ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 40,721 รายการ

แนะนำหนังสือน่าอ่าน เรื่อง จันทบูร Shining moon. เมธี จึงสงวนสิทธิ์. จันทบูร Shining moon. จันทบุรี: ไชน์นิ่งมูน , 2560. 264 หน้า. ภาพประกอบ. จังหวัดจันทบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 240 กม. ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศไทย ด้วยภูมิประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ป่าไม้ ภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบลุ่มน้ำ ที่ราบชายฝั่งทะเล โดยมีเทือกเขาหลายแห่ง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกที่มีชื่อเสียง เช่น น้ำตกพลิ้ว น้ำตกเขาสอยดาว น้ำตกกระทิง น้ำตกตรอกนอง น้ำตกคลองนารายณ์ อันเป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำหลายสาย ที่ให้ความชุ่มชื้นตลอดทั้งปีเนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ทำให้จันทบุรีที่ไม่ร้อนเกินไปไม่หนาวเกินไป สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าว พืชไร่หลายชนิด และผลไม้เมืองร้อนเกือบทุกชนิด เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ กล้วยไข่ เป็นต้น ซึ่งผลไม้เศรษฐกิจสามารถส่งออกไปให้ผู้บริโภคได้ทั่วโลก โดยมีผลผลิตนับล้านตันต่อปี ประวัติศาสตร์อันยาวนานของจังหวัดจันทบุรี ปรากฏหลักฐานเป็นเมืองเก่าแก่นับแต่สมัยเมืองเพนียด ร่องรอยทางอารยธรรมของโบราณสถานยังคงเล่าขานเรื่องราวความเจริญรุ่งเรืองในอดีต ผ่านกาลเวลามาถึงยุคสำคัญในฐานะเมืองที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงยึดเป็นฐานที่มั่น รวบรวมกำลังไพร่พลเพื่อกอบกู้เอกราช และดำรงอยู่อย่างมั่นคงจวบจนปัจจุบัน ด้วยความเชื่อและความศรัทธาที่มีต่อ 2 ศาสนาหลัก คือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท นิกายมหายาน และศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทำให้กระแสแห่งความศรัทธาที่ไหลหลั่งของศาสนิกชนชาวจันทบุรีก่อเกิด ศาสนสถานที่สำคัญทั้งวัดวาอาราม โบสถ์รอยพระพุทธบาท ล้วนรังสรรค์ด้วยความวิจิตรบรรจงทางสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และประติมากรรม ท่ามกลางวิถีวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรมทางศาสนาและสังคมของชาวจันทบุรีที่ทรงพลังและงดงาม สิ่งเหล่านี้คือมนต์เสน่ห์ที่ทำให้จังหวัดจันทบุรีเป็นเมืองที่มีความสงบสุข ชวนให้หลงใหลที่จะมาเยี่ยมเยียน ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ท 915.9326 ม738จ (ห้องจันทบุรี)





1. วิเคราะห์ประเมินเหตุการณ์2. ศึกษาภูมิหลังเเละประวัติ3. ลงมือบันทึกเหตุการณ์4. รวบรวมเอกสารและโสตทัศน์5. เรียบเรียงต้นฉบับบันทึกเหตุการณ์สำคัญ6. การจัดพิมพ์7. เผยเเพร่8. ประเมินคุณค่าเเละคัดเลือกเอกสารโสตทัศน์9. การทำลาย จัดหมวดหมู่เเละทำเครื่องมือช่วยค้นคว้า 10. ส่งมอบกลุ่มอนุรักษ์เอกสารและกลุ่มเอกสาร      จดหมายเหตุและบริการศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ :  คู่มือวิชาการพื้นฐานการบริหาร          และจัดการงานจดหมายเหตุหน้า 239-281ที่มา : คู่มือวิชาการพื้นฐานการบริหารและจัดการงานจดหมายเหตุ


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           28/4ประเภทวัสดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                               38 หน้า : กว้าง 4.9 ซม. ยาว 54.7 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


องค์ความรู้ ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 28 ธันวาคม” วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม วันนี้มีความสำคัญต่อภาคตะวันออก เพราะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในขณะดำรงตำแหน่งเป็นพระยาวชิรปราการ ได้รวบรวมไพร่พล 500 คน ตีฝ่าวงล้อมข้าศึกออกจากกรุงศรีอยุธยาก่อนเสียกรุง มาตามหัวเมืองภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ตั้งมั่นที่จันทบุรีเพื่อรวบรวมกำลังไปกอบกู้เอกราช หลังจากนั้นได้ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ในวันที่ 28 ธันวาคม วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2311 เป็นวันปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระบรมราชาที่ 4” ซึ่งประชาชนเรียกพระนามว่า “พระเจ้าตากสิน” และได้สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชจากพม่าให้คืนมาแก่ประเทศไทย และเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีเพียงพระองค์เดียว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีพระนามเดิมว่า "สิน” (ชื่อจีนเรียกว่า "เซิ้นเซิ้นซิน) พระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277 ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล บิดาเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว ชื่อ "นายไหฮอง” มารดาเป็นหญิงไทยชื่อ”นางนกเอี้ยง” ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (สมเด็จพระธรรมราชาธิราช ที่ 3) ซึ่งเจ้าพระยาจักรีได้ขอไปอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย ต่อมาเมื่ออายุครบ 13 ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำตัวเด็กชายสิน ไปถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ครั้น พ.ศ. 2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ 3 เดือนเศษ ก็ถวายราชสมบัติแก่สมเด็จพระเชษฐาธิราช "สมเด็จพระบรมราชาที่ 3” (สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์) สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นายสินมหาดเล็กรายงาน เป็นข้าหลวงเชิญท้องตราพระราชสีห์ไปชำระความที่หัวเมืองฝ่ายเหนือซึ่งปฏิบัติราชการได้รับความดีความชอบมากจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวงยกกระบัตร เมืองตาก ช่วยราชการพระยาตากครั้นพระยาตากถึงแก่กรรม ก็ทรงโปรดให้เลื่อนเป็น "พระยาตาก ปกครองเมืองตาก” เมื่อปี พ.ศ. 2309 พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ในสมัยพระเจ้าเอกทัศ และได้เสียกรุงแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 เหตุการณ์ในกรุงศรีอยุธยาขณะนั้นเกิดความระส่ำระสาย ทหารพม่าได้ล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ พระยาตากเห็นว่าคงสู้พม่าไม่ได้แล้ว จึงนำทหารจำนวนหนึ่งตีฝ่าวงล้อมพม่าออกมาทางหัวเมืองภาคตะวันออก จนเข้ายึดเมืองจันทบุรี โดยใช้ช้างพังคีรีกุญชรพังประตูเมือง เข้ายึดเมืองจันท์ได้สำเร็จ เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 7 แรม 3 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เพลา 3 ยามเศษ ตรงกับวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2310 เวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว 2 เดือน และได้รวบรวมกำลังอยู่ที่เมืองจันทบุรี พระยาตากสามารถรวบรวมผู้คนกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมาจากพม่าได้ภายในเวลา 7 เดือน หลังจากได้กอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนจากพม่าได้แล้ว พระองค์ทรงเห็นว่าทางกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าเผาผลาญเสียหายมากและยากที่จะ ฟื้นฟูให้เจริญเหมือนเดิมได้ พระองค์จึงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงธนบรี แล้วทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า “พระบรมราชาธิราชที่ 4” ต่อจากนั้นพระองค์ได้ยกกองทัพไปปราบปรามก๊กต่างๆ จนราบคาบ ทรงใช้เวลารวบรวมอาณาเขตอยู่ 3 ปี คือตั้งแต่ พ.ศ. 2311 - พ.ศ. 2313 จึงได้อาณาเขตกลับคืนมา รวมเป็นพระราชอาณาจักรเดียวกันดังเดิม สมเด็จพระเจ้าตากสิน เสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2325 สิริพระชนมายุได้ 48 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นเวลา 15 ปี นับว่าเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่ปกครองกรุงธนบุรี พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถกอบกู้ประเทศ ชาติให้เป็นเอกราชอิสรภาพตราบเท่าทุกวันนี้ ประชาราษฎร์ผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงยกย่องถวายพระเกียรติพระองค์ท่านว่า“มหาราช” คณะรัฐมนตรีจึงประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่พระองค์ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" และถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" เพื่อยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไทย ผู้กอบกู้เอกราชให้ชาติไทย และได้สร้างอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภรณ์ ประทับเหนืออัศวราชพาหนะ พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ประดิษฐานบนแท่งคอนกรีตเสริมเหล็ก ณ บริเวณวงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี ส่วนที่จันทบุรี มีพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ สวนสาธารณะทุ่งนาเชย อำเภอเมืองจันทบุรี มีรูปลักษณะพระบรมรูปทรงม้าพระที่นั่งออกศึก ทรงเครื่องกษัตริย์นักรบ ขนาดสองเท่าครึ่งพระองค์จริง รอบพระบรมรูปเป็นทหารคู่พระทัยทั้งสี่ คือพระเชียงเงิน หลวงพิชัยอาสา หลวงพรหมเสนา หลวงราชเสน่หา ที่คอยอารักขาอยู่ 4 ด้าน โดยทางกรมศิลปากรนำศิลาจารึกพระนาม สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี มาประทับที่พระบรมราชานุสาวรีย์ แต่ถูกชาวจันทบุรีร่วมกันคัดค้าน ขอให้เปลี่ยนเป็นจารึกพระราชสมัญญานามเสียใหม่ว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา อ้างอิง : ประชิด สกุณะพัฒน์, อุดม เชยกีวงศ์. วันสำคัญ. กรุงเทพฯ : ภูมิปัญญา, 2549. บุญเติม แสงดิษฐ์. วันสำคัญ. กรุงเทพฯ : พัชรการพิมพ์. 2541. ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้ นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี



สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 137/2เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 172/6 เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


ผู้แต่ง             วัดญาณสังวราราม. ชื่อเรื่อง           พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ ครั้งที่พิมพ์       - ปีที่พิมพ์          ๒๕๒๕สถานที่พิมพ์     กรุงเทพฯสำนักพิมพ์       ชวนพิมพ์ จำนวนหน้า      ๑๒๐ หน้า รายละเอียด           หนังสือพระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์นี้ จัดพิมพ์ขึ้นเป็นที่ระลึกในโอกาส พระบาทสมเด็จ       พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ทรงตัดลูกนิมิตอุโบสถ และทรงวางศิลาฤกษ์ พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ ณ วัดญาณสังวราราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้นามนี้ โดยมีความหมายว่า พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระมหาจักรี พระบรมธาตุเจดีย์ สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และบรมราชวงศ์จักรี


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           56/1กประเภทวัดุ/มีเดีย                          คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                84 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง                                       พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           10/3ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              24 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ประยูร อุลุชาฎะ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2471 ที่จังหวัดสมุทรปราการ เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดกลาง (โรงเรียนประจำจังหวัดสมุทรปราการ) ประยูรมีแววเป็นจิตรกรและนักเขียนตั้งแต่เด็ก ฝึกเขียนรูปด้วยการลอกจากหนังสือฝรั่ง ครูเห็นว่ามีฝีมือดี จึงใช้ให้เขียนแผนที่บนกระดานดำ เขียนรูปอวัยวะ และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ จนได้ชื่อว่าเป็น “ช่างวาดของโรงเรียน” พ.ศ. 2486 ประยูรเริ่มเรียนศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง แผนกฝึกหัดครูช่าง พ.ศ. 2488 เข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร จบการศึกษาระดับอนุปริญญาศิลปบัณฑิต สาขาจิตรกรรม พ.ศ. 2495 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ริเริ่มให้มีการก่อตั้งโรงเรียนศิลปศึกษา หรือโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมอบหมายให้ประยูรเป็นผู้ร่างหลักสูตร เขียนตำราเรียน และดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่ ควบคู่กับการสอนที่คณะจิตรกรรมฯ พ.ศ. 2500 ประยูรประสบปัญหาจนต้องลาออกจากราชการ จากนั้นได้เริ่มศึกษาค้นคว้าและเขียนบทความวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดี และโหราศาสตร์ โดยใช้นามปากกาแตกต่างกันไปตามประเภทของหนังสือที่เขียน เช่น น. ณ ปากน้ำ ใช้เขียนเรื่องเกี่ยวกับศิลปะ ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ต่อมาประยูรได้ออกเดินทางสำรวจโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเวลา 5 เดือน เพื่อนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้ผู้คนได้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะไทยมากยิ่งขึ้น ประยูรสร้างสรรค์ผลงานทั้งจิตรกรรมไทยประเพณีและศิลปะสมัยใหม่ ผลงานส่วนใหญ่มีรูปแบบของศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism) และเอ็กเพรสชันนิสม์ (Expressionism) โดยใช้เทคนิคสีน้ำมัน สีน้ำ และสีชอล์ก ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ความประทับใจ ผ่านสีและฝีแปรง เช่น ผลงาน “วัดมหาธาตุ อยุธยา” มีการลดรายละเอียดต่างๆ เหลือไว้เพียงโครงร่างของโบราณสถาน โดยใช้เทคนิคการแต้มและปาดสีซ้ำๆ กัน สีที่แต้มลงไปนั้นมีโครงสีที่โปร่ง บาง สะอาดสดใส ประสานกันอย่างนุ่มนวล ผลงาน “จันทบุรี” เป็นผลงานที่สร้างชื่อให้แก่ประยูรเป็นอย่างมาก เป็นภาพทิวทัศน์จากมุมสูง ไม่เห็นรายละเอียดมากนัก เน้นการแสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึกตามบรรยากาศของแสงและสีแบบผลงานแนวอิมเพรสชันนิสม์ ลักษณะของฝีแปรงมีความรวดเร็ว แม่นยำ และมีชีวิตชีวา สีสันที่เลือกใช้มีความสดใสและสอดประสานกันเป็นอย่างดี มีการให้น้ำหนักของสีแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างระยะใกล้ไกลให้กับภาพ ผลงานชิ้นนี้ได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง สาขาจิตรกรรม การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2498) นอกจากนี้ ประยูรยังได้คัดลอกภาพจิตรกรรมฝาผนังตามแหล่งโบราณสถานและวัดวาอารามต่างๆ ที่ไปทำการสำรวจร่วมกับศิลปินท่านอื่นๆ ได้แก่ เฟื้อ หริพิทักษ์ อังคาร กัลยาณพงศ์ และอวบ สาณะเสน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงคุณค่าและความงดงามของภาพจิตรกรรมแบบไทยประเพณีที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา อันเป็นประโยชน์แก่การศึกษาทางด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะไทย ประยูรได้รับปริญญาศิลปดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาประยุกตศิลปศึกษา) จากมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อ พ.ศ. 2526 และด้วยความรู้ความสามารถหลายด้าน ประกอบกับเกียรติคุณที่ได้สั่งสมมาตลอดระยะเวลาหลายปี จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เมื่อ พ.ศ. 2535 ประยูร อุลุชาฎะ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2543 ด้วยโรคหัวใจวาย สิริอายุ 72 ปี #ประยูรอุลุชาฎะ #ศิลปกรรมสมัยรัชกาลที่๙ #ศิลปินแห่งนวสมัย #หอศิลป์แห่งชาติ #หอศิลป์แห่งชาติถนนเจ้าฟ้า ที่มา 1. หนังสือ “ชีวิตและงานของอาจารย์ประยูร อุลุชาฎะ” โดย วิบูลย์ ลี้สุวรรณ 2. หนังสือ “5 ทศวรรษศิลปกรรมแห่งชาติ 2492 – 2541” โดย หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 3. หนังสือ “นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป” โดย สมพจน์ สุขาบูลย์


เลขวัตถุ ชื่อวัตถุ ขนาด (ซม.) ชนิด สมัยหรือฝีมือช่าง ประวัติการได้มา ภาพวัตถุจัดแสดง 34/2553 (8/2549) ขวานหินขัด ด้านหนึ่งเป็นสัน ด้านหนึ่งเป็นคม ย.10.3 ก.4.7 หนา 1 หิน สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว   ได้จากบ้านเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จ.นครนายก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2539


เลขทะเบียน : นพ.บ.503/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4 x 56 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 167  (205-215) ผูก 2 (2566)หัวเรื่อง : รามชาตก--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


Messenger