ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 41,342 รายการ


องค์ความรู้เรื่อง : โบราณสถานวัดปทุมคงคาราม (วัดนกออก) อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา   อีกหนึ่งเพชรเม็ดงามทางวัฒนธรรมของอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา กับความงามของอุโบสถเก่า พร้อมภาพจิตรกรรมบนเพดาน ณ วัดปทุมคงคาราม (วัดนกออก) ตำบลนกออก กันครับ   อุโบสถเก่า หลังนี้ มีขนาดความกว้าง 6 เมตร และยาว 9 เมตร ก่ออิฐถือปูน ส่วนฐานแอ่นโค้งเล็กน้อย สันนิษฐานว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากอุโบสถเก่า วัดหน้าพระธาตุ ตำบลตะคุ อำเภอปักธงชัย ส่วนหลังคาเป็นทรงจั่วมุงด้วยกระเบื้องดินเผา ปลายจั่วหน้าบันประดับปูนปั้นเป็นหน้าบุคคล บริเวณผนังเจาะหน้าต่างด้านละ 2 ช่อง มีประตูทางเข้า-ออกเฉพาะด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว ซึ่งก่อเป็นซุ้มยื่นออกมา เสาซุ้มทำเสาโค้งลาดยื่นออกมาด้านล่าง กรอบซุ้มด้านบนประดับลวดลายไม้ และสลักรูปรังผึ้งแบบอีสานแต่ใช้ลายกระจังหูหรือกระจังปฏิญาณห้อยปลายไว้ตรงกลาง ด้านข้างทำโค้งแยกออกไป ประดับด้วยกระจกอังวะสีเขียว บานประตูแกะสลักเเละปิดกระจกลวดลายแบบจีน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ปางมารวิชัย นามว่า "พระพุทธมุนีศรีปทุมคงคา" เป็นพระประธาน    สำหรับ #จิตรกรรม ด้านใน หลงเหลือเฉพาะบนเพดาน เขียนด้วยสีฝุ่น จากภาพสันนิษฐานว่าจิตรกรได้รับแรงบันดาลใจจากงานช่างสมัยอยุธยา เเละสมัยรัตนโกสินทร์ ราวรัชกาลที่ 4-5 ผสมผสานกับฝีมือช่างพื้นถิ่น โดยเขียนภาพเล่าเรื่องป่าหิมพานต์ ดวงดารา เเละลายพันธุ์พฤกษา ซึ่งมีสภาพเกือบสมบูรณ์   ด้านหน้าอุโบสถเก่าพบเจดีย์หรือธาตุทรงระฆัง ผังสี่เหลี่ยมจตุรัส ในวัฒนธรรมล้างช้าง หรือเป็นที่รู้จักกันในทางสถาปัตยกรรมว่า "ธาตุแบบบัวเหลี่ยม" จำนวน 2 องค์  ถัดไปทางด้านทิศใต้ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร พบหอไตรกลางน้ำร่วมด้วยครับ   ปัจจุบัน อุโบสถเก่า ธาตุเจดีย์ เเละหอไตรกลางน้ำได้รับการประกาศขึ้นทะเบียน พร้อมกำหนดขอบเขตโบราณสถาน ในชื่อ "โบราณสถานวัดคงคาราม" มาตั้งเเต่ปี 2539   หากมีโอกาสก็ขอเชิญชวนแฟนเพจทุกท่านเข้ามาชมอีกหนึ่งเพชรเม็ดงามทางวัฒนธรรมของอำเภอปักธงชัยบ้านเอ๋งกันนะครับ   เรียบเรียงนำเสนอโดย นายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีปฏิบัติการ


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 136/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 172/2กเอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           51/5ประเภทวัดุ/มีเดีย                          คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                28 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง                                       พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


YANTRA by Cedric ARNOLD “ยันต์” โดย เซดริก อาร์โนลด์ เป็นส่วนท้ายสุดของนิทรรศการ “Trance/Figuration : Tattoos From Birth to Death” (สะกดร่าง/สักลาย : ลายสักจากกำเนิดสู่ความตาย) นิทรรศการในส่วนนี้จะนำผู้ชมดำดิ่งสู่โลกของภวังค์ (Trance) ผ่านภาพถ่ายและภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมการสักยันต์แบบโบราณของไทย เซดริกได้ติดตามและเฝ้าสังเกตสำนักสักยันต์ที่มีชื่อเสียงของไทย โดยให้ความสนใจไปที่สำนักของอาจารย์ต๋อย วัดทองใน (พระโขนง) และพิธีไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ (นครปฐม) ภาพยนตร์ 4K ความยาว 23.30 นาทีนี้ ถ่ายทอดมุมมองของเซดริกที่มีต่อวัฒนธรรมการสักยันต์ของไทยด้วยภาพและเสียง ประกอบกับการสร้างบรรยากาศของห้องชมภาพยนตร์ให้เงียบสงบและดูลึกลับในเวลาเดียวกัน ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสและเข้าถึงภวังค์ด้วยตนเองอย่างเต็มอรรถรส โดยเฉพาะอาการ “ของขึ้น” หรือการเปลี่ยนผ่านสภาวะจิตของผู้สักยันต์ไปสู่จิตวิญญาณอื่นตามรูปลักษณ์ที่สักลงบนร่างกาย เซดริก อาร์โนลด์ (Cedric ARNOLD) เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศส ที่พำนักในกรุงเทพมหานครมากว่า 20 ปี มีผลงานทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ปลุกเร้าความรู้สึกของผู้ชมด้วยเทคนิคทางภาพและเสียง โดยมีหัวเรื่องและความสนใจเกี่ยวกับการรับรู้เรื่องเวลา ความทรงจำ และความเป็นจริงของมนุษย์ นิทรรศการ “Trance/Figuration : Tattoos From Birth to Death” เปิดให้เข้าชมถึงวันที่ 21 สิงหาคม 2565 ณ อาคารนิทรรศการ 6 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ในวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น. (หยุดวันจันทร์ วันอังคาร วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดตามประกาศของรัฐบาล) Thank you for the installation views : https://www.instagram.com/p/CfgtwodpaSU/


เลขวัตถุ ชื่อวัตถุ ขนาด (ซม.) ชนิด สมัยหรือฝีมือช่าง ประวัติการได้มา ภาพวัตถุจัดแสดง 39/2553 (17/2549) ขวานหินขัด มีบ่า ด้านหนึ่งขัดเรียบ อีกด้านหนึ่งมีรอยกะเทาะ ย.7.2 ก.4.5 หิน สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว   ได้จากบ้านเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จ.นครนายก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2539


เลขทะเบียน : นพ.บ.478/1ขห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 42 หน้า ; 4.5 x 56.5 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 162  (195-204) ผูก 1ข (2566)หัวเรื่อง : มหามูลลนิพาน--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม



                   ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖ วันแห่งการสถาปนา “กรุงรัตนโกสินทร์” และวันยกเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเวลา ๒๔๑ ปี ทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี จึงเรียบเรียงเรื่องราวสำคัญนี้ขึ้นมา เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี           เป็นเรื่องราวก่อนวันสถาปนา “กรุงรัตนโกสินทร์” รัชสมัยที่ราชธานียังคงเป็น “กรุงธนบุรี”ปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่เกิดการจลาจลขึ้นในกรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก หรือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ระงับจลาจลราบคาบ และทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ในวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๓๒๕           และนำไปสู่เหตุการณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งต่อรัชสมัย “กรุงรัตนโกสินทร์” นั้นคือ เหตุการณ์การย้ายราชธานี โดยราชธานีใหม่นั้นก็คือ “กรุงเทพมหานคร” หรือชื่อเต็มในขณะนั้นเรียกกันว่า “กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้อธิบายถึงสาเหตุของการย้ายราชธานีในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ไว้ว่า           “ฝั่งฟากตะวันออก (กรุงเทพฯ) เป็นที่ชัยภูมิดีกว่าที่ฟากตะวันตก (กรุงธนบุรี) โดยเป็นแหลมมีลำแม่น้ำเป็นขอบเขตต์อยู่กว่าครึ่ง ถ้าตั้งพระนครข้างฝั่งตะวันออก (กรุงเทพฯ) แม้นข้าศึกยกมาติดถึงชานพระนครก็ต่อสู้ป้องกันได้ง่ายกว่าอยู่ข้างฝั่งตะวันตก (กรุงธนบุรี) ฝั่งตะวันออก (กรุงเทพฯ) นั้นเสียแต่เป็นที่ลุ่ม เจ้ากรุงธนบุรีจึงได้ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตก (กรุงธนบุรี) ที่เป็นดอน แต่ก็เป็นที่ท้องคุ้งน้ำเซาะทรุดพังอยู่เสมอไม่ถาวร พระราชนิเวศน์มนเทียรสถานเล่า ก็ตั้งอยู่ในอุปจาร ระหว่างวัดแจ้งและวัดท้ายตลาดขนาบอยู่ทั้ง ๒ ข้าง ควรเป็นที่รังเกียจ ” โดยสรุปสาเหตุที่ย้ายราชธานีเพราะ          ๑. ที่ตั้งราชธานีใหม่ (กรุงเทพฯ) อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่นํ้าเจ้าพระยา เป็นพื้นที่กว้างขวางเป็นชัยภูมิที่เหมาะแก่การป้องกันตัวเองจากข้าศึก          ๒. ที่ตั้งราชธานีเดิม (กรุงธนบุรี) อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่นํ้าเจ้าพระยาเป็นที่ที่นํ้าเซาะ          ๓. ราชธานีเดิม (กรุงธนบุรี) มีวัดขนาบทั้งสองข้างไม่เหมาะแก่การที่จะขยายพระราชวังออกไปได้อีก           ในวาระการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๔๑ ปี ในวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖ นี้ ถือเป็นโอกาสดีที่คนไทย โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ จะได้เรียนรู้และสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดความรักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม




เมื่อวันวิสาขบูชา 3 มิ.ย. ที่ผ่านมาใครได้มาเวียนเทียนที่เขาคลังนอกบ้างเอ่ย ก่อนงานกิจกรรมเวียนเทียนช่วงเวลาราว 5 โมงกว่าๆ มีการแสดงการละเล่นนางควาย จากคณะกลุ่มบ้านนางรำนางตะกรุดด้วยนะ ใครได้ดูบ้าง มิตรรักแฟนเพจหลายท่านอาจรู้จักการละเล่นนี้แล้ว บางท่านอาจจะยังไม่รู้จัก ตอนแอดฯได้ดูครั้งแรกยังอเมซซิ่งเลย ม่ะ เดี๋ยววันนี้แอดฯจะพาไปทำความรู้จักการละเล่นนี้กัน ขอขอบคุณข้อมูลจาก  คุณอรณิชา ศรีไพร ประธานกลุ่มบ้านนางรำนาตะกรุด ผู้ช่วยศาสตราจารย์จันทร์พิมพ์ มีเปี่ยม ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปาริชาติ ลาจันนนท์ ประธานหลักสูตรสาขาวิชานาฏศิลป์และศิลปะการแสดง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ นายวิโรจน์ หุ่นทอง นักวิชาการวัฒนธรรม สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ อ้างอิง นันทนิตย์ อนุศาสนะนันท์. (2549). “ควายกับคน” ความสัมพันธ์ในสังคมไทย : ศึกษาผ่านตำนาน เรื่องเล่า ประเพณี พิธีกรรม และวิถีชีวิตควายที่เปลี่ยนไป. ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, กรุงเทพฯ ภัทราวัน ศิริวาส. (2550). การจัดการทรัพยากรโบราณคดี เมืองโบราณนครไทย ต.นครไทย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กรณีศึกษาวัดเหนือ วัดกลาง วัดหัวร้อง และศูนย์วัฒนธรรมอำเภอนครไทย. ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (โบราณคดี) ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, กรุงเทพฯ โสภณ ลาวรรณ, แก้วกร เมืองแก้ว, ธีรวัฒน์ วีระวิทยานันต์, และ พิจิกา เนศปองธรรม. (2560,ธันวาคม). นางด้งนางควาย Nangdong-Nangkway. รายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการระดับชาติครั้งที่ 4, สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร หน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่นจังหวัดเพชรบูรณ์.(2564) รายงานการศึกษาพื้นที่ย่านชุมชนเก่า บ้านนาตะกรุด ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์.สืบค้น 22 มิถุนายน 2566.จาก chrome-extension://efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj /https://artculture.pcru.ac.th/ebooks/documents/35.pdf แหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์ Possessed by buffaloes: Kebo-keboan ceremony in Banyuwangi, East Java https://www.itinari.com/possessed-by-buffaloes-kebo... Kebo-Keboan, A Unique Sacred Ritual in Banyuwangi https://steemit.com/.../kebo-keboan-a-unique-sacred... https://commons.wikimedia.org/w/index.php?search=Kebo-keboan&title=Special:MediaSearch&go=Go&type=image FUNERAL RITUALS IN TANA TORAJA – BUFFALO & BLOODSHED https://www.experiencetravelgroup.com/.../buffalo.../ High price of death in Toraja Land Costly and macabre funeral rites are a dying tradition for Sulawesi's young https://asia.nikkei.com/.../High-price-of-death-in-Toraja...


องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม เรื่อง "พระคเณศ" ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม เผยแพร่ข้อมูล : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0EuGbnawdSDdncS8kF15yMvSJGE7EgNkLeEicfcZuWJvuW1JAmyJNJfQBbHf8KvHel&id=100057533676734&mibextid=Nif5oz  


           นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกองโบราณคดี กรณีพระพุทธรูปปูนปั้นโบราณ ปางมารวิชัย บริเวณพระระเบียง พระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม และพระพุทธรูปหินทราย วัดแจงร้อน เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ เกิดความชำรุดเสียหาย ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2564 วัดอรุณราชวราราม เคยมีหนังสือขอความอนุเคราะห์กรมศิลปากรเกี่ยวกับการบูรณปฏิสังขรณ์พระระเบียง พระพุทธรูป และจิตรกรรมฝาผนังภายในพระระเบียง วัดอรุณราชวราราม กรมศิลปากรได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มอนุรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรม กองโบราณคดี  เข้าสำรวจสภาพความชำรุดเสียหายของพระพุทธรูปปูนปั้นโบราณปางมารวิชัย และจิตรกรรมกรรมฝาผนังบริเวณพระระเบียง พบว่า ความชำรุดดังกล่าวเกิดจากการใช้วัสดุผิดประเภทในการซ่อมแซม ทำให้เกิดความชื้น ซึ่งกรมศิลปากรได้แจ้งสาเหตุของความชำรุดเสียหายดังกล่าวกับทางวัดเรียบร้อยแล้ว โดยทางวัดจะเป็นผู้ดำเนินการใช้งบประมาณของทางวัดในการบูรณะ            สำหรับกรณีสภาพความชำรุดเสียหายพระพุทธรูปหินทราย ภายในวิหารวัดแจงร้อน เขตราษฎร์บูรณะนั้น ปี พ.ศ. 2565 กรมศิลปากร ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจสภาพพระพุทธรูป พบว่า มีปัญหาจากความชื้นและเกลือขั้นรุนแรง จึงได้ให้คำแนะนำทางวัดถึงแนวทางการซ่อมแซม ซึ่งในการอนุรักษ์ประติมากรรมประเภทหินทราย จะต้องรีบลดความชื้นโดยด่วน ก่อนที่จะดำเนินการบูรณะในขั้นตอนต่อไป 



Messenger