ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 40,815 รายการ

องค์ความรู้สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่เรื่อง : หลักฐานทางโบราณคดีจากแหล่งโบราณคดีหมู่บ้านสันติภาพ 2 จังหวัดน่าน Archaeological remains from Santipharp 2 Archaeological Site, Nan Provinceโดย : นางสาวชญาดา สุวรัชชุพันธุ์เรียบเรียง : นายจตุรพร  เทียมทินกฤต-บทนำ-.     แหล่งโบราณคดีหมู่บ้านสันติภาพ 2 ตั้งที่ตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน อยู่ในแอ่งที่ราบระหว่างหุบเขา ที่ปรากฏกระบวนการพัดพา กัดเซาะของแม่น้ำน่านซึ่งพัดพาตะกอนมาสะสมตัวในแอ่งนี้ โดยอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเมืองเก่าน่าน ที่พิกัด UTM WGS 1984 Datum Zone 47 Q 685472.14 m E 2077495.36 m (ใช้เครื่อง GPS Garmin 60 Cs อ้างอิงแผนที่ทางทหาร แผ่นที่ 5146 I L7018 พิมพ์ครั้งที่ 1-RTSD) สภาพพื้นที่เป็นเนิน-ที่ดอนในที่ลาดระดับต่ำจากทิศตะวันตก ไปทางตะวันออก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 207 เมตร ในบริเวณนั้นเนินดินหลายเนินบนลานตะพักลำน้ำเลียบไปกับพื้นที่ตามทางเดินสายเก่าของแม่น้ำน่านเก่าซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของแหล่งโบราณคดี เดิมคงจะเป็นทะเลสาปรูปแอกวัว(Axe Bow Lake) ปัจจุบันได้ตื้นเขิน ถูกใช้ในการเกษตรกรรม และมีลำห้วยเหมืองหลวงไหลผ่านกลางแหล่งโบราณคดี ซึ่งจะไหลไปบรรจบกับห้วยลี่ ก่อนจะถูกชักน้ำไปที่คูเมืองน่านด้านทิศตะวันตก.     ในปี พ.ศ. 2557 สำนักศิลปากรที่ 7 น่าน(ในขณะนั้น) ได้รับแจ้งจากนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ เจ้าของที่ดินถึงการพบหลักฐานทางโบราณคดีประเภทอิฐและชิ้นส่วนกระเบื้อง เป็นแนวทรงกลมจากการปรับพื้นที่เพื่อทำสนามแบดมินตัน ในหมู่บ้านสันติภาพ 2 ทางกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 7 น่านจึงทำการสำรวจทางโบราณคดีเมื่อ พบเนินดิน 5 เนินที่มีหลักฐานทางโบราณคดีกระจายทั่วบริเวณ  เนินด้านทิศใต้สุดของแหล่งโบราณคดีปรากฏแนวอิฐก่อเป็นวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร แต่ละเนินพบชิ้นส่วนกระเบื้องดินขอ และชิ้นส่วนภาชนะดินเผาจากแหล่งเตาเมืองน่าน แหล่งเตาเวียงกาหลง และชิ้นส่วนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หมิง กระจายทั่วไป จึงจัดทำโครงการขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อดำเนินงาน และในปีงบประมาณ 2559 ได้รับงบประมาณ การขุดค้นทางโบราณคดีเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2559 โดยการทำผังคลุมทั้งบริเวณของแหล่งโบราณคดีตามแนวแกนทิศเหนือ-ใต้ และแบ่งพื้นที่ออกเป็นช่องๆ ช่องละ 4x4 เมตร โดยทำการขุดค้นทั้งสิ้น 4 พื้นที่ คือ เนินด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแหล่งโบราณคดี 3 พื้นที่ และเนินด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 1 พื้นที่  การขุดค้นเริ่มขุดบริเวณที่ปรากฏแนวอิฐ โดยปรากฏแนวอิฐต่อเนื่องลงไป และขยายพื้นที่ไปทางทิศเหนือ ตามร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดี วิธีการขุดค้นใช้การขุดลอกชั้นสมมติทีละ 5-10 เซนติเมตร-ชั้นทับถมทางโบราณคดี-.    จากการดำเนินการขุดค้นทางโบราณพบชั้นทับถมทางโบราณคดีในหลุมขุดค้นทั้ง 4 หลุม จากผนังแสดงชั้นดิน 3 ชั้นหลัก ดังนี้     1. ชั้นผิวดิน หนาประมาณ 0-30 เซนติเมตร เป็นชั้นดินธรรมชาติที่เกิดหลังจากการใช้กิจกรรมในสมัยโบราณ พบหลักฐานที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์สมัยปัจจุบัน     2. ชั้นทับถมทางวัฒนธรรม           2.1 ชั้นทับถมทางวัฒนธรรมชั้นบน อยู่ใต้ชั้นผิวดิน หนาประมาณ 20-60 เซนติเมตร เป็นดินเหนียวผสมทรายแป้ง ปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการใช้เตาเผา ซึ่งจำแนกเป็นเตาเผาหมายเลข 1, 2, 3 และ 4          2.2 ชั้นทับถมทางวัฒนธรรมชั้นล่าง เป็นดินเหนียวผสมเม็ดหินปูน ปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการฝังศพ ซึ่งจำแนกเป็นโครงกระดูกหมายเลข 1 และ 2-หลักฐานทางโบราณคดีที่พบในชั้นทับถมทางวัฒนธรรม-     1. หลักฐานทางโบราณคดีที่พบในชั้นทับถมทางวัฒนธรรมชั้นบน เป็นการใช้พื้นที่สมัยที่ 2 โดยพบหลักฐานเกี่ยวกับการทำกิจกรรมการใช้เตาเผา ซึ่งน่าผลผลิตจะเป็นการเผากระเบื้องดินขอ เป็นหลัก โดยพบหลักฐานทางโบราณคดีหลายประเภท ดังนี้          1.1 โบราณวัตถุประดิษฐ์ เบื้องต้นแบ่งออกได้ ดังนี้ ชิ้นส่วนกระเบื้องดินขอ, ชิ้นส่วนอิฐ, ชิ้นส่วนภาชนะดินเผา และตะปูโลหะ           1.2 ร่องรอยกิจกรรมมนุษย์โบราณ พบเตาเผาระบายความร้อนในแนวดิ่ง 4 เตา ซึ่งมีลักษณะและองค์ประกอบย่อยแตกต่างกันออกไป               - เตาเผาหมายเลข 1 (S5E6 & S5E7) มีลักษณะเป็นเตาตะกรับ ตัวเตา ø 2 ม. สูง 70 ซม. ช่องใส่เชื้อเพลิงขนาด 50x80 เซนติเมตร อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเตา โดยมีความลาดเอียงเล็กน้อยลงไปทางทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ จากการขุดตรวจภายในเตาพบชิ้นส่วนดินเผาอยู่สูงกว่าพื้นเตาประมาณ 30 ซม. มีลักษณะเป็นดังรังผึ้ง จึงสันนิษฐานว่า คือ ส่วนตะกรับ ใต้ชั้นตะกรับนี้พบว่ามีอิฐวางเรียงกันน่าจะเป็นส่วนฐานเตาเพื่อการรองรับโครงสร้างเตาเผา               - เตาเผาหมายเลข 2 (S4E7&S3E7&S3E8) เป็นรูปเกือบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 2.05x3.00 ม. สูง 40-50 เซนติเมตร ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นช่องใส่เชื้อเพลิง 2 ช่อง ที่ทำจากดินดิบทำส่วนบนของเตาโค้งรับกัน กว้างช่องละ 60 เซนติเมตร พบชิ้นส่วนระบายความร้อนที่มีร่องรอยการโดนอุณหภูมิสูงภายในช่องใส่เชื้อเพลิงนี้ และบริเวณถัดไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้พบชิ้นส่วนกระเบื้องดินขอ และชิ้นส่วนภาชนะดินเผากระจายตัวอยู่ ซึ่งพบเช่นเดียวกันกับบริเวณหน้าช่องใส่เชื้อเพลิงของเตาหมายเลข 1               - เตาเผาหมายเลข 3  (S3E10&S3E11&S2E10&S2E11) เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 4.3x3.0 เมตร มีช่องใส่เชื้อเพลิงวางตัวตามด้านกว้างของเตาทั้งหมด 6 ช่อง แต่ละช่องกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร อิฐของเตานี้มีขนาดและเนื้อดินต่างไปจากทุกเตา คือ มีขนาด 15x7x4 เซนติเมตร               - เตาเผาหมายเลข 4 พบในเนินดินด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแหล่งโบราณคดีใกล้กับลำห้วยมุ่น มีลักษณะคล้ายเตาเผาหมายเลข 2 แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก      2. หลักฐานทางโบราณคดีพบในชั้นทับถมทางวัฒนธรรมชั้นล่าง เป็นการใช้พื้นที่สมัยแรก หลักฐานทางโบราณคดีที่พบเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการฝังศพ มีรายละเอียด ดังนี้            2.1 โบราณวัตถุประดิษฐ์ ได้แก่ ภาชนะดินเผา, เครื่องมือหินขัด, ขวานสำริด และลูกปัดเปลือกหอย?             2.2 โบราณนิเวศวัตถุ ได้แก่  หอยเบี้ย            2.3 ร่องรอยกิจกรรมมนุษย์โบราณ                - โครงกระดูกมนุษย์หมายเลข 1 พบที่ระดับความลึกผิวดินประมาณ 10 เซนติเมตร ผลจากการวิเคราะห์โดยคุณประพิศ พงศ์มาศ นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญทางด้านมานุษยวิทยากายภาพ ระบุว่า โครงกระดูกไม่สมบูรณ์ แตกหัก แต่ยังคงวางอยู่ในสภาพเดิมของร่างกาย เป็นเพศชายพิจารณาจาก Greater Sciatic notch ที่มีลักษณะเป็นรูปตัว V เป็นมุมแหลม เล็กแคบ อายุเมื่อตาย มากกว่า 35 ปี มีพิธีกรรมการปลงศพ โดยโครงกระดูกหันศีรษะไปทางทิศเหนือ นอนหงาย แขนขวาวางอยู่บนหน้าท้อง แขนซ้ายวางเฉียงอยู่บนหน้าท้อง มือวางเกยอยู่บนมือขวา ขาเหยียดยาว บริเวณข้อเท้าคล้ายถูกมัด ลักษณะทั่วไปของโครงกระดูกสันนิษฐานว่า น่าจะมีการห่อและมัดศพก่อนนำมาฝัง โบราณวัตถุที่พบ ได้แก่กลุ่มภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ วางอยู่ด้านล่างไหล่ด้านซ้าย และสะโพกด้านซ้าย, ลูกปัดเปลือกหอยทรงกระบอก ø 3-4 มิลลิเมตร หนา 1-3 มิลลิเมตร พบบริเวณข้อมือทั้งสองข้างและกระดูกสะโพก, ขวานสำริดมีบ้องสภาพชำรุด วางอยู่บริเวณระหว่างกลางของกระดูกหน้าแข้ง และชิ้นส่วนเปลือกหอยทะเล? วางอยู่บริเวณปลายเท้า                - โครงกระดูกมนุษย์หมายเลข 2 พบใต้โครงกระดูกหมายเลข 1 โดยอยู่ลึกจากโครงกระดูกมนุษย์หมายเลข 1 ตั้งแต่ประมาณ 2 – 20  เซนติเมตร  สภาพทั่วไปของกระดูก โครงกระดูกไม่สมบูรณ์ แต่ยังคงวางอยู่ในสภาพเดิมของร่างกาย ไม่สามารถระบุเพศได้ เป็นผู้ใหญ่ มีพิธีกรรมการปลงศพ โครงกระดูกหันศีรษะไปทางทิศตะวันออก นอนหงาย แขนขวาเหยียดยาว ไม่มีร่องรอยของการมัดหรือห่อศพ พบโบราณวัตถุที่อุทิศให้แก่ผู้ตาย ประกอบด้วย เครื่องมือหินขัด 2 ชิ้น ลักษณะคล้ายสิ่ววางอยู่ข้างศีรษะทางด้านซ้าย, ลูกปัดเปลือกหอยทะเลลักษณะเป็นแว่น พบบริเวณลำตัวช่วงบนตั้งแต่คอถึงหน้าท้อง, เครื่องมือหินขัดมีบ่า วางอยู่ระหว่างกระดูกหน้าแข้ง, กลุ่มภาชนะดินเผา ถูกทุบและวางไว้บริเวณใกล้กับมือข้างซ้าย และกลุ่มภาชนะดินเผาอย่างน้อย 5  ใบ พบว่ามีการทุบภาชนะดินเผาให้แตกปูรองพื้นและคลุมทับส่วนล่างของโครงกระดูกตั้งแต่ต้นขาลงไป          2.4 ชิ้นส่วนจากร่างกายมนุษย์สมัยโบราณ ได้แก่ ชิ้นส่วนกระดูกต้นขา, ชิ้นส่วนของกระดูกขากรรไกรล่าง และชิ้นส่วนฟันมนุษย์-การลำดับอายุชั้นวัฒนธรรม-.     สำนักศิลปากรที่ 7 น่าน(เดิม) ได้ดำเนินการส่งตัวอย่างหลักฐานทางโบราณคดีทั้งสองชั้นทับถมทางวัฒนธรรม โดยมีรายละเอียด ดังนี้      1. ชั้นทับถมทางวัฒนธรรมชั้นบน มีอายุประมาณ 1,023-606 ปีมาแล้ว โดยค่าอายุได้จากการหาค่าอายุด้วยวิธีการเรืองแสงความร้อน (Thermoluminescence, TL) โดยภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) จำนวน 6 ตัวอย่าง รายละเอียด ดังนี้            - เตาเผาหมายเลข 1: Kiln1 (131 cm.dt.) Brick 896+/-40 และ Kiln1 (143-174 cm.dt.) Soil 916+/-46            - เตาเผาหมายเลข 2: Kiln2 (103 cm.dt.) Brick 669+/-30 และ Kiln2 (92 cm.dt) Brick 641+/-35            - เตาเผาหมายเลข 4: Kiln4 (Soil) 648+/-36 และ Kiln4 (155 cm.dt.) Brick 984 +/-39        2. ชั้นทับถมทางวัฒนธรรมชั้นล่าง เบื้องต้นกำหนดอายุโดยการศึกษาเปรียบเทียบโดยพิจารณาจากหลักฐานทางโบราณคดีประเภทต่างๆ ดังนี้            - เครื่องมือหินขัด สันนิษฐานว่าผลิตจากหินโคลนกึ่งแปร (Metamorphosed Mudstone)งน่าจะมีแหล่งวัตถุดิบจากดอยหินแก้ว ที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 3 กม. ซึ่งกำหนดอายุราว 700-4,000 ปีมาแล้ว  ร่วมสมัยกับแหล่งโบราณคดีภูซาง            - ขวานสำริดมีบ้อง รูปแบบมีความคล้ายคลึงกับขออุทิศที่พบในหลุมฝังศพหมายเลข 3 และ 4 จากหลุมขุดค้นหมายเลข 4 แหล่งโบราณคดีบ้านโป่งตะขบ ตำบลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ซึ่งมีการกำหนดอายุด้วยวิธี AMS (Accelerator Mass Spectrometry) ไว้ราว 3,100 ปีมาแล้ว     อย่าไรก็ตาม ได้ส่งตัวอย่างเพื่อตรวจหาค่าอายุทางวิทยาศาสตร์ด้วยวิธี AMS (Accelerator Mass Spectrometry) จำนวน 4 ตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์ ณ ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ Beta Analytic 4985 S.W. 74th Court Miami FL 12429 สหรัฐอเมริกา ผลที่ได้ดังนี้        1. ชิ้นส่วนเครื่องประดับทำจากเปลือกหอย จากโครงกระดูกมนุษย์หมายเลข 2 ค่าอายุ 3,820-3,435 ปีมาแล้ว        2. ชิ้นส่วนเปลือกหอย จากโครงกระดูกมนุษย์หมายเลข 1 ค่าอายุ 4,890-4,520 ปีมาแล้ว        3. ชิ้นส่วนฟัน จากระดับชั้นดินสมมติ 130-140 cm.dt. (เป็นชั้นดินที่มีร่องรอยการรบกวน) ค่าอายุ 480-300 ปีมาแล้ว        4. ตัวอย่างถ่าน จากเตาเผาหมายเลข 2 1,695-1,655 ปีมาแล้ว และ 1,630-1,535 ปีมาแล้ว     จากการขุดค้นทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่า พื้นที่บริเวณหมู่บ้านสันติภาพ 2 มีการเข้าใช้พื้นที่ 2 ช่วงก่อนถึงสมัยปัจจุบัน สมัยแรกสุดที่พบร่องรอยกิจกรรมมนุษย์ ในช่วงเวลาประมาณ 3,800-3,000 ปีมาแล้ว ถูกใช้ในหน้าที่เป็นแหล่งฝังศพ (Burial Site)  ในช่วงสมัยต่อมา ประมาณ 600-900 ปีมาแล้ว ซึ่งร่วมสมัยที่ตั้งเมืองน่านใน ปี พ.ศ. 1911 ตามพงศาวดารเมืองน่าน พื้นที่ถูกใช้ในหน้าที่ผลิตกระเบื้องดินขอ อิฐเป็นต้น(Industrial Site) อาจด้วยจากบริเวณนั้นเป็นแม่น้ำเก่ามีดินเนื้อละเอียดที่เหมาะสมในการใช้งาน     *มีบางท่านเสนอว่า เตาที่พบจากลักษณะน่าเป็นเตาเผาปูน แต่ในการดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดี ไม่พบเศษปูนเลย ข้อสันนิษฐานนี้จึงละไว้--------------------------------อ้างอิง-จตุรพร เทียมทินกฤต. “การศึกษากระบวนการผลิตเครื่องมือหิน กรณีศึกษาหลุมขุดค้น N – Hill ปี พ.ศ.2548 แหล่งโบราณคดีภูซาง ตำบลนาซาว อำเภอเมือง จังหวัดน่าน.” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ภาควิชาโบราณคดี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2552.ชวนันท์ จันทร์ประเสริฐ. “การศึกษาแหล่งหินและชนิดหินของแหล่งผลิตเครื่องมือหินดอยภูซาง ตำบลนาซาว อำเภอเมือง จังหวัดน่าน.” เอกสารการศึกษาเฉพาะบุคคลปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2550.ทิพย์วรรณ วงศ์อัสสไพบูลย์. “ข้อมูล สารสนเทศ และความรู้เพิ่มใหม่จากจากการขุดค้นแหล่งโบราณคดีบ้านโป่งตะขบ ตำบลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พ.ศ.2557.” ใน ข้อมูล สารสนเทศ และความรู้เพิ่มใหม่จากงานวิจัยโบราณคดีลุ่มแม่น้ำป่าสัก, สุรพล นาถะพินธุ, บรรณาธิการ, กรุงเทพมหานคร: บริษัท จรัญสนิทวงศ์การพิมพ์ จำกัด, 2558.


      พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) กับเจ้าจอมมารดาจันทร์ (สกุลเดิม สุกุมลจันทร์) (พระนามเดิม : พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ) ดำรงพระอิสริยยศ “พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๘ สิ้นพระชนม์วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๗๗ พระชันษา ๕๓ ปี (ดูเพิ่มเติมใน กรมศิลปากร, ราชสกุลวงศ์, พิมพ์ครั้งที่ ๑๔, (กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๕๔), ๘๙.)       Cigarette Cards ชุดเจ้านายไทย (๑ สำรับ ประกอบด้วย พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระฉายาสาทิสลักษณ์ และรูปเขียนคล้ายพระรูปพระบรมวงศานุวงศ์บนแผ่นกระดาษ จำนวน ๕๐ รูป) ลำดับที่ ๔๑ โดยบริษัท ยาสูบซำมุ้ย จำกัด (SUMMUYE & CO) ผลิตราวปี พ.ศ. ๒๔๗๗ (หมายเลขทะเบียน ๒/๒๕๑๖/๑) มีประวัติระบุว่า คุณหลวงฉมาชำนิเขต มอบให้เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๑๖             (เผยแพร่โดย ศรัญ กลิ่นสุคนธ์ ภัณฑารักษ์ / เทคนิคภาพ อริย์ธัช นกงาม ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ กลุ่มทะเบียน คลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร)


นานา...น่ารู้จากเอกสารจดหมายเหตุ เรื่อง ถ้ำเขาสาย จังหวัดกาญจนบุรี


         กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “ยอร์ช เซเดส์” บรรณารักษ์ใหญ่แห่งหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร วิทยากรโดย นายสุวิชา โพธิ์คำ บรรณารักษ์ปฏิบัติการ กลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ดำเนินรายการโดย นางกมลชนก พรภาสกร นักวิชาการโสตทัศนศึกษา กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑ กันยายน  ๒๕๖๕ ตั้งแต่เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น.           ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร และ Youtube Live : กรมศิลปากร


20 กันยายน วันเยาวชนแห่งชาติ วันพระราชสมภพสองยุวกษัตริย์ ---------------------------- พุทธศักราช 2528 (ปี 1985) เป็นปีที่องค์การสหประชาชาติหรือ UN (United Nations) ประกาศให้เป็นปีเยาวชนสากล (International Youth Year: IYY) ด้วยเหตุนี้ ดร. สายสุรี จุติกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ หรือ สยช. (ปัจจุบันคือคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ หรือกดยช.) จึงเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติของประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พุทธศักราช 2528 คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันที่ 20 กันยายนของทุกปีเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ ด้วยเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ไทย 2 พระองค์ ซึ่งเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นยุวกษัตริย์แต่ยังทรงพระเยาว์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร จึงถือเป็นวันสิริมงคลในการพัฒนาเยาวชน และเป็นโอกาสให้เยาวชนไทยได้ระลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงศบริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ากับอยู่หัวกับสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระราชสมภพเมื่อวันอังคาร เดือน 10 แรม 3 ค่ำ ปีฉลู เบญจศก จุลศักราช 1215 ตรงกับวันที่ 20 กันยายน พุทธศักราช 2396 ครั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต จึงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ มะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช 1230 ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม พุทธศักราช 2411 มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2411 เมื่อพระชนมายุ 16 พรรษา โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบรรลุพระราชนิติภาวะแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2416 ตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกอปรพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อพัฒนาสยามให้เจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศ ทรงปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินให้ทันสมัย และทรงปฏิรูปการศึกษาให้ราษฎรมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังทรงพัฒนาสาธารณูปโภคและการสาธารณสุขให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ดีและสะดวกสบายขึ้น ตลอดจนทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศตะวันตกอย่างกว้างขวาง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พุทธศักราช 2468 ณ เมืองไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมันนี เป็นพระโอรสพระองค์แรกในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินีและพระอนุชา คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวสละราชสมบัติในวันที่ 2 มีนาคม พุทธศักราช 2477 สภาผู้แทน ราษฎรมีมติเห็นชอบให้คณะรัฐบาลอัญเชิญพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จักนรนฤบดินทร์สยามินทราธิราช ขณะมีพระชนมายุ 9 พรรษา โดยมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา และเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เรียบเรียงโดย นางสาวพุธิตา ขำบุญลือ นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ คณะทำงานด้านการจัดการองค์ความรู้ของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ---------------------------- อ้างอิง กรมกิจการเด็กและเยาวชน. ประวัติความเป็นมา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.dcy.go.th/ content/1636520311278/1636520514570 สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2565. กรมศิลปากร. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล. กรุงเทพฯ: บริษัท ส.ศิลป์ (2521) จำกัด, 2529. คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อานันทมหิดล ผู้เป็นที่รักของแผ่นดิน พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 4 มิถุนายน 2460 กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์, 2560. มูลนิธิปริยัติศึกษา ญสส. ในพระสังฆราชูปถัมภ์. พระราชประวัติพระมหาษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ บทพระราชนิพนธ์ในการเสด็จประพาสต้น ครั้งที่ 2 ในรัชกาลที่ 5 ประวัติเมืองกำแพงเพชร. กรุงเทพฯ: มูลนิธิปริยัติศึกษา ญสส. ในพระสังฆราชูปถัมภ์, 2537. สำนักนายกรัฐมนตรี. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ. 25 ปี สยช. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.dcy.go.th/public/mainWeb/file_download/ 1646493472100-674880574.pdf สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2565. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารชุดกระทรวงศึกษาธิการ จัดครั้งที่ 2 (2) ศธ26/2195 เรื่องส่งตัวอย่างพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเผยแพร่และจำหน่าย (4 - 7 ตุลาคม 2487). อรวรรณ ทรัพย์พลอย. พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2546. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพกองจดหมายเหตุแห่งชาติ รวบรวมจากแหล่งอื่น ๆ ภ 001 กจช (อ) 2/30 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ฉายคราวเสด็จนิวัติกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2481. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพกองจดหมายเหตุแห่งชาติ รวบรวมจากแหล่งอื่น ๆ ภ 001 กจช (อ) 3/63 พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ขณะประทับโต๊ะทรงพระอักษร. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพกองจดหมายเหตุแห่งชาติ รวบรวมจากแหล่งอื่น ๆ ภ 001 กจช (อ) 6/5 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ขณะทรงพระเยาว์ฉลองพระองค์ปกกลาสี. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพกองจดหมายเหตุแห่งชาติ รวบรวมจากแหล่งอื่น ๆ ภ 001 กจช (อ) 7/28 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงฉลองพระองค์เต็มยศพร้อมเครื่องพระบรมราชอิสริยยศราชูปโภค พระบรมฉายาลักษณ์ทรงฉายในคราวเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรก (พฤศจิกายน 2481). สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพชุดหอพระสมุดวชิรญาณ ภ 001 หวญ 12/9(3) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงฉายกับสมเด็จพระบรมราชโอรสองค์ใหญ่ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนพินิตประชานาถ เมื่อปีมะโรง พ.ศ. 2411 พระชันษา 16 ปี ขณะนั้นสมเด็จพระบรมชนกนาถ มีพระชนมายุ 65 พรรษา. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพชุดหอพระสมุดวชิรญาณ ภ 001 หวญ 19/12 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ตามแบบอย่างโบราณราชประเพณี เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 พระชันษา 16 ปี. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพอัลบั้ม กระทรวงการต่างประเทศ ภอ. กต. 2/99 พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ทรงฉายคราวบรมราชาภิเษกครั้งที่สอง).





ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           35/2ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              52 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53.5 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 130/2 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 166/1เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


การกำหนดอายุเจดีย์ประธานวัดช้างรอบ โดยวิธีศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบทางศิลปกรรมกับลวดลายเครื่องประดับเทวรูปพระอิศวร เมืองกำแพงเพชร..เทวรูปพระอิศวรสำริด แต่เดิมประดิษฐานอยู่ที่ศาลพระอิศวรอันเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดูเพียงแห่งเดียวในเมืองกำแพงเพชร ปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ลักษณะประทับยืนมี 1 เศียร 2 กร พระพักตร์รูปเหลี่ยม พระขนงเชื่อมต่อกันเหนือสันพระนาสิก พระโอษฐ์เม้มเป็นเส้นตรง ทรงไว้พระทาฐิกะ (เครา) เป็นรูปสามเหลี่ยม กลางพระนลาฏมีพระเนตรที่สาม สวมกระบังหน้า เกล้าพระเกศารูปทรงกระบอกปรากฏอุณาโลม ประดับกุณฑลที่พระกรรณ ด้านข้างพระเศียรมีกรรเจียก สวมกรองศอที่ประดับลายประจำยามและมีพวงอุบะขนาดเล็กห้อยตกลงมา ส่วนองค์ท่อนบนคล้องสายยัชโญปวีตและสวมพาหุรัดในรูปของนาค สวมทองพระกร ทองพระบาท พระธำมรงค์ทุกนิ้ว ทรงภูษาโจงกระเบนสั้นจีบเป็นริ้ว คาดทับด้วยเข็มขัดที่ประดับด้วยพวงอุบะขนาดเล็ก และชักขอบผ้านุ่งด้านบนให้แผ่ออกเป็นรูปสามเหลี่ยมมีชายผ้าห้อยตกลงมาทางด้านหน้า..การกำหนดอายุโดยการเปรียบเทียบตามความหมายในคู่มือการปฏิบัติงานด้านโบราณคดี หมายถึงอายุที่ไม่สามารถระบุเวลาเป็นจำนวนปีที่เทียบเคียงและเชื่อมโยงเข้ากับเวลาของปฏิทินปัจจุบัน กล่าวคือไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขจำนวนปี หรือสมัยได้ ระบุได้เพียงว่าอายุเท่ากับ หรืออายุเก่ากว่า หรืออายุน้อยกว่าหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นใด ชุดใด หน่วยใดเท่านั้น.ในที่นี้การพิจารณาวิวัฒนาการของรูปแบบในลักษณะศิลปกรรม โดยการคัดเลือกลวดลายตกแต่งของโบราณวัตถุ และโบราณสถาน อาศัยเหตุทั่วไปว่า ศิลปะทางศาสนา หรือที่ทำขึ้นตามระเบียบประเพณีนั้น ความคิดอ่านทางการช่างมีการสืบช่วงอายุต่อกัน เริ่มต้นจากอิทธิพลภายนอกแล้วกลายเป็นแบบของตนเองในภายหลัง หลักสำคัญอยู่ที่การคัดเลือกลวดลาย จำแนกลวดลายตามวัตถุนั้นๆ ออกเป็นกลุ่มๆ จากนั้นคัดเลือกวัตถุชิ้นใดชิ้นหนึ่งเป็นหลัก ซึ่งวัตถุชิ้นหลักนี้ต้องสามารถกำหนดอายุได้อย่างแน่นอน เช่น วัตถุที่มีจารึกบอกเวลาที่สร้าง หรือวัตถุที่สามารถเปรียบเทียบอายุจากวัตถุที่เป็นศิลปกรรมของพื้นที่อื่นที่ให้อิทธิพลแก่วัตถุชิ้นนั้น แล้วจึงคัดลวดลายจากโบราณวัตถุชิ้นอื่นๆ นำมาสืบช่วงก่อนหลังตามลักษณะลวดลายที่ปรากฏ..เทวรูปพระอิศวรสำริดนี้ปรากฏจารึกโดยรอบฐานอักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย ระบุปีพุทธศักราช 2053 มีข้อความโดยสรุปว่า เจ้าพระยาศรีธรรมโศกราชได้ประดิษฐานเทวรูปพระอิศวรนี้ไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองมนุษย์และสัตว์ที่อาศัยอยู่ภายในเมืองกำแพงเพชร กล่าวถึงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามทั้งในเมืองและนอกเมืองกำแพงเพชร อีกทั้งยังมีรับสั่งให้ขุดลอกคลองแม่ไตรบางพร้อและคลองส่งน้ำจากเมืองกำแพงเพชรไปถึงเมืองบางพาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จบพิตรพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ สันนิษฐานว่าพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์นั้นหมายถึงสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ผู้เสวยราชสมบัติเมืองอยุธยาสมัยนั้นพระองค์หนึ่ง และพระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อนหน้านี้ คือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 หรืออาจหมายถึงพระอาทิตยวงศ์ผู้ที่ได้รับการสถาปนาเป็นอุปราชครองเมืองพิษณุโลก และขึ้นครองราชสมบัติพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 หน่อพุทธางกูร ในเวลาต่อมา .ตัวอย่างลวดลายเครื่องประดับที่ปรากฏบนกระบังหน้า กรองศอ และผ้านุ่งของเทวรูป อาทิ ลายประจำยาม ลายดอกไม้ก้านขด ลายกระหนก และลายดอกกลม อันมีลักษณะคล้ายคลึงกับลวดลายเครื่องประดับที่ปรากฏบนตัวช้างประติมากรรมที่ฐานเจดีย์ประธานวัดช้างรอบ บริเวณสร้อยคอ ข้อมือ และข้อเท้า .จารึกโดยรอบฐานเทวรูปพระอิศวรระบุปีพุทธศักราช 2053 (พุทธศตวรรษที่ 21) ลวดลายเครื่องประดับที่ปรากฏมีความสอดคล้องกับลวดลายเครื่องประดับที่ปรากฏบนประติมากรรมรูปช้างที่ฐานเจดีย์ประธานวัดช้างรอบ จึงอนุมานจากการกำหนดอายุโดยการเปรียบเทียบได้ว่าวัดช้างรอบ เมืองกำแพงเพชร น่าจะสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ..เอกสารอ้างอิงกรมศิลปากร สำนักโบราณคดี. คู่มือการปฏิบัติงานด้านโบราณคดี. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด อรุณการพิมพ์, 2551.กรมศิลปากร. นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร. กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด, 2557.กรมศิลปากร. ประชุมจารึก ภาคที่ 8 จารึกสุโขทัย. กรุงเทพฯ : สำนักหอสมุดแห่งชาติ, 2548.นารีรัตน์ ปรีชาพีชคุปต์, ธาดา สังข์ทอง และอนันต์ ชูโชติ ; ผู้แปลภาษาอังกฤษ, นันทนา ตันติเวสสะ และ สุรพล นาถะพินธุ. นำชมอุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร (Guide to Sukhothai Si Satchanalai and Kamphaeng Phet historical parks) (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, 2542.




ชื่อเรื่อง : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศ พร้อมด้วย พระประวัติ และพระนิพนธ์บทร้อยกรอง ฉบับตรวจสอบชำระใหม่มีภาพและแผนที่ประกอบเรื่องชื่อผู้แต่ง : -ปีที่พิมพ์ : 2505สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : หจก.ศิวพร จำนวนหน้า : 370 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องพระประวัติ และพระนิพนธ์บทร้อยกรอง ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศ พระราชนิพนธ์บทร้อยกรองอันได้แก่บทเห่เรือ 1. เห่ชมเรือกระบวร 2. เห่ชมปลา 3. เห่ชมไม้ บทเห่เรื่องกากี บทเห่สังวาสและเห่ครวญ กาพย์ห่อโคลง นิราศธารโศก กาพย์ห่อโคลง นิราศธารทองแดง นันโทปนันทสูตรคำหลวง พระมาลัยคำหลวง เพลงยาว ในส่วนของภาคผนวก ได้อธิบายเรื่อง อธิบายตำนานเห่เรือ บันทึกเรื่องธารโศกและธารทองแดง บันทึกเรื่องนันโทปนันสูตรและพระมาลัย


ชื่อผู้แต่ง             สุตต์ ชื่อเรื่อง              พระคาถาสรรเสริญพระธรรมวินัย พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 4 ครั้งที่พิมพ์         - สถานที่พิมพ์      กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์         โรงพิมพ์มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ ปีที่พิมพ์             ๒๔๕๗ จำนวนหน้า        40 หน้า     “กัสสปสังยุตตาคตสูตร” นี้ สมเด็จพระสังฆราช วัดราชประดิษฐ์ ทรงนิพนธ์และมีพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เป็นคาถาภาษามคธว่าด้วยพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนา แทรกอยู่ด้วย 40 คาถา และสมเด็จพระสังฆราชวัดราชประดิษฐ์ได้ทรงแปลพระราชนิพนธ์นี้เป็นภาษาไทยไว้


Messenger