ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
ชื่อเรื่อง : จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ในรัชกาลที่ ๕ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ - ปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖
ผู้แต่ง : สำนักนายกรัฐมนตรี
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๑๖
สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ : สำนักนายกรัฐมนตรี
จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ในรัชกาลที่ ๕ ที่พิมพ์ในเล่มนี้ เริ่มแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติในปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ จนถึงปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ รวมเป็นเหตุการณ์ในระยะเวลา ๖ ปี นับได้ว่าเป็นหลักฐานในทางประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี บางเรื่องและก็โดยมากต้องอาศัยพระนิพนธ์สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพมาช่วยขยายเรื่องราวให้ทราบละเอียดละออขึ้น
“(ถ้าแม้น) ให้ดวงสมรหนุนกรขวา วิทยาเสื่อมไปไม่ให้ผล” ข้อความนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือสมุดไทยขาวเรื่อง นางปราสาททอง อักษรไทย ภาษาไทย เส้นหมึก โดยเรื่องราวของวรรณกรรมกล่าวถึง นางอุบลผู้เป็นแม่เลี้ยงได้ยุยงให้นางปราสาททองขอบรรทมหนุน พระกรข้างขวาของพระศิลป์สุริยวงศ์ ด้วยความรู้ไม่เท่าทันผู้เป็นแม่เลี้ยงที่ต้องการกำจัดพระศิลป์สุริยวงศ์ นางจึงอ้อนวอนขอบรรทมหนุนพระกรข้างขวา แม้พระศิลป์สุริยวงศ์จะกล่าวชี้แจงว่าหากกระทำเช่นนั้น อาคมที่พระองค์มีก็จะเสื่อม แต่นางปราสาททองกลับไม่ยอมเชื่อ คิดแต่เพียงว่าพระศิลป์สุริยวงศ์ไม่ได้รักนาง พระศิลป์สุริยวงศ์จึงจำใจยอมให้นางบรรทมหนุนพระกรขวาของพระองค์ จากนั้นคาถาอาคมของพระองค์ที่มีจึงเสื่อมไป เรื่องราวในวรรณกรรมอาจมีความแปลก ดูเกินจริง และชวนให้สงสัย เพราะหลายคนส่วนใหญ่ย่อมเคยได้ยินข้อห้ามที่คนมีคาถาอาคมถือกันหลายข้อ เช่น ห้ามกินมะเฟือง ห้ามลอดราวตากผ้า ห้ามลอดบันได ห้ามกินฟักเขียว ห้ามกินของเหลือ ห้ามกินผักปลัง ห้ามกินข้าวหรือกินน้ำในงานศพ ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน เหล่านี้เป็นต้น แต่ถ้าหากพิจารณาอย่างถ่องแท้ และพยายามเชื่อมโยงให้เข้ากับความเชื่อที่ยึดถือกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ จะพบว่า ข้อความที่ปรากฏในวรรณกรรมนั้น มีความหมายในแนวทางเดียวกันและเข้ากับตำราที่ว่า “หญิงซ้าย ชายขวา” ได้อย่างลงตัว และถ้าหากเราย้อนกลับไปอ่านวรรณกรรมที่มีเรื่องราวของวิถีชาวบ้านและความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์แทรกอยู่ ก็จะช่วยให้คลายความสงสัยได้มากขึ้น คำกลอนสวัสดิรักษา ของสุนทรภู่ เป็นวรรณกรรมเรื่องหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อ “หญิงซ้าย ชายขวา” ความว่า “อย่านอนซ้ายสตรีมักมีภัย” เหตุผลของคนในสมัยก่อนคือ ผู้ที่นอนอยู่ทางขวาคือผู้ที่อยู่ใกล้ประตูห้องมากที่สุด ดังนั้นหากอันตรายใดๆ เกิดขึ้น ฝ่ายชายก็จะสามารถปกป้องคุ้มครองฝ่ายหญิงได้ทันท่วงที ในเสภาเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน เป็นวรรณกรรมอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อ “หญิงซ้าย ชายขวา” เช่นกัน ปรากฏในตอนที่ขุนแผนตัดพ้อนางวันทอง ความว่า ๏ เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มต่ำ เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน “ความจริงแล้ว ความเชื่อที่เราถือนั้น เป็นสิ่งที่ดีเสมอ มีเหตุผลเสมอที่ถือ” เพราะความเชื่อใดๆ ล้วนมีคำอธิบายและเหตุผลทั้งสิ้น เพียงแต่คนสมัยก่อนมักสอนไว้ให้เป็นปริศนา เมื่อคนรุ่นหลังต้องมาตีความก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ดังนั้น หากมองความเชื่อนี้ในแง่ของเหตุผล คำกล่าวที่ว่า ถ้าแม้นให้ดวงสมรหนุนกรขวา วิทยาเสื่อมไปไม่ให้ผล นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ และวิถีชีวิตแล้ว ยังเป็นการกล่าวสั่งสอนให้พึงระวัง เพราะคนส่วนใหญ่ถนัดใช้แขนข้างขวา ดังนั้นแขนขวาจึงเป็นอวัยวะสำคัญที่ใช้ในการทำงานหรือทำประโยชน์ต่างๆ หากให้ภรรยาหนุนแขนข้างขวา อาจจะส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้า หรือเป็นเหน็บชา และใช้การได้ไม่เต็มที่นัก .............................................................. ข้อมูล/ภาพ : นางสาวอุไร คำมีภา นักภาษาโบราณปฏิบัติการ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา เอกสารอ้างอิง :“นางปราสาททอง.” หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา. หนังสือสมุดไทยขาว. อักษรไทย. ภาษาไทย. เส้นหมึก. ม.ป.ป. เลขที่ ๕๖. หมวดวรรณคดี. กรมศิลปากร. รวมนิทาน บทเห่กล่อม และสุภาษิตของสุนทรภู่. กรุงเทพฯ: กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๒๙. เสฐียรโกเศศ. ประเพณีเกี่ยวกับชีวิตแต่งงาน. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ: ศยาม, ๒๕๓๙. เสภาเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน เล่ม ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๑๘. กรุงเทพฯ: ศิลปาบรรณาคาร, ๒๕๔๔.
องค์ความรู้ เรื่อง "พระจิตรลดา" พระพิมพ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างเรียบเรียงโดย นางสาวเบญจพร สารพรม ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี
จารึกเสาธรรมจักร เมืองโบราณซับจำปา วัสดุ : ศิลา อายุ/สมัย : ทวารวดี (อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓) ขนาด : สูง ๒๐๒ เซนติเมตร, เส้นผ่านศูนย์กลาง ๓๐ เซนติเมตร สถานที่พบ : เมืองโบราณซับจำปา อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี ปัจจุบัน : จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ------------------------------------ ธรรมจักร สัญลักษณ์แสดงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยไม่มีการสร้างพุทธปฏิมา ในประเทศไทยปรากฏการสร้างครั้งแรกในวัฒนธรรมทวารวดี ได้รับอิทธิพลจากศิลปะคุปตะ จากหลักฐานที่พบคาดว่ามีลักษณะเป็นประติมากรรมลอยตัวสลักจากหินที่ประกอบไปด้วย ๒ ส่วนหลัก คือ ส่วนยอดที่ทำเป็นรูปวงล้อเกวียนมีฐานผังสี่เหลี่ยมรองรับวงล้อ และส่วนเป็นเสารองรับในผังเหลี่ยม นิยมพบร่วมกับประติมากรรมรูปกวางหมอบ สื่อถึงการแสดงปฐมเทศนา ‘ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร’ แก่ปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน จังหวัดลพบุรีพบหลักฐานชิ้นส่วนธรรมจักรที่มีจารึกอักษรปัลลวะหลายชิ้น เช่น จารึกบนซี่ล้อธรรมจักร จารึกบนวงล้อธรรมจักร และจารึกบนชิ้นส่วนเสาธรรมจักร เป็นต้น ปัจจุบันทั้งหมดจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ โดยชิ้นที่มีความสำคัญและโดดเด่นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ภูมิใจเสนอ คือ เสาธรรมจักรแปดเหลี่ยมที่มีจารึก อักษรปัลลวะ ภาษาบาลี เนื้อความกล่าวถึงหลักธรรม เช่น อริยสัจ ปฏิจจสมุปบาท ปฐมพุทธอุทาน และพระพุทธอุทาน สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมจารึกเสาธรรมจักร เมืองโบราณซับจำปา ได้ทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์ เวลา ๙.๐๐-๑๖.๐๐ น.-------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ -------------------------------------อ้างอิง ศักดิ์ชัย สายสิงห์. พระพุทธรูปในประเทศไทยไทย รูปแบบ พัฒนาการ และความเชื่อของคนไทย. กรุงเทพฯ : ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี, ๒๕๕๖. . ศิลปะทวารดี วัฒนธรรมทางศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๒ นนทบุรี :
***บรรณานุกรม***
ผดุงถิ่นยุคข่าวเศรษฐกิจ
ปีที่ 17(8)
ฉบับที่ 673(267)
วันที่ 1-15 มีนาคม 2535
ชื่อเรื่อง เจตนาเภทา (พระเจตตนาเภทาอฏฐกถาฎ๊กา)สพ.บ. 172/6ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 58 หน้า กว้าง 4.7 ซ.ม. ยาว 57.3 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ธรรมเทศนาบทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ภาษาบาลี-ไทย ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทสนา (เทสนาสังคิณี-มหาปัฎฐาน)สพ.บ. 125/7กประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 22 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 53 ซ.ม. หัวเรื่อง พระอภิธรรม
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดประสพสุข ต.ทับตีเหล็ก อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี
แผ่นดินเผารูปนรสิงห์
พบที่เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี
แผ่นดินเผาทรงสี่เหลี่ยม มีเสาทรงกลมเป็นกรอบทั้งสองข้าง ตรงกลางมีรูปบุคคลมีศีรษะเป็นสิงห์ หรือ รูปนรสิงห์ มีแผงคอ ตาโปน จมูกใหญ่ แยกเขี้ยวยิงฟัน ส่วนลำตัวเป็นรูปบุคคลอยู่ในท่านั่งชันเข่าบนฐานสี่เหลี่ยม แยกขา มือทั้งสองข้างยกขึ้นระดับศีรษะในลักษณะแบก ไหล่กว้าง เอวคอดเล็ก มีกล้ามเนื้อ ด้านหลังแผ่นดินเผาแบนเรียบ เนื้อดินมีรอยแกลบข้าว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของอิฐในวัฒนธรรมทวารวดี จากรูปแบบศิลปกรรมที่มีลักษณะแบบท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งคลี่คลายจากรูปแบบที่พบในศิลปะอินเดีย จึงกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๕ (ประมาณ ๑,๑๐๐ – ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว)
ประติมากรรมรูปนรสิงห์นี้ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเนื่องในคติเรื่องผู้พิทักษ์และผู้ค้ำจุนศาสนา เช่นเดียวกับประติมากรรมคนแคระแบก ซึ่งพบทั่วไปในเมืองโบราณภายใต้วัฒนธรรมทวารวดี ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดียเช่นเดียวกัน มักทำเป็นรูปบุคคลนั่งชันเข่า แยกขา แสดงท่าแบกโดยมีทั้งแบบที่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นแบก และวางมือบนเข่าและใช้ไหล่แบกรับน้ำหนัก ส่วนมากมีศีรษะเป็นคน โดยพบที่มีศีรษะเป็นสัตว์ เช่น สิงห์ ลิง โค ไม่มากนัก นอกจากประติมากรรมลักษณะนี้จะใช้ประดับส่วนฐานของศาสนสถานแล้ว ยังพบว่าช่างทวารวดีใช้ประดับส่วนฐานของธรรมจักร อีกด้วย ประติมากรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่ สร้างขึ้นโดยใช้แม่พิมพ์ขึ้นรูปแล้วนำไปเผา เนื่องจากสามารถผลิตประติมากรรมรูปแบบเดียวกันได้เป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น เพื่อใช้ประดับโดยรอบฐานของศาสนสถาน
นอกจากที่เมืองโบราณอู่ทองแล้ว ยังพบประติมากรรมนรสิงห์ในท่าแบกที่เมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีแห่งอื่น เช่น ปูนปั้นรูปนรสิงห์จากเจดีย์จุลประโทน และรูปนรสิงห์ประดับฐานธรรมจักร พบที่เมืองนครปฐมโบราณ จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ทั้งนี้รูปนรสิงห์ซึ่งพบที่เมืองนครปฐมโบราณ มีความแตกต่างจากรูปนรสิงห์ซึ่งพบที่เมืองโบราณอู่ทอง เนื่องจากรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียเริ่มคลี่คลาย และช่างทวารวดีแต่ละกลุ่ม ได้สร้างประติมากรรมจากความคิดสร้างสรรค์ จนมีเอกลักษณ์เฉพาะของตน
เอกสารอ้างอิง
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมทางศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๖๒.
วรพงศ์ อภินันทเวช. “ประติมากรรมคนแคระในวัฒนธรรมทวารวดี: รูปแบบและความหมาย”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๕.
เลขทะเบียน : นพ.บ.74/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 62 หน้า ; 4.6 x 50 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 46 (35-51) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : จตุปาริสุทธิสีลกถา (พระจตุปาริสุทธิศีล) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.135/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 34 หน้า ; 4.2 x 55 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 81 (322-325) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : บาลีการก (ศัพท์การก)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
ชื่อเรื่อง บทละครเรื่องพระลอ
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ บริษัทโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชจำกัด
ปีที่พิมพ์ 2517
จำนวนหน้า 97 หน้า
หมายเหตุ พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงประพันธ์เป็นบทละคร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรมพระนราธิประพันธ์พงศ์ ซึ่งขณะนั้นทรงจัดตั้งคณะละครชื่อคณะละครนฤมิตรและทรงให้หม่อมหลวงตวนศรี วรวรรณ ภรรยาทรงแต่งทำนองเพลง