ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,825 รายการ

ทับหลังการกราบบูชาแบบ “อัษฎางคประดิษฐ์” (Aṣṭāṅga Namaskāra) ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย "อัษฎางคประดิษฐ์" เป็นการแสดงความเคารพบูชาสูงสุดด้วยการกราบที่กำหนดให้อวัยวะทั้ง 8 คือ หน้าผาก ฝ่ามือทั้งสอง หน้าอก เข่าทั้งสอง และปลายเท้าทั้งสอง แนบพื้นดิน โดยการกราบเช่นนี้แพร่หลายในกลุ่มพุทธศาสนิกชนที่นับถือลัทธิวัชรยาน ตันตระ ซึ่งคงได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ฮินดู ในปัจจุบันหลายท่านอาจเคยพบเห็นการกราบแบบนี้จากผู้จาริกแสวงบุญในอินเดียทิเบต เนปาล และภูฏาน เรียกว่า Chag Tsel   สำหรับทับหลังของปราสาทพิมาย นับได้ว่าเป็นทับหลังสลักภาพการกราบแบบ “อัษฎางคประดิษฐ์" ที่เก่าแก่ในประเทศไทยและในวัฒนธรรมเขมรโบราณ กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 17 หรือประมาณ 900 ปีมาแล้ว โดยในภาพสลักเป็นภาพบุคคลกำลังกราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์และถวายเครื่องบรวงสรวงบูชาแก่พระพุทธรูปนาคปรก เป็นไปได้ว่าผู้ที่กำลังบูชาพระพุทธรูปนาคปรกนั้น คือ กมรเตงอัญศรีวิเรนทราธิบดีวรมะเมืองโฉกวะกุล กำลังถวายเครื่องบูชาแก่กมรเตงชคตเสนาบดีไตรโลกยวิชัยซึ่งเป็นเสนาบดีแห่งกมรเตงชคตวิมาย ตามที่ปรากฏในจารึกปราสาทหินพิมาย 3 สำหรับในประเทศกัมพูชา เราพบภาพสลักการกราบแบบ “อัษฎางคประดิษฐ์" ในปราสาทที่สร้างในรัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (สมัยบายน)ซึ่งนับถือพุทธศาสนาลัทธิวัชรยาน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือประมาณ 800 ปีมาแล้ว เช่น ปราสาทบันทายฉมาร์ ปราสาทตาพรหม ปราสาทบันทายกุฎี ปราสาทบายน อย่างไรก็ตามใน Angkor National Museum ได้จัดแสดงประติมากรรมรูปบุคคลกราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์ในสมัยบายนและระบุว่าเป็นสุเมธดาบส  สุเมธดาบส เป็นอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระชาติที่ได้รับพุทธทำนายจากพระพุทธเจ้าทีปังกร ว่าสุเมธดาบสผู้นี้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เรื่องราวของสุเมธดาบสมีอยู่ว่า พระพุทธเจ้าทีปังกรได้เสด็จมายังเมืองอมราวดี ซึ่งมีพื้นที่ช่วงหนึ่งขรุขระมีน้ำขัง ผู้มีศรัทธาจึงได้ช่วยกันถากถางทางและปรับพื้นที่เพื่อให้พระทีปังกรเสด็จดำเนินได้โดยสะดวก เมื่อสุเมธดาบผ่านมาเห็นก็ขอร่วมในการปรับถนนด้วย แต่ยังไม่ทันเสร็จดี พระพุทธเจ้าทีปังกร พร้อมพระสาวก ก็เสด็จดำเนินมา สุเมธดาบสเห็นไม่ทันการณ์ เพราะยังมีบ่อที่น้ำท่วมขังอยู่ช่วงตัวหนึ่ง จึงตัดสินใจทอดตัวลงนอนปิดทับแอ่งน้ำนั้น ตั้งใจถวายชีวิตให้พระทีปังกรและพระสาวกเดินไปบนแผ่นหลังของตน และในครานั้นสุเมธดาบสได้ตั้งความปรารถนาไว้ขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นพระองค์ท่าน เมื่อพระพุทธเจ้าทีปังกรเสด็จมาทอดพระเนตรเห็นก็รู้ด้วยญาณว่าสุเมธดาบสผู้นี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้า จึงแสดงพุทธทำนายแก่สุเมธดาบส ว่า สุเมธดาบสผู้นี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลข้างหน้า พระนามว่า พระโคตมพุทธเจ้า


          เจดีย์จำลอง           เลขทะเบียน                 ๓๙๘ / ๒๕๑๖            แบบศิลปะ / สมัย         ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ - ๒๒            วัสดุ (ชนิด)                 สำริด           ขนาด                 ฐานกว้าง ๔.๖ เซนติเมตร สูง ๑๗ เซนติเมตร             ประวัติความเป็นมา พุทธสถานจังหวัดเชียงใหม่ มอบให้            ความสำคัญ ลักษณะและสภาพของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ            เจดีย์จำลอง ส่วนฐานล่างเป็นทรงกลมคล้ายหม้อดอก หรือหม้อบูรณฆฏะ ซึ่งชาวล้านนาเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์หรือความเจริญรุ่งเรือง ส่วนฝาทำเป็นเจดีย์ทรงกลม ตั้งบนฐานปัทม์ซ้อนกันสามชั้น รองรับองค์ระฆังกลม ส่วนยอดทำเป็นทรงกรวยแหลม บนสุดทำเป็นหัวเม็ดทรงมัณฑ์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุ   


เรื่อง เครื่องหอมไทย ผู้เรียบเรียง  : นางสาวลักษมณ ประจวบมูล บรรณารักษ์ปฏิบัติการ


สามารถรับชมคลิปวิดีโอ ขั้นตอนการทำลายหนังสือราชการ ตามลิงก์ดังแนบhttps://www.facebook.com/SupanburiNationalArchive/videos/3124127631187892/?locale=th_TH https://www.youtube.com/watch?v=PxoYBSimhFwหรือติดต่องานบริหารเอกสาร โทร. 035 535 501 ต่อ 101 (ในวันและเวลาราชการ)


ชื่อโบราณวัตถุ : ภาชนะดินเผาเขียนสีรูปสัตว์แบบศิลปะ : สมัยก่อนประวัติศาสตร์ชนิด : ดินเผาขนาด : สูง 22.8 เซนติเมตร  ปากกว้าง 14.2 เซนติเมตรอายุสมัย : วัฒนธรรมบ้านเชียงสมัยปลาย 2,300 - 1,800 ปีมาแล้วลักษณะ : ภาชนะดินเผาก้นกลม มีเชิง เขียนสีแดงเป็นลายรูปสัตว์สภาพ : ...ประวัติ : ...สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีแสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่  http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang/360/model/03/ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang


ชื่อโบราณวัตถุ : ตุ๊กตารูปสัตว์แบบศิลปะ : สมัยก่อนประวัติศาสตร์ชนิด : ดินเผาขนาด : สูง 7.4 เซนติเมตร ยาว 15 เซนติเมตรกว้าง 13.3 เซนติเมตรอายุสมัย : วัฒนธรรมบ้านเชียงลักษณะ : ตุ๊กตาดินเผา รูปสัตว์ประเภทโค หรือกระบือ มีการปั้นขาหน้า และขาหลังรวมกับเป็น 2 ขา มีเขายาวสภาพ : ...ประวัติ : ได้จากการขุดค้น บ้านนาดี ตำบลพังงู  อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานีสถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีแสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่  http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang/360/model/24/ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang


ชื่อเรื่อง                     ความสุขของฉันการศึกษาและประเพณีไหว้ครูผู้แต่ง                       กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   นาฏศิลป์ไทย การรำไทยเลขหมู่                      793.31907 ศ528คสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 ห้างหุ้นส่วนจำกัดศิวพรปีที่พิมพ์                    2505ลักษณะวัสดุ               42 หน้า หัวเรื่อง                     การศึกษาภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกหนังสือเล่มกล่าวถึงประวัติการตั้งโรงเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป์ โดยพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ซึ่งเป็นอธิบดีคนแรกของกรมศิลปากร โรงเรียนนี้มีพิธีพิเศษที่ต้องปฏิบัติเป็นประจำอยู่อย่างหนึ่ง คือ พิธีไหว้ครูนาฏศิลปะและดุริยางคศิลป์ พิธีไหว้ครูประจำปีนี้เป็นพิธีที่ศิลปินทางโขนละคอนและดนตรีได้ปฏิบัติสืบต่อเป็นประเพณีกันมาแต่โบราณ


ชื่อเรื่อง                     ไตรวุฒิเจริญ 3 ประการ กับความชนะในพระพุทธศาสนาผู้แต่ง                       สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฎฐายี)  พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ)ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ศาสนาเลขหมู่                      294.3138 ส247ตวสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 การพิมพ์ปีที่พิมพ์                    2501ลักษณะวัสดุ               180 หน้า หัวเรื่อง                     ธรรมะกับชีวิตประจำวัน                              พิธีกรรมภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก“ไตรวุฒิเจริญ 3 ประการ” กับ “ความชนะในพระพุทธศาสนา” เป็นเรื่องเหมาะสมกับกาลสมัย เป็นเรื่องที่อ่านง่าย และปฏิบัติตามได้ง่าย  


วันเสาร์ ที่ 9 ธันวาคม 2566 นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมกิจกรรมบรรยายและเสวนาทางวิชาการเรื่อง “จดหมายเหตุพระปาเลไลย ในโครงการ “การศึกษาเอกสารโบราณสมัยรัชกาลที่ 4 เรื่องการบูรณะวัดป่าเลไลยก์ โดยมีพระศรีธวัชเมธี รองเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์เป็นประธานโครงการ ท่านพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากรเป็นประธานในพิธีเปิด และนางทัศนีย์ เทพไชย อดีตผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ ตัวแทนคณะกรรมการโครงการกล่าวรายงาน และภายในงานมีนิทรรศการ “วัดป่าเลไลยก์ในหนังสือสมุดไทยโบราณ” โดยหอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรีเฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับชมรมนักโบราณคดี(สมัครเล่น)เมืองสุพรรณ , บริการแสกนภาพถ่าย/เอกสารเก่า โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี และบริการผูกดวงลัคนาราศีเกิด โดยชมรมโหรขรัวตาจู ขอบคุณภาพ : คุณชนินทร์ อรุโณทัย ชมรมนักโบราณคดี(สมัครเล่น)เมืองสุพรรณ


ชื่อโบราณวัตถุ : กำไลสำริดมีร่องรอยเศษเปลือกข้าวแบบศิลปะ : สมัยก่อนประวัติศาสตร์ชนิด : สำริดขนาด : เส้นผ่านศูนย์กลาง 5.4 เซนติเมตรอายุสมัย : สมัยก่อนประวัติศาสตร์ลักษณะ : กำไลสำริด มีร่องรอยของเปลือกข้าวติดอยู่ ประดับตัวกำไล ด้วยกระดิ่งจำนวน 4 แถว แถวละ 2 ลูก มีการตกแต่งกำไลด้วยเส้นขวางรอบตัว สันนิษฐานว่า เป็นของอุทิศให้กับผู้ตาย พร้อมกับเมล็ดสภาพ : ...ประวัติ : ได้จากการขุดค้นที่หลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีในเมื่อปี  2546สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีคิวอาร์โค้ด สำหรับเข้าถึงระบบฐานข้อมูล :(ท่านสามารถโหลดและนำไปใช้เพื่อการทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่อได้)แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่  http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang/360/model/18/ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang


             วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 เวลา 19.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในการจัดการแสดงละครเรื่อง เลือดสุพรรณ รอบปฐมทัศน์  ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมมอบนโยบายให้กรมศิลปากรพัฒนาศักยภาพโรงละครแห่งชาติภูมิภาคเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม สนับสนุนการท่องเที่ยว ส่งเสริมนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของรัฐบาล              รมว. สุดาวรรณ กล่าวว่า กรมศิลปากร จัดการแสดงละครเรื่อง เลือดสุพรรณ เพื่อรำลึกถึงคุณูปการของพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ผู้ประพันธ์ มุ่งหมายให้ผู้ชมเกิดความสมัครสมานสามัคคี และเสียสละเพื่อประเทศชาติ โดยเลือกจัดการแสดงที่โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในบทละคร ผลจากการดำเนินการในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่ชื่นชมนาฏดุริยางคศิลป์  ไม่เพียงแต่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีเท่านั้น ยังมีประชาชนจากจังหวัดอื่น ๆ ที่สนใจเดินทางมาชมการแสดงและเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยกรมศิลปากรได้จัดเส้นทางการท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้ร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก มีรายได้เพิ่มขึ้น ตามนโยบายกระทรวงวัฒนธรรมในการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม และนโยบายรัฐบาลด้านการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน               รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จดังกล่าว จึงได้มอบนโยบายด้านการบริหารจัดการโรงละครแห่งชาติในภูมิภาคทั้งสองแห่ง ได้แก่ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก สุพรรณบุรี และโรงละครแห่งชาติภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา ขอให้มีการวางแผนจัดการแสดงที่น่าสนใจและหลากหลายรูปแบบ ทั้งการแสดงโขน ละคร ดนตรีไทย และดนตรีสากล ให้เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในท้องถิ่น โดยบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ให้มีส่วนร่วมในการจัดการแสดงให้สอดคล้องกับเทศกาลต่าง ๆ ของจังหวัด และเปิดโอกาสให้หน่วยงานภายนอกใช้สถานที่จัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรม ทั้งนี้  ได้มอบให้กรมศิลปากรจัดการแสดงละครสดุดีวีรสตรี “ท้าวสุรนารี” ในเดือนตุลาคม เนื่องในโอกาสครบรอบ 197 ปีแห่งการสถาปนาตำแหน่งท้าวสุรนารี โดยร่วมมือกับทางจังหวัดนครราชสีมาต่อไป คาดว่าจะเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของกรมศิลปากรในปีนี้ 



          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าสักการะ 4 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังจันทรเกษม หลวงพ่อลพบุรี พระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า 700 ปี สักการพระนเรศวร พระมหาอุปราชผู้ครองพระราชวังองค์แรก เจ้าพ่อหอส่องกล้อง อารักษ์ประจำวัง และพระคเณศ เทพแห่งความสำเร็จ ในงาน Night at The Palace ย้อนเวลา ชมวัง 4 ศตวรรษ พระราชวังจันทรเกษม เริ่มเปิดให้เข้าชมพระราชวังจันทรเกษม (เฉพาะภายนอกอาคาร) ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่ 25 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 16.30 - 21.00 น. ค่าธรรมเนียมเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท ผู้พิการ และชาวไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เข้าชมฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร. 035 251 586



            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ขอเชิญร่วมกิจกรรมเนื่องในงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี ๒๕๖๘ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ ๗ - ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ "คนโบราณที่บ้านเรา" กิจกรรมต่าง ๆ ในงานประกอบด้วย ๑. นิทรรศการพิเศษจากหน่วยงานกรมศิลปากร ๒. กิจกรรม Workshop มากมาย ๓. การสาธิตภูมิปัญญา ปั้นหม้อ ทอผ้า ฯลฯ และขอเชิญทุกท่านร่วมสนุกด้วยการแต่งกายย้อนยุคก่อนประวัติศาสตร์ ไม่จำกัดไอเดีย นอกจากนี้ยังเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียงให้เข้าชมโดยยกเว้นค่าธรรมเนียม ระหว่างวันที่ ๗ - ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ อีกด้วย


black ribbon.