ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,748 รายการ



วันที่ 28 มีนาคม 2568 นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดตัวเกมมรดกวัฒนธรรม “ศรีเทพ ผจญภัย” ในโครงการเนรมิตพิพิธวัฒนธรรม SITHEP Cultural Metaverse กรมศิลปากร โดยมี นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกรมศิลปากร ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมใหญ่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอด สร้างสรรค์เป็นพลัง Soft Power โดยมีเกม เป็นอุตสาหกรรมด้านคอนเทนต์ ความสร้างสรรค์ และวัฒนธรรมที่ทรงพลังอย่างมาก เป็นหนึ่งใน Soft Power ที่รัฐบาลผลักดันให้เป็นปัจจัยหลักในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้สู่ประเทศ ดังนั้น กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำเกมมรดกวัฒนธรรม “ศรีเทพ ผจญภัย” ในโครงการเนรมิตพิพิธวัฒนธรรม SITHEP Cultural Metaverse ขึ้นเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านมรดกวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์ Digital Content ที่นำมาถ่ายทอดผ่านเกม เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่หันมาสนใจมรดกวัฒนธรรม ได้ทั้งความรู้ คู่ความสนุก เปลี่ยนรูปแบบการเข้าถึงข้อมูลให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของศตวรรษใหม่ ไปสู่การเรียนรู้ที่สนุกกว่าเดิม เกิดความภาคภูมิใจในท้องถิ่นและชาติ เกิดสุนทรียะ และพัฒนาต่อยอดสู่การเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้และแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมต่อไปได้ กรมศิลปากร ตั้งใจให้เกมเนรมิตพิพิธวัฒนธรรม SiThep Cultural Metaverse ส่งผ่านไปยังโรงเรียน สถานศึกษา สามารถเล่นได้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน หรืออุปกรณ์ Tablet เป็นเครื่องมือในการศึกษา และเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของไทย โดยผู้เล่นเกมจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติ และเมืองโบราณศรีเทพ ที่ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยได้อย่างสนุกสนาน เป็นการเปิดโลกใบใหม่ให้เด็กและเยาวชน เกิดการเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นเกมอื่นๆ แบ่งปันประสบการณ์และการเรียนรู้ สร้างสัมพันธภาพกับคนในทุกมุมโลก ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่เน้นการใช้เทคโนโลยีในการแลกเปลี่ยนแบ่งปันซึ่งกันและกันในศตวรรษที่ 21


             วันนี้ (วันพุธที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘) เวลา ๐๙.๓๐ น. นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๘ กิจกรรมรณรงค์ดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ณ วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวสุนีย์ โชคธนะสกุลชัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ นายสิทธิศักดิ์ แก้วสอนทะเล ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร สำนักงานเขตภาษีเจริญ โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ และเครือข่ายการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม เข้าร่วมกิจกรรมกว่า ๑๕๐ คน                อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กิจกรรมรณรงค์ดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ณ วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในวันนี้ เป็นกิจกรรมทำความสะอาดโบราณสถาน อาคาร สิ่งสำคัญภายในวัดที่มีความสำคัญตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเป็นการทำความสะอาดในเชิงการอนุรักษ์เป็นสำคัญ และยึดถือตามวัตถุประสงค์เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงต่องานด้านศิลปวัฒนธรรม ทรงเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ สืบสาน และส่งเสริมงานทางด้านศิลปวัฒนธรรมให้เห็นเป็นตัวอย่างตลอดมา นอกจากที่วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร กรมศิลปากรยังได้จัดกิจกรรมรณรงค์ดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติขึ้นทั่วประเทศ เช่น วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี วัดผาลาด จังหวัดเชียงใหม่ วัดโพธาราม จังหวัดมหาสารคาม วัดโรง จังหวัดสงขลา เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาโบราณสถาน โบราณวัตถุ รวมถึงเพื่อสร้างจิตสำนึกความเป็นเจ้าของวัฒนธรรม และร่วมกันปกป้อง พัฒนาโบราณสถานหรือแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่าให้คงอยู่ต่อไป                สำหรับวัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร เดิมชื่อวัดหมู ตั้งอยู่แขวงปากคลอง เขตภาษีเจริญ เป็นวัดโบราณมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) พระอุโบสถ เป็นอาคารสร้างโดยก่ออิฐถือปูน มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมศิลปะแบบพระราชนิยมของรัชกาลที่ ๓ หรือ ศิลปะแบบนอกอย่าง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประธานจำนวน ๒๘ พระองค์ ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเดียวกัน กรมศิลปากรได้ร่วมกับทางวัดจัดทำโครงการบูรณะศาลาการเปรียญ ซึ่งถือเป็นศาลาเครื่องไม้ที่เก่าแก่หลังหนึ่งในกรุงเทพมหานคร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ โดยยึดถือตามรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม และเสริมความมั่นคงให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในปี พ.ศ. ๒๕๖๙ สำหรับหอไตรกลางน้ำจะมีการบูรณะส่วนเสาในปีต่อไป


ชื่อเรื่อง : มรณสติกถา หัวเรื่อง : พิพิธมนตรี เทวปาโล (ปุย คชเสนี), พระยา, 2414-2482             ธรรมเทศนา             ธรรมกาย คำค้น : มรณานุสติ           มรณสติ รายละเอียด : หนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระยาพิพิธมนตรี เทวปาโล (ปุย คชเสนี) พ.ศ. 2482 ผู้แต่ง : พระราชเวที วัดมกุฏกษัตริยาราม แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักพิมพ์/โรงพิมพ์ : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย ปีที่พิมพ์ : 2483 วันที่เผยแพร่ : 24 มิถุนายน 2568 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF. ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสืออนุสรณ์งานศพ ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : หนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ พระยาพิพิธมนตรี เทวปาโล (ปุย คชเสนี) ภายในเล่มมีภาพและประวัติของผู้วายชนม์ เนื้อหากล่าวถึงธรรมะเรื่องมรณสติ การพึงระลึกถึงความตาย และการประพฤติตนไม่อยู่ในความประมาท เลขทะเบียน : น. 68 บ. 79473 จบ. (ร.) เลขหมู่ :    ห           294.304           พ382มพ  


           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ขอเชิญท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ในเดือนกรกฎาคม 2568 มีกิจกรรมต้อนรับหน้าฝนให้ทุกท่านได้ลองทำ ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ มาเรียนรู้ลวดลายเครื่องจักสานและประดิษฐ์ตะกร้าดอกไม้จากลวดกำมะหยี่สีสันสดใส ไปฝากคนที่บ้านกันได้ ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 4223 5040 Facebook “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง : Banchiang National Museum”


เลขทะเบียน : นพ.บ.654/3กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 14 หน้า  ; 4 x 58 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 209 (122-134) ผูก 3ก (2568)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.705/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 10 หน้า ; 4.5 x 58 ซ.ม. : ชาดทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 225 (290-302) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : อานิสงส์สร้องธงเหล็ก--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


                    ภาณุพันธุวงศ์วรเดช, สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา. หนังสือ court ข่าวราชการ เจ้านาย 11 พระองค์ ทรงช่วยกันแต่ง เล่ม 1. พระนคร : โรงพิมพ์ไท, 2466.           หนังสือ COURT ข่าวราชการ เจ้านาย 11 พระองค์ช่วยกันแต่ง เล่ม 1 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศวรเดช โปรดฯ ให้พิมพ์ในงานฉลองพระชัณษาเมื่อปีกุญ พ.ศ. 2466  เป็นหนังสือพิมพ์บอกข่าวราชการที่ออกเป็นรายวัน โดยพระเจ้าน้องยาเธอ จำนวน 11 พระองค์ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงผลัดเวรช่วยกันจดข่าวในพระราชสำนักที่เกิดขึ้น


เลขทะเบียน   นม.บ.18/7






พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง เจ้าสามพระยา: www.virtualmuseum.finearts.go.th/chaosamphraya ประวัติสำคัญของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา        พระนครศรีอยุธยาเป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองหนึ่งของประเทศไทย เพราะเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของคนไทยก่อนจะย้ายไปตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีด้วยเหตุนี้จึงยังคงมีหลักฐานให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรื่องในอดีปรากฏอยู่มากมายโดยเฉพาะที่เป็นโบราณสถานดังนั้นเมื่อเราก้าวเข้าสู่เขตเมืองของพระนครศรีอยุธยาเราจะสัมผัสกับภาพของเจดีย์รูปแบบต่างๆของสมัยอยุธยา ที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ หลายแห่งยังอยู่ในสภาพดี เพราะได้รับการอนุรักษ์ดูแลจากกรมศิลปากรมาโดยตลอดอนึ่งนอกจากสภาพแวดล้อมที่สะท้อนให้เห็นความเป็นอาณาจักรอยุธยาแล้วลักษณะพิเศษของพระนครศรีอยุธยา ก็คือ ภาพของคนในยุคปัจจุบันที่ยังดำเนินวิถีชีวิตไปควบคู่กับการเป็นเมืองเก่าในอดีต บางครั้งการใช้ชีวิตร่วมกันก็ทำให้เกิดปัญหาในด้านการอนุรักษ์และพัฒนา แต่บางครั้งก็เป็นการธำรงไว้ซึ่งความมีชีวิตของเมือง จากอดีตสู่ปัจจุบัน เมื่อมีโบราณสถานอยู่ทั้งในตัวเมืองและล้อมรอบตัวเมือง และด้วยเหตุที่คงความมีอำนาจมาถึง 417 ปี โบราณสถานเฉพาะที่มีอยู่ในเขตเมืองและสร้างโดยพระมหากษัตริย์จึงมีอยู่มากมาย ภายหลังจึงได้มีการค้นพบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่คนไทยนิยมบรรจุไว้ในกรุของวัดต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปะหลายครั้ง ครั้งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อพุทธศักราช 2500 เมื่อได้มีการค้นพบเครื่องทองที่เป็นชุดสถูปและเครื่องราชูปโภคจำลองซึ่งสันนิษฐานว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ได้สร้างเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเชษฐาสองพระองค์ของพระองค์โดยบรรจุไว้ในกรุวัดราชบูรณะ เมื่อพุทธศักราช 1967การค้นพบครั้งนั้นเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของงานโบราณคดีในสมัยแรกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จเจ้าพระนางพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโบราณวัตถุเหล่านั้นและพระราชทานพระราชดำริว่สมควรจัดสร้างพิพิธภัณฑ สถานขึ้น ณ สถานที่พบคือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเก็บรักษาให้เป็นมรดกของท้องถิ่นนั้นต่อไป เนื่องจากเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของที่นั่น กรมศิลปากรจึงได้จัดสร้าง “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา” ขึ้นมา ที่กลางเมืองพระนครศรีอยุธยา และเปิดเป็นทางการเมื่อพุทธศักราช 2504 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยานี้ ต้องถือว่าเป็นต้นแบบของพิพิธภัณฑสถานที่สร้างขึ้น เพื่อการเป็นพิพิธภัณฑสถานโดยตรงตั้งแต่ต้นมิใช่เป็นเพียงเพื่อการเก็บรวบรวมรักษามรดกของชาติเพียงอย่างเดียวเหมือนพิพิธภัณฑสถานรุ่นก่อนๆจึงได้มีการวางแผนงานการจัดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจากจุดเริ่มต้น  


black ribbon.