ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

ชื่อเรื่อง : จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวภาค 23 นางฉอ้อน รักวานิช และ บุตร,ธิดา พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นายขันลือ รักวานิช ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2510 ชื่อผู้แต่ง : จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จ ปีที่พิมพ์ : 2510 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์เลี่ยงเซียงจงเจริญจำนวนหน้า : 124 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้น เนื่องด้วย นางฉอ้อน รักวานิช และบุตร ธิดา พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นายขันลือ รักวานิช ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2510 เป็นเรื่องของทรงบันทึกพระราชกรณียกิจประจำวันตั้งแต่วันศุกร์ แรม 13 ค่ำ เดือนยี่ ปีจออัฐศก จุลศักราช 1248 ถึงวันอังคาร ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 7 ปีกุนนพศก ศักราช 1249


ชื่อผู้แต่ง           อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพนางหลง บุรณเวช (นางบริบูรณ์ เวชสาส์น)  ชื่อเรื่อง             อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพนางหลง บุรณเวช (นางบริบูรณ์ เวชสาส์น)   ครั้งที่พิมพ์        - สถานที่พิมพ์     กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์       ศักดิ์โสภาการพิมพ์ ปีที่พิมพ์           ๒๕๓๒ จำนวนหน้า      ๑40 หน้า     ประวัติ นางหลง  บุรณเวช (นางบริบูรณ์เวชสาส์น) นางหลงบูรณเวช เป็นธิดาของนายฮอและนางหุ่น ยิ่งวาณิช เกิดวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๑ (ตรงกับปีชวด) ที่คลองบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี มีพี่น้อง รวม ๒ คน นางหลงได้สมรสกับหลวงบริบูรณ์ เวชสาส์น (ติ๊ดง้วน  บุรณเวช) มีบุตรธิดารวม ๔ คน


เลขทะเบียน : นพ.บ.445/1คห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 26 หน้า ; 5 x 58 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 158  (149-162) ผูก 1ค (2566)หัวเรื่อง : แทนน้ำนมแม่--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.594/2                       ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4.5 x 58 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 191  (385-391) ผูก 2 (2566)หัวเรื่อง : วัตถุปูคำ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ส่งเสริมการอ่านผ่าน Facebook กับหอสมุดแห่งชาติชลบุรี เรื่อง Failed it เฟลอีก เคสเซลส์, อีริก. Failed it เฟลอีก แปลโดย ศศิพันธ์ โควาวิเศษสุด. กรุงเทพฯ: ช็อร์ตคัต, 2563. ห้องหนังสือทั่วไป 1 เลขเรียกหนังสือ 658 ค783ฟ คงไม่มีใครคาดคิดว่าความล้มเหลวและผิดหวังจะสร้างประสบการณ์ การเรียนรู้ ช่วยทำให้เราเติบโตทางความคิดและการดำเนินชีวิตนำพาไปสู่ความสำเร็จและเป้าหมายที่ตั้งไว้ แน่นอนว่าไม่มีใครหลีกเลี่ยงความผิดพลาดล้มเหลวได้ แต่ข้อดีก็คือเราจะได้ประสบการณ์จากสิ่งนั้น นำไปพัฒนาและหาหนทางที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายเป็นความสำเร็จ Failed it เฟลอีก เล่มนี้ ผู้เขียนพาเราไปพบกับ การเผชิญหน้ากับความล้มเหลวและเรียนรู้จากความผิดพลาด โดยไม่ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมนุษย์ทุกคนเคยผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การโทรผิดเบอร์ การลืมจ่ายเงิน ไปจนถึงเรื่องใหญ่หลวงที่อาจส่งผลร้ายถึงขั้นต้องจบอาชีพของตัวเองลง รวมไปถึงการเผชิญความโชคร้ายต่างๆ ในทุกๆ ความผิดพลาดจะทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ให้เราเรียนรู้เสมอ และทุกๆ ความผิดพลาดย่อมมีทางบรรเทาและคลี่คลาย จนเรียกได้ว่าเราทุกคนเติบโตได้จากความผิดพลาด เสมือนเป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่เป็นก้าวแรกที่นำไปสู่ความสำเร็จ แล้วเมื่อใดที่จะถือว่าความผิดพลาดนั้นนำมาซึ่งความสำเร็จ คำตอบคือ เมื่อคุณได้เรียนรู้และพยายามเอาชนะ ด้วยการลองทำซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้เกิดจุดบอดน้อยที่สุด การกระทำนี้ต้องอาศัยความอดทน มานะ และพยายาม แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นสัจธรรมของชีวิต นั่นคือ ไม่มีใครมีภูมิคุ้มกันความล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นคนฉลาด คนที่ประสบความสำเร็จ หน้าตาดี หรือคนที่มีความสามารถ ทำให้หลายคนไม่กล้ารับความเสี่ยงจนพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งในบางครั้งอาจลืมไปว่าความสมบูรณ์แบบไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง เพียงแค่กล้าที่จะทำลายกำแพงในใจเพื่อเปิดรับสิ่งใหม่ ละทิ้งความคิดครอบงำว่าเราจะต้องเป็นแบบนั้นทำแบบนี้ แล้วก้าวออกมามองหาแรงบันดาลใจเพื่อขับเคลื่อนพลังกาย พลังใจ และความคิดสร้างสรรค์ และอย่ากลัวหากจะต้องพบกับความล้มเหลวอีกครั้ง ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติชลบุรี (วันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 09.00 - 17.00 น.)


         จารึกหลักที่ ๓ จารึกนครชุม           สมัยสุโขทัย พ.ศ. ๑๙๐๐          สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงได้จากวัดพระบรมธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร นำลงมาที่กรุงเทพฯ เมื่อพ.ศ. ๒๔๒๙          ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้องสุโขทัย อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร          แผ่นศิลาหินทรายแป้งแทรกสลับกับหินดินดาน มีขนาดกว้าง ๔๗ เซนติเมตร สูง ๑๙๓ เซนติเมตร หนา ๖ เซนติเมตร รูปทรงคล้ายกลีบบัว มีข้อความจารึกอักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย ทั้งสองด้าน ด้านที่ ๑ มี ๗๘ บรรทัด และด้านที่ ๒ มี ๕๘ บรรทัด เนื้อหาของจารึกหลักนี้ ด้านที่ ๑ กล่าวว่า ศักราช*ได้ ๑๒๗๙ (ตรงกับพ.ศ. ๑๙๐๐) พญาลิไทได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุจากเมืองลังกามาประดิษฐานไว้ที่เมืองนครชุม** จากนั้นจึงกล่าวถึง “ปัญจอันตรธาน” ซึ่งหมายถึงการเสื่อมของพุทธศาสนาตามลำดับ ๕ ขั้น (แต่ละขั้นมีระยะเวลา ๑,๐๐๐ ปี)*** และเตือนให้พุทธศาสนิกชน หมั่นประกอบบุญกุศลเมื่อพระพุทธศาสนายังดำรงอยู่ เพื่อจะได้ไปพบพระศรีอาริยเมตไตรย ด้านที่ ๒ ของจารึกหลักนี้สภาพชำรุดมาก มีใจความกล่าวสรรเสริญพระธรรมิกราช และการประดิษฐานพระพุทธบาทซึ่งระบุว่าประดิษฐานไว้ที่เมืองสุโขทัย เมืองศรีสัชนาลัย เขานางทองเมืองบางพาน**** และที่เมืองพระบาง*****          สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงได้สอบถามกับพระครูวัดพระบรมธาตุ เมืองกำแพงเพชร ในระหว่างที่พระองค์เสด็จประพาสมณฑลพายัพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ ทรงได้ทราบถึงที่มาของจารึกหลักนี้ ดังข้อความที่ทรงบันทึกไว้เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ความว่า           “...กลับมาแวะวัดมหาธาตุ ถามพระครูถึงเรื่องศิลาจารึกของพระมหาธรรมราชาลิไทย (คือศิลาจารึกหลักที่ ๓) ซึ่งอยู่ในหอพระสมุดฯ ทราบว่าได้ไปจากเมืองกำแพงเพ็ชร แต่ยังไม่ทราบว่าเดิมทีเดียวอยู่ที่ไหน ได้ความจากพระครูชัดเจนว่าศิลาจารึกแผ่นนั้น เดิมอยู่ที่วัดมหาธาตุนี้เอง ตั้งอยู่ในมุขเด็จวิหารหลวง ภายหลังผู้ว่าราชการเมืองกำแพงเพ็ชร เอาไปรักษาที่วัดเสด็จ แล้วจึงส่งลงไปกรุงเทพฯ พระครูได้พาไปดูฐานที่ตั้งศิลาจารึกแผ่นนั้น ยังอยู่ที่มุขเด็จเป็นศิลาแลงแท่งใหญ่ เจาะกลางเป็นช่องเฉพาะฝังโคนศิลาจารึก พิเคราะห์ดูช่องพอได้กับศิลาจารึก เพราะฉะนั้นเป็นรู้แน่ว่าศิลาจารึกแผ่นนั้นพระมหาธรรมราชาลิไทยทำไว้ที่วัดนี้...”     *มหาศักราช **ประดิษฐานไว้ ณ เจดีย์วัดพระบรมธาตุ อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ***ความเสื่อมทางพุทธศาสนาประกอบไปด้วย ๕ ขั้น ได้แก่ ๑.ปฏิเวธอันตรธาน หมายถึงในระยะ๑,๐๐๐ ปี เริ่มมีบุคคลบรรลุเป็นพระอรหันต์น้อยลง ๒.ปริยัติอันตรธาน หมายถึงในระยะ ๑,๐๐๐ ปีต่อมา เป็นความเสื่อมด้านพระธรรมคำสอน ๓.วินัยอันตรธาน หมายถึงในระยะ ๑,๐๐๐ ปีต่อมา พระวินัยของสงฆ์เสื่อมลง ๔.ลิงคอันตรธาน หมายถึงในระยะ ๑,๐๐๐ ปีต่อมาไม่เหลือพระสงฆ์ที่สืบทอดพุทธศาสนา และ๕.ธาตุอันตรธาน หมายถึงในระยะ ๑,๐๐๐ ปีสุดท้ายของพุทธศาสนาจนกระทั่งพระธาตุเสื่อมสลายไป ไม่มีผู้กราบไหว้ และพุทธศาสนาสิ้นสุดเสื่อมสลายไป ****ปัจจุบันคือ บริเวณบ้านวังพาน ตำบลเขาคีริส อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร *****ปัจจุบันคือ บริเวณอำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์     อ้างอิง กรมศิลปากร. จารึกสมัยสุโขทัย. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๒๗. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. อธิบายระยะทางล่องลำน้ำพิง ตั้งแต่เมืองๆเชียงใหม่ถึงปากน้ำโพธิ์. กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๖๒. วินัย พงศ์ศรีเพียร. สุโขทัย ประวัติศาสตร์ จารึกศึกษา และนิรุกติประวัติ เล่มที่ ๑. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๖๓.



เปิดกรุเครื่องทองที่พบจากปราสาทบ้านถนนหัก อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมากันค่ะ ชุดเครื่องประดับทองนี้พบว่ากองรวมกันไว้บริเวณห้องกลางของซุ้มประตูทางเข้า(โคปุระ) ใต้พื้นศิลาแลงขณะเจ้าหน้าที่กำลังบูรณะเสริมความมั่นคงส่วนฐานอาคาร  เครื่องประดับเหล่านี้ทำจากทองคำสลักดุนลายและฝังอัญมณีโดยใช้เทคนิคการฝังแบบหนามเตย สันนิษฐานว่าทำขึ้นเพื่อใช้ถวายเป็นเครื่องประดับแก่รูปเคารพที่เคยประดิษฐานอยู่ภายในห้องครรภคฤหะของปราสาทประธาน จากรูปแบบทางศิลปกรรมและบริบททางโบราณคดีบ่งบอกว่าเครื่องประดับนี้มีอายุราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 (ประมาณ 900 ปีมาแล้ว) โดยมีแรงบันดาลใจจากศิลปะแบบบาปวนที่สืบทอดมาและผสมผสานลวดลายใหม่ที่พัฒนาขึ้นในศิลปะแบบนครวัด   


          กรมศิลปากร ขอเชิญชวนชาวจังหวัดชัยภูมิและผู้สนใจ เข้าร่วมฟัง "การประชุมสรุปผลการดำเนินงานทางวิชาการโบราณคดี เเละประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ" จัดโดยความร่วมมือระหว่างสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ณ ห้องประชุมชั้น ๙ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ           ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือ สำรองที่นั่งได้กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๔๔๔๗ ๑๕๑๘ กด ๒ (ในวันและเวลาราชการ)


        บาตรประดับมุก         ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศักราช ๒๕๖๒         สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ประทานยืมจัดแสดง         ผลงานศิลปกรรมออกแบบและจัดสร้างโดย สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร จัดแสดงในนิทรรศการพิเศษ “เถลิงรัชช์หัตถศิลป์” ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ ๙ มิถุนายน – ๑๗ กันยายน ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. วันพุธ – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร)         ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒  กรมศิลปากรมอบหมายให้สำนักช่างสิบหมู่  ดำเนินการจัดสร้างศิลปกรรมที่ใช้สำหรับงานพระราชพิธี ๑ ชุด  คือ  เครื่องไทยธรรม หมายถึง สิ่งของที่ถวายพระภิกษุสงฆ์ ประกอบด้วย #บาตรประดับมุก และ #หีบประดับมุก (หีบใบใหญ่ภายในบรรจุหีบใบเล็กสามใบ)           โดยเครื่องไทยธรรมชุดนี้ถวายสมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ในวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ในช่วงท้ายของพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์  พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประเคนภัตตาหารแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์  พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์  ทรงหลั่งทักษิโณทก เสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย         บาตรประดับมุก  ประกอบด้วย  บาตร  ฝาบาตร  และเชิงบาตร  บาตรประดับมุกเป็นบาตรทรงมะนาวแป้น  พื้นฝาบาตรประดับมุกทึบเต็มพื้นที่ (ปูพื้นอย่างโมเสก) ประดับเป็นรูปเหลี่ยมเพชร  ฝาบาตรด้านบนประดับด้วยโลหะสลักดุนนูน  ฉลุทองแดงชุบทอง  รูปพระราชลัญจกรประจำรัชกาล  พระจุฬมงกุฎมหาวชิราวุธประดิษฐานบนพานปากกระจับ ๒ ชั้น ประกอบด้านซ้ายและขวาด้วยฉัตรบริวาร  ล้อมด้วยสายสร้อยและดวงตราเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์           รอบฝาบาตรประดับโลหะสลักดุนนูนรูปอัฏฐพิธมงคล หรือ #สัญลักษณ์มงคล ๘ ประการ  ได้แก่ ๑.อุณหิสหรือกรอบหน้า ๒.คทาหรือกระบอง ๓.สังข์ ๔.จักร ๕.ธงชัย ๖.อังกุศหรือขอช้าง ๗.โคอุสภ ๘.กุมภ์หรือหม้อน้ำ สัญลักษณ์ของมงคล ๘ ประการนี้เป็นความเชื่อที่คนไทยแต่โบราณได้รับคติมาจากศาสนาพราหมณ์ฮินดู โดยสิ่งที่เป็นมงคลทั้งแปดนี้ มีความสัมพันธ์เนื่องในพระเป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์       ผู้ที่สนใจกระบวนการสร้างบาตรประดับมุก  สามารถอ่านได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้ https://datasipmu.finearts.go.th/academic/38  


          กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live การแถลงข่าวเมืองโบราณศรีเทพ สู่มรดกโลก  ในวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live :  กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร


แวะเติมความรู้ ดูพระพุทธไสยาสน์ที่เป็นภาพสลักลงบนผนังหินธรรมชาติ  7 แห่งของประเทศไทยสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่นภูมิใจนำเสนอองค์ความรู้ทางวิชาการ เรื่อง พระพุทธไสยาสน์ : งานศิลปะบนหินสมัยประวัติศาสตร์ในประเทศไทย (Reclining Buddha : Historic rock art in Thailand) เรียบเรียงโดยนางสาวทิพย์วรรณ วงศ์อัสสไพบูลย์นักโบราณคดีชำนาญการกราฟิกนางสาวพรพิพัฒน์ เสมาเพชร⋯⋯✧⋯✦⋯⋯✧✦✧⋯⋯✦⋯✧⋯⋯สอบถามหรือแจ้งข้อมูลโบราณสถาน 043-242129 Line: finearts8kk E-mail: fad9kk@hotmail.comพื้นที่ในความรับผิดชอบขอนแก่น เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร


ชื่อเรื่อง                     ภาษาไทย เล่ม 1ผู้แต่ง                       พระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร)ครั้งที่พิมพ์                 2ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ภาษาเลขหมู่                      495.918 ศ276ภสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 สำนักพิมพ์คลังวิทยาปีที่พิมพ์                    2508ลักษณะวัสดุ               794 หน้าหัวเรื่อง                     ภาษาไทย – แบบเรียนภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกในการเรียนภาษาไทยสมัยรัชกาลที่ 5 มีอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นหนังสือที่มีค่าทั้งในด้านประวัติการศึกษา ด้านภาษา และด้านวรรณคดี



           สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ ชวนร่วมกิจกรรมงานเสวนาทางวิชาการ “โบราณคดีเสวนา ประตูช้างเผือก” ร่วมรับฟังองค์ความรู้จากการดำเนินงานขุดค้น - ขุดแต่งทางโบราณคดีประตูช้างเผือก และการเสวนาแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดเห็นต่อแนวทางการอนุรักษ์ และพัฒนาโบราณสถานประตูช้างเผือก ในวันพุธที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ และประตูช้างเผือก           ขอเชิญชวนผู้สนใจมาร่วมรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในงานเสวนาดังกล่าว  สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมล่วงหน้า ผ่านทางสแกน QR CODE ประชาสัมพันธ์ด้านล่าง


black ribbon.