุกเข่าทำท่าแสดงความความเคารพ 2 องค์ ด้านท้ายของโคนนทิ มีเทพบริวารถือจามรและบังแทรก (บางท่านว่าเป็นพัดโบก)ลายหางนกยูง 2 องค์ และเทพบริวารยืนพนมมือ 3 องค์
อ.มานิต วัลลิโภดม ภัณฑารักษ์เอกผู้นำทีมสำรวจได้ระบุว่า ลักษณะผ้านุ่งของพระศิวะและนางอุมาคล้ายกับประติมากรรมรูปสตรีที่พบจากปราสาทบ้านถนนหักด้วย จึงกำหนดอายุให้ภาพสลักนี้มีอายุในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 (ราวคริสตศตวรรษที่ 11) หรือเมื่อประมาณ 950 ปีมาแล้ว
เป็นที่น่าเสียดายว่าภาพสลักได้ถูกกะเทาะและโจรกรรมไปบางส่วน ทำให้ปัจจุบันต้องมีการสร้างลูกกรงเหล็กล้อมภาพสลักเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวในสุดสัปดาห์ ถ้ำวัวแดงนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากผาสามเกลอ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกเหนือเขื่อนลำแซะที่สวยงามอีกจุดนึงในอำเภอครบุรี