ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ




รำบวงสรวงย่าโม : นาฏยลีลาแห่งศรัทธาและวีรกรรมที่สืบทอด . เมื่อถึงปลายเดือนมีนาคมของทุกปี ชาวโคราชจะร่วมใจกันจัดงาน "ฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี" เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของ ย่าโม วีรสตรีคู่บ้านคู่เมือง ในปี พ.ศ. 2568 นี้ งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หัวใจสำคัญของงาน คือ "การรำบวงสรวงย่าโม" นาฏยลีลาแห่งศรัทธาที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน . จากนาฏศิลป์พื้นบ้านสู่นาฏยลีลาแห่งศรัทธา . ในอดีต งานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารีไม่ได้มีนาฏยลีลาที่งดงามเช่นปัจจุบัน หากแต่เป็นการแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน การขับขานบทบรรยาย หรือการแห่ขบวนจากหน่วยงานต่าง ๆ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2539 นายสุพร สุภสร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาในขณะนั้น ได้มีดำริที่จะสร้างเอกลักษณ์ให้แก่งานประจำปี จึงได้ปรึกษาหารือกับนางเพ็ญทิพย์ จันทุดม ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลป์นครราชสีมา รังสรรค์นาฏยลีลาแห่งศรัทธาถวายแด่วีรสตรีขึ้น โดยมีนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมาและกิ่งกาชาดอำเภอต่าง ๆ นำสตรีผู้สูงศักดิ์มาร่วมรำบวงสรวง . ต่อมา เมื่อศรัทธาในย่าโมแผ่ขยายกว้างไกล สตรีชาวโคราชจากทุกสารทิศ ต่างหลั่งไหลมาร่วมรำบวงสรวงจนเนืองแน่น ได้เปลี่ยนนามเรียกขานจาก "สตรีผู้สูงศักดิ์" เป็น "สตรีชาวนครราชสีมาและสตรีผู้ศรัทธาต่อคุณย่าโม" นาฏยลีลาแห่งศรัทธานี้ได้แพร่หลายจากส่วนกลางสู่ทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา . จากการศึกษาของคุณชุมพล ชะนะมา พบว่าการรำบวงสรวงท้าวสุรนารีมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ได้แก่ • รำลึกถึงวีรกรรมของท้าวสุรนารีและบรรพชนชาวโคราช • สร้างเอกลักษณ์ให้แก่พิธีบวงสรวงท้าวสุรนารี • ออกแบบและจัดการรำบวงสรวงให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน . การรำบวงสรวงท้าวสุรนารี มิใช่เพียงมหรสพ แต่เป็นนาฏกรรมที่ผสานศิลปะและวัฒนธรรมโคราชอย่างงดงาม สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่นผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้ • ภาษาโคราช : บทเพลงสดุดีวีรกรรมท้าวสุรนารี และการใช้ภาษาโคราชในบทนำของการรำ • ทำนองเพลงโคราชและวงมโหรีโคราช : ทำนองเพลงสรภัญญะ และการแบ่งกระบวนรำตามสถานการณ์ • การแต่งกาย : วิวัฒนาการจากชุดวีรสตรีไทย สู่ชุดประยุกต์จากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี • จริยธรรมที่ดีในสังคม : การส่งเสริมคุณธรรม ความสามัคคี และการเคารพซึ่งกันและกัน • พัฒนาการและการแปรสภาพ : การปรับกระบวนลีลา ท่ารำ เนื้อหา เครื่องแต่งกาย และระบบการจัดการให้เข้ากับยุคสมัย . การรำบวงสรวงท้าวสุรนารีเป็นนาฏกรรมที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรม สะท้อนถึงความศรัทธา ความสามัคคี และความภาคภูมิใจของชาวโคราช ที่ได้ร่วมกันสืบสานประเพณีอันดีงามนี้ให้คงอยู่สืบไป . สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวท้าวสุรนารีและประวัติศาสตร์โคราชเพิ่มเติม สามารถค้นคว้าได้ที่ "ห้องค้นคว้า" ชั้น 2 หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ซึ่งได้รวบรวมหนังสือและข้อมูลที่น่าสนใจไว้มากมาย และวันนี้จะขอแนะนำหนังสือที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับท้าวสุรนารีและการรำบวงสรวงย่าโม ดังนี้  . 1. หนังสือเรื่อง การเผยแพร่นาฎศิลป์พื้นบ้าน ระบำโคราชประยุกต์  เลขเรียกหนังสือ: ท 793.319593 บ645ก  บรรณานุกรมหนังสือ: บุษบัน ศรีสารคาม.  การเผยแพร่นาฏศิลป์พื้นบ้าน ระบำโคราชประยุกต์.  นครราชสีมา: ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา วิทยาลัยครูนครราชสีมา, 2528. . 2. หนังสือเรื่อง ท้าวสุระนารี   บรรณานุกรม: ท้าวสุระนารี.  ม.ป.ท.: ม.ป.พ., [2477]. บริการอ่านออนไลน์:  https://www.finearts.go.th/nlt-korat/view/55783 . 3. หนังสือเรื่อง ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) วีรสตรีแห่งสยามประเทศ  เลขเรียกหนังสือ: ท 920.72 น561ท บรรณานุกรม: นิชารัตน์.  ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) : วีรสตรีแห่งสยามประเทศ.  กรุงเทพฯ: สายส่งดวงแก้ว, 2558. . 4. หนังสือเรื่อง ระลึกฐานแท่น อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีใหม่ พ.ศ. 2510 เลขเรียกหนังสือ:  ท 920.72 ส851ท บรรณานุกรม: ที่ระลึกฐานแท่น อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีใหม่ พ.ศ. 2510.  นครราชสีมา: รวมจิตราชสีมา, 2510. บริการอ่านออนไลน์:  https://www.finearts.go.th/nlt-korat/view/18025 . 5. หนังสือพิธีวางศิลาฤกษ์ อนุสรณ์สถาน “วีรกรรมท้าวสุรนารี” เลขเรียกหนังสือ:  ท 920.72 น123 พ บรรณานุกรม: จังหวัดนครราชสีมา.  พิธีวางศิลาฤกษ์อนุสรณ์สถาน “วีรกรรมท้าวสุรนารี” จังหวัดนครราชสีมา วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2533.  นครราชสีมา: สมบูรณ์ออฟเซ็ทการพิมพ์, 2533. . เรียบเรียงข้อมูลและแนะนำโดย : นางแพรว ธนภัทรพรชัย เจ้าพนักงานห้องสมุดชำนาญงาน ออกแบบกราฟิกโดย : นายพีรยุทธ กษิติบดินทร์ชัย บรรณารักษ์ปฏิบัติการ . ข้อมูลอ้างอิง: ชุมพล ชะนะมา.  "รำบวงสรวงท้าวสุรนารี: ความเป็นมาและบริบททางวัฒนธรรมในการแสดง."  วารสารศิลปวัฒนธรรมสวนสุนันทา.  1, 1 (2564): 69-86. วีระพงษ์ ตามกลาง.  "สัญญะในการรํา บวงสรวงทาวสุรนารี." ใน การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ "Graduate School Conference 2018".  มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 30 พฤศจิกายน 2561. KCTV KORAT.  การรำบวงสรวงท้าวสุรนารี ประจำปี 2567.  (วีดิทัศน์).  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2568,  จาก: https://www.youtube.com/watch?v=343KexmmvS4


           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอเชิญชมเรือพระราชพิธีในบรรยากาศยามค่ำคืน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ซึ่งได้ขยายเวลาเปิดให้บริการในวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ 16.30 - 20.30 น. ตลอดเดือนเมษายน 2568 (ยกเว้นวันอาทิตย์ที่ 6 และวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2568) ทั้งนี้ มีสถานที่จอดรถได้ภายในกองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ https://maps.app.goo.gl/NxzQnJCiX2jcC7JH9


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน)อย.บ.                       130/7ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               52 หน้า กว้าง 5.2 ซม. ยาว 54.5 ซม..หัวเรื่อง                     พระอภิธรรมปิฎก                              พระมหาปัฏฐานบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน  ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง : พุทธมามกปฏิบัติ หัวเรื่อง : พุทธศาสนา -- บทสวดมนต์ คำค้น : บทสวดมนต์ รายละเอียด : จัดพิมพ์เป็นธรรมบรรณาการในงานพระราชทานเพลิงศพ พระธรรมกิจจานุการี (ผัน กิจจการี) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม 20 เมษายน 2500 ผู้แต่ง : - แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักพิมพ์/โรงพิมพ์ : โรงพิมพ์ พ.พิทยาคาร ปีที่พิมพ์ : 2499 วันที่เผยแพร่ : 24 มิถุนายน 2568 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF. ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสืออนุสรณ์งานศพ ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : หนังสือที่รวบรวมข้อปฏิบัติและวิธีปฏิบัติของพุทธมามกะที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อมีกิจที่จะต้องทำศาสนพิธี เช่น จะทำบุญถวายสังฆทาน เป็นต้น จะต้องกล่าวคำอาราธนาอย่างไร เลขทะเบียน : น. 68 บ. 79223 จบ. (ร) เลขหมู่ :     ห             294.313               พ832


พระนิพนธ์บทละคร ของปัทมะ. กรุงเทพฯ: สุรัสน์การพิมพ์, 2504.ณะศิลปิน พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระนางเธอลักษมีลาวัณ ณ เมรุหน้าพลับพลา อิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 19 ตุลาคม 2504เลขทะเบียน    0806


เลขทะเบียน : นพ.บ.654/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 18 หน้า  ; 4 x 58 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 209 (122-134) ผูก 3 (2568)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.704/9ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 54 หน้า ; 4.5 x 55 ซ.ม. : ชาดทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 225 (290-302) ผูก 9 (2568)หัวเรื่อง : นีไสสัตรา--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน   นม.บ.18/6



ผู้แต่ง : นิพนธ์ ทิพย์วานิชกุล ปีที่พิมพ์ : 2532 สถานที่พิมพ์ : เชียงใหม่ สำนักพิมพ์ : ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอพาน      ประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งที่มีความหลากหลายในงานศิลปหัตถกรรม ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นต่างมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนอยู่ แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านไปเทคโนโลยี เข้ามาพร้อมด้วยความสะดวกสบาย ทำให้ผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ล้วนละทิ้งความหลัง เข้าสู่ภวังค์แห่งความสะดวกสบาย ส่งผลให้ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอพาน โรงเรียนพานพิเศษพิทยา จังหวัดเชียงรายตระหนักถึงการละทิ้งความหลังของผู้คนในท้องถิ่น จึงได้จัดพิมพ์ ศิลปหัตถกรรมในอำเภอพานนี้ขึ้น เพื่อใช้สำหรับการศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ หรือแนวทางแก่ผู้ที่สนใจ




พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง จันทรเกษม: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/chantharakasem     ความเป็นมาของการก่อตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ นั้นมีมูลเหตุมาจากความพยายามในการรวบรวมโบราณวัตถุที่กระจัดกระจายอยู่   พระราชวังจันทรเกษม ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก หรือ ที่เรียกว่า คูขื่อหน้า ในอดีตทางด้านทิศเหนือ มุมตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา ใกล้กับตลาดหัวรอ ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลักฐานตามพระราชพงศาวดารสันนิษฐานได้ว่า พระราชวังจันทรเกษม หรือวังหน้า สร้างขึ้นในรัชสมัย สมเด็จพระมหาธรรมราชา ประมาณ พุทธศักราช 2120 ด้วยมีพระราชประสงค์เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อทรงดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก นอกจากนี้ยังเคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญถึง 8 พระองค์ คือ      - สมเด็จพระนเรศวรมหาราช      - สมเด็จพระเอกาทศรถ      - เจ้าฟ้าสุทัศน์      - สมเด็จพระนารายณ์มหาราช      - ขุนหลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ)      - สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ      - สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ     - กรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์      ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ใน พุทธศักราช 2310 พระราชวังจันทรเกษม ได้ถูกทิ้งร้างไป จนกระทั่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้มีการบูรณะและปรับปรุงพระราชวังจันทรเกษมขึ้นใหม่ เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับในเวลาที่พระองค์เสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา และพระราชทานนามว่า พระราชวังจันทรเกษม      ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานพระราชวังจันทรเกษม ให้เป็นที่ทำการของมณฑลกรุงเก่า โดยใช้ พระที่นั่งพิมานรัตยา ซึ่งเป็นหมู่ตึกกลางของพระราชวังเป็นที่ทำการ      เมื่อพระยาโบราณราชธานินทร์ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า ได้จัดสร้างอาคารที่ทำการภาคบริเวณกำแพงวัง ด้านทิศตะวันตกต่อกับทิศใต้ แล้วย้ายที่ว่าการมณฑลจากพระที่นั่งพิมานรัตยา มาตั้งที่อาคารที่ทำการภาคในขณะนั้น   สถาปัตยกรรมพระราชวังจันทรเกษม      สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจากนั้นจึงมีการใช้งานกันเรื่อยมา ทั้งเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ และที่ทำการมณฑลเทศาภิบาล จนกระทั่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 จึงได้มีการซ่อมแซมและบูรณะอาคารต่าง ๆ ขึ้นนมาอีกครั้ง ดังนี้     กำแพงพระราชวัง ปัจจุบันก่อเป็นกำแพงอิฐมีใบเสมาทับแนวบน มีประตูด้านละ 1 ประตู รวม 4 ด้าน คำให้การชาวกรุงเก่า กล่าวว่า แต่เดิมวังจันทรเกษมมีกำแพง 2 ชั้น เช่นเดียวกับวังหลวง     พลับพลาจัตุรมุข พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพลับพลาลักษณะเป็นอาคารจตุรมุขแฝดใช้เป็นท้องพระโรงสำหรับออกงานว่าราชการ และที่ประทับในเวลาเดียวกัน      พระที่นั่งพิมานรัตยา เป็นหมู่ตึกกลางพระราชวัง ประกอบด้วย อาคารปรัศว์ซ้าย อาคารปรัศว์ขวา พระที่นั่งพิมานรัตยา และศาลาเชิญเครื่อง พุทธศักราช 2442 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานกลุ่มอาคารพระที่นั่งพิมานรัตยานี้ ให้เป็นที่ว่าการมณฑลกรุงเก่า พระที่นั่งพิสัยศัลลักษณ์ (หอส่องกล้อง) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามแนวรากฐานเดิม ที่มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อทรงใช้เป็นที่ศึกษาดาราศาสตร์      โรงม้าพระที่นั่ง เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ตั้งอยู่ริมกำแพง ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ       อาคารสโมสรเสือป่า สร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตรงบริเวณกำแพงพระราชวังด้านทิศตะวันออก       ตึกที่ทำการภาค หรืออาคารมหาดไทย สร้างขึ้นเมื่อครั้งพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาล มณฑลกรุงเก่า มีลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว สร้างขนานไปกับแนวกำแพงด้านทิศตะวันตกก่อกับทิศใต้


black ribbon.