ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 40,814 รายการ
นำพระพุทธรูปออกนอกราชอาณาจักร
ข้อแนะนำการส่งหรือนำพระพุทธรูปออกนอกราชอาณาจักร
บุคคลทั่วไป
๑. กรอกแบบฟอร์มการขออนุญาตที่ทางราชการจัดให้ (ศก.๖)
๒. ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมศิลปากร ให้เหตุผลส่งหรือนำไปเพื่ออะไร ไว้ที่ใดโดยละเอียด
๓. ในกรณีที่นำติดตัวไปเอง ถ่ายสำเนาหนังสือเดินทางของผู้ขออนุญาต ๑ ชุด
ในกรณีที่ส่งไปถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
๔. ให้แสดงหลักฐานเป็นเอกสารรับรองจากองค์กร องค์การ
(องค์กร, องค์การที่เป็นที่เชื่อถือ และยอมรับจากทางราชการ)
สมาคม หมายถึง ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับศาสนาซึ่งเป็นที่เชื่อถือและยอมรับจากทางราชการ
สถาบันที่เกี่ยวข้องกับศาสนา คือ พระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ เป็นเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส หรือเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ลงนามรับรอง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่เชื่อถือได้ว่าจะส่งหรือนำพระพุทธรูปออกนอกราชอาณาจักรเพื่อสักการบูชา เพื่อศึกษาวิจัย เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณ หรือเพื่อแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมหรือโบราณคดี
ในกรณีที่เจ้าอาวาสวัด รองเจ้าอาวาสวัดฯ หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด รับรอง ต้องมีเอกสาร ดังนี้
๑. ทำหนังสือจากวัดถึงอธิบดีกรมศิลปากร
๒. สำเนาใบสุทธิประวัติเดิม – ปัจจุบัน
๓. สำเนาใบแต่งตั้งสมณศักดิ์ หรือหลักฐานยืนยันชื่อลงนามในหนังสือรับรอง
ในกรณีที่ข้าราชการรับรอง (ต้องเป็นข้าราชการตั้งแต่ ระดับ ๔ ขึ้นไป)
๑. ทำหนังสือจากผู้รับรองถึงอธิบดีกรมศิลปากร รับรองผู้ขออนุญาตส่งหรือนำพระพุทธรูปออกนอกราชอาณาจักร
๒. สำเนาบัตรข้าราชการ ด้านหน้า – หลัง
อนึ่ง เอกสารที่เป็นสำเนา ให้ผู้รับรองลงนามรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ
ภาพถ่ายของวัตถุ
ใช้ภาพสี ขนาด ๓ x ๕ นิ้ว จำนวน ๒ ภาพ ต่อวัตถุ ๑ รายการ ถ่ายภาพเฉพาะด้านหน้าให้ ชัดเจน หากมีพลาสติกห่อหุ้มให้เอาออกก่อนถ่ายภาพ นำวัตถุที่จะส่งหรือนำออกทุกชิ้นไปแสดงต่อคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ฯ ในวันที่ยื่นคำร้อง (ศก.๖) ณ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เลขที่ ๘๑/๑ ถนนศรีอยุธยา (อาคารกรมศิลปากรใหม่) เทเวศร์ แขวงวชิระ เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
ระยะเวลาออกใบอนุญาต ๒ วันทำการ
เวลาทำการตรวจพิสูจน์ เช้า เวลา ๑๐.๐๐ น.
บ่าย เวลา ๑๔.๐๐ น.
ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
โทรศัพท์, โทรสาร ๐ ๒๖๒๘ ๕๐๓๓
ขั้นตอนและวิธีการ
การขอรับใบอนุญาตส่งหรือนำโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุออกนอกราชอาณาจักร
๑. ผู้ขออนุญาต ต้องกรอกในคำขอรับใบอนุญาตส่งหรือนำโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุออกนอกราชอาณาจักร(ศก.๖) พร้อมแนบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในคำขอรับใบอนุญาต ณ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เลขที่ ๘๑/๑ ถนนศรีอยุธยา เทเวศร์ แขวงวชิระ เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
๒. ผู้ขออนุญาต จะต้องนำโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ขออนุญาตส่งออกทุกชิ้นไปให้คณะกรรมการตรวจพิสูจน์ ณ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หากไม่สามารถนำไปให้ตรวจพิสูจน์ ณ สถานที่ดังกล่าวได้ ผู้ขออนุญาตสามารถทำหนังสือพร้อมทั้งแสดงเหตุผลต่ออธิบดีขอให้มีการตรวจพิสูจน์ ณ สถานที่ที่เก็บรักษาโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ ผู้ขอรับใบอนุญาตจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการนี้ทั้งหมด
๓. เจ้าหน้าที่จะผูกตะกั่วประทับตราที่โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุทุกชิ้น ที่คณะกรรมการตรวจพิสูจน์ สรุปความ เห็นอนุญาตให้ส่งหรือนำออกนอกราชอาณาจักรได้
๔. ภายใน ๑ - ๒ วันทำการ ให้ผู้ขอรับใบอนุญาตไปรับใบอนุญาต พร้อมชำระค่าธรรมเนียม
ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ณ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ค่าธรรมเนียมศิลปวัตถุประเภทพระพุทธรูป สมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ถึงปัจจุบัน
- ขนาดยาวหรือสูงเกิน ๑๐๐ เซนติเมตร ชิ้นละ ๓๐๐ บาท
- ขนาดยาวหรือสูงเกิน ๕๐ เซนติเมตร แต่ไม่เกิน ๑๐๐ เซนติเมตร ชิ้นละ ๒๐๐ บาท
- ขนาดยาวหรือสูงไม่เกิน ๕๐ เซนติเมตร ชิ้นละ ๑๐๐ บาท
ค่าธรรมเนียมศิลปวัตถุ สมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ถึงปัจจุบัน
- ขนาดยาวหรือสูงเกิน ๑๐๐ เซนติเมตร ชิ้นละ ๒๐๐ บาท
- ขนาดยาวหรือสูงเกิน ๕๐ เซนติเมตร แต่ไม่เกิน ๑๐๐ เซนติเมตร ชิ้นละ ๑๐๐ บาท
- ขนาดยาวหรือสูงไม่เกิน ๕๐ เซนติเมตร ชิ้นละ ๕๐ บาท
๕. เจ้าหน้าที่จะออกบัตรประจำวัตถุ (บัตรสีชมพู) เพื่อให้ผู้ขอรับใบอนุญาตนำไปผูกกับปลายเชือกที่ประทับตราตะกั่วที่โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุทุกชิ้น
๖. ผู้ขอรับใบอนุญาตจะต้องลงชื่อรับรองว่าจะนำบัตรประจำวัตถุไปผูกติดกับปลายเชือกตราตะกั่วที่ประทับวัตถุให้ถูกต้องตรงกับเลขหมายรายการในใบอนุญาต
กำแพงดินและคูน้ำไม่ปรากฎหลักฐานว่าสร้างเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าจะเป็นกำแพงและคูเมืองเดิมที่พญามังรายทรงสร้างเมื่อแรกสร้างเมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 1839 บางท่านก็เชื่อว่าน่าจะเป็นกำแพงและคูที่สร้างในสมัยพระยาโกษาธิบดียกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2200 และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พงศาวดารกรุงธนบุรีได้กล่าวว่าในปี พ.ศ. 2314 กองทัพของพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ยกทัพผ่านกำแพงดินนี้ก่อนจะเข้าถึงเมืองเชียงใหม่
กำแพงและคูเมืองในปัจจุบันเริ่มต้นตั้งแต่บริเวณแจ่งกู่เฮืองฝั่งตรงข้ามกับถนนช่างหล่อ พุ่งไปทางทิศใต้แนวเดียวกับกำแพงเมืองเชียงใหม่ด้านทิศตะวันตกแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางด้านตะวันออกโอบเมืองเยงใหม่ไปทางด้านตะวันออกขึ้นไปทางเหนือผ่านถนนท่าแพไปบรรจบกับกำแพงเมืองเชียงใหม่ตรงมุมแจ่งศรีภูมิ บริเวณวัดไชยศรีภูมิ โดยมีคูเมืองขนานไปตลอดซึ่งคูเมืองบางส่วนคงให้เห็น บางส่วนถูกปรับให้มีขนาดเล็กลง และเปลี่ยนเปลง ทิศใต้มีคลองแม่ข่าไหลผ่านคูเมืองลงไปทางทิศใต้บรรจบกับแม่น้ำปิง โดยทั่วไปยังคงสภาพให้เห็นน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ถูกอาคารสร้างทับ ปรับพื้นที่เกือบตลอดแนวป้อมที่คงอยู่ในปัจจุบันคือ ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เรียก "ป้อมหายยา" ประตูที่พบที่ยังคงอยู่คือ ประตูหายยา ประตูก้อม
เรื่องลำดับกษัตริย์กรุงเก่าคำฉันท์นี้ แต่งเป็นกาพย์ฉบัง 16 เนื้อเรื่องกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บอกจำนวนปีและ พ.ศ. ที่เสด็จขึ้นครองราชสมบัติทุกรัชกาล
อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 20 มีนาคม 2556
ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด
วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2561 นางสาวระเบียบ หงส์พันธ์ หัวหน้าหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก กาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ ได้เข้าร่วมพิธีถวายเครื่องสักการะ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ณ ศาลา 60 พรรษามหาราช จังหวัดกาญจนบุรี
รายงานการเดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา
๑. ชื่อโครงการ
ส่งมอบโบราณวัตถุ ๑๖ รายการ ให้แก่รัฐบาลกัมพูชา
๒. วัตถุประสงค์
คณะเจ้าหน้าที่ จากสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร เดินทางไปส่งมอบโบราณวัตถุ จำนวน ๑๖ รายการ คืนสู่ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘
๓. กำหนดเวลา
๒๕-๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
๔. สถานที่
Angkor Conservation Center Siemreap ราชอาณาจักรกัมพูชา
๕. หน่วยงานผู้จัด
Angkor Conservation Center, Department of Safeguarding and Preservation of Monuments
๖. หน่วยงานสนับสนุน
-
๗. กิจกรรม
วันอังคารที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘
-เดินทางโดยรถยนต์ของสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไปยังคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ทำการตรวจสอบตู้บรรทุกโบราณวัตถุ ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยก่อนออกเดินทางจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ไปยังด่านศุลกากรคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
- ติดต่อประสานงานกับด่านศุลกากรคลองลึก เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำโบราณวัตถุผ่านแดน
- คณะเจ้าหน้าที่จากสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร เดินทางผ่านจุดผ่านแดนอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ราชอาณาจักรไทย เข้าสู่เมืองปอยเปต อำเภออูร์ชเรา จังหวัดบันเตียเมียนเจย ราชอาณาจักรกัมพูชา
- รถบรรทุกตู้บรรทุกโบราณวัตถุจากประเทศไทย เดินทางมาถึงเมืองปอยเปต และได้ทำการย้ายตู้บรรทุกโบราณวัตถุขึ้นบนรถบรรทุกที่ทางกัมพูชาเตรียมไว้ และเดินทางจากเมืองปอยเปตถึง Angkor Conservation Center จังหวัดเสียมราฐ เมื่อเดินทางถึงคณะเจ้าหน้าที่จากฝ่ายไทยทำการเปิดตู้บรรทุกโบราณวัตถุ และตรวจสอบลังบรรจุโบราณวัตถุ ว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อย และนำลงจากตู้เก็บไว้ชั่วคราว
วันพุธที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘
- ร่วมเปิดลังบรรจุหีบห่อโบราณวัตถุ Angkor Conservation Center
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘
- ร่วมตรวจสอบสภาพวัตถุ ณ สถานที่จัดเก็บภายใน Angkor Conservation Center
- ออกเดินทางจากสนามบินเสียมเรียบ โดยเครื่องบินโดยสาร สายการบินบางกอกแอร์เวย์ เที่ยวบิน PG 910 ถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
๘. คณะผู้แทนไทย
๑. นายดิษพงศ์ เนตรล้อมวงศ์ ภัณฑารักษ์ชำนาญการ ๒. นางกัญณศมนต์ กะมุทา ภัณฑารักษ์ชำนาญการ๓. นางสาวจุฑารัตน์ เจือจิ้น ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ๔. นายชัยเดช ไตรรัตน์ นายช่างภาพปฏิบัติงาน
๙. สรุปสาระของกิจกรรม
คณะเจ้าหน้าที่ของสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้เดินทางเพื่อนำโบราณวัตถุไปส่งมอบให้กับรัฐบาลกัมพูชา โดยได้ทำการตรวจสอบและจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายและผ่านแดน รวมถึงตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของหีบห่อก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้าย และระหว่างการเคลื่อนย้าย ประสานกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่จุดผ่านแดน เพื่ออำนวยความสะดวก และเมื่อโบราณวัตถุเดินทางไปถึงยังประเทศกัมพูชาก็ได้ร่วมตรวจสอบหีบห่อ ควบคุมการเคลื่อนย้าย เปิดหีบห่อและการเคลื่อนย้ายไปเก็บรักษาในคลัง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของทางฝ่ายกัมพูชา เพื่อให้การส่งมอบโบราณวัตถุดังกล่าวเป็นไปอย่างสมบูรณ์และถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากล ผลของการปฏิบัติงาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โบราณวัตถุที่ส่งมอบจำนวนทั้งสิ้น ๑๖ ชิ้น อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ได้นำไปจัดเก็บไว้ในคลังโบราณวัตถุของทางกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว
๑๐. ข้อเสนอแนะจากการจัดกิจกรรม
หากต้องมีการขนย้ายโบราณวัตถุโดยรถบรรทุกสินค้าผ่านชายแดน ควรจะมีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่อีกทางหนึ่ง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการนำรถบรรทุกผ่านแดน
......................................................................................................
นายดิษพงศ์ เนตรล้อมวงศ์
ผู้สรุปผลการเดินทางไปราชการ
สาระสังเขป : รวมพระโอวาทนุสาสน์ต่าง ๆ จัดพิมพ์เนื่องในสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ พระสังฆราช ฉลองพระชนมายุ 80 พรรษาผู้แต่ง : วชิรญาณวงศ์, สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงโรงพิมพ์ : มหามกุฎราชวิทยาลัยปีที่พิมพ์ : 2495ภาษา : ไทยรูปแบบ : PDFเลขทะเบียน : น.17 บ. 72100 จบเลขหมู่ : 895.915 ว 149 ป