ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,748 รายการ
***บรรณานุกรม***
ผดุงถิ่นยุคข่าวเศรษฐกิจ
ปีที่ 16(7)
ฉบับที่ 656(250)
วันที่ 16-30 มิถุนายน 2534
เป็นผู้ให้กำเนิดงานพิพิธภัณฑ์ในส่วนภูมิภาค
พระยาโบราณราชธานินทร์เป็นผู้รวบรวม สงวนรักษา อนุรักษ์ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ ซึ่งได้จากการสำรวจขุดค้นในพื้นที่เมืองอยุธยานำมาจัดหมวดหมู่ จัดแสดง และก่อตั้งเป็นอยุธยาพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีความทันสมัยสอดคล้องกับหลักวิชาพิพิธภัณฑ์สากล อยุธยาพิพิธภัณฑ์ เป็นพิพิธภัณฑสถานส่วนภูมิภาคแห่งแรกของไทย ต่อมาพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม การรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุของพระยาโบราณราชธานินทร์ในอยุธยาพิพิธภัณฑสถานมีคุณูปการต่อการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดี และพิพิธภัณฑสถานของไทย เพราะเป็นโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุชิ้นเยี่ยมและเป็นตัวแทนของยุคสมัย เช่น เศียรพระพุทธรูปวัดธรรมิกราช และพระพุทธรูปลีลาที่มีจารึกเก่าที่สุดสมัยอยุธยา เป็นต้น
เศียรพระพุทธรูปวัดธรรมิกราช ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา
+++สรีดภงส์+++
สรีดภงส์หรือทำนบพระร่วง เขื่อนดินขนาดใหญ่ของเมืองสุโขทัย ถือเป็นหัวใจของความอุดมสมบูรณ์ภายในเมืองสุโขทัย โดยเขื่อนดินแห่งนี้ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองสุโขทัยทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห่างไปประมาณ ๒.๓ กิโลเมตร บริเวณส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขาประทักษ์อันเป็นแหล่งที่อุดมด้วยพืชพรรณไม้ต่าง ๆ รวมทั้งพืชสมุนไพร และเป็นพื้นที่เปรียบเสมือนหลังคาที่สามารถรองรับน้ำฝนได้อีกด้วย
.
จากความชาญฉลาดของคนสุโขทัยในอดีตจึงรู้จักสร้างคันดินกั้นน้ำขนาดใหญ่ในระหว่างหุบเขากิ่วอ้ายมาถึงเขาพระบาทใหญ่อันเป็นที่รวมของน้ำจากโซกต่าง ๆ ตามบริเวณเขาถึง ๑๗ โซก เป็นคันดินสำหรับผันแปรทิศทางของน้ำ ที่เชื่อกันมาแต่เดิมว่าคือ สรีดภงส์ ที่กล่าวไว้ในศิลาจารึกที่ ๑ น้ำจาก สรีดภงส์จะถูกระบายไปตามคลองเสาหอ เพื่อเข้าไปใช้อุปโภคบริโภคภายในเมือง โดยระบายเข้าสู่เมืองตรงมุมตะวันตกเฉียงใต้
.
สรีดภงส์ในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่ โดยกรมชลประทานร่วมกับกรมศิลปากร ให้มีความสูงและแข็งแรงกว่าเดิมสำหรับใช้กักเก็บน้ำ มีความสูงประมาณ ๑๐ เมตร ยาวประมาณ ๔๐๐ เมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ถึง ๔๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร
สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา จัดนิทรรศการให้ความรู้กับผู้ร่วมงานเทศกาลเที่ยวพิมาย ๒๕๖๓ เข้าชมระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ณ บริเวณหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ชื่อเรื่อง ชมฺพูปติสุตฺต (มหาชมพูบดีสูตร)สพ.บ. 177/2ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 78 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 55.5 ซ.ม. หัวเรื่อง มหาชมพูบดีสูตรบทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ภาษาบาลี-ไทย ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
เรื่อง พระอิศวรเมืองกำแพงเพชร
พระอิศวรเป็น ๑ ใน ๓ เทพเจ้าสำคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ พระพรหม รวมเรียกว่า "ตรีมูรติ" โดยเรื่องราวของพระอิศวรปรากฏอยู่ในคัมภีร์ต่าง ๆ ซึ่งกล่าวแตกต่างกันออกไป บางตำนานกล่าวว่า พระองค์ถือกำเนิดเอง บ้างก็กล่าวว่าทรงจุติออกมาจากพระนลาฏของพระพรหม
ในประเทศไทยได้พบรูปเคารพหรือประติมากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพระอิศวรมาตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๒ และเป็นที่นิยมนับถือต่อเนื่องกันมาทุกยุคทุกสมัย โดยปรากฏรูปเคารพทั้งในรูปมนุษย์และรูปสัญลักษณ์
เมืองกำแพงเพชรปรากฏเทวสถานศาสนาฮินดูเพียงแห่งเดียว คือ ศาลพระอิศวร ณ ที่แห่งนี้ได้พบเทวรูปพระอิศวร หล่อด้วยสำริด สูง ๒๑๐ เซนติเมตร รูปแบบของเทวรูปเป็นงานศิลปะอยุธยาที่รับอิทธิพลมาจากศิลปะเขมรแบบบายน รอบฐานมีจารึกระบุมหาศักราช ๑๔๓๒ ตรงกับพุทธศักราช ๒๐๕๓ อันเป็นปีที่เจ้าพระยาศรีธรรมโศกราชได้ประดิษฐานเทวรูปนี้ขึ้นมา เพื่อให้คุ้มครองมนุษย์และสัตว์ที่อาศัยอยู่ภายในเมืองกำแพงเพชร และยังกล่าวถึงการกระทำสาธารณประโยชน์ต่างๆ ทั้งซ่อมแซมวัดวาอาราม ขุดลอกคลองชักส่งน้ำไปหล่อเลี้ยงที่เมืองบางพาน ทั้งนี้เพื่ออุทิศถวายพระมหากษัตริย์อยุธยา ๒ พระองค์ คือ คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ผู้เสวยราชสมบัติ ณ กรุงศรีอยุธยาในขณะนั้นพระองค์หนึ่ง ส่วนอีกพระองค์หนึ่งอาจหมายถึงพระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อนหน้านี้ คือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ หรืออาจหมายถึงพระอาทิตยวงศ์ที่ได้รับการสถาปนาเป็นอุปราชครองเมืองพิษณุโลกในเวลาต่อมา ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาองค์ถัดมา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ หน่อพุทธางกูร
ชื่อวัตถุ เลียงร่อนแร่ ทะเบียน ๒๗/๑๖/๒๕๓๘ อายุสมัย รัตนโกสินทร์ วัสดุ(ชนิด) ไม้ ขนาด กว้าง ๔๐ เซนติเมตร ประวัติ พบที่ชายหาดกมลา บริเวณหลังภูเขา มอบให้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลางเมื่อ ๑๘ พ.ค. ๒๕๓๘ Mr .Keith Andrew๔๕/๗ ถ.เจ้าฟ้า หมู่ ๙ต.ฉลอง อ.เมืองจ.ภูเก็ต เก็บรักษา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง “เลียง” เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับร่อนแร่ ทำด้วยไม้เนื้อเหนียวและมีน้ำหนักเบา ตัวเลียงมีรูปทรงกลมก้นโค้งคล้ายกระทะแต่เลียงมีก้นที่ตื้นกว่า ขนาดของเลียงมีเส้น ผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ ๗๐-๗๖ เซนติเมตร ท้องลึกประมาณ ๗-๘ เซนติเมตร ปัจจุบันยังมีการทำขายอยู่ในราคาใบละ ๘๐๐-๑,๐๐๐บาท เลียง เป็นเครื่องมือในขั้นตอนการแยกแร่ดีบุกออกจากดิน หิน ทราย โดยคนที่จะร่อนแร่ต้องรู้ว่ามีแหล่งแร่อยู่ที่ใดบ้าง ซึ่งแร่ดีบุกนั้นพบได้ตามลำธารต่างๆ หรืออาจเป็นแร่ที่หลุดมาจากเหมืองแร่ขนาดใหญ่ซึ่งเรียกว่า ร่อนแร่ท้ายราง คนร่อนแร่จะต้องคุยหินแร่ กรวด และทรายที่ปะปนกันมาใส่ลงไปในเลียง และนำเลียงลงไปร่อนในน้ำ โดยต้องแยกเอาหินก้อนใหญ่ออกก่อน จากนั้นจึงใช้มือสองข้างจับเลียงแล้วแกว่งหมุนวนในน้ำ การทำดังกล่าวจะทำให้เศษดินหลุดออกไปกับน้ำ ส่วนแร่ดีบุกที่หนักกว่าจะตกลงไปอยู่ที่ก้นเลียง “ดีบุก” เป็นแร่ธาตุที่พบมากในบริเวณชายฝั่งอันดามันทั้งในภูเก็ต พังงา และระนอง ได้พบหลักฐานเอกสารในสมัยอยุธยาที่กล่าวว่า ดีบุก เป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของภาคใต้ ต่อมาในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ชาวยุโรปสามารถคิดค้นวิธีป้องกันไม่ให้เหล็กเป็นสนิมเร็ว โดยการทำแผ่นเหล็กวิลาดหรือเหล็กอาบดีบุก ทำให้ดีบุกเป็นที่ต้องการของตลาดโลกและส่งผลให้การทำเหมืองแร่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ในการทำเหมืองรุ่นแรกๆ ใช้แรงงานคน เป็นหลัก มีเครื่องมือต่างๆ เช่น ปุ้งกี๋ จอบ เสียม และมีเครื่องมือที่สำคัญ คือ เลียง โดยจะมีการนำเลียงไปร่อนแร่ตามที่ต่างๆ เช่น แม่น้ำ และท้ายรางส่งแร่ โดยส่วนใหญ่การร่อนหาแร่จะเป็นงานของผู้หญิงเพราะเป็นงานที่ไม่หนักมากนัก ต่างกับงานในเหมืองซึ่งต้องใช้แรงงานชายเป็นหลักเพราะเป็นงานที่หนัก ต่อมาจึงมีการคิดค้นเครื่องจักรเพื่อใช้ในเหมืองแร่โดยเฉพาะ เช่น หัวฉีดแร่ และเตาย่างแร่ เป็นต้น //ในปัจจุบันการใช้เลียงร่อนหาแร่ดีบุกยังคงมีอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ซึ่งพบในพื้นที่จังหวัดระนอง และพังงา ตามลำธารสายเล็กๆ ซึ่งจะมีคนในหมู่บ้านมาร่อนหาแร่ดีบุกไปขาย โดยใช้เลียงในการร่อนหาแร่ “เลียง” จึงถือเป็นของใช้ที่อยู่คู่กับชาวอันดามันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน-----------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง -----------------------------------------------------เอกสารอ้างอิงและภาพประกอบ - กัมพล มณีประพันธ์ และสงบ ส่งเมือง. “เหมืองแร่ในภาคใต้.” สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ พ.ศ.๒๕๒๙ เล่ม ๑๐. กรุงเทพ : อมรินทร์การพิมพ์,๒๕๒๙. - “การร่อนแร่ โรงเรียนกระบุรีวิทยา” จาก www.youtube .com - www.manager.co.th
เลขทะเบียน : นพ.บ.142/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.6 x 55.5 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากชื่อชุด : มัดที่ 85 (340-345) ผูก 3 (2564)หัวเรื่อง : สงฺคีติกถา (ปถมพระสงฺคายนา-จตุตถพระสงฺคายนา)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ขอมภาษา : บาลี-ไทยบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชื่อเรื่อง บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์คุรุสภา
ปีที่พิมพ์ 2503
จำนวนหน้า 181หน้า
หมายเหตุ บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์มาจากคัมภีร์รามายณะภาษาสันสกฤตเป็นหนังสือสำคัญในศาสนาฮินดูและชาวฮินดูนับถือคัมภีร์รามายณะพระบามสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงศึกษาเรื่องรามเกียรติ์อย่างละเอียดจึงทรงพระราชนิพนธ์บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.11/1-2
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : ประวัติวัดอรุณราชวราราม พร้อมด้วยแผนผังภาพปูชนียวัตถุสถานและถาวรวัตถุ
ชื่อผู้แต่ง : กรมศิลปากร
ปีที่พิมพ์ : 2511
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : กรมศิลปากร
จำนวนหน้า : 270 หน้า
สาระสังเขป : วัดอรุณราชวราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเรียกว่าวัดมะกอก ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดมะกอกนอก วัดแจ้ง วัดอรุณราชธาราม และวัดอรุณราชวราราม ตามลำดับ หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติวัดอรุณราชวรารามอย่างละเอียด รวมถึงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดในแต่ละสมัย เริ่มตั้งแต่สมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ อธิบายปูชนียสถานและถาวรวัตถุต่าง ๆ การบริหารภายในวัด และรายนามประวัติเจ้าอาวาส