ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 42,121 รายการ
ชื่อเรื่อง อุณฺหิสวิชย (อุณณหิสสวิไช)
สพ.บ. 334/1คประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 22 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เรื่อง ชุดความรู้ทางวิชาการ : หลักฐานศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในภาคใต้ของประเทศไทย ตอน พระสุริยะที่พบในภาคใต้ ค้นคว้า/เรียบเรียงโดยนางสาวสุขกมล วงศ์สวรรค์ ภัณฑารักษ์ชำนาญการพิเศษ
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.45/1-7
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)
ชบ.บ.88ข/1-19
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.349/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 62 หน้า ; 4.5 x 53.5 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 135 (378-387) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : อภิธมฺมตฺถสงฺคห (อภิธัมมัตถสังคหะ)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง เบน , ฟรานซิส วิลเลี่ยม
ชื่อเรื่อง ศัตรุนชัย ของ แสงทอง
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ บางลำภู
สำนักพิมพ์ มงคลการพิมพ์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๖
จำนวนหน้า ๙๔ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงาน ฌาปนกิจศพ นายวิเชียร ศิวะโกเศศ
ศัตรุนชัย เป็นหนังสือภาษาอังกฤษที่ได้รับความยกย่องเป็นชั้นวรรณวิจิตร และได้แปลเป็นภาษาไทยออกไปแพร่หลาย แปลโดย หลวงบุญยมาณพพาณิชย์ และได้พิมพ์ลงในวารสาร “สยามสมัย” หลายปีมาแล้ว เบน ฟรานซิส ผู้ประพันธ์เรื่องชุดนี้ไว้สิบสามเล่ม หลวงบุณยมาณพพาณิชย์ แปลเป็นไทยหมดทั้งสิบสามเล่ม
หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ร่วมกับ ชมรมนักโบราณคดี (สมัครเล่น) เมืองสุพรรณ ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมบรรยายและเสวนาวิชาการ เรื่อง โคลงนิราศสุพรรณ มรดกความทรงจำอันล้ำค่า • ย้อนรอยการพบและศึกษาโคลงนิราศสุพรรณในอดีตและปัจจุบัน • การบรรยาย เรื่อง นิราศสุพรรณ : ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ ของสุนทรภู่ โดย ศ.ดร.ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต คณะอักษรศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย • การเสวนา เรื่อง โคลงนิราศสุพรรณ มรดกความทรงจำอันล้ำค่า : จากการอ่านทบทวนต้นฉบับสมุดไทย ในวันเสาร์ ที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖. ๐๐ น. ณ ห้องสุพรรณิการ์ หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/BKHQMMRMJkis4qSV6 ( รับจำนวน ๗๐ ที่นั่ง...ไม่มีค่าใช้จ่าย ) หากท่านใดลงทะเบียนไม่ทันหรือไม่สะดวกมาเข้าร่วม สามารถรับชมได้ผ่านทาง Facebook Live ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ ถนน สุพรรณบุรี-ชัยนาท ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ๗๒๐๐๐ โทร : ๐๓๕ - ๕๓๕๓๔๓ ต่อ ๑๖ มือถือ : ๐๘๖-๘๓๖๖๗๓๐ (คุณภควรรณ) E-mail : nlt_sp@hotmail.com
เรื่อง “หีบพระธรรม วัดดอนไชย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน”--- หีบพระธรรมวัดดอนไชย ทำจากไม้ มีขนาดกว้าง ๙๐ เซนติเมตร ยาว ๙๑ เซนติเมตร สูง ๒๑๘ เซนติเมตรมีจารึกบริเวณฝาของหีบพระธรรม จารึกด้วยอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทย จำนวน ๑ ด้าน ๔ บรรทัด ลักษณะเป็นหีบทรงลุ้ง ช่วงล่างคอดและผายออกทางด้านบน ฝาสูงทำเป็นชั้นบัวถลาซ้อนกันสามชั้น ยอดทรงน้ำเต้า ส่วนลำตัวมีภาพลายรดน้ำทั้งสี่ด้าน เขียนภาพรูปเทวดาและยักษ์ มีลายดอกไม้ร่วงและนกเข้ามาประกอบ--- ความในจารึกที่ปรากฏบริเวณฝาหีบพระธรรม กล่าวถึง การสร้างคัมภีร์ใบลานและหีบพระธรรมของนางบัวทิพย์และบุคคลอีกผู้หนึ่ง บรรทัดที่ ๑ จุลศัก (ราช) ๑๒๑๑* ตัว ปีมะแม ฉนำกัมโพช ขอมพิสัย เสด็จเข้ามาในเหมันตอุตุ(เดือน)ผลคุณปุณมี พุธวารไถง ไทยเมืองน่านว่า ปีกัดเม็ด เดือน ๕ โหรา (วัน) เพ็ญ เม็ง (ว่า) วัน ๔ (พุธ) ไทย (ว่าวัน) เต่าสีบรรทัดที่ ๒ ปฐมมูลศรัทธา หมายมี..........................(นาง)บัวทิพย์ ผู้ข้าทั้ง ๒ ก็มีอจลมโนศรัทธา ญาณสัมปยุต...........ติดในสวาขาต..........................ปิฎกทั้ง ๓ คือว่า อภิธรรม ๗ คัมภีร์ และวินัยทั้ง ๕ และ...............บรรทัดที่ ๓ ...........(แปดหมื่นสี่) พันขันธ์ แล ริรังสร้างจ้างเขียนบรมวล แล้วจีดเจียนรักหางยางมุกใหม่ติดพอก ใส่คำแดง แสงเรืองเรื่อ แล้วอจลมโนศรัทธาในหฤทัยหยั่งเชื่อ เพื่อ.......บุพภาคเจตนา จึงมีมธุ ดอก(ไม้)....ไหว้สา มหาครูบาเจ้า ชื่อ....................บรรทัดที่ ๔ บัณฑิต ประจิตรริจนา แล้ว (ด้วย) สุวรรณรูปารูป ลายดอกเครือวัลย์ แก้วถมตันจรดถี่ รูปเทวบุตร เทวดา ขี่ยักษ์อยู่ภายบน เพื่อไว้เป็นกุศลภายหน้า คือเมืองฟ้า และเนรพานตราบ ๕,๐๐๐ พระวรรษา ดีหลี เต๊อะ ปตฺตาปุญฺญเม อรหตฺตมคฺคญาณํ นิพฺพานปจฺจโย โหตุ--- อย่างไรก็ตามจากการอ่านแปลของนักวิชาการพบว่า วันเดือนปีที่จารึกนี้มีประเด็นปัญหา คือ จุลศักราช ๑๒๑๑ ไม่ใช่ ปีมะแม กัดเม็ด แต่เป็นปีระกา กัดเร้า แต่หากเป็น จุลศักราช ๑๒๒๑ จึงจะเป็นปีมะแม กัดเม็ด วันที่ ๑๕ เดือนผลคุณ จุลศักราช ๑๒๑๑ เป็นวันอังคาร เปิกสัน วันที่ ๑๕ เดือนผลคุณ จุลศักราช ๑๒๒๑ เป็นวันอังคาร กัดเร้า วันพุธ วันเต่าสี จุลศักราช ๑๒๑๑ ตรงกับ แรม ๑๒ ค่ำ เดือนมฤคสีระวันพุธ วันเต่าสี จุลศักราช ๑๒๒๑ ไม่มีหากสันนิษฐานว่า ผู้แต่งจารึกนี้เขียนตัวเลข “๑๒๒๑” เป็น “๑๒๑๑” และหมายถึงวันเพ็ญ ในเดือนผลคุณของปี ๑๒๒๑ นั้น และคำนวณวันไม่ถูกต้อง วันเดือนปีในจารึก จะตรงกับวันที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๐๓--- ปัจจุบันหีบพระธรรมนี้ จัดแสดงอยู่บริเวณโถงด้านหน้า ชั้นบนของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านอ้างอิง- กรมศิลปากร. เมืองน่าน โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปะ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชวนพิมพ์, ๒๕๓๗.- ฮันส์ เพนธ์ และคณะ. ประชุมจารึกล้านนา เล่ม ๕ : จารึกในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน และจารึกเมืองน่านที่น่าสนใจ. เชียงใหม่ : โรงพิมพ์มิ่งเมือง, ๒๕๔๔.
วันสำคัญ 15 กันยายน วันศิลป พีระศรี
วันศิลป พีระศรี ตรงกับวันที่ 15 กันยายน เพื่อรำลึกถึงศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี ครูผู้อุทิศตนทั้งชีวิต เพื่อนักเรียนและศิลปะ จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ได้ชื่อว่า“บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยไทย” ผู้ให้กำเนิดมหาวิทยาลัยศิลปากร
ศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี เดิมชื่อ คอร์ราโด เฟโรจี Corrado Feroci เป็นชาวอิตาลีสัญชาติไทย เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2435 ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เป็นบุตรนายอาทูโด และนางซานตินา สมรสกับนางฟานนี มีบุตร 2 คน ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2505 รวมอายุได้ 69 ปี 7 เดือน 29 วัน
การศึกษา ปี พ.ศ. 2441 เข้าศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา จนจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาในปี พ.ศ. 2451 หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาทางด้านศิลปะในโรงเรียนราชวิทยาลัยศิลปะแห่งนครฟลอเรนซ์ จนจบหลักสูตรวิชาช่าง 7 ปี และได้รับประกาศนียบัตร ช่างปั้น ช่างเขียน ในปี พ.ศ. 2458 ท่านยังเป็นผู้มีความสามารถทางด้านศิลปะแขนงประติมากรรมและจิตรกรรมอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2466 เข้ารับราชการในตำแหน่งช่างปั้น กรมศิลปากร กระทรวงวัง ปี พ.ศ. 2469 เป็นอาจารย์ช่างปั้นหล่อ แผนกศิลปากรแห่งราชบัณฑิตยสภา และได้มาเป็นหัวหน้ากองโรงเรียนศิลปากร แผนกช่างกรมศิลปากร ในปี พ.ศ. 2476 ต่อมาโรงเรียนศิลปากรได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร ท่านจึงได้เป็นคณบดีคณะจิตรกรรมและประติมากรรมเมื่อปี พ.ศ.2486 และเป็นอาจารย์ช่างปั้น กองประณีตศิลปกรรม กรมศิลปากร กระทรวงธรรมการในปี พ.ศ. 2495 เป็นข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรมสมัยนั้นในปี พ.ศ. 2501 ต่อมาโอนมาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตำแหน่งอันมีเกียรติยิ่ง คือประธานคณะกรรมการ สมาคมศิลปแห่งชาติ
ศาสตราจารย์ศิลปเป็นครูที่มีความขยันขันแข็งและตั้งใจถ่ายทอดวิชาให้แก่ศิษย์อย่างจริงจัง เป็นผู้วางหลักสูตรจิตรกรรมและประติมากรรมให้มีมาตรฐานเช่นเดียวกับโรงเรียนศิลปะในยุโรป เป็นผู้ปั้นในการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เชิงสะพานพุทธ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สวนลุมพินี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่สุพรรณบุรี อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อนุสาวรีย์อื่นๆอีกหลายแห่ง และ พระพุทธรูปประธานที่พุทธมณฑล
ด้วยเหตุนี้ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย” ท่านเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปากร จึงถือเอาวันที่ 15 กันยายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านเป็น “วันศิลป พีระศรี” ซึ่งมหาวิทยาลัยศิลปากรจะจัดงานรำลึกขึ้นทุกปี เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีที่มีต่อมหาวิทยาลัยและประเทศไทยนานัปการ
กรมศิลปากร โดยศูนย์หนังสือกรมศิลปากร ร่วมจำหน่ายหนังสือในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ ๒๗ ทั้งหนังสือออกใหม่ หนังสือเก่า และหนังสือหายาก ลดราคาสูงสุดถึง ๒๐% ตั้งแต่วันที่ ๑๒ - ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ ๕ - ๗ ชั้น LG บูธ G ๔๔ หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://bookshop.finearts.go.th
กรมศิลปากรนำหนังสือศิลปวัฒนธรรมด้านต่างๆ ทั้งวรรณคดี ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ที่หน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรจัดพิมพ์ใหม่และหนังสือยอดนิยม มาจำหน่ายในราคาลดพิเศษ ๒๐% ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ ๒๗ โดยมีหนังสือที่น่าสนใจ อาทิหนังสือสู่ดินแดนโพ้นทะเล การเดินทางจากนิวยอร์กถึงบางกอก ประเทศสยาม และการเดินทางกลับ จัดพิมพ์โดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ราคา ๑๒๐ บาท ลดเหลือ ๙๖ บาท หนังสือการเดินทางรอบโลก ตอนประเทศสยาม จัดพิมพ์โดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ราคา ๑๒๐ บาท ลดเหลือ ๙๖ บาท หนังสือการสร้างหุ่นหลวง จัดพิมพ์โดยสำนักช่างสิบหมู่ ราคา ๖๐๐ บาท ลดเหลือ ๔๘๐ บาท หนังสือ THE ENDLESS EPIC OF JAPANESE - THAI CERAMIC RELATIONSHIP IN THE WORLD'S TRADE AND CULTURE (ESSAYS) ราคา ๗๐๐ บาท ลดเหลือ ๕๖๐ บาท หนังสือ PHOTOGRAMMETRY ภาพสามมิติโบราณสถาน จากเทคนิคการสำรวจแบบโฟโตแกรมเมตรี จัดพิมพ์โดยสำนักสถาปัตยกรรม ราคา ๕๐๐ บาท ลดเหลือ ๔๐๐ บาท หนังสือปราสาทสด๊กก๊อกธม อุทยานประวัติศาสตร์ ณ ชายแดนตะวันออก ราคา ๓๕๐ บาท ลดเหลือ ๒๘๐ บาท
ขอเชิญผู้สนใจเยี่ยมชมและเลือกซื้อหนังสือได้ที่ร้านหนังสือกรมศิลปากร ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ ๒๗ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ ๕ - ๗ ชั้น LG บูธ G ๔๔ ระหว่างวันที่ ๑๒ - ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ - ๒๑.๐๐ น.
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท มีพระนามเดิมว่า บุญมา ประสูติเมื่อ วันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีกุน จ.ศ. ๑๑๐๕ (ตรงกับวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๒๘๖) พระราชบิดารับราชการในราชสำนักกรุงศรีอยุธยามีบรรดาศักดิ์เป็นพระพินิจอักษร (ทองดี) ส่วนพระชนนีมีพระนามว่า ดาวเรือง (บางเอกสารกล่าวว่าชื่อ หยก) ทรงเป็นพระอนุชาของ นายทองด้วง (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ แห่งราชวงศ์จักรี) เมื่อเจริญพระชนมพรรษาได้รับราชการอยู่กรมมหาดเล็กในราชสำนักอยุธยา
ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระองค์หลบหนีทหารพม่าไปเข้าร่วมเป็นทหารในกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินตีเมืองจันทบุรีและขับไล่พม่าที่เมืองธนบุรี พระองค์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นพระมหามนตรีเจ้ากรมตำรวจ ตลอดสมัยกรุงธนบุรีพระองค์เป็นทหารเอกคนสำคัญของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้รับการเลื่อนยศหลายครั้งในตำแหน่ง พระยาอนุชิตราชา พระยายมราช และพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราชผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลก ตามลำดับ ด้วยพระอัธยาศัยที่กล้าหาญ เข้มแข็งและเด็ดขาด จึงมีพระสมัญญานามว่า “พระยาเสือ”
พ.ศ. ๒๓๒๕ เมื่อสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) พระเชษฐาของพระองค์ พระราชทานอุปราชาภิเษกเจ้าพระยาสุรสีห์ สมเด็จพระอนุชาธิราช เป็นพระมหาอุปราช ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ประทับ ณ พระราชวังบวรสถานมงคล ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระบรมมหาราชวัง โดยเป็นพระราชวังที่ถ่ายแบบมาจากพระราชวังจันทรเกษม กรุงศรีอยุธยา และมีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างไปจากวังหลวง อาทิ หลังคาชั้นเดียวเป็นหลังคาทรงจั่ว มุงด้วยกระเบื้องดินเผา คันทวยรองรับหลังคาเป็นรูปนาคประดับพันธุ์พฤกษา หมู่พระวิมานไม่ทำซุ้มประตูหน้าต่าง (ยกเว้นพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์) รูปแบบเช่นนี้ต่างจากงานสถาปัตยกรรมในพระบรมมหาราชวังที่นิยมทำอาคารที่แสดงฐานันดรชั้นสูง อาทิ การทำซ้อนชั้นหลังคา ทรงยอดปราสาท ประตูหน้าต่างประดับด้วยซุ้มปูนปั้นอย่างไทยประเพณี เช่น ซุ้มบันแถลง ซุ้มยอดมงกุฎ เป็นต้น
ตลอดสมัยรัชกาลที่ ๑ พระองค์ยังคงมีบทบาทในการทำสงครามอยู่หลายครั้ง ได้แก่ สงครามเก้าทัพที่ตำบลลาดหญ้า (พ.ศ. ๒๓๒๘) สงครามขับไล่พม่าที่ท่าดินแดง (พ.ศ. ๒๓๒๙) สงครามตีเมืองทวาย (พ.ศ. ๒๓๓๐) สงครามขับไล่พม่าที่เมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. ๒๓๓๘) ภายหลังเสร็จศึกกับพม่า เจ้าเมืองเชียงใหม่ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย พระพุทธสิหิงค์ พระองค์ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมาประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
ในคราวสงครามป้องกันพม่าที่เมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. ๒๓๔๕) สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงยกทัพออกไปรบร่วมกับสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ แต่ระหว่างทางที่พระองค์เสด็จ พระองค์เกิดประชวรด้วยพระโรคนิ่วที่เมืองเถิน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงมีรับสั่งให้กรมพระราชวังหลังเสด็จขึ้นไปช่วยในการศึกจนกระทั่งสามารถชนะทัพฝ่ายพม่าได้ในที่สุด
ขณะเดียวกันสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงใส่พระทัยในพระราชกรณียกิจด้านศาสนา โดยเฉพาะการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดหลายแห่งในพื้นที่ฝั่งพระนคร ได้แก่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ (พระองค์พระราชทานนามว่า วัดนิพพานาราม) วิหารคดวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) หอมณเฑียรธรรมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดชนะสงคราม (วัดตองปุ) วัดสังเวชวิศยาราม (วัดบางลำพู) วัดเทวราชกุญชร (วัดสมอแครง) วัดราชาธิวาส (วัดสมอราย) และวัดปทุมคงคา (วัดสำเพ็ง) วัดในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ได้แก่ วัดครุฑ วัดสุวรรณคีรี (วัดขี้เหล็ก) ส่วนวัดในหัวเมือง เช่น วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และวัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
นอกจากนี้พระองค์ยังมีงานวรรณกรรมที่ทรงพระนิพนธ์ไว้หลายเรื่อง ได้แก่ เพลงยาวถวายพยากรณ์ (พ.ศ. ๒๓๓๒) พระนิพนธ์ในคราวที่เกิดอัสนีบาตตกมาหน้าบันมุขเด็จพระที่นั่งอินทราภิเษก (ต่อมาถูกรื้อลงแล้วสร้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้นแทน) เพลงยาวรบพม่าที่นครศรีธรรมราช (พ.ศ. ๒๓๒๙) พระนิพนธ์เมื่อครั้งยกทัพไปรบพม่าที่ตั้งทัพอยู่ทางหัวเมืองภาคใต้ เพลงยาวเรื่องตีเมืองพม่า (พ.ศ. ๒๓๓๐) พระนิพนธ์ในคราวยกทัพไปตีเมืองทวาย
ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ได้กล่าวว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ประชวรเป็นโรคนิ่วนับตั้งแต่ที่พระองค์ยกทัพขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ แต่ใน พระนิพนธ์เรื่อง “นิพานวังน่า” ของ พระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตร ซึ่งเป็นพระธิดาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ได้บันทึกไว้ว่าสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท มีพระประชวรด้วยโรควัณโรคอย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๔๕ พระอาการก็ทรุดลงตามลำดับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมและทอดพระเนตรการรักษาเป็นเวลา ๖ วัน ถึงวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ จ.ศ.๑๑๖๕ (ตรงกับวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๔๖) สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งบูรพาภิมุข พระราชวังบวรสถานมงคล พระชนมายุได้ ๖๐ พรรษา ทรงดำรงพระอิสริยยศกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นเวลา ๒๑ ปี
-------------------------------------------------
อ้างอิง
กรมศิลปากร. กรมพระราชวังบวรสถานมงคลสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๕๕.
. สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๔๗.
กัมพุชฉัตร, พระองค์เจ้าหญิง. นิพานวังน่า. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕๔๓.
ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑. (กรุงเทพฯ : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๓๙.
องค์ความรู้จากหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตรัง ขอเสนอเรื่อง สาระน่ารู้เรื่อง สารพัด “ผี”
ต้อนรับสู่ช่วงเทศกาลวันฮาโลวีนด้วยสาระน่ารู้เรื่อง สารพัดผี
โดยขอนำเสนอเป็นเกร็ดความรู้สั้นๆ เกี่ยวกับ “ผี”
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมาย
คำว่า “ผี” หมายถึง สิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นสภาพลึกลับ มองไม่เห็นตัว แต่อาจจะปรากฏเหมือนมีตัวตนได้ อาจให้คุณหรือโทษได้ มีทั้งดีและร้าย เช่น ผีปู่ย่าตายาย ผีเรือน ผีห่า, เรียกคนที่ตายไปแล้ว
ผี เป็นปรากฏการณ์เกี่ยวกับความเชื่ออย่างหนึ่งที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของมนุษย์ทุกกลุ่มทุกเชื้อชาติมาอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นทั้งเรื่องเร้นลับและสิ่งเหนือธรรมชาติ ทั้งนี้อาจสืบเนื่องจากความเชื่อที่ว่าจิตวิญญาณที่อยู่ในสิ่งมีชีวิต เมื่อตายไปวิญญาณเหล่านั้นยังคงอยู่และสิงสถิตอยู่ตามภพภูมิต่าง ๆ ทั้งนี้ผีตามความเชื่อนั้นมีทั้งอาจให้คุณหรือโทษได้ และมีทั้งดีและร้าย โดยผีดีมักเชื่อกันว่าให้ความคุ้มครอง และอาจได้รับการยกย่องขึ้นเป็นเทวดา ได้ ส่วนผีบางประเภทอาจจะดีหรือร้ายก็ได้
จากความเชื่อเรื่องผีในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย มีทั้งความเชื่อเรื่องผีที่เหมือนกัน และแตกต่างกัน รวมถึงการเรียกชื่อของผีบางชนิดเป็นผีพวกเดียวกัน แต่อาจเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามภาษาท้องถิ่นด้วย ดังนั้นวันนี้จึงขอนำเสนอตัวอย่างของชื่อผีชนิดต่าง ๆ เช่น
๑. ผีกองกอย เป็นผีป่าชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่ามีขาเดียว ไม่มีสะบ้าหัวเข่า เวลาเดินต้องโขยกเขยกไป เรียกกันว่า “ผีเขย่งเก็งกอย/ผีเก็งกอย” ชอบออกมาดูดเลือดที่หัวแม่เท้าของคนที่นอนหลับพักแรมในป่า
๒. ผีกระสือ เป็นผีชนิดหนึ่งชอบกินอาจมและมักเข้ามาอาศัยร่างคนอื่น ผู้ที่ถูกผีสิงจะไม่กล้าสบตากับคนอื่น ๆ จะออกหากินในยามค่ำคืน โดยถอดร่างกายลอยไปเฉพาะตับไตไส้พุง
๓. ผีกระหัง เป็นผีชนิดหนึ่งที่เข้าสิงในตัวผู้ชาย เล่าว่าเกิดจากคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้า กลายเป็นกระหัง เป็นจำพวกเดียวกับกระสือชอบกินของโสโครก มีปีกและหาง
๔. ผีโขมด เป็นผีป่าชนิดหนึ่ง มักปรากฏเป็นดวงไฟในยามค่ำคืน เมื่อเข้าใกล้จะหายไป บ้างก็ว่าเป็นผีป่าดุร้าย ปรากฏรูปร่างได้ต่างๆ หลอกหลอนคนเดินป่า
๕. ผีครูหมอ จัดเป็นผีบรรพบุรุษ บางทีก็เรียกว่า ผีครูหมอตายาย เป็นเชื้อสายที่บุคคลในตระกูลนับถือ ครูหมอคือผู้เคยประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ลูกหลานและศิษย์ได้สืบทอด ผู้สืบทอดจะต้องเซ่นไหว้เพื่อรำลึกถึงตามโอกาส เช่น ครูหมอโนรา หนังตะลุง กาหลอ ครูหมอเหล็ก ลิเกป่า หมอตำแย เป็นต้น
๖. ผีชิน เป็นชื่อผีชนิดหนึ่งเชื่อกันในภาคใต้ทั่วไป ชิน หรือ ยิน (Jin) เป็นคำอาหรับ เป็นผีเจ้าที่และผีบรรพบุรุษที่สิงสถิตตามภพภูมิต่างๆ มักมีรูปร่างเป็นดวงไฟ
๗. ผีทะเล เป็นประเภทผีน้ำใช้เรียกชื่อรวมๆ ของวิญญาณที่สิงอยู่ตามทะเล มหาสมุทร อาจปรากฏร่างหลอกหลอนในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น ผีชิน ผีพราย เป็นต้น
๘. ผีนางตานี เป็นผีที่สิงสู่ในต้นกล้วยตานี (ทางภาษาถิ่นใต้เรียกว่า กล้วยพองลา หรือกล้วยพังลา) เล่ากันว่ามักเป็นหญิงสาวสวยงาม เลี้ยงไว้คุ้มครองตัวและบ้านเรือนทรัพย์สมบัติ
๙. ผีปอบ ผีชนิดหนึ่งเชื่อกันว่าสิงอยู่ในตัวคน กินตับไตไส้พุงจนหมดแล้วออกไป คนนั้นก็ตาย
๑๐. ผีเปรต เป็นผีประเภทหนึ่งจำพวกผีบรรพบุรุษ ที่ต้องมาเสวยกรรมทุกข์ทรมานในภพภูมิต่างๆ ต้องอดอยาก ผอมโซ ปากเท่ารูเข็ม ตัวสูง คอยาว ส่งเสียงร้องกรี๊ด ๆ เรียกว่า เปรตมาขอส่วนบุญ
นอกจากนี้ขอเสนอสำนวนและคำที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ผี” เช่น
- ผีเข้าผีออก (สำนวน) หมายถึง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่คงที่
- ผีซ้ำด้ำพลอย (สำนวน) หมายถึง เคราะห์เดิมร้ายหนักอยู่แล้ว ยังมีเคราะห์อื่นซ้ำเข้ามา ทำให้เคราะห์หนักยิ่งขึ้น เช่น เขาตกงานแล้วขโมยยังขึ้นบ้านเอาข้าวของไปหมดอีก ผีซ้ำด้ำพลอยจริง ๆ
- ผีเรือนไม่ดี ผีป่าก็พลอย (สำนวน) หมายถึง คนในบ้านเป็นใจช่วยให้คนนอกบ้านเข้ามาทำความเสียหายได้
- ผีไม่มีศาล (สำนวน) หมายถึง ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
- ผีตากผ้าอ้อม (คำนาม) หมายถึง แสงแดดที่สะท้อนกลับมาสว่างในเวลาจวนพลบในบางคราว
บรรณานุกรม
ราชบัณฑิตนสถาน. "ผี." พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. (๒๕๕๔): ๗๘๑.
กลิ่น คงเหมือนเพชร. "ผี : ความเชื่อในภาคใต้." สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้. ๑๐(๒๕๔๒): ๔๗๔๗-๔๗๕๑.
กลิ่น คงเหมือนเพชร. การศึกษาวิเคราะห์คติความเชื่อเรื่องผีสางเทวดาในชุมชนภาคใต้. กระบี่: ศูนย์วัฒนธรรม สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตกระบี่, ๒๕๕๒.
อิสริยา เลาหตีรานนท์. ผี. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕, จาก http://legacy.orst.go.th/?knowledges=ผี-๒-มิถุนายน-๒๕๕๒
ภาพที่ ๑ ผีกองกอย จาก https://www.mangozero.com/thai-ghosts-you-mightnt-know/#
ภาพที่ ๒ ผีพราย จาก https://www.facebook.com/.../a.390030.../1097971513742654...
ภาพที่ ๓ ผีเปรต จาก https://blog.takemetour.com/halloween-is-coming-meet-7.../